บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ทูตสุขภาพ
ผมได้รับเชิญจากบริษัท รีไวทัลไลท์ (Revitalite) ให้ทำหน้าที่เป็นทูตสุขภาพ ผมยังไม่ค่อยชินกับคำว่า “ทูตสุขภาพ” แต่คุ้นเคยกับ “ทูตความงาม” อย่างที่ผู้ชนะการประกวดความงามเป็นกัน ผมคิดว่ามันก็คงเป็นทำนองเดียวกันนั่นแหละ ผมรับฟังการอัตถาธิบายจากผู้บริหารของบริษัทฯ ว่าต้องเข้ารับการตรวจสุภาพ (Revitalite Check up) หาค่า BMI เพื่อนำไปวิเคราะห์ปัญหาและอัตราการเสี่ยงในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เมื่อผลการตรวจได้ค่า BMI แล้ว จึงจะทราบว่าจะต้องฟิตร่างกายอีกเป็นระยะเวลาเท่าใด

ผมเป็นคนที่ระมัดระวังเรื่องสุขภาพอยู่แล้ว ตั้งแต่ผมมีปัญหาปวดข้อเข่า หมอแนะนำให้ผมลดน้ำหนักตัว ซึ่งก่อนลดน้ำหนัก ผมมีน้ำหนักถึง ๗๘ กิโล เดินไปไหนมาไหนได้ไม่นานจะเมื่อยล้าเข้าไปในกระดูกตรงข้อเข่า อยากจะนั่งท่าเดียว ทำให้การท่องเที่ยวของผมกับภรรยาที่ประเทศอังกฤษ ไม่สนุกเท่าที่ควร พลอยทำให้ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวที่ไหนๆที่จะต้องเดิน มาคิดอีกที เราเป็นตัวถ่วง ไปกับคณะใดก็จะเป็นที่รังเกียจ จึงตัดใจจัดการกับปัญหาข้อเข่า สิ่งแรกคือต้องลดน้ำหนักให้ได้

ผมลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ไม่กินยา เรื่องยาเกลียดที่สุดเพราะกลัวไตพังและอาจเป็นโรคประสาทได้ ใช้วิธีควบคุมอาหารและออกกำลังกาย

เรื่องอาหาร นอกจากจะควบคุมเพื่อลดน้ำหนักตัวแล้ว ยังระมัดระวังเลือกทานแต่อาหารป้องกันการเกิดมะเร็ง ( อาหารที่ต้านอนุมูลอิสระ) โรคมะเร็งผมกลัวมาก เห็นญาติๆและเพื่อนๆเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง กว่าจะตายได้มันเจ็บปวดที่สุด ขนาดหมอให้พาราฟินบรรเทาการเจ็บปวดอย่างต่อเนื่องแล้ว คนเจ็บยังทุรนทุรายเป็นเวลาหลายวันก่อนจะสิ้นใจ ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ของ พลเอกประสาร เปรมสกุล ของคุณสาทิส อินทรกำแหง ได้รายการอาหารต้านมะเร็งและควบคุมน้ำหนักตัวอีกด้วย ได้ผลครับ ผมใช้เวลาประมาณ ๖ เดือน น้ำหนักผมลดลง จาก ๗๘ กิโล เหลือเพียง ๗๒ กิโล หลักในการควบคุมอาหารของผมก็คือ ลดคาร์โบไฮเดรท (ลดอาหารพวกแป้ง ไม่ต้องกลัวจะขาดสารอาหารคาร์โบไฮเดรท ในผักที่ผมรับทานมีคาร์โบไฮเดรทอยู่เพียงพอแล้ว) งดของหวานทุกชนิด (ไม่ขาดน้ำตาลเพราะมีอยู่ในผลไม้แล้ว) งดไขมันโดยสิ้นเชิง (มีไขมันอยู่ในอาหารประเภทผัดเพียงพอแล้ว) ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ไม่ดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำที่เป็นสีๆทุกชนิด ดื่มแต่น้ำธรรมดาที่ไม่เย็น และไม่แช่น้ำแข็ง และไม่เติมน้ำร้อน ทานแต่ผักผลไม้และเนื้อปลา ใครจะลองเอาสูตรอาหารของผมไปใช้ก็ได้ครับ ตามข้างล่างนี้

