บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เฉียดตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด (เกือบไม่ได้เป็น สว.)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› เฉียดตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด (เกือบไม่ได้เป็น สว.)




คงจะรู้จักเส้นยาแดงนะครับ ก็คือเส้นยาสูบที่สมัยก่อนใช้ห่อมวนด้วยใบจากสูบกัน สมัยนี้อาจจะไม่มีให้เห็นแล้ว เส้นยาเล็กละเอียดมาก เป็นคำเปรียบเปรยของนักเลงโบราณ ให้เห็นว่า เฉียดฉิวชนิดหวุดหวิดเจียนตายก็เส้นยาแดงมันเล็กนิดเดียว ดันผ่าแบ่งออกเป็นแปดส่วนอีก แต่ละส่วนมันจึงเล็กมากมองไม่เห็น เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉียดตายของผู้อื่นที่เผอิญผมได้เห็น ผมอยู่ในเหตุการณ์จึงสามารถเล่าได้ ข้อเท็จจริงบางส่วนรู้ดีกว่าเจ้าตัว เพราะช่วงนั้นเขาหมดสติใกล้ตาย ไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่โชคดีที่เขาไม่ตาย

เมื่อวันก่อนผมไปร่วมในงานเปิดสำนักงานตัวแทนจำหน่าย Quantum Pendant เหรียญพลังสกาล่า ที่บริษัท GREAT HONOUR INTERNATIONAL ถนนลาดพร้าวซอย ๑๐๑/๓ มีผู้หลักผู้ใหญ่ไปร่วมงานจำนวนมาก ได้พบกับ พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ( อดีต รอง ผบ.ตร.) สว.คัดสรร คุยกันถึงเรื่องเก่าๆในอดีตนายตำรวจท่านนี้ผ่านชีวิตมาโชกโชน ปราบเหล่าร้ายอันธพาล ลุยดงนักเลง ฝ่าห่ากระสุนปืนมานับครั้งไม่ถ้วนมีครั้งหนึ่งที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ตอนที่รับราชการอยู่ด้วยกันกับผม ที่ สภ.อ.เมืองนครปฐม ท่านสุนทรฯเกือบไม่มีโอกาสได้มาทำหน้าที่ สว. ในสายตาของผมที่ไปดูอาการของท่านสุนทรฯในวันเกิดเหตุ ที่โรงพยาบาลนครปฐม คิดว่าไม่มีทางรอด ท่านสุนทรฯหมดสติแต่ยังมีลมหายใจอยู่ ไม่รู้สึกตัว ภาพหวาดเสียวที่ผมไม่เคยพบเห็นก็คือ เวลาท่านสุนทรฯหายใจออก ลมจะออกทางบาดแผลที่ราวนม ฟองอากาศผสมเลือดพุ่งออกมาตามจังหวะหายใจ มีเสียงดังปรูดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมทำหน้าที่เป็นร้อยเวรสอบสวน ฝากชีวิตท่านสุนทรฯไว้กับหมอ แล้วรีบไปจัดการกับมือมีดจอมฆาตรกรทันที

ผมกับท่านสุนทรฯเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมด้วยกันทั้งคู่ ท่านสุนทรฯเตรียมอุดมสามพราน ส่วนผมเตรียมอุดมพญาไท ผมรุ่นก่อน ๑ ปี พอเข้าไปอยู่ในรั้วสามพราน ท่านสุนทรฯก็ตามไปเป็นน้องผมอีก จบการศึกษาติดยศร้อยตำรวจตรี ผมไปเป็นผู้หมวดที่ สภ.อ.เมืองนครปฐม ท่านสุนทรฯก็ตามไปอยู่เป็นผู้หมวดแห่งเดียวกัน แถมยังพักบ้านหลวงหลังเดียวกันอีกด้วย ความผูกพันจึงมีมาก

