เตือนแล้วไม่เชื่อ ตายจริงๆ
ผมเคยเตือนอยู่เสมอๆ เวลาขับขี่รถไปไหนมาไหน เพื่อความปลอดภัย ต้องล็อกประตูรถเสมอ รายที่ผมจะนำมาเล่า ไม่ได้ปฏิบัติอย่างที่ผมแนะนำ ผลเป็นอย่างไรติดตามอ่าน
คุณชาญชัยฯ บ้านอยู่แถวดินแดง กทม. เดิมทีแกมีอาชีพส่งเด็กตามสถานอาบอบนวดและโรงน้ำชา ต่อมาผันตัวเองเป็นนักปล่อยเงินกู้ ร้อยละสิบ เก็บดอกเบี้ยรายวัน บรรดาแม่ค้าแผงลอยตามตลาดต่างๆเป็นลูกค้า เงินมีเท่าไรไม่พอปล่อย
ธุรกิจปล่อยเงินกู้ทำกำไร แต่มีความเสี่ยง กู้แล้วหนี จึงต้องมีวิธีการข่มขวัญลูกค้ากันบ้าง คุณชาญชัยฯแกเป็นคนร่างใหญ่กำยำล่ำสัน ตัวเตี้ยกล้ามเป็นมัดๆ ตัดผมเกรียนสั้น แต่งกายครึ่งท่อนเลียนแบบข้าราชการทหารตำรวจเวลานอกเครื่องแบบ ธุรกิจชนิดนี้ต้องใช้ลิ่วล้อมาก พวกลิ่วล้อจะเป็นหน้าม้า เป็นมือเท้าคอยเก็บดอก ส่งให้ลูกพี่ ลิ่วล้อจะเรียกคุณชาญชัยฯว่า ผู้กองหมู ผู้กองหมูใช้รถเบ๊นซ์ S-Class ติดฟิล์มดำมืด ข้างหลังรถจะแขวนเสื้อเครื่องแบบทหารไว้ ๒-๓ ตัว เวลาขับขี่ผ่านบรรดาแม่ค้าลูกหนี้ มองดูแล้วคล้ายกับรถผู้มีอำนาจ น่าเกรงขาม แต่ผู้กองหมูจะไม่ค่อยลงจากรถ เพราะถ้าลงไปปรากฏกายแล้ว มาดความเหี้ยมจะหมดไป เพราะหน้าแกออกจีนๆ ดูแล้วเหมือนเถ้าแก่มากกว่า
ปล่อยเงินไม่นานฐานะผู้กองหมูดีขึ้นเรื่อยๆ ขยายตลาดปล่อยเงินไปหลายที่ แต่ละตลาดมีลูกน้องคอยเก็บดอกเบี้ยส่ง เวลากลางคืนผู้กองหมูจะขับรถออกเก็บดอกเบี้ย เริ่มต้นตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง กว่าจะเก็บหมดทุกตลาดก็เกือบตีสอง ผู้กองหมูจะมีกิ๊กสาวนั่งไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอ ผู้กองหมูทำงานเป็นเวลา เรียกว่าตัวแกเหมือนกับนาฬิกาบอกเวลา พอถึงเวลารถต้องไปจอดอยู่ตำแหน่งเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเป็นปีๆ ลูกค้าเห็นรถก็รู้เลยว่าเวลากี่โมงกี่ยาม ทำอย่างนี้มันสดวก ลูกน้องที่คอยเก็บเงินก็จะรู้ว่า จะเก็บเงินส่งเจ้านายจุดไหน เวลากี่โมงกี่ยาม (ไอ้เรื่องทำอะไรเป็นเวลา และไม่เคยเปลี่ยนแปลงสถานที่ มันก็มีผลเสียเหมือนกันนะครับ)
ที่ตลาดดินแดงเป็นจุดหนึ่งที่ผู้กองหมูปล่อยเงินกู้ไว้ มีนายสมศักดิ์ฯเป็นลูกน้องคอยเก็บดอกส่งให้ เฉพาะจุดที่ตลาดดินแดง ยอดเงินดอกเบี้ยแต่ละวันอยู่ระหว่าง ๒๐,๐๐๐.-ถึง ๓๐,๐๐๐.-บาท ขึ้นอยู่กับว่าผู้กู้รายใดขอผัดรายใดหลบ นายสมศักดิ์ฯจะต้องทำบัญชีแจงให้ผู้กองหมูทราบ ใครจ่าย ใครเบี้ยว สมศักดิ์ฯได้ค่าเหนื่อยครั้งละ ๕๐๐.-บาท วันไหนเก็บได้มากอาจจะได้โบนัสถึง ๑,๐๐๐.