บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ขาใครหายมารับคืนไป
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ขาใครหายมารับคืนไป
ผมได้รับการประสานจากลูกน้องเก่า กองสืบสวนตำรวจนครบาล ๔ ให้ช่วยประกาศหาเจ้าของขาข้างซ้าย ตั้งแต่โคนขาถึงปลายเท้า พบลอยน้ำมาโผล่ที่คลองแสนแสบ หลังห้างเดอะมอลล์บางกะปิ ท้องที่สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก ขานี้มีเอกลักษณ์เฉพาะ เจ้าของทำตำหนิไว้ มีรอยสักรูปผู้หญิงเปลือยที่น่อง (ดูภาพได้ที่หน้า ๑ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับอื่นก็อาจจะมี) แถมข้อเท้ามีเครื่องประดับ เป็นสร้อยโลหะ (ไม่ใช่เพชร หรือทอง) ห้อยจี้

สภาพชิ้นส่วนขาอย่างนี้ ฟันธงได้เลย เจ้าของขาตายแน่ๆ เพราะรอยตัดตั้งแต่โคนขา ลักษณะการตัดเป็นการใช้มีดบั้ง รอยไม่เรียบ ไม่ใช่ฝีมือหมอแน่ เพราะถ้าเป็นหมอจะคว้านเอากระดูกออกมาทั้งท่อน ไม่ต้องตัดกระดูก (พูดถึงการหั่นศพกรณีฆาตรกรรม ไม่ใช่การผ่าตัดทางการแพทย์) ผมบอกลูกน้องให้ไปดูรอยตัดที่กระดูกอีกครั้ง ว่าเป็นรอยเลื่อยหรือรอยบั้งด้วยมีดโต้ รอยตัดนี่สำคัญมาก เดี๋ยวจะบอกว่าสำคัญยังไง

แค่ขานี่ก็มีปัญหาให้ขบคิดแล้ว ว่าเป็นขาของผู้หญิงหรือขาผู้ชาย วินิจฉัยผิดก็สืบผิดทางเหมือนกัน ดีแต่ที่มีรอยสัก น่าจะสืบหาเจ้าของขาง่าย อันแรกเจ้าสำนักสัก น่าจะรู้ว่าสักให้กับใครไปบ้าง อันดับสอง รอยสักอยู่ที่น่องคนเห็นง่าย คนใกล้ชิดหรือเพื่อนสนิทก็อาจจะเห็น ไม่เหมือนกับการสักไว้ที่ต้นขา หรือใกล้เคียงกับของลับหรือของสงวน อันนี้คนอื่นหาโอกาสดูได้ยาก

ปัญหาอยู่ที่ว่า เป็นขาของผู้หญิงหรือขาของผู้ชาย ก็เจ้ารอยสักนี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหาต้องขบคิด ตอนแรกตำรวจวินิจฉัยว่าเป็นขาของผู้หญิง เพราะดูจากสภาพที่เห็นว่าขาเล็ก กระดูกไม่ใหญ่ ถ้าจะดูว่าเล็กเลียวหรือไม่ ดูไม่ได้แล้ว เพราะขามีอาการบวมเริ่มเน่า กว่าจะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำน่าจะใช้เวลาเป็นวัน ดีที่อยู่ในสภาพเดิมๆ ไม่ถูกปลาตอดเนื้อหายไป ดูสภาพเล็บมีการตัดแต่งเนื้อ แสดงว่าเจ้าของดูแลรักษาดี แต่ไม่ได้ทาเล็บ พวกนักสืบด้วยกันแย้งว่า ถ้าเป็นขาของผู้หญิงทำไมต้องสักรูปหญิงเปลือย เอาละถ้าหากเป็นคนดีๆ ธรรมดาๆ ไม่สักอยู่แล้ว เจ็บจะตาย นี่จะต้องเป็นคนอีกประเภทหนึ่งแน่ ถ้าเป็นผู้หญิงน่าจะสักรูปผู้ชาย หรือว่าเป็นหญิงประเภทสอง (กระเทย) กันแน่ กระเทยสมัยนี้ขาเล็กเลียวก็มี ก็ไม่ได้อีกนั่นแหละ กระเทยต้องชอบผู้ชายซิ น่าจะสักรูปผู้ชายเปลือยมากกว่า ไม่ใช่กระเทยมั้ง เอ้างั้นเป็นหญิงชอบหญิง คือพวกทอมได้ไหม เพียงแค่ประเด็นเดียวว่า เป็นขาผู้หญิงหรือขาผู้ชาย ยังเถียงกันไม่จบ สรุป

