บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
พากันไปตาย
ท่านที่เคยเข้าweb angkul007.comคงจะงง เพราะตอนนี้ถ้าเข้าไปก็จะเจอ The domain angkul007.com has expired ขออธิบายว่ามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ตอนนี้ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่หยุดยาว บอกแล้วไงว่า “สงกรานต์หยุดประเทศไทย” ต้องรอจันทร์ ๒๑ เม.ย.ไปแล้วจึงจะเริ่มเข้าที่ วานคุณเก๋ช่วยประสานให้ด้วยนะครับ ตอนนี้คลิกเข้าไปติดตาม “รู้ไว้ไม่ตายโหง” ใน angkul007.wordpress.com ได้

ประวัติ angkul007’com เริ่มมาแต่ปี 2002 ตอนที่ยังเป็นผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ตอนนั้นต้องกำกับดูแลเกี่ยวกับเรื่องอุบัติและการจราจรทั่วประเทศ จำเป็นต้องมี website ได้คุณเปิลกับคุณเก๋ช่วยทำและดูแลให้ ต่อมาลูกน้องผมทั้งสองคนเปลี่ยนอาชีพ คุณเปิลไปทำธุรกิจรับซักรีดและเปิดมินิมาร์ท คุณเก๋หันไปเอาดีทางแปลหนังสือ ตอนแรกๆเป็นการให้ข้อมูลความรู้ด้านความปลอดภัยในการเดินทาง การใช้รถใช้ถนน ไม่ต้อง update ข้อมูลกันบ่อยๆ ต่อมาเพื่อนผม พ.ต.อ.ประจักษ์ศิลป์ สุพรรณเภสัช ผู้ใช้นามปากกา “วาทตะวัน” ใน manager online.com คอลัมน์ “กาแฟขม ขนมหวาน” ได้แนะนำให้ผมเขียนหนังสือ ผมจึงเริ่มเขียน หาดูได้ใน web ผม เรื่อง “เขียนถึงเพื่อนวาทตะวัน” แรงบันดาลใจที่สอง ลูกชายผม “อัษฎา” หรือ donglahoma เขียนหนังสือเรื่อง “เล่นทหาร” ขายดิบขายดี ผมจึงได้นำประสบการณ์ในระหว่างรับราชการมาเขียน ลูกชายผมมีหน้าที่เอาไปลง internet ให้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นการ Link กันอย่างอีลุงตุงนัง

สงกรานต์นี้บ้านผมก็หยุดยาว ลูกชายยกครอบครัวไปสาดน้ำที่อเมริกา ลูกสาวก็พาครอบครัวไปยุโรป เด็กรับใช้ในบ้านไปพบญาติที่หนองบัวลำพู ผมกับภรรยาเฝ้าบ้าน ดูหนังเรื่อง The Lonely Guy นำแสดงโดย Steve Martin ทาง True (UBC) ช่อง Star Movies เข้าบรรยากาศดี หนังสะท้อนชีวิตของคนที่ไร้ญาติขาดมิตร ความเหงาเปล่าเปลี่ยวมันเกาะกินหัวใจ Steve Martin ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมาก เพิ่งทราบว่าสะพานแมนฮัตตันในนิวยอร์ค เป็นสถานที่ๆคนอเมริกันที่เปล่าเปลี่ยวนิยมไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย โดดกันอย่างกับเป็นงานมหกรรม (เรื่องแต่งขึ้นหรือเป็นเรื่องจริงก็ไม่รู้) ความรู้สึก Lonely อาจเกิดขึ้นกับท่านได้เมื่อถึงเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่ออายุเข้าสู่วัยชรา ทางรัฐบาลจึงกำหนดให้ช่วงสงกรานต์เป็นวัน “พบญาติ” วัน “ผู้สูงอายุ”
วันพบญาติใช้ได้ดีกับผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดที่เข้ามาขุดทองในกรุงเทพฯ นานๆจะได้หยุดยาวมีโอกาสไปพบญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัด แต่คนที่มีครอบครัวอยู่ในกรุงเทพฯพบกันอยู่ทุกวันจนเบื่อหน้า เบื่อสถานที่ พอหยุดยาวก็เลยถือโอกาสไปพักผ่อนต่างจังหวัดบ้าง ถ้ามีสตังค์เยอะก็ไปต่างประเทศ ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่ที่ทำงาน สนุกทั้งนั้น เป็นเรื่องธรรมดาครับที่คนเบื่อความจำเจ จึงต้องออกไปแสวงหาความแปลกใหม่ ถึงจะเสี่ยงภัยอย่างไรก็ยอม เพราะมันทำให้ชีวิตมีรสชาติ เมื่อวันก่อนก็ได้รับฟังข่าวทางทีวี มีครอบครัวหนึ่งยกขบวนจากกรุงเทพฯ เดินทางโดยรถยนต์เก๋งส่วนตัวไปทางภาคใต้ นัยว่าจะไปเที่ยวน้ำตกที่จังหวัดใดสักแห่ง คงจะขับรถสนุกเพลิดเพลินเพราะนานๆได้อยู่กันพร้อมหน้า เลยลืมดูว่าขับผ่านทางรถไฟซึ่งขบวนรถกำลังมาพอดี ผลก็คือถูกรถไฟเสย ตายไปหลายศพ เจ็บไปอีกหลายคน นี่ก็คือผลพวงของการเดินทาง

