บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เส้นทางตายโหง







ผมเคยบอกว่าสถานที่ๆมีอันตรายที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้คือ “ถนน” เพราะเราจำเป็นต้องเดินทาง ส่วนสถานที่อื่นๆ เช่นสถานที่เที่ยว ที่กิน ที่พักผ่อน เราสามารถเลือกได้ สถานที่ใดไปแล้วอาจเจ็บตัวก็อย่าไป แต่ถนนหนทางจำเป็นต้องใช้ไม่มีทางให้เลือก จึงควรจะได้ทราบไว้บ้างว่าถนนเส้นทางใดช่วงเวลาใดมีอันตราย ควรหลีกเลี่ยง เส้นทางใดปลอดภัย อันตรายที่ว่านี้ก็คือถูกโจรปล้นจี้ ไม่ว่าจะถูกวาง “เรือใบ” ทำให้รถยางแตกแล้วจี้ หรือขับรถตีขนาบข้างแล้วกราดยิงใส่ หรือถูกขว้างปาด้วยก้อนหิน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่บ่อยๆ แต่ที่ไม่ได้เป็นข่าวก็มีอีกมาก

บทความของผมจะทำให้ท่านได้ทราบว่าสยามเมืองยิ้มบางทีก็ยิ้มไม่ออก ชาวต่างชาติที่เคลิบเคลิ้มกับคำว่า “ LAND OF SMILE ” พากันมาตายเสียเยอะต่อเยอะ ข่าวแหม่มสาวมาเที่ยวเกาะเมืองไทยแล้วถูกฆ่าข่มขืน หรือถูกข่มขืนแล้วฆ่า นับข่าวไม่ถ้วน สถานที่บางแห่งพอยิ้มได้แต่บางแห่งต้องซัดกันด้วยลูกปืนอย่างเดียว เรื่องที่ผมจะเล่าแม้ว่าจะนานมาแล้วแต่ก็ยังเป็นอุทธาหรณ์สอนใจ ว่าภัยบนถนนนอกจากอุบัติเหตุแล้วยังมีภัยอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์อีกมาก ท่านจะได้ทราบถึงวิธีการสืบสวนซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเหมือนกัน

บนถนนทางหลวงหมายเลข ๓๖( บางละมุง – ระยอง )ในสมัยนั้นเป็นถนนสี่เลน ไปสองกลับสอง ยังไม่ได้แยกช่องทางไปช่องทางกลับเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สองฟากทางค่อนข้างเปลี่ยวไม่มีบ้านเรือนอาคารร้านค้า ยวดยานที่ขับผ่านในเวลากลางคืนน้อยมาก ไฟฟ้าสองข้างทางยังไม่มี แก๊งโปรย “เรือใบ”ออกอาละวาดในเวลากลางคืน

“เรือใบ”เป็นอย่างไรคงจะทราบนะครับ เป็นเหล็กก่อสร้างขนาด ๒ หุน งอพับทำมุม ๙๐ อาศา ๓ พับ แต่ละพับมีความยาวประมาณ ๒ นิ้ว พับแรกกับพับสุดท้ายต้องให้ตั้งฉากกัน แล้วเจียร์ปลายทั้งสองด้านให้แหลมคม เมื่อโยนเจ้าอุปกรณ์ชนิดนี้ลงไปบนพื้นถนนไม่ว่าจะโยนลงไปกระทบพื้นลักษณะใด ปลายแหลมด้านหนึ่งจะตั้งขึ้นเสมอ เมื่อรถยนต์วิ่งมาทับต่อให้เป็นรถบรรทุก ๑๐ ล้อยางรถยนต์จะแฟบภายในระยะทางไม่ถึงกิโลเมตร

ถ้าหากท่านขับรถไปยามค่ำคืนแล้วยางรถท่านมีลักษณะอาการเช่นนี้จงตั้งสติให้ดี คิดไว้ก่อนว่าควรจะจัดการอย่างไร ถ้ามีพลเมืองดีมาเข้าช่วยก็ควรจะดูให้แน่ใจว่าคนดีจริงหรือเปล่า หรือว่าโจรแฝงตัวมา โดนจี้ไปหลายรายแล้ว ทางที่ดีหากท่านประสบเหตุบนทางหลวงไม่ว่าเส้นทางใดกรุณาโทรแจ้ง ๑๑๙๓ เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยบริการตำรวจทางหลวงทั่วประเทศ(ใช้เบอร์เดียวกันหมด) ท่านอยู่ใกล้สถานีบริการไหนมันจะไปติดที่สถานีบริการนั้น หากท่านไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวไปก็ช่วยไม่ได้ แสดงว่าท่านไม่ได้เตรียมการในการเดินทางเลย ถ้าท่านเดินทางไปคนเดียวอีกด้วยก็ขอให้ทำใจเพราะผมเตือนมาโดยตลอด สวดมนต์ภาวนาเอาก็แล้วกัน