วันหนึ่งขณะที่หมวดสุนทรฯเข้าเวรเที่ยง สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่มี การติดต่อสื่อสารต้องใช้วิทยุ เวลาประมาณบ่ายสองโมง นายดาบสมพงษ์ฯหัวหน้าตู้ยามหนองดินแดงวิทยุแจ้งข่าวว่า ได้เข้าทำการจับกุมพวกตั้งก๊วนเสพเฮโรอิน ที่ห้องแถวไม้เก่าๆ ในตลาดหนองดินแดง คนเสพมีหลายคน บางคนโดดบ้านหนี คนที่เหลือยังอยู่ในบ้าน ต้องการกำลังสนับสนุน วันดังกล่าวนั้นเป็นวันหยุดราชการ โรงพักต่างจังหวัดสมัยนั้นคดีไม่ค่อยมี ไม่ได้จัดกำลังสนับสนุนไว้ พวกสายตรวจก็ออกตรวจท้องที่ไปหมดแล้ว ความที่หมวดสุนทรฯเป็นนายตำรวจหนุ่มเลือดร้อน พอได้รับแจ้งทางวิทยุก็บอกให้ลูกน้องคนสนิทคือคุณบุญส่งฯช่วยขับรถปิกอับไปที่ตลาดหนองดินแดงทันที (คุณบุญส่งฯนี่เป็นชาวบ้านอยู่ที่นครปฐม แต่มีความรักและศรัทธาในหมวดสุนทรฯมาก เวลาหมวดสุนทรฯเข้าเวรคุณบุญส่งฯก็จะมาเข้าเวรอยู่ด้วยเป็นประจำ) ตลาดหนองดินแดงอยู่ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ ๑๓ กิโลเมตร มีตู้ตามตำรวจหนองดินแดงอยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้าน เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือระงับเหตุในเบื้องต้น

หมวดสุนทรฯอยู่ในชุดปฎิบัติหน้าที่ร้อยเวร แต่งเครื่องแบบติดสายแดง ใช้เวลาเดินทางไปถึง ๑๐ นาทีก็ไปถึงตู้ยามหนองดินแดง นายดาบสมพงษ์ฯระล่ำระลักรายงาน “มีคนมาแจ้ง มันสูบเฮโรอินกันในบ้านไอ้พุ่มฯ ผมเข้าไปจับ ไอ้นี่โดดหนี” นายดาบสมพงษ์ฯชี้ไปที่ชายร่างผมแห้งอายุประมาณ ๓๐ ปีผู้หนึ่ง ถูกผ้าขาวม้ามัดมือสองข้างไพล่หลังนั่งอยู่กับพื้นตู้ยาม “อีกคนวิ่งหนีไปได้ ส่วนไอ้พุ่มฯยังอยู่ในบ้านครับ มันไม่ยอมให้เข้าไปจับ ผมให้ลูกน้องเฝ้าอยู่”

ตู้ยามจะมีตำรวจอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ๒ คน คนหนึ่งไปเฝ้าอยู่ที่บ้านไอ้พุ่มฯ ส่วนดาบสมพงษ์ฯคอยรอรับหมวดสุนทรฯอยู่ที่ตู้ ว่าแล้วนายดาบสมพงษ์ฯก็พาหมวดสุนทรฯไปยังบ้านไอ้พุ่มฯ โดยมีคุณบุญส่งฯทำหน้าที่ขับรถปิกอับ ก่อนไปนายดาบสมพงษ์ฯไม่ลืมที่จะเอาผ้าขาวม้าที่ผูกข้อมือชายคนที่ถูกจับ ผูกโยงไว้กับเสาที่ตู้ยามพร้อมกำชับว่า “มึงอย่าหนีไปไหนนะ” (คนร้ายมันก็เชื่อแหะ ไม่ยอมหนีไปไหน สมัยนั้นอุปกรณ์ขาดแคลนกุญแจมือหายาก โจรเขามีวัฒนธรรม มีใจนักกีฬา เมื่อถูกจับได้แล้วก็ยอม ไม่คิดหนี ไม่เหมือนสมัยนี้ โจรไม่มีวัฒนะธรรม)