๑ ให้ผู้เชี่ยวชาญ (คงไม่พ้นแพทย์) ตรวจกระดูกแล้วให้ความเห็น ว่าน่าจะเป็นขาหญิงหรือชาย

๒ การสืบสวนหาเจ้าของขา ให้มีการสืบหาทั้งชายและหญิง เพราะไม่แน่ใจว่า ความเห็นของหมอจึงถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์

เรื่องฆ่าหั่นศพ ตำรวจสืบสวนนครบาล ๔ เก่งมาก ตอนที่ผมเป็นผู้บังคับการนครบาล ๔ เจอเข้าไป ๔ ราย สามารถสืบสวนคลี่คลาย พิชิตตัวคนร้ายได้ ๒ ราย อีก ๒ รายยังมืด เพราะไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร (เรื่องฆ่าหั่นศพ ผมเขียนลงในwebsite แล้ว) สำหรับรายที่พบแต่ขานี้ ลำบากที่ไม่ทราบว่า จุดต้นเหตุมาจากไหน ต้องมีคนนำมาทิ้งน้ำแน่ๆ แต่การนำไปทิ้ง เป็นไปได้ทั้งทางเรือและทางรถ หรือโยนทิ้งจากริมตลิ่ง คลองแสนแสบมีความยาวนะครับ ทิ้งจากที่ไหนก็ไม่รู้ แรกทิ้งก็จะจม ( ขาท่อนที่พบไม่มีการห่อ ทิ้งกันสดๆ) เมื่อน้ำไหล ชิ้นส่วนขานี้ก็จะไหลตามกระแสใต้ผิวน้ำ พอเริ่มเน่าก็จะโผล่ขึ้นเหนือผิว นักสืบต้องไปคำนวณ โดยใช้ความเร็วของกระแสน้ำ ระยะเวลาของชิ้นส่วนศพว่าถูกตัดโยนลงน้ำมานานเท่าใด ความเร็วของชิ้นส่วนเมื่ออยู่ใต้น้ำกับความเร็วบนผิวน้ำ การคำนวณ ต้องใช้สูตร บวกลบคูณหาร ก็พอจะคาดคะเนได้ว่า น่าจะถูกทิ้งมาจากจุดใด แต่ไม่ใช่เป็นกรณีคนตกน้ำ หรือลงไปเล่นน้ำแล้วโดนใบพัดเรือแน่ ถ้าโดดลงคลองแสนแสบจะตายทั้งตัว ตายเพราะน้ำเน่า