ตอนที่ผมเป็นผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ช่วงสงกรานต์ผมจะได้ออกข่าวมาก ทั้งทีวีและหนังสือพิมพ์ ผมจะบอกกับผู้เดินทางอยู่เสมอว่า ท่านทั้งหลายท่านรู้ไหม ท่านกำลังเดินทางไปสู่ความตาย รับรองว่าพวกท่านไม่คนใดก็คนหนึ่งหรือทั้งหมดจะต้องตาย บางคนได้ยินอาจจะพูดในใจ ไอ้นี่ปากหมาแช่งกู ก็มันตายจริงๆนี่นา วันละเกือบร้อยศพ พูดเตือนสติเพื่อให้คนที่ร่วมเดินทางช่วยกันเตือน

นี่ก็ใกล้จบเทศกาล ถึงกำหนดจะต้องเดินทางกลับ อีขากลับนี่โหดกว่าขาไปเยอะ อย่างที่มีคนพูดว่า “ตอนมาเหมือนกาจะบิน ตอนกลับเหมือนห่าจะกิน” ก็คืออีตอนไปมันอยู่ในอารมณ์สนุกตื่นเต้น อีตอนกลับนี่มันผ่านจุดสนุกสุดยอดไปแล้ว มันเริ่มอ่อนเพลีย ซึ่งที่ถูกมันควรจะต้องพักผ่อน แต่ท่านไม่ได้พัก ต้องเดินทางอีกระยะไกล ความเพลีย ความอ่อนล้ามันถมเข้ามา ผสมกับเมาค้าง อุบัติจะเกิดช่วงขากลับจึงมาก ความจริงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ มาจากการขับขี่รถในขณะที่ร่างกายหย่อนความสามารถในอันจะขับขี่มากที่สุด ซึ่งก็หมายความรวมถึงการมึนเมาด้วย ผู้ขับขี่ก็รู้ คนที่ร่วมเดินทางก็ทราบ ว่าเมาไม่ขับ แต่หารู้ไม่ว่า ความอ่อนเพลีย ความง่วงนี่แหละสำคัญที่สุด ผสมกับฤทธิ์แอลกอฮอร์ที่ยังหลงเหลือ ทำให้หลับคาพวงมาลัย ขาไปเรามักจะได้ยินเสียงฉิ่งฉับ เฮฮาสาดน้ำกัน ขากลับจะเงียบเพราะนั่งหลับสัปหงก ถ้าใครขืนไปสาดน้ำตอนขากลับเดี๋ยวเป็นเรื่อง เพราะ “เขาเลิกเล่นกันแล้ว” อย่าลืมนะครับ แอลกอฮอร์หรือความเมาวัดกันได้ แต่ความง่วงหรือความอ่อนเพลียวัดกันไม่ได้