บ้านที่ไอ้พุ่มฯอยู่เป็นห้องแถวไม้เก่าๆชั้นเดียว มีห้องเรียงติดๆกันหลายห้อง เป็นห้องเช่าราคาถูกๆ ห้องไอ้พุ่มฯอยู่ประมาณกลางๆแถว พอตำรวจไปถึงก็ส่งสัญญาณเสียงให้เจ้าของห้องเปิด โดยไม่ลืมบอกไปว่าเป็นตำรวจจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ เสียงคนผู้ชายตอบมาจากในห้อง ลักษณะเสียงบ่งบอกว่ากำลังเมายาเต็มที่เสียงพูดอ้อแอ้ “บ้านกู…ตำรวจมายุ่งกับกูทำไม กูไม่ได้ทำผิดอะไร” หมวดสุนทรฯย้ำ “จะเปิดหรือไม่เปิด ไม่เปิด กูพัง” เสียงอ้อแอ้จากในห้องต่อล้อต่อเถียงชนิดไม่ละคำ สุนทรฯตำรวจหนุ่มเลือดร้อน กระโดดเอาส่วนหนาของร่างกายกระแทกที่บานประตูห้องซึ่งเป็นไม้ เสียงดังโครมใหญ่ บานประตูผลุบเข้าไปข้างในเล็กน้อยแต่ทันใดนั้นประตูก็พลันปิดดังเก่า แสดงว่ากลอนประตูหลุดแต่มีคนข้างในผลักหรือยันเอาไว้ หมวดสุนทรฯถาโถมตัวกระแทกเข้าไปอีก ประตูผลุบเข้าไปแล้วก็เด้งปิดเหมือนเดิม หมวดหนุ่มโมโหสุดขีด ต่อมไม่มีท่อในร่างกายหลั่งสารแอนดีนาลีนออกมาเยอะ แบบนี้ช้างทั้งตัวก็ล้มแน่ ท่ามกลางชาวบ้านยืนดูหลายสิบ หมวดสุนทรฯนักรักบี้เก่า ถอยหลังมาตั้งหลักแล้ววิ่งช๊าจเข้าใส่บานประตูชนิดเป็นไงเป็นกัน กูดับเครื่องชน ปรากฏว่าคนข้างในเปลี่ยนแผน แทนที่จะยันค้ำประตู กลับถอยห่างตั้งท่ารับ ปล่อยบานประตูเป็นอิสระ ท่านผู้อ่านลองหลับตาคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทันทีที่ร่างของหมวดสุนทรฯสัมผัสกับประตู บานประตูทั้งบานก็ปลิวไปทั้งแผ่นโดยมีร่างของหมวดสุนทรฯนอนทับไปด้วย ยังกับเล่นเรือใบโต้คลื่นยังไงยังงั้น หมวดสุนทรฯพลิกตัวหงายกลับเพื่อจะลุกขึ้น แต่ช้าไปกว่าไอ้พุ่มฯ กระโดดขึ้นคร่อมบนร่างสุนทรฯ มือทั้งสองข้างของไอ้พุ่มฯประสานกันกำด้ามมีด ชูสูงเลยศีรษะ แล้วกระแทกปลายมีดอันแหลมคมทะลุเครื่องแบบสีกากี เสียบเข้าไปที่อกประมาณราวนมข้างขวา สุนทรฯเล่าว่า “มันเจ็บแปลบเข้าหัวใจ แต่ยังยังไม่เจ็บเท่าอีตอนที่ไอ้พุ่มฯมันบิดใบมีด” ท่านผู้อ่านครับ มีดที่ใช้แทงเป็นมีดพกปลายแหลมแบนๆ ใบมีดยาวประมาณ ๑ คืบ ไอ้พุ่มฯแทงเข้าไปสุดใบมีดภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “ยันกั่น” เสร็จแล้วมันไม่ชักมีดออกเพื่อแทงซ้ำ มันกลับบิดใบมีด จึงทำให้บาดแผลที่อกสุนทรฯเป็นรูกลมโบ๋ นั่นนะซี ตอนที่ผมไปดูอาการสุนทรฯที่โรงพยาลเมืองนครปฐม จึงเห็นฟองอากาศออกมาปุดๆตามจังหวะการหายใจ