หวังว่าผู้อ่าน หรือนักท่อง web คงจะช่วยตำรวจเขานะ

การสืบสวนกรณีฆ่าหั่นศพ มีวิธีครับ ส่วนมากจะเป็นการฆ่าบนอาคารสูง ที่ต้องหั่นศพก็เพื่อความสะดวกที่จะลำเลียงเอาศพออกจากอาคาร ถ้าแบกออกไปทิ้งทั้งตัว คนจะเห็น แล้วเดี๋ยวนี้อาคารสูงส่วนมากติดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด จึงต้องหั่นศพแล้วใส่ห่อ หรือใส่กระเป๋าถือเอาออกไป ถ้าคนเห็น หรือกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของอาคาร จับภาพไว้ได้ ก็จะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการขนย้ายข้าวของ ถ้าจะถามว่า ทำไมไม่ทิ้งศพไว้ในห้อง คำตอบก็คือมันเสี่ยงต่อการถูกจับ เพราะไม่วันหนึ่งก็วันใด จะต้องมีคนมาพบศพ เมื่อตำรวจรู้จุดที่เกิดเหตุ ก็จะรู้ว่าคนตายเป็นใคร พอรู้ว่าคนตายเป็นใครแล้ว การสืบสวนสะดวกไปเกือบครึ่ง แต่ถ้าไม่รู้ว่าจุดที่เกิดเหตุฆ่ากันอยู่ที่ไหน และไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใคร ยังไม่เคยปรากฏว่าสืบจับคนร้ายได้เลย

ต่อไปตำรวจก็จะต้องตระเวนไปตามอาคารสูง เช่น พวกอพ๊าตเม้นท์ หอพัก โรงแรม ไปตรวจอะไรหรือครับ

๑ ดูการใช้น้ำประปา ว่าห้องเช่าไหนใช้น้ำมาก เลขมิเตอร์ขึ้นสูงกว่าปกติ เพราะการหั่นศพมักจะทำในห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องที่มีอ่างอาบน้ำ พวกฆ่าหั่นศพชอบมาก เอาศพวางในอ่าง เอาเลื่อยหรือมีดเฉาะ เปิดน้ำก๊อกให้ไหลชะเลือดลงท่อน้ำทิ้งไป ทางตำรวจเขาจึงมักจะแนะนำให้ผู้สร้างอาคารสูง แยกมิเตอร์น้ำของแต่ละห้องไว้ ใครเป็นเจ้าของอาคารสูงให้เช่า หากท่านยังไม่ได้แยกมิเตอร์น้ำ จัดการเสียนะครับ สะดวกในการเก็บค่าน้ำ และเป็นการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจไปด้วย แต่ถ้าเป็นโรงแรมลำบากหน่อย เพราะโรงแรมไม่แยกมิเตอร์น้ำอยู่แล้ว

๒ ถ้าเรื่องมิเตอร์น้ำตามข้อ ๑ ช่วยไม่ได้ ก็ยังพอมีทาง ก็คือขอความร่วมมือไปยังเจ้าของโรงแรม หรือเจ้าของอาคารสูงที่มีห้องให้เช่า ให้ช่วยหาข้อมูลจากผู้พักอาศัย ว่าห้องข้างเคียงกับที่ลูกค้าพักหลับนอน มีการเปิดใช้น้ำประปาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งความจริงห้องพักที่ผนังติดกัน เมื่อห้องข้างเคียงใช้น้ำ ห้องที่อยู่ติดกันจะได้ยินเสียง ถ้าพบว่าห้องข้างเคียงใช้น้ำนานมากผิดสังเกต ช่วยบอก ตำรวจจะได้ไปตรวจอย่างอื่น เช่นตรวจหาคราบเลือด เป็นต้น ทำนองเดียวกัน ถ้าห้องข้างเคียงเปิดเพลงเสียงดังมากเป็นเวลานาน ก็ควรจะได้สงสัย จากประสบการณ์ พวกฆ่าหั่นศพ เวลาหั่นชำแหละศพ นอกจะเปิดน้ำประปาชำระล้างแล้ว ยังเปิดเพลงดังเพื่อกลบเสียงเลื่อย เสียงเฉาะอีกด้วย

๓ ถ้าอาคารให้เช่าหรือโรงแรมใดมีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ตำรวจก็จะไปขอดูภาพ เพราะอาคารสูงที่มีลิฟท์ จะต้องติดกล้องไว้ในลิฟท์แน่นอน

ข้อสำคัญที่สุด คือต้องหาสถานที่ฆ่าให้เจอก่อน ถ้าไม่เจอ ตรวจสอบเดาสุ่มไปทุกที่ นักสืบจะเกิดการเบื่อหน่าย อ่อนล้า จะพาลถอดใจเสียก่อน