รายการอาหาร

อาหารเช้า ประมาณ ๐๘.๐๐ น.
- น้ำอุณภูมิห้อง(ไม่เย็น) ๑ แก้วเต็มๆ
- กล้วยน้ำว้า ๓ ผล ราดน้ำผึ้ง หรือ
- ฟักทองนึ่ง ๒ ชิ้น
กลางวัน (๑๒.๐๐น.) เย็น (๒๐.๐๐น.)
…………………………………………………….…………………………………………………
จันทร์ แกงจืดตำลึง แกงเลียงผักรวม
อังคาร ผัดมะเขือยาว แกงป่าผักรวม
พุธ ผัดฟักทอง แกงหัวปลี
พฤหัสบดี ผัดบลอคโคลี่ แกงจืดตำลึง
ศุกร์ หมี่ผัดขี้เมา แกงเลียงผักรวม
เสาร์ ปลาสลิดทอด/ปลาอื่นๆ แกงป่าฟักทอง
อาทิตย์ ผัดหน่อไม้จีน แกงป่าผักรวม
หมายเหตุ จัดสลับกันได้ ไม่ต้องตรงตามวัน
………………………………………………………………………………………………………
ระหว่างมื้อถ้าหิว

๑ แอปเปิ้ลสีเขียว (เน้นเฉพาะสีเขียวเท่านั้น) สับเป็นชิ้นๆพอคำ ใส่ภาชนะแช่ไว้ในตู้เย็น หรือ

๒ มะเขือเทศสีดา (ลูกเล็กๆ) ใส่ภาชนะแช่ไว้ในตู้เย็นเช่นกัน
หิวเมื่อไหร่ หยิบทานได้เลย

รายการอาหารนี้ผมคัดลอกมาจาก “อร่อยกับอาหารต้านมะเร็ง” โดย ร.ศ.แพทย์หญิงจิรพรรณ มัธยมจันทร์

ควบคุมอาหารแล้วยังไม่พอ ต้องออกกำลังกายด้วย การออกกำลังกายต้องให้เหมาะสมกับอายุและสภาพของร่างกายด้วย มิฉนั้นอาจถึงกับชีวิตหรือพิการได้

การออกกำลังกายของผม ไปในแนวการบริหารเพื่อความยืดหยุ่นหรืออ่อนตัว ออกกำลังกายแบบกายบริหารทุกวัน ในตอนเช้าประมาณวันละ ๑๕ นาที

๑ ท่าแก่วงแขน กำมือหลวมๆ แขนเหยียดตรงไปข้างหน้าเสมอไหล่ ยืนเท้าห่างเท่าช่วงลำตัว เกร็งแขนแล้วฟาดไปทางด้านหลังให้สุดแล้วกระตุกกลับไปอยู่ท่าเดิม (แขนไม่งอ) นับเป็น ๑ ครั้ง ทำเช่นนี้อย่างน้อย ๒๐๐ ครั้ง

๒ ยืนท่าเดิม กางแขนเสมอไหล่ แบมือเหยียดไปข้างลำตัว บิดซ้าย บิดขวา ค่อยๆบิดไปให้สุด ทำช้าๆ เพื่อเป็นการยืดเส้นเอ็น ทำประมาณ ๒๐ ครั้ง

๓ ยืนอยู่ในท่าที่ ๒ ก้มตัวไปข้างหน้า ให้ลำตัวท่อนบนขนานกับพื้น บิดให้ปลายแขนซ้ายแตะปลายเท้าขวา แล้วบิดให้ปลายแขนขวาแตะปลายเท้าซ้าย ทำสลับกัน ช้าๆ ทำประมาณ ๒๐ ครั้ง

๔ ยืนในท่าเดิม กางแขนเสมอไหล่ เอียงตัวด้านข้าง ซ้ายที ขวาที ให้ปลายแขนลงไปให้ต่ำที่สุด ข้างละทีสลับกันไป อย่างน้อย ๒๐ ครั้ง

๕ ยืนในท่าเดิม แอ่นตัวไปด้านหลัง เวลาแอ่นไปด้านหลังเอามือสองข้างท้าวเอว แอ่นไปให้สุด แล้วก้มตัวไปด้านหน้า เวลาก้มปล่อยมือทั้งสองลง พยายามให้ปลายนิ้วแตะพื้นหรือแตะปลายเท้า พยายามทำช้าๆ ประมาณ ๒๐ ครั้ง

๖ ยืนยกเข่าข้างลำตัว ซ้ายครั้งหนึ่ง ขวาครั้งหนึ่ง สลับกัน ประมาณ ๒๐ ครั้ง

๗ เตะลม เตะให้สูงที่สุด ถ้ากลัวล้ม หาที่จับยึดไว้ เตะขวา ๑๐ ครั้ง เตะซ้าย ๑๐ ครั้ง