สุนทรฯทรหดยังกับคนเหล็ก ไม่รู้ว่าใช้ร่างกายส่วนไหนบ้าง ดันกระแทกจนตัวไอ้พุ่มซึ่งเล็กกว่ากระเด็นออกไป แล้วสุนทรฯไม่ลืมดึงเอามีดของไอ้พุ่มฯที่ทิ้งคาอยู่ที่หน้าอกออกไปด้วย ตอนนั้นสุนทรฯบอกว่าตาเริ่มพล่ามืด ไม่มีแรง ยืนเกือบไม่อยู่ แต่ยังพอมองเห็นนายดาบสมพงษ์ฯลูกน้องที่ตามมาติดๆ เห็นดาบสมพงษ์ฯชักอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด .๓๘ ออกมา เล็งไปที่ไอ้พุ่มฯ ก่อนที่กระสุนปืนจะพุ่งออกจากปากกระบอก สุนทรฯวิ่งถลันขวางห้ามนายดาบสมพงษ์ฯไว้ โชคดีของไอ้พุ่มฯที่รอดตายเพราะความเมตตาปราณีของสุนทรฯเป็นประสบการครั้งแรกที่เฉียดตาย เฉียดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดของสุนทรฯ แต่สุนทรฯก็ยังไม่วายห่วงชีวิตผู้อื่น ส่วนไอ้พุ่มฯที่รอดตายจากการทำวิสามัญมาตรกรรม ไม่รู้ว่าเป็นการโชคดีหรือโชคร้าย ท่านผู้อ่านติดตามต่อไปก็แล้วกัน