ที่ผมบอกในตอนต้นว่า ให้ตรวจรอยตัดที่กระดูกว่า น่าจะเป็นการใช้ของมีคมฟัน หรือใช้เลื่อย ก็เพื่อที่จะไปตรวจสอบจากห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์สิ่งของเครื่องมือเหล่านี้ เช่นนี้ แมคโคร โลตัส ศูนย์การค้าใหญ่ อาจพบนะครับ เคยทำได้ผลมาแล้ว ก็เพราะว่าผู้พักอาคารสูงมักจะไม่ค่อยมีอุปกรณ์ตัดหั่น จะมีก็มีดเล็กๆสำหรับปอกผลไม้หรือหั่นผัก พวกนี้ตัดกระดูกไม่ได้ จึงต้องไปหาซื้อ และสถานที่ๆจะไปซื้อ ไปจุดเดียวหาได้หมด สากกะเบือยันเรือรบ ก็คือตามห้างที่ผมบอกไปแล้ว แล้วจะรู้ยังไงว่าใครซื้อบ้าง ก็ไปดูที่การชำระเงิน จะมีการเก็บข้อมูลว่า วันไหนขายสินค้าอะไรไปบ้าง มีขายมีด ขายเลื่อยไปบ้างหรือไม่ ชำระเงินด้วยวิธีใด ถ้าชำระด้วยบัตรเครดิตก็โป๊ะเช๊ะ ถ้าชำระด้วยเงินสด ถึงไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ยังได้แอเรียหรือบริเวณที่สงสัยว่าจะมีการฆ่า เพราะมาตรกรจะหาซื้อของจากแหล่งขายที่อยู่ใกล้ๆ มันเป็นเช่นนี้จริงๆ คนที่ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน หรือไม่ใช่ฆาตรกรอาชีพ มักจะทิ้งร่องรอยเสมอ

ถ้าเป็นการฆ่าที่บ้าน เท่าที่พบจะไม่ค่อยมีการหั่นศพ ส่วนมากยกใส่รถเอาไปทิ้ง หรือเอาไปเผา หรือหมกฝังดิน ราดซีเมนท์ทับไว้ในบ้าน

ท่านจำเรื่องฆาตรกรฆ่าหั่นศพ เหตุเกิดท้องที่ สน.ประเวศได้ไหมครับ ผมเคยลงเรื่องนี้ไปแล้ว นักสืบลูกน้องของผมสมัยนั้นโคตรเก่ง เรื่องนี้ใช้เป็นตำรวจสอนการสืบสวนทีเดียว จากการพบศพหญิงเปลือยห่อถุงดำทิ้งไว้ในถังขยะ หน้าอู่ซ่อมรถ ถนนพัฒนาการ ใกล้จะถึงคลองประเวศบุรีรมย์ การสืบสวนสุดคล๊าสสิคดังนี้ครับ

๑ เริ่มแต่การพบศพ รายนี้พบเร็ว มันมีที่มาที่ไป ก็เพราะเจ้าถังขยะที่คนร้ายนำศพไปทิ้ง เป็นถังขยะของอู่ซ่อมรถยนต์ เป็นถังน้ำมันขนาด ๒๐๐ ลิตร ตอนเย็นเลิกงาน คนที่มีหน้าที่ทิ้งขยะ จะเอาถังขยะซึ่งมีอยู่ ๒ ใบ ขยะเต็มทุกวัน เอาออกจากอู่ไปตั้งไว้ที่บาทวิถีหน้าอู่ ประมาณตี ๓ ของทุกคืนรถขยะ กทม.จะมารับขยะไป ทิ้งถังเปล่าไว้ที่เดิม รุ่งขึ้นเช้าเปิดอู่ เจ้าคนที่มีหน้าที่ทิ้งขยะก็จะไปเอาถังขยะเปล่าเข้าไปไว้ในอู่ เพื่อรอรับขยะต่อไป แต่พอเจ้าคนเก็บถังขยะมาเอาถัง พบว่าขยะยังเต็มถัง ทำไม กทม.ไม่มาเอาขยะไปทิ้ง แต่พอไปดูใกล้ๆ มันไม่ใช่ขยะของทางอู่นี่ คนทิ้งขยะเขาจำลักษณะของขยะได้ ส่วนมากเป็นอะไหล่รถ เศษกระดาษ แต่นี่เป็นถุงพ๊าสติกสีดำ ด้วยความอยากรู้จึงไปดูใกล้ๆ จึงได้เห็นว่าเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ ถูกสับเป็นท่อนๆ หลายท่อน แต่ท่อนที่เป็นศรีษะไม่มี ในตอนเช้าวันนั้นเอง ตำรวจก็แห่กันไปดูชิ้นส่วนศพ