๘ ชกลม ชกแบบ ๑,๒,๓ เป็น ๑ ชุด คือปล่อยหมัดตรงซ้าย ตามด้วยหมัดตรงขวา ต่อด้วยฮุกซ้าย แล้วเปลี่ยนเป็นหมัดตรงขวานำบ้าง ตามด้วยหมัดตรงซ้าย แล้วฮุกขวาตาม เหมือนที่นักมวยเขาชกลมกัน ชกไปอย่างน้อย ๒๐ ชุด รับรองได้เหงื่อ (ท่าชกลมกับท่าเตะ ผู้ชายต้องฟิตซ้อมไว้บ้าง ใช้ป้องกันตัวได้ แต่ถ้าไม่เคยได้ฟิตซ้อมเลย อย่าได้ปล่อยอาวุธกับคู่ต่อสู้เด็ดขาด ท่านจะเจ็บเองมากกว่า)

๙ แกว่งแขนซ้าย ขวา เป็นวงกลม ทำแบบช้าๆ หมุนไปข้างหน้าบ้าง เปลี่ยนเป็นหมุนไปข้างหลังบ้าง ทำทั้งซ้ายและขวา ข้างละประมาณ ๒๐ ครั้ง

ทำเพียงแค่นี้ก็ใช้เวลาไปประมาณ ๑๐ ถึง ๑๕ นาทีแล้ว ต้องทำแบบช้าๆ เส้นเอ็นจะได้ผ่อนคลาย ได้ประโยชน์แบบเดียวกับผู้ที่รำมวยจีน มีความอ่อนตัวสูง มีหลายคนที่ไม่เคยออกกำลังกายแบบการอ่อนตัว เวลาขับรถ พอรถหยุด รถติด เอี้ยวตัวไปหยิบของที่เบาะนั่งด้านหลัง พิการไปแล้วหลายคน แต่สำหรับผมสบายมาก

๑๐ ท่าต่อไปนี้ เป็นท่าที่สำคัญสำหรับผู้ที่ข้อเข่าเสื่อม นั่งบนเก้าอี้ เท้าทั้งสองข้างชิดกันแล้วเหยียดไปข้างหน้าให้พ้นพื้น งอปลายเท้าขึ้นแล้วค้างไว้ นับ ๑ ถึง ๒๐ อย่างช้าๆ แล้วค่อยเอาเท้าลงพื้น เป็น ๑ ครั้ง ทำในลักลักษณะนี้ ๒๐ ครั้ง (อย่าได้ไปแกว่งเท้าขึ้น แกว่งเท้าลงแบบรวดเร็วนะครับ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย แต่กลับจะทำให้ข้อเข่าเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก) การบริหารเช่นนี้ เป็นการสร้างกล้ามเนื้อด้านข้างของเข่าให้แข็งแรง แต่ถ้าผู้ใดไปออกกำลังกายตาม “ฟิตเนต”ต่างๆ เขามีอุปกรณ์ช่วย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง (การสร้างกล้ามเนื้อข้อเข่า ใช้วิธีว่ายน้ำ หรือเอามือเกาะขอบสระแล้วเอาเท้ากระทุ่มน้ำ)

ทั้ง ๑๐ ท่านี้ ผมทำทุกวันครับ วันไหนไม่ได้ทำรู้สึกหงุดหงิด ท่าทั้งหมดเป็นเพียงการบริหารเพื่อความคล่องตัว ส่วนเรื่องของการลดน้ำหนัก ในตอนบ่ายก่อนค่ำ ผมต้องเดินบนสายพาน (เครื่องวิ่ง)อีก ๑๕ นาที ตั้งเวลาในการเดินไว้ ๔ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดิน ๑๕ นาที จะได้ระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตรโดยประมาณ การเดินบนสายพานมีความสำคัญ ได้ผลกว่าการเดินตามสวนสาธารณะ เพราะเป็นการควบคุมความเร็วให้คงที่ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ประมาณร้อยกว่าแคลอรี่ ใช้วิธีเดินนะครับ อย่าไปวิ่งถ้าไม่เคยวิ่งมาก่อน

ทั้งหมดนี่แหละครับ ทำให้น้ำหนักผมลดไปหลายกีโล แล้วผมก็ถือปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำ ผมจึงไม่อ้วน ไม่ผอมไปกว่าเดิม