-บาท สมศักดิ์ฯทำงานให้ผู้กองหมูมาเป็นเวลา ๕-๖ เดือน ทุกครั้งเวลาสมศักดิ์ฯส่งบัญชีดอกเบี้ย จะใช้รถยนต์ของผู้กองหมูเป็นอ๊อฟฟิช เปิดไฟเก๋งตรวจบัญชีกันในรถ ความที่เป็นขาใหญ่ผู้กองหมูจึงไม่ค่อยจะล็อกประตูรถ ทั้งหมดนี้ไม่รอดพ้นจากความสังเกตของสมศักดิ์ฯ เวลาที่ผู้กองหมูจะมาเก็บดอกที่ตลาดดินแดง ประมาณห้าทุ่มไม่ขาดไม่เกิน สมศักดิ์ฯเดาว่าผู้กองหมูจะต้องเก็บดอกจากจุดอื่นๆมาก่อน เพราะเห็นเงินอยู่ในรถเป็นฟ่อน ส่วนมากเป็นแบ๊งค์ใบย่อยๆ สภาพช้ำจนเกือบเละเพราะผ่านมือแม่ค้าซึ่งบางครั้งก็เปียกน้ำ และยังพบอีกว่าที่ตัวผู้กองหมูมีทรัพย์สินของมีค่า ยังกับตู้ทองเคลื่อนที่ สร้อยคอทองคำเส้นโตเกือบเท่านิ้วก้อย ห้อยพระพวงเบ้อเร่อ แถมผูกนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองอีกด้วย
สมศักดิ์ฯรับใช้ผู้กองหมูมานาน แต่ก็หาได้จงรักภักดี เพราะผู้กองหมูชอบเอาแต่ใจตัว บางครั้งเก็บดอกไม่ได้ตามเป้าก็ถูกด่า แถมขู่ว่าจะเปลี่ยนคนเก็บ สมศักดิ์ฯเก็บความแค้นไว้ จนถึงเวลาความแค้นระเบิด สมศักดิ์ฯมีเพื่อนเป็นจ่าอากาศเอกนอกราชการ ชื่อนิพนธ์ฯเคยฆ่าคนมาแล้ว สมศักดิ์ฯให้นิพนธ์ฯหาทีมมารีดเงินผู้กองหมูสมศักดิ์ฯกับนิพนธ์ฯนัดแนะพบกัน เพื่อวางงานดูสถานที่ โดยตกลงให้นิพนธ์ฯอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าตรวจค้นรถผู้กองหมู หาของผิดกฏหมาย เมื่อพบเงินและบัญชีเงินกู้ ให้ขู่ดำเนินคดีเรื่องมาเฟียปล่อยเงินกู้นอกระบบ และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด โดยสมศักดิ์ฯบอกเวลาและชี้จุดที่ผู้กองหมูจอดรถให้ทราบ
วันเกิดเหตุ สมศักดิ์ฯเก็บรวบรวมดอกเบี้ยจากบรรดาแม่ค้าได้ประมาณ ๓๐,๐๐๐.-บาท ทำบัญชีไว้เรียบร้อยเวลาเดียวกันก็ได้สำรวจดูรถยนต์ของนิพนธ์ฯก็ได้มาจอดรอเรียบร้อย สมศักดิ์ฯกระสับกระส่ายจนออกอาการสมศักดิ์ฯเดินมาย้ำกับนิพนธ์ฯ พี่..ขู่อย่างเดียว อย่าไปทำอะไรเขานะ
ประมาณห้าทุ่มเศษ รถเบ๊นซ์ของผู้กองหมูก็เข้ามาจอด ณ จุดที่เคยจอดประจำ โดยมีนุจรีฯแฟนคนเล็กนั่งคู่มาด้วย ผู้กองหมูขับรถด้วยตนเอง พอรถจอดสนิทสมศักดิ์ฯก็มาถึงยื่นซองเงินและบัญชีให้ผู้กองหมูตรวจ วันนี้สมศักดิ์ฯเก็บดอกได้ตามเป้า ได้รับรางวัลไป ๑,๐๐๐.-บาท แล้วสมศักดิ์ฯก็ลาไป
รถยนต์ของผู้กองหมูยังจอดอยู่ที่เดิม ชุดของนิพนธ์ฯเริ่มปฏิบัติการ คนหนึ่งเปิดประตูรถผู้กองหมูด้านผู้ขับขี่ออกแล้วเข้าไปนั่งขับแทน สมุนของนิพนธ์ฯอีกคนหนึ่งเปิดประตูทางด้านซ้ายแล้วดึงเอาตัวนุจรีไปนั่งด้านหลังนิพนธ์ฯขึ้นนั่งหน้าขนาบผู้กองหมู สรุปแล้วทีมงานของนิพนธ์ฯเข้าไปอยู่ในรถผู้กองหมูรวม ๓ คน การทำงานของนิพนธ์ฯรวดเร็วมาก คนที่อยู่ใกล้เคียงไม่มีผู้ใดเห็นความผิดปกติ และแล้วรถยนต์ของผู้กองหมูก็ขับเคลื่อนออกไป โดยลูกน้องของนิพนธ์ฯอีกคนหนึ่งขับรถมิตซูของนิพนธ์ฯตามไป
เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไรไม่มีผู้ใดทราบ จนกระทั่งเวลาประมาณ ๙ โมงเช้าวันรุ่งขึ้น ร.ต.อ.ณัฐนนท์ ม่วงงาม ร้อยเวร สน.อุดมสุขก็ได้รับแจ้งเหตุพบศพชาย ๑ หญิง ๑ ถูกฆ่า ศพถูกทิ้งไว้ในพงหญ้า ข้างเส้นทางลัดเข้าหมู่บ้านทุ่งเศรษฐี กทม. หลังวัดทุ่งเศรษฐีของหลวงพ่อเณร จุดที่พบศพอยู่ห่างจากถนนวงแหวนตะวันออกด้านนอกประมาณ ๒๐๐ เมตร
จากการตรวจสภาพศพชาย พบรอยกระสุนปืน ๙ มม.ที่หน้าอก ๒ แห่ง และที่โหนกแก้มขวาอีก ๑ แห่ง ที่รอบคอมีรอยถูกรัดด้วยเชือก ที่ศพหญิงพบรอยกระสุนปืนขนาด ๙ มม.ที่บริเวณหน้าอก ๒ แห่ง ที่รอบคอมีรอยถูกเชือกรัดเช่นเดียวกัน ตรวจหาเอกสารในตัวศพทั้งสองไม่พบ ไม่ทราบว่าเป็นศพใคร
จากการตรวจบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่าตรงจุดที่เกิดเหตุเป็นดินอ่อน พบรอยล้อรถยนต์ สันนิษฐานว่า คนร้ายใช้รถยนต์และมีการถอยกลับรถบริเวณที่พบศพ ตรวจพบเชือกไนลอนสีเขียวยาวประมาณ ๑ ฟุตเศษ ปลายสองข้างผูกเป็นปม ตกอยู่บริเวณใกล้ที่พบศพ
จากการสอบสวนพยานที่อยู่ใกล้เคียงที่พบศพ ให้การว่าเมื่อเวลาประมาณตีสองครึ่งของวันที่พบศพ พยานได้ยินเสียงปืนดังประมาณ ๕-๖ นัด พยานไม่ได้ออกไปดูเพราะคิดว่า ผู้ที่ขับขี่รถคงยิงปืนขึ้นฟ้าแบบคึกคะนอง
ในตอนค่ำของวันเดียวกัน พ.ต.ท.กัญชล อินทาราม สารวัตรสืบสวน สน.ลาดพร้าวก็ได้รับแจ้งพบรถยนต์เบ๊นซ์ ๒๘๐ เอส จอดทิ้งไว้ที่บริเวณที่จอดรถแฟลต ๑๒ การเคหะคลองจั่น ตรวจสอบในรถ พบเชือกไนลอนสีเขียวลักษณะเช่นเดียวกันกับที่พบในที่เกิดเหตุ ตกอยู่ในรถ ๑ เส้น พบเสื้อทหารแขวนอยู่ ๓ ตัว มีสมุดบัญชีการปล่อยเงินกู้ตกอยู่ ๑ เล่ม
ตรวจสอบทะเบียนรถยนต์คันที่พบ จึงได้ทราบว่าเป็นรถของผู้กองหมู โชคดีที่จุดพบรถยนต์กับจุดพบศพ อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบังคับการนครบาล ๔ ที่เดียวกัน จึงทำให้การประสานระหว่าง สน.ลาดพร้าวกับสน.อุดมสุขเป็นไปโดยรวดเร็ว ในคืนนั้นเองก็เป็นที่ทราบแน่นอนว่า ผู้ตายทั้งสองคือผู้กองหมูกับนุจรี ( ถ้าหากว่าคนร้ายเอารถไปทิ้งต่างจังหวัด หรือเอารถไปเผาทิ้งในที่ห่างไกล คงจะมืดมน ไม่รู้ว่าเป็นศพใคร การสืบสวนก็จะพลอยตันไปด้วย นี่แหละครับที่เราเรียกกันว่า ไม่มีอาชญากรรมใดที่สมบูรณ์แบบ อาชญากรรมทุกคดีทิ้งร่อยรอยเสมอ )