๒ โชคดีที่มีชิ้นส่วนศพที่มีเครื่องเพศติดอยู่ด้วย ชัดเจนว่าเป็นหญิง การพิสูจน์สุดจะคล๊าสสิค ไม่ใช่ลามกนะครับ แพทย์ตรวจดูชิ้นส่วนศพอย่างละเอียด ให้ข้อมูลที่เหลือเชื่อ คือ ลักษณะเครื่องเพศ(หญิง) มีการใช้งานมาอย่างโชกโชน (หมอรู้ได้ไง) ขนในที่ลับมีการตัดแต่ง ข้อมูลนี้สะดวกแก่การสืบสวนของนักสืบ ฟันธงไปเลยว่า ต้องเป็นหญิงหากิน ก็โสเภณีนั่นแหละ แล้วมันก็ไม่ผิดเสียด้วย

๓ ชิ้นส่วนศพพบว่ามีการผ่าท้อง เป็นการผ่าตัดในแนวทางดิ่ง คือจากช่องท้องลงมาถึงสะดือ แพทย์ไทยบอกว่าวิธีนี้ เมืองไทยไม่ค่อยทำกัน การศัลยกรรมของไทยจะใช้วิธีผ่าตัดในแนวนอน คือขนานกับพื้น เป็นการซ่อนแผลเป็น เพราะจะถูกรอยย่นของผิวหนังห้อยปิด หมอที่ชันสูตรบอกว่า ต้องฝีมือการผ่าตัดของหมอจีน บรรดานักสืบก็เบนเข็ม มุ่งไปทางโสเภณีจีนที่เข้ามาหากินในเมืองไทย

๔ จากการตรวจสภาพการติดชิ้นส่วนกระดูก พบว่าเป็นรอยเลื่อย

๕ ประเด็นต่อไปนี้ต้องชมเชยตำรวจนักสืบลูกน้องผม ที่สนใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คดีถูกคลี่คลายโดยง่าย คืนตอนที่ชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ ตอนยกชิ้นส่วนออกมาจากถุงพล๊าสติก ตำรวจลูกน้องผมไปพบกล่องแปรงสีฟัน เป็นกล่องพล๊าสติกสภาพหัก มียี่ห้อติดอยู่ คือTWIN ACTION

จากร่องรอยพยานหลักฐาน ทราบแล้วว่าผู้ตายเป็นหญิง น่าจะเป็นโสเภณีจีน แต่จะไปสืบหาที่ไหน ในกรุงเทพฯมีเยอะทีเดียว มันก็ต้องรอข้อมูลจากการตรวจสอบอย่างอื่นประกอบ