บุญส่งฯ ทส.ฝ่ายพลเรือน ขับรถนำร่างหมวดสุนทรฯซึ่งหมดสติส่งโรงพยาบาลเมืองนครปฐม ผมซึ่งเพิ่งจะออกเวรไป ถูกเรียกให้ไปทำหน้าที่ร้อยเวรแทนสุนทรฯ ผมเรียบไปดูอาการสุนทรฯที่โรงพยาบาล พบสุนทรฯนอนอยู่บนเตียงห้องฉุกเฉิน ท่ามกลางแพทย์และพยาบาลนับสิบ สุนทรฯเป็นขวัญใจของหมอและพยาบาลที่โรงพยาบาลแห่งนี้อยู่แล้ว พอมีเรื่องเกิดขึ้นกับสุนทรฯ หมอและพยาบาลมีกี่คนมาช่วยกันหมด ผมเห็นสุนทรฯนอนหมดสติ ร่างกายจิตใจไม่รับรู้ใดๆทั้งสิ้น แต่หัวใจยังเต้นอยู่ ผมเห็นเลือดสีแดงเรื่อๆ (แดงปนขาว) เข้าใจว่าเลือดไหลออกใกล้จะหมดตัวอยู่แล้ว เลือดสีจางๆเป็นฟองปุดๆออกมาจากแผลตามจังหวะการหายใจ
ผมคิดในใจว่า สุนทรฯไปไม่รอดแน่ เห็นแผลมันอยู่พอดีตรงราวนม แต่โชคยังดีที่แผลอยู่กระเดียดไปทางอกด้านขวา แผลเป็นรูกลมโต โบ๋ขนาดเหรียญบาทปัจจุบันหยอดเข้าไปได้เลย ผมเอ่ยปากฝากสุนทรฯไว้กับพี่อารมณ์ฯหัวหน้าพยาบาล แล้วผมรีบบึ่งไปที่โรงพัก ความคิดในสมองขณะนั้นพุ่งเป้าไปที่ไอ้พุ่มฯ พอไปถึงที่โรงพักก็ถามสิบเวรว่า ไอ้พุ่มฯอยู่ไหน สิบเวรชี้ไปที่ห้องทำงานของสุนทรฯ ที่ สภ.อ.เมืองนครปฐมสมัยนั้นห้องสอบสวนของนายตำรวจแต่ละคนจะแยกเป็นห้องๆ ห้องใครห้องมัน มีประตูมิดชิด ผมเดินไปยังไม่ทันถึงห้องทำงานของสุนทรฯ เห็นเลือดสีแดงไหลบ่าเป็นทางออกมาจากห้องสุนทรฯ เลือดแดงฉานทะลักออกมานอกห้องคล้ายๆกับเวลาเราเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าทิ้งไว้ มันบ่าออกมาเหมือนน้ำล้นฝาย ไม่ใช่ไหลเป็นหยดๆ เปิดห้องเข้าไป พบไอ้พุ่มฯนอนจมกองเลือด หน้าตาเละจนดูเกือบจะไม่ใช่หน้าคน ไม่รู้ว่าโดนมือโดนตีนใครเข้าไปบ้าง ผมถึงบอกในตอนแรกว่า ที่ไอ้พุ่มฯรอดตายจากการถูกวิสามัญฆารตรกรรม ไม่รู้ว่าเป็นการโชคดีหรือโชคร้าย โธ่..ก็สุนทรฯเป็นผู้หมวดที่ลูกน้องทุกคนรักใคร่ พอลูกน้องรู้ว่าเจ้านายที่รักถูกไอ้พุ่มฯแทงอาการเป็นตายเท่ากัน เท่านั้นแหละ มึงที กูที รุมกินโต๊ะไอ้พุ่มฯจนเลือดนองเป็นทะเล ตอนผมไปถึงตำรวจทุกคนหยุดเงียบหมดแล้ว ผมเห็นสภาพไอ้พุ่มฯแล้วถามอะไรไม่ออก คิดอยู่ในใจว่า มันจะตายหรือเปล่าเนี่ยเพราะมันนอนเงียบที่มุมห้องท่ามกลางกองเลือด ระหว่างที่ผมยืนงงอยู่นั้น จ่าไพฑูรย์ แสนอาจหาญไม่รู้ว่าพรวดพราดเข้ามาทางไหน เสียงจ่าไพฑูรย์ฯดังอยู่แล้ว ผมได้ยินถนัดว่า “ไอ้พุ่มฯ..มึงอย่าอยู่เลย….” ว่าแล้วจ่าไพฑูรย์ฯก็กลิ้งลูกระเบิดขว้างวิ่งคลุกๆไปที่ร่างของไอ้พุ่มที่นอนอยู่ ไอ้พุ่มฯส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวชนิดไม่เป็นภาษาคนดังลั่น ยาวเป็นชุด ผมเองก็ตกใจ กลัวระเบิดจะทำให้ตึกพัง เตรียมผละหนี เสียงไอ้พุ่มฯยังครางด้วยความกลัวต่อเนื่องดั่งคนวิกลจริต ระคนกับเสียงหัวเราะของจ่าไพฑูรย์ฯซึ่งกระซิบที่หูผมว่า “ผมแกะเอาดินระเบิดออกหมดแล้วครับ”

จ่าไพฑูรย์ฯเป็นมือปราบของ สภ.อ.เมืองนครปฐม ชอบทำวิสามัญฆาตรกรรมที่สุด ตอนหลังไปพัวพันกับคดีฆ่าอดีตนายกเทศมนตรีเมืองนครปฐม เลยถูกวางแผนลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม ติดตามอ่านได้ใน “เฉียดตาย ๒”