อยากจะบอกวิธีดูอาการคนขับรถที่ง่วงนอน ท่านที่รอดตายจากอุบัติเหตุสงกรานต์คราวนี้ ได้อ่านบทความเรื่องนี้แล้วเอาไปใช้ในคราวต่อไป แต่รายที่อุบัติเหตุตายไปเสียก่อนก็ช่วยไม่ได้ บอกแล้วไง “รู้ไว้ไม่ตายโหง” แถมคำพูดของคนอื่นอีกนิด “เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน”
การสังเกตอาการคนง่วง ผู้ขับขี่รถที่ง่วงมักจะมีอาการดังนี้

๑ ขับรถช้าลงๆทั้งๆที่มีโอกาสจะขับเร็วได้ เหตุผลอธิบายก็คือ เมื่อมีอาการง่วง น้ำหนักกดที่ปลายเท้าขวาซึ่งจะเหยียบคันเร่งน้ำมันก็จะเบาลง เมื่อน้ำหนักเท้าเบา ความเร็วรถก็จะช้าลง

๒ ขับรถกระตุก เป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อที่ ๑ กล่าวคือ คนขับรถที่ง่วงจะพยายามฝืน เมื่อตอนง่วงจัดเกือบหลับ เท้าเหยียบคันเร่งจะแผ่ว พอรู้สึกตัวจากภวังค์ จะรีบกดปลายเท้าขวา คันเร่งน้ำมันถูกเหยียบ รถจะพุ่งไปข้างหน้าทันที ทำให้รถถูกกระชากด้วยความเร็ว ถ้าท่านนั่งรถแล้วรู้สึกอย่างนี้ต้องระวังให้ดี

๓ ห้ามถามคนขับรถว่า “ง่วงหรือเปล่า” เพราะคนขับร้อยทั้งร้อยจะบอกว่า “ไม่ง่วง” ต่อให้ง่วงจะตายก็จะปากแข็ง ให้ชวนคนขับจอดรถข้างทาง หรือแวะเข้าปั๊ม โดยท่านอ้างว่าจะปัสสาวะ แล้วชวนคนขับลงไปด้วย ให้ผู้ขับขี่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ หาผ้าเย็นเช็ดหน้า โดยท่านเช็ดหน้าท่านนำก่อน

๔ สังเกตดูตาผู้ขับขี่ ชำเลืองมองจากกระจกมองหลัง จะเห็นว่าหนังตาบนจะค่อยๆตกลงมา และเจ้าตัวพยายามเบิกหนังตาบนขึ้น

๕ กระพริบตาบ่อยๆ หรือพยายามสะบัดหัวไปมา

๖ พูดน้อยลง หรือไม่ยอมพูดจา ถ้าพูดก็จะพูดช้า นานๆคำ

๗ ขับขี่รถไม่ค่อยตรงทาง เริ่มเฉออกด้านข้างนิดหน่อยแล้วดึงรถกลับทางเดิม

ถ้าผู้ขับขี่รถที่ท่านนั่งไปอยู่ในลักษณะนี้ พึงเข้าใจว่า คนขับรถของท่านร่างกายอ่อนเพลีย เริ่มหย่อนความสามารถในอันที่จะขับขี่แล้ว รีบหาทางแก้ มิฉนั้นไปด้วยกันหมดทั้งคัน ไม่ไปพบยมทูตก็ไปโรงพยาบาล