นักสืบชุดหนึ่งถูกมอบหมายให้ไปตรวจสอบการจำหน่ายถุงขยะที่เป็นพล๊าสติกสีดำ นักสืบชุดนี้แบ่งกำลังไปตามห้างสรรพสินค้า ไม่น่าเชื่อ จากการตรวจสอบพบว่า ในวันหนึ่งๆมีคนไปซื้อทุกขยะดำตามห้างสรรพสินค้าแต่ละแห่งมากกว่า ๒๐๐ ราย และเมื่อตรวจสอบลึกเข้าไปว่า มีลูกค้าคนไหนที่ซื้อถุงพล๊าสติกดำพร้อมกับมีดหรือเลื่อยบ้าง ปรากฏว่าแต่ละแห่งมีมากกว่า ๑ ราย บางแห่งเป็น ๑๐ ราย อะไรมันช่างใจตรงกันจะปานนั้น หนึ่งจำนวนที่มีการจำหน่ายถุงดำควบคู่ไปกับเลื่อยก็คือ ห้างแม็กโคร พวกที่สืบสวนจากถุงพล๊าสติกก็ว่ากันไป สืบสวนต่อจนถึงต้นตอที่เกิดเหตุให้ได้

มาถึงชุดที่สืบเกี่ยวกับแปลงสีฟัน TWIN ACTION บ้าง ยี่ห้อนี้ไม่ดัง ไม่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วๆไป แต่แปรงแบบนี้ต้องทำในเมืองไทยแน่ นักสืบอีกชุดหนึ่งจึงได้รับมอบหมายให้สืบหาแหล่งผลิตแปรงสีฟันยี่ห้อนี้ นักสืบชุดนี้ก็แบ่งกำลังกันไปสืบสวนตามนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ไปโรงงานแรกไม่ใช่ก็จะสอบถามต่อไปอีกว่าโรงงานทำแปรงมีอยู่ที่ไหนบ้าง ไปสืบถามกันหลายแห่ง โน่นไปได้เอาที่ถนนเทพารักษ์ สมุทรปราการ ได้ความว่าแปรงชนิดนี้ไม่ได้วางจำหน่ายตามห้างศูนย์การค้า ยี่ห้อไม่ดังคนไม่ซื้อ จึงใช้วิธีวางตามโรงแรมม่านรูดหรือตามอะพ๊าตเมนท์ แถมพกให้กับผู้มาพัก ติดต่อฝ่ายจำหน่ายก็ได้ชื่อสถานที่ๆวางแปรงยี่ห้อนี้มา เอาละซี เฉพาะในกรุงเทพฯก็เกือบ ๕๐ ราย เป็นอันว่าตรวจสอบเฉพาะในกรุงเทพฯก่อน

พวกสืบสวนตามอาคารสูงก็ทำหน้าที่ไป ตรวจสอบตามหัวข้อที่ได้บอกไปแล้ว แต่ชุดที่เป็นพระเอกก็คือชุดที่สืบสวนโสเภณีจีน โชคดีที่ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจนครบาล ๔ มีแหล่งที่สาวคนจีนหลบมาทำงานเป็นจำนวนมากอยู่แห่งหนึ่ง คือที่มหาดไทยพล่าซ่า ท้องที่ สน.วังทองหลาง เจ้าของชื่อมิสเตอร์จาง ปัจจุบันขายกิจการไปให้ผู้อื่นแล้ว หันไปเอาดีทางค้าขายรถยนต์อยู่แถวอ่อนนุช ศรีนครินทร์ สมัยนั้นมหาดไทยพลาซ่ามีหญิงจีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาทำงานเป็นนักร้องเป็นร้อยคน เจ้าของกิจการจึงเปิดคาราโอเกะ ชายจีนที่ทำงานในกรุงเทพ บางทีก็คนไทยที่ชอบรสนิยมจีน มักจะไปทานอาหารร้องเพลงกันที่นี่ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์กลางติดต่อหญิงจีนนอก เมื่อรู้จักกันแล้วจะเกี่ยวก้อยกันไปที่ไหนหรือไม่ ผมไม่ทราบ ตำรวจชุดสืบสวนหญิงโสเภณีจีนไปตรวจสอบหาข้อมูลว่า มีหญิงจีนที่ทำงานหายตัวไปบ้างหรือไม่ ตำรวจท้องที่ไปสืบไปสอบ ผู้ดูแลสถานที่ปิดบังไม่ได้อยู่แล้ว เพราะต้องพึ่งตำรวจอยู่เหมือนกัน ก็ได้ความว่ามีหญิงจีนที่มาทำงานนักร้องหายไป ๑ คน ได้รูปถ่ายมาด้วย และยังได้ข้อมูลเพิ่มอีกว่า ก่อนหน้านี้ ๒ – ๓ วัน สามีที่เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่มาตามให้กลับบ้าน ผู้หญิงไม่ยอมกลับ อยู่เมืองไทยรายได้ดี เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน ทราบว่าหญิงผู้นี้เช่าอพ๊าตเม้นท์อยู่แถวถนนพัฒนาการ