พอรู้ว่าคนตายเป็นใคร การสืบสวนสอบสวนก็เริ่มต้นได้ ในที่สุดก็ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้กองหมู ว่าเป็นนักปล่อยเงินกู้ ก็บัญชีเงินกู้มันดันตกอยู่ในรถ รายละเอียดแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ พวกนักสืบเขาเก่ง ใช้เวลาเดี๋ยวเดียวก็รู้ว่าแหล่งปล่อยเงินกู้อยู่ที่ใด พวกแม่ค้าที่เป็นลูกหนี้ถูกเรียกสอบปากคำ ตำรวจสามารถทราบได้ว่าจุดสุดท้ายที่ผู้กองหมูไปเก็บดอก คือจุดใด เพราะจุดที่จะต้องเก็บต่อไปคือที่ตลาดพระโขนง ยังไม่ได้ไปเก็บ
จากการสอบสวนแม่ค้าที่ตลาดดินแดง โยงไปถึงสมศักดิ์ฯผู้มีหน้าที่เก็บดอก พยานหลายคนเห็นสมศักดิ์ฯพูดคุยอยู่กับพรรคพวกเป็นชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งก่อนเกิดเหตุ มีพยานเห็นรถยนต์ของชายฉกรรจ์เหล่านั้นขับตามรถผู้กองหมูไป เพียงแค่นี้สมศักดิ์ฯก็อยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยแล้ว
สมศักดิ์ฯถูกนำตัวสอบสวนเครียด ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงสมศักดิ์ฯก็รับสารภาพ เปิดเผยถึงตัวหัวหน้าที่ลงมือส่วนลูกทีมไม่ทราบ หัวหน้าจัดหามาเอง ในวันต่อมาตำรวจกองสืบสวนนครบาล ๔ ก็สามารถจับกุมผู้ลงมือสังหารได้ คือ
๑จ่าอากาศเอกนิพนธ์ฯ
๒สิบเอกประจักษ์ฯ นอกราชการทั้งคู่
สอบสวนทั้งคู่รับสารภาพ ซัดทอดไปถึงเพื่อนซึ่งเป็นทหารประจำการอีก ๒ คน พนักงานสอบสวนทำหนังสือให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ส่งตัวไปดำเนินคดี
ผู้ต้องหาทั้งสองให้การว่า ไม่ต้องการฆ่าเหยื่อ ประสงค์เพียงเอาเงินและทรัพย์ที่ติดตัวเหยื่อเท่านั้น แต่เกิดความผิดพลาด กล่าวคือคนร้ายได้ใช้ผ้ามัดศีรษะปิดตาผู้กองหมู แต่ผู้กองหมูพยายามดิ้นรนจนผ้าที่รัดหลุดลงมา ผู้กองหมูเห็นหน้าคนร้าย การที่เหยื่อเห็นหน้า คนร้ายกลัวว่าจะถูกจำหน้าได้ จึงต้องหาทางฆ่าทิ้ง จึงได้ใช้วิธีใช้เชือกรัดคอให้ตาย แล้วนำศพไปทิ้งข้างทาง ตรงจุดที่พบศพ คนร้ายต้องการให้แน่ใจว่าเหยื่อตายจริงในขณะที่นำศพทิ้งข้างทางจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงซ้ำอีกครั้ง เป็นเหตุให้พยานที่อยู่ใกล้จุดพบศพได้ยินเสียงปืน
สิ่งที่ท่านผู้อ่านได้จากเรื่องนี้
ถ้าล็อกประตูรถเสียทุกครั้งที่อยู่ในรถ คนร้ายจะไม่ทำงานได้สดวกดายเช่นนี้
ถ้าอยู่ในภาวะคับขัน อย่าไปแสดงอาการให้คนร้ายเห็นว่า ท่านจำหน้าคนร้ายได้
ต้องชมในความสามารถของตำรวจที่สืบสวนเรื่องนี้ มีการประสานงานระหว่างท้องที่ และทำงานอย่างรวดเร็ว
การทำอะไรเป็นเวลา และเจาะจงสถานที่ ก็เป็นผลเสียเหมือนกัน
ขอให้ใช้ข้อมูลจากเรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตของท่านนะครับ.