ผู้บริหารของ Revitalite บอกว่า แค่นี้ยังไม่พอ ต้องไปเข้าเครื่องตรวจหาค่า BMI ก่อน จะบอกว่าร่างกายผมเพอร์เฟคแค่ไหน ผมไปตามนัด โอ้โฮ….เป็นประสบการณ์ใหม่ ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ประทับใจจริงๆ

ที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ซอยร่วมฤดี จอดรถสดวก ห้องรับรองสอาดสบาย เจ้าหน้าที่สุภาพสตรีคัดมาสาวสวยทั้งนั้น แต่งชุดเหมือนกันหมด สอาดสอ้าน พูดจาเรียบร้อย คอยดูแลตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าไปในบริษัท สถานที่เป็นอาคาร ๓ ชั้น หลายคูหา เจ้าหน้าที่จะพาไปเข้ารับบริการจุดนั้น จุดนี้ เ จ้าหน้าที่จะเป็นพี่เลี้ยงพาไปตลอด จากจุดหนึ่งเมื่อเสร็จภาระกิจแล้วไปส่งอีกจุดอย่างต่อเนื่อง มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนชุด ชุดที่ให้เปลี่ยนนี้ผ่านการซักรีดอย่างดี รับประกันกลิ่นสอาด ผมต้องรับการตรวจสอบสุขภาพหลายอย่าง จากอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย การทดสอบไม่ต้องออกกำลังอะไร เพียงแต่นั่งบนเก้าอี้แบบโซฟาสบายๆ จะหลับไปด้วยก็ได้ แต่จะมีสายระโยงจากเครื่องแปะโน่นแปะนี่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะวัดคำนวณให้ทั้งหมด ขณะที่นอนรับการตรวจ เสียงคอมพิวเตอร์บอกให้ทราบว่า กำลังตรวจวัดค่าต่างๆในร่างกายผม กระดาษคอมพิวเตอร์ถูกปริ๊นท์ดังอยู่ตลอดเวลา กระดาษถูกปริ๊นท์ออกมาหลายแผ่น ผมดูในจอภาพ เจ้าเครื่องอัจฉริยะคำนวณมวลสารในร่างกาย เป็นภาพกร๊าฟฟิครูปคน ตรงไหนที่มีไขมันส่วนเกิน เครื่องจะบอกทันที มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนอ่าน บอกกับผมว่าผมยังมีไขมันส่วนเกินอยู่ตรงโน้นบ้าง ตรงนี้บ้าง จะต้องเอาออก นี่ขนาดผมว่าน้ำหนักผมลดไปเยอะ และผมเคยเทียบกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันหลายคน สัดส่วนผมดีกว่า แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าต้องเอาไขมันส่วนเกินออก

ขนาดผมออกกำลังกายมาทุกวันแล้ว ต้องมาออกกำลังกายที่นี่อีก เป็นการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันเฉพาะจุด แต่ไม่ต้องกลัว ไม่ทำให้ท่านเหน็ดเหนื่อยเลย ที่ผมชอบก็คือการขับขี่จักรยาน ตั้งโปรแกรมให้มีความฝืดพอประมาณ มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอย่างใกล้ชิด แถมยังเอาใจ มี ดี.วี.ดี.ภาพยนต์แอ็กชั่นให้ดูแก้เบื่อขณะออกกำลังกายด้วย เสร็จจากการออกกำลังกายแล้วเป็นส่วนที่ผมชอบที่สุด คือการใช้เครื่องลดเซลลูไลท์ ผมเพิ่งทราบว่าเจ้าเซลลูไลท์นี่ ออกกำลังปกติเผาผลาญมันไม่หมดไป ต้องมีเครื่องมือช่วย เป็นอุปกรณ์อีเล็กโทรนิคทางการแพทย์รับรองความปลอดภัย ไม่เจ็บปวด เพียงแค่สำสัมผัสอย่างนุ่มนวล ถ้าไม่ได้เครื่องนี้ช่วย ต่อให้ลดไขมันหน้าท้องให้ตายก็ลดไม่ลง เครื่องนี้ได้ผลครับ ผมไม่ค่อยมีเวลาว่าง ใช้เครื่องนี้เพียงแค่ ๓-๔ ครั้ง ไขมันหน้าท้องแห้งอย่างน่าอัศจรรย์

ที่ชอบอีกอย่างคือ เครื่องเติมพลัง เป็นเครื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษผมเรียกไม่ถูก ผมเรียกตามความเข้าใจของผม มีสายต่อเข้าที่ปลายเท้าทั้งสองข้าง โยงไปยังเครื่องแล้วมีท่อปล่อยอนุภาคประจุไฟฟ้า เป็นกระแสลมอ่อนๆสัมผัสเย็นๆที่หน้าผาก นอนรับพลังประมาณครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่บอกผมว่า ผมรับพลังประจุไฟฟ้าเข้าร่างกายได้มากในระยะเวลาอันรวดเร็ว เป็นการทดแทนพลังที่สูญเสีย และเติมพลังเข้าไปอีกด้วย