วิธีแก้ปัญหาคนขับรถง่วง

๑ ชวนพูดคุยก่อน ใช้หลักจิตวิทยา เพื่อจะหาข้อมูลให้ได้ก่อนว่า ผู้ขับขี่รถของท่านพักผ่อนมาเพียงพอไหม ถ้าถามตรงๆรับรองไม่ได้ความจริง ต้องถามว่า เมื่อคืนที่แล้วไปเที่ยวที่ไหน สนุกไหม นอนที่ไหน หลับสบายดีไหม (ท่านลองตั้งคำถามเอาเอง เป็นการชวนคุย อย่าให้รู้ตัวว่า เขาถูกคนอื่นสงสัยว่า อาจจะขับรถไม่ไหว) ถ้าได้ข้อมูลว่า เล่นไพ่กับเพื่อนนอนเอาเกือบสว่าง หรือนอนกับหญิงปล้ำกันทั้งคืน ขอให้เลื่อนการเดินทางไปก่อนจะดีกว่า

๒ ก่อนเดินทางอย่าให้ผู้ขับขี่รับประทานมาก ถ้าหนังท้องตึงเมื่อไหร่หนังตาก็จะหย่อน เขาจึงเลือกเวลาเดินทางก่อนอาหาร เมื่อพักรับทานอาหารระหว่างทาง ให้เลือกทานอาหารจานเดียว แล้วอย่าสั่งซ้ำจานที่สอง

๓ ควรชักชวนให้ดื่มกาแฟสัก ๑ ถ้วย เล่นเอสเปรสโซ่เข้าไปเลย ฤทธิ์มันพอๆกับแอมเฟตามีน (ยาขยัน ไม่ใช่ยาบ้า) ครึ่งเม็ดทีเดียว

๔ ชวนคนขับรถพูดคุยบ้างแล้วสังเกตอาการตอบรับ

๕ ผู้ที่โดยสารอย่าได้ไปนั่งหลับเป็นตัวอย่าง เสียงกรนของท่านจะทำให้ผู้ขับขี่ง่วง
ระวังคนขับกินยาบ้า

ท่านที่นั่งรถประจำทาง ท่านแน่ใจหรือว่าคนขับรถไม่กินยาบ้า ผมจะเล่าให้ฟังสักเรื่อง ถอยหลังไปเมื่อประมาณ ๑๕ ปีมาแล้ว ตอนที่ผมมีหน้าที่ควบคุมหลักสูตรการศึกษาของสถาบันพัฒนาการข้าราชการตำรวจ ผมต้องนำนักศึกษาเดินทางไปดูงานจังหวัดภาคใต้ (ภูเก็ต) เดินทางด้วยรถบัส ๓ คัน แต่ละคันนั่งยัดเข้าไปเกือบ ๕๐ คน เดินทางกันตอนกลางคืน ใช้เวลาประมาณ ๑๒ ชั่วโมง สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากคือคนขับรถ “หลับใน” ช่วงกลางดึกผมจะสั่งให้คนขับรถแวะปั๊มน้ำมัน ผมสั่งลูกน้องผมเตรียมโอเลี้ยงใส่กระติกแจกคนขับ โอเลี้ยงของผมผสมแอมเฟตามีนด้วย สมัยก่อนมันไม่เหมือนกับยาบ้าสมัยนี้ ลูกน้องผมคะยั้นคะยอให้คนขับรถดื่มโอเลี้ยง คนขับรถไม่ยอมดื่ม ลูกน้องผมบอกว่า ดื่มเสียทุกคนจะได้สบายใจ คนขับรถรู้เลยว่าหมายถึงอะไร คนขับรถบอกว่า “ผมล่อไปแล้วเม็ดครึ่ง” กลัวโอเวอร์โดสเลยปฏิเสธไม่ยอมดื่มโอเลี้ยงอีก ผมได้ฟังแล้วก็สบายใจ นั่งหลับไปในรถได้ นี่ก็หมายความว่า คนขับรถระยะยาวๆยังต้องพึ่งพาแอมเฟตามีนอยู่