ไอ้พุ่มฯกลายเป็นคนเสียสติไปเลย เวลานั่งอยู่ธรรมดาๆ หากใครไปส่งเสียงดังใกล้ๆไอ้พุ่มฯ มันจะเป็นโรคผวาส่งเสียงร้องครวญครางเหมือนคนเจ็บปวดเจียนตาย เนื้อตัวสั่นไปหมด ไอ้พุ่มฯโดนข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติการตามหน้าที่ ผมไม่ได้ติดตามผลคดีว่าติดคุกไปกี่ปี คดีไม่ถึงประหารชีวิตเพราะไอ้พุ่มฯรับสารภาพ ป่านนี้คงจะพ้นคุกหรือตายไปแล้วก็ไม่รู้ ถ้ายังไม่ตายก็คงจะต้องเป็นโรคหวาดผวาไปจนตาย

ส่วนหมวดสุนทรฯ รอดอย่างปฏิหารย์ ก็เพราะคมมีดเจาะลงไปที่อกด้านขวา เฉียดหัวใจไปโดนเอาปอด ทางราชการปูนบำเหน็จรางวัล ได้ขั้นเป็นกรณีพิเศษ ๓ ขั้น จากการปฏิบัติหน้าที่ห้าวหาญเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวอันตราย ติดเป็นนิสัยของสุนทรฯ ทำให้การรับราชการก้าวหน้า ไปเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (หน.นฟพ.)จังหวัดนราธิวาส ลุยโจรแบ่งแยกดินแดน ได้แก่โจรพูโล กลุ่ม บี.เอ็น.พี.พี. ซึ่งต่อมาโจรพวกนี้พัฒนาเป็นขบวนการก่อการร้ายสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โจรพวกนี้เคยสู้รบกับท่านสุนทรฯมาก่อน เคยปะทะยิงกันหลายครั้ง ฝ่ายเราตายบ้าง ฝ่ายโจรตายบ้าง สมรภูมิที่ปะทะกันดุเดือดคือบนเทือกเขาบูโด จนสุนทรฯได้ชื่อว่า “นักรบแห่งเทือกเขาบูโด”

สมัยนั้น สุนทรฯไม่ได้สู้รบกับโจรแบ่งแยกดินแดงเพียงลำพัง ยังมีเพื่อนร่วมรุ่นที่ร่วมเป็นร่วมตายอีก ๒ คนคือท่านบุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ และท่านธีระวุฒิ บุตรศรีภูมิ ผมจำไม่ได้ว่าสองท่านนี้ ท่านใดเป็น หน.นปพ.ยะลาใครเป็น หน.นปพ.ปัตตานี ทั้งสามคนนี้ประสานงานเข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย โจรขยาดไปพักใหญ่ ผลงานของทั้งสามท่านเป็นที่ประจักษ์ ส่งผลให้ทุกคนมีความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ได้ยศเป็น พลตำรวจเอกทุกคนแถมปัจจุบันก็ยังมีตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองอีกด้วย

ผมมีโอกาสคุยกับท่านสุนทรฯถึงความหลัง นี่ถ้าหากไอ้พุ่มฯมันปักมีดเฉียงไปที่หน้าอกด้านซ้าย เพียงย้ายตำแหน่งไปแค่ฝ่ามือเดียว ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับสุนทรฯ นี่แหละครับชีวิตของท่านสุนทรฯที่เฉียดตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด นึกย้อนหลังไปแล้วยังหวาดเสียว ให้ไปลองใหม่อีกครั้งคงไม่เอาแน่ คนเราโชคดีคงไม่ได้มีกันบ่อยๆ

ขอขอบคุณ พลตำรวจเอกสุนทร ซ้ายขวัญ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ วุฒิสมาชิกสรรหา ที่อนุญาตให้นำเรื่องของท่านมาลง ทั้งหมดนี้เหตุเกิดประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๒ ขาดอายุความดำเนินคดีอาญาแล้ว จึงนำมาเล่าได้เต็มปาก ทุกอย่างมันก็เป็นไปตามยุคตามสมัย ถ้าไม่นำมาเล่าก็จะไม่รู้ แต่ปัจจุบันไม่มีวิธีการอย่างนี้แล้วครับ ตำรวจเขาใช้วิธี “นิติวิทยาศาสตร์กันหมดแล้ว”
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์