ผมยังได้เรียนรู้ถึงโภชนาการ การทานอาหารให้ได้แคลอรี่ที่ถูกต้อง ตามความต้องการของร่างกายเพื่อให้อาหารถูกเผาผลาญเป็นพลังงานหมดพอดี ไม่ต้องเหลือเก็บเป็นไขมัน และไม่ขาดสารอาหาร รู้ว่าควรทานอะไรเพื่อทดแทนแคลอรี่ คือถ้าไม่ได้ทานสิ่งนี้ก็ควรจะทานสิ่งไหน ปริมาณเท่าใด เพื่อให้ได้แคลอรี่เท่ากัน

ยังมีโปรแกรม “ดลใจ” เรียกง่ายๆคล้ายกับการสกดจิตนั่นแหละครับ คือการสั่งให้ “จิตใต้สำนึก”ของเรา ได้รับรู้ว่า ควรจะทำอะไร ไม่ควรทำอะไร ซึ่งเรื่องนี้ผมเคยศึกษา มีพื้นฐานมาพอสมควร คือว่าจิตของคนเราเหมือนภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในทะเล เราจะมองเห็นแต่ส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือพื้นน้ำเพียง ๑ เปอรืเซ็นต์ อีก ๙ เปอร์เซ็นต์จมอยู่ใต้ผิวน้ำ ส่วนที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำนี้เปรียบเสมือนกับจิตใต้สำนึก ซึ่งมีจำนวนมหิมา มีพลังมาก ถ้ารู้จักพัฒนาเอาไปใช้ จะเกิดประโยชน์มหาศาล

ผมถูกสกดจิตให้รับรู้เรื่องอาหาร อะไรควรทาน อะไรควรหลีกเลี่ยง ได้ผล พอเห็นอาหารพวกไขมันหรือมีความหวานจัด จะไม่แตะต้องเลย ซ้ำพลอยชักชวนคนอยู่ใกล้เคียงให้ถอยห่างอาหารประเภทดังกล่าวนี้อีกด้วย

ผมเป็นโรคนอนไม่ค่อยหลับ หลับเหมือนกันแต่หลับสั้นๆ ที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำอีก ต้องฝึกสมองหรือจะเรียกว่าจิตก็ได้ ให้เกิดความจำว่าถึงเวลานอนแล้วควรจะนอน ถึงเวลาตื่นควรจะตื่น ให้สมองจดจำสถานที่ เช่นเมื่อเข้าห้องนอนหมายความว่าถึงเวลานอนแล้ว เมื่อล้มตัวบนเตียงก็คือนอนหลับ ไม่ใช่นอนอ่านหนังสือ หรือนอนดูทีวี แล้วเวลานอนควรจะใช้ผ้าปิดตาให้มืดสนิท สมองจะค่อยๆรับรู้ เมื่อถึงเวลาหรือเมื่อสัมผัสสถานที่ สมองก็จะสั่งการไปโดยอัตโนมัต

เรื่องนอนไม่หลับนี้ ผมทดลองมาหลายวิธี ยังไงๆก็ไม่ได้ผล เหตุผลก็คือ พออายุมากต่อมในร่างกายมันไม่หลั่งฮอร์โมนที่ทำให้หลับ คือเมลาโทนิน ผมจึงต้องไปหาวิตามิน Melatonin มาทาน ที่อเมริกานิยมทานกันมาก เป็นของ Vitamin World ทำขาย เมื่อก่อนต้องฝากซื้อที่อเมริกา แต่เดี๋ยวนี้มีขายที่ชั้น ๓ มาบุญครอง ที่แผงของคุณพัด ผมไปซื้อประจำ ถามแพทย์แล้วเป็นวิตามิน ไม่อันตราย ไม่เหมือนยานอนหลับ แต่เมลาโทนินทานแล้วฝันอุตลุด

ที่ Revitalite ผมประทับใจอีกอย่างก็คือ ที่นี่จัดคิวให้ผู้รับบริการแต่ละคนไม่มีโอกาสได้พบกัน มีเวลาสำหรับตนเองเฉพาะ แต่ที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ ที่นี่มีแต่สาวสวยๆ มารยาทดีทั้งนั้น.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์