ตอนนี้แอมเฟตามีนหายาก เพราะมีคนไปผสมสารเสพติดเข้าไป เลยกลายเป็นยาบ้า เมื่อเสพแล้วต้องเสพต่อเนื่อง จนกลายเป็นติด ตัวแอมเฟตามีนจริงๆเป็นยากระตุ้น กินแล้วไม่ติด สมัยก่อนหาซื้อได้ตามร้านขายยา นักศึกษากินกันก่อนสอบ แต่เดี๋ยวนี้ห้ามจำหน่าย แต่ความต้องการยังมี จึงเกิดการลักลอบจำหน่าย โดยผู้ผลิตจำหน่ายใส่สารเสพติดเข้าไป ทำให้ผู้เสพต้องเสพต่อเนื่อง นี่แหละผลที่ทางการไม่ได้ควบคุมการผลิต จึงเกิดยาบ้าขึ้นมา เมื่อทางการกวดขันจับกุมยาบ้าแล้วคนที่ขับขี่รถระยะทางยาวๆจะทำอย่างไร ผมไม่รู้เพราะไม่เคยขับรถไกล ขับไกลที่สุดก็แค่หัวหิน ระยะทางไม่ถึง ๒๐๐ กิโล ผมเลือกเวลาเดินทาง เช่นตื่นนอนตอนเช้าหลังจากพักผ่อนเต็มที่จึงออกรถ หลีกเลี่ยงช่วงบ่ายหลังเวลาอาหารกลางวัน ถ้าจำเป็นต้องขับตอนบ่าย ก็ต้องอาศัย “เอสเปรสโซ่” เคยถามเรื่องนี้จากพวกคนขับรถ มีรายหนึ่งบอกผมว่า ได้อาศัยใบ “กระท่อม” เคี้ยวไปครึ่งใบพอๆกับยาบ้าครึ่งเม็ด กระท่อมในที่นี้คือพืชนะครับ ผิดกฎหมายเหมือนกัน แต่คนขับรถจำเป็นต้องใช้ ข้อสำคัญต้องใช้ให้เป็น

แล้วจะดูยังไงว่า คนไหนติดยาบ้าหรือสารเสพติด สำหรับผู้ที่พบเห็นในระยะสั้นๆ ดูที่อาการภายนอกจะพอเห็น คนเสพยาบ้าหรือสารเสพติด ร่างกายจะหลุกหลิก ไม่นิ่ง จับโน่นฉวยนี่ หยิบแล้ววาง วางแล้วหยิบ มีอาการขบกรามอยู่ตลอด หมายถึงตอนนั้นยากำลังออกฤทธิ์ จะขยันทำโน่นทำนี่อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ถ้าขับขี่รถก็จะขับอย่างสนุก ขับเร็ว เพราะยิ่งขับยิ่งมัน แต่พอยาใกล้หมดฤทธิ์ เม็ดหนึ่งจะอยู่ได้ประมาณ ๕-๖ ชั่วโมง จะเริ่มซึม ง่วง แล้วหลับ เวลาหลับอย่าได้ไปปลุกทีเดียว ปลุกเท่าไรไม่ยอมตื่น เพราะร่างกายเสียพละกำลังต้องการพักผ่อน

หวังว่าผู้อ่านจะได้ความรู้จากการเดินทาง การเลือกคนขับรถก็มีความสำคัญ คนหนุ่มสาว ถ้าเป็นคนปกติร่างกายจะแข็งแรง จะมีความอึด ไม่ง่วง ขับรถทน ถ้าเป็นผู้สูงอายุ อย่าได้ประมาท บางคนคุยโม้ว่าขับรถเก่งไม่ง่วง อย่าไปเชื่อ มันเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติ ผู้สูงอายุร่างกายต้องการพักผ่อนมาก คนอ้วนมีโอกาสง่วงมากกว่าคนผอม เพราะหัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อและไขมัน เลยทำให้เลือดส่วนที่ไปสู่สมองน้อยลง เกิดอาการง่วง
อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ ถึงท่านระมัดระวังอย่างดีก็อาจโดนรถคันอื่นเข้ามาชนได้ หรือไม่ก็อาจจะโดนก้อนอิฐก้อนหินลอยมา ถือว่าเป็นเรื่องของบุญกรรมก็แล้วกัน.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์