ทุกอย่างเริ่มได้เค้า ประเด็นการสืบสวนแต่ละจุดมุ่งไปสู่ที่เดียวกัน รายชื่อสถานที่ๆมีแปลง TWIN ACTION วางบริการลูกค้า ตรงกับสถานที่พักของนักร้องจีน ที่ได้มาจากเพื่อนซึ่งทำงานที่มหาดไทยพลาซ่า แหล่งที่ไปเช็คการจำหน่ายถุงพล๊าสติกดำควบกับเลื่อยคือแม็กโครลาดพร้าว ทุกจุดมีความสัมพันธ์กัน จึงได้เอารูปถ่ายไปให้เจ้าของอพ๊าตเม้นท์ที่ถนนพัฒนาการดู ก็เลยทราบห้องพัก ตรวจพบรอยเลือดในห้อง พบว่ามีการใช้น้ำมากผิดปกติ มีหลักฐานว่ามีเพื่อนชายจีนมาหาเธอที่ห้อง แน่นอนเป็นห้องที่เกิดเหตุฆ่า

ฟันธงลงไปได้เลยว่า ชายจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาติดตามนักร้องผู้นี้ ต้องเป็นคนร้ายฆ่าแน่นอน ชายจีนแผ่นดินใหญ่ผู้นี้ เพิ่งจะเดินทางเข้าเมืองไทยครั้งแรก เข้ามาแบบถูกต้องใช้พ๊าสปอร์ต การตรวจสอบจึงไม่ยากนัก ไม่ช้าก็ได้หลักฐานหนังสือเดินทาง คนที่ไม่ใช่คนร้ายอาชีพติดตามจับกุมไม่ยาก ไม่ช้าก็จับได้ สารภาพว่าเป็นสามีมาตามภรรยากลับเมืองจีน ภรรยาไม่ยอมกลับเลยเกิดทะเลาะกัน ด้วยความโกรธผสมกับความหึงหวง ชายจีนผู้สามีเลยบีบคอเมียจีนตายคามือ ต้องการจะลำเลียงเอาศพออกจากห้องพัก ก็เลยต้องชำแหละศพโดยการหั่นเป็นชิ้น ไปซื้อถุงขยะสีดำและเลื่อยที่แมคโครลาดพร้าว เอาชิ้นส่วนใส่ถุงดำแล้วก็ค่อยๆลำเลียงออกจากห้อง จ้างแท็กซี่ขับไป เห็นตรงไหนเหมาะๆก็ลงจากรถ หิ้วถุงไปทิ้ง

เป็นเช่นนี้เอง แท็กซี่ที่ได้รับการว่าจ้างไปก็จะไม่ทราบ เพราะนึกว่าผู้ว่าจ้างถึงที่หมาย ไม่รู้ว่าผู้จ้างลงจากรถเพื่อเอาชิ้นส่วนศพไปทิ้ง

หวังว่าอีกไม่ช้าตำรวจก็คงจะสามารถคลี่คลาย หาเจ้าของขาที่ลอยน้ำมาได้ และติดตามหาฆาตรกรได้ในที่สุด ขอแต่เพียงผู้ใดมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ช่วยให้ข้อมูลด้วย.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์