โดนก้อนหินหรือโดนก้อนอิฐปาใส่รถกับโดนแก๊งเรือใบ ไม่รู้ว่าใครร้ายกว่ากัน สำหรับผมเลือกที่จะถูกแก๊งโจรเรือใบมากกว่า ยังพอมีทางสู้(เพราะผมมีการเตรียมการณ์ มีอาวุธ มีเพื่อนร่วมเดินทางเสมอ ผมไม่กลัว) แต่เรื่องโดนปาด้วยก้อนหินป้องกันไม่ได้เลย รถผมไม่ได้ติดตะแกลงกระจกหน้ารถ เจอเข้าตายลูกเดียว ไม่มีทางต่อสู้ แต่เรื่องที่ผมจะนำมาเล่าต่อไปนี้ร้ายแรงกว่าทั้งสองกรณี เป็นเรื่องคนร้ายขับรถกระหนาบตีคู่แล้วถล่มยิงใส่ เป็นการปล้นนั่นเอง

คืนเกิดเหตุเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ได้รับแจ้งเหตุมีการยิงกันบนถนนหลวงหมายเลข ๓๖(บางละมุง – ระยอง)กม.ที่ ๑๙ พนักงานสอบสวนไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบแต่รอยเลือดและเศษกระจกรถแตกหล่นอยู่บนพื้นถนน พลเมืองดีแจ้งว่ามีผู้บาดเจ็บถูกส่งไปโรงพยาบาลจึงได้ตามไปสอบสวน ผู้บาดเจ็บชื่อนายสะอิ้งฯ สามารถให้การได้ ว่าตนเป็นพนักงานขับรถ ขณะเกิดเหตุขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า โคโรน่าใหม่ นำพาชาวญี่ปุ่น ๒ คน คือ นายเออิชิฯกับนายซูฮิโรฯทั้งคู่เป็นวิศวกรประจำโรงงานประกอบรถยนต์โตโยต้า มาบตาพุด เดินทางเข้าพัทยา ขณะขับขี่ไปถึงจุดที่เกิดเหตุ มีรถยนต์ปิกอัพไม่ทราบยี่ห้อ ไม่ทราบทะเบียน ขับแซงขึ้นทางด้านขวาตีคู่ คนที่นั่งในรถยนต์ปิกอัพได้ไขกระจกข้างรถลง แล้วใช้อาวุธปืนลูกซองยิงใส่รถของนายสะอิ้งฯผู้ขับขี่ ๑ นัด กระสุนปืนถูกบริเวณใบหน้า แก้ม และลำคอ นายสะอิ้งฯขับรถลงข้างทางเพราะตนเองรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พอรถลงข้างทางนายสะอิ้งฯหยุดรถ แล้วรีบเปิดประตูรถออก วิ่งหนีเข้าป่าละเมาะข้างทาง บริเวณดังกล่าวมืดมาก ไม่มีไฟฟ้า ส่วนชาวญี่ปุ่น ๒ คนไม่รู้เรื่อง นั่งงงอยู่ในรถ

นายสะอิ้งฯมองเห็นรถยนต์ของคนร้ายหยุดแล้วถอยรถกลับมา เห็นคนร้ายเป็นชายไม่ทราบจำนวนพากันลงจากรถ นายสะอิ้งฯนอนทำตัวราบกับพื้นในพุ่มไม้และกอหญ้า แกล้งทำนอนตาย การแกล้งทำเป็นตายบางครั้งก็โชคดี บางครั้งก็ซวย เพราะมีเหมือนกันที่คนร้ายเข้าไปยิงซ้ำเพื่อแน่ใจว่าตายจริง แต่สำหรับรายนายสะอิ้งฯถือว่าโชคดีคนร้ายไม่ได้ตามไปยิงซ้ำ นายสะอิ้งฯได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก ๒ ครั้งและได้ยินเสียงชาวญี่ปุ่นร้องด้วยความเจ็บปวด ต่อมาก็เห็นคนร้ายขับรถไป โดยขับรถโตโยต้าของนายสะอิ้งฯไปด้วย นายสะอิ้งฯพยายามกะเสือกกะสนไปที่ถนนแล้วโบกรถที่วิ่งผ่าน ขออาศัยให้พาไปส่งโรงพยาบาล นายสะอิ้งฯเล่าว่า กว่าจะเจอพลเมืองดีก็เกือบแย่ เพราะไม่มีใครหยุดรถรับ ก็แน่ละ นายสะอิ้งฯมีแต่เลือดเต็มใบหน้าและเนื้อตัว ถ้าเป็นคุณขับรถผ่านไปเจอแบบนี้กลางดึก คุณจะกล้ารับไหม

ในคืนเกิดเหตุนั้น ไม่พบรถยนต์และชาวญี่ปุ่นทั้งสอง ไม่ทราบชะตากรรมว่าจะเป็นตายร้ายดีเช่นไร วันต่อมามีผู้พบศพนายเออิชิฯถูกนำไปทิ้งข้างทางในเขต สภ.ต.สุรศักดิ์ ห่างจากจุดที่เกิดเหตุไปประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ตรวจสภาพศพพบว่าถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด ๑๑ มม. หลายวันต่อมาพบซากรถยนต์โตโยต้าคันที่เป็นพาหนะของชาวญี่ปุ่นถูกนำไปทิ้งไว้ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม พบรอยเลือดและปลอกกระสุนปืนขนาด ๑๑ มม.ในรถ สภาพรถยนต์ถูกถอดชิ้นส่วนออกหมด เหลือแต่โครงเหล็ก เครื่องยนต์ก็ไม่มี เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจหาร่องรอยตามระเบียบ

ในเวลาต่อมาตำรวจปราจีนบุรีพบศพคนถูกเผาที่ตำบลเนินหอย อำเภอเมืองปราจีนฯ ชันสูตรพลิกศพ พบว่าผู้ตายถูกนำใส่กระสอบแล้วถูกนำไปเผาโดยใช้ยางรถยนต์ ๒ เส้น ไฟไหม้ไปครึ่งตัว ยังพอเหลือร่องรอยให้ตรวจเปรียบเทียบได้ พบรอยสักที่ต้นขาข้างขวา ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ศพนายซูฮิโรฯ เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ (เห็นไหมครับ บ้านเมืองเรามีการฆ่ากันเป็นว่าเล่น)

หนังสือพิมพ์ในประเทศทุกฉบับพาดหัวข่าว ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์จากประเทศญี่ปุ่นก็บินมาทำข่าวเช่นกัน ภาพพจน์ประเทศไทยเสียหายมาก ทูตญี่ปุ่นเข้าพบอธิบดีกรมตำรวจ บรรดานักสืบทั้งหลายจากทุกหน่วย ถูกเรียกระดมมาทำงานนี้ ในที่สุดก็ไม่เกินความสามารถของกองสืบสวนตำรวจนครบาลใต้ ภายใต้การนำของ “เชอร์ล๊อกนู” หรือ พล.ต.ต.ธนู หอมหวล (ยศในขณะนั้น)

ประมาณอีก ๑๐ วันต่อมาพบศพชายถูกทิ้งไว้ข้างทางห่างจากจุดที่เกิดเหตุไป ๑๐ กิโลเมตร สภาพศพเน่าส่งกลิ่นเหม็น ศพยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม เห็นเสื้อผ้าแล้วพยานยืนยันว่าเป็นนายซูฮิโรฯที่เดินทางไปกับนายเออิชิฯ เป็นอันว่าชาวญี่ปุ่นถูกฆ่าตายทั้งสองคน แต่คนขับรถที่เป็นคนไทยรอด

พล.ต.ต.ธนูฯให้ความสำคัญกับจุดที่รถยนต์พาหนะของเหยื่อถูกนำไปทิ้ง คือที่พนมสารคาม โดยตั้งสมมุติฐานว่า คนร้ายน่าจะคุ้นเคยกับสถานที่ หรือคนร้ายน่าจะอยู่ในถิ่นแถวนั้น หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีความเชื่อมโยงกันอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงได้นำรถไปทิ้งไว้ที่นั่น

จุดที่พบซากรถอยู่ในที่ลับตา ห่างไกลบ้านผู้คน มีต้นไม้และเนินเขาล้อมรอบ ทำเลเหมาะต่อการประกอบอาชญากรรมมาก ทีมงานชุดสืบสวนสำรวจเส้นทางพบว่าเส้นทางที่จะเข้าไปยังจุดนี้ต้องผ่านบ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ตรงหัวโค้งทางเข้า แต่จุดที่พบซากรถเข้าไปลึกอีกหลายกีโลเมตร จุดที่จะเจาะเอาข่าวเป็นจุดแรกคือบ้านที่อยู่ตรงหัวโค้งทางเข้านั้น แต่การที่จะทำให้บุคคลที่รู้เห็นได้พูดความจริงโดยไม่ปิดบังต้องมีเทคนิค ไม่ใช่ลุยเข้าไปสอบถามดื้อๆ นั่นก็คือต้องสืบเสาะหาคนรู้จักคุ้นเคย โยงไปโยงมาหลายทอดจนได้คนที่ซี้ย่ำปึกชนิดถามอะไรถ้ารู้เป็นต้องบอก จึงจะดำเนินการ นี่เป็นวิธีของ “เชอร์ล๊อกนู” ในที่สุดก็ได้ข่าวที่เป็นประโยชน์ ปรากฏว่าที่บ้านหลังดังกล่าวนี้มีชายผู้สูงอายุอาศัยอยู่ เป็นคนนอนหูไว คือนอนตื่นง่าย ความสังเกตจดจำดี ยืนยันว่าเส้นทางดังกล่าวนี้ไม่ค่อยมีรถเข้าออก จำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่งในช่วงกลางดึก มีเสียงรถวิ่งเข้าไป ๒ คัน สักพักหนึ่งก็กลับออกมาเพียงคันเดียว เมื่อปะติดปะต่อข้อมูล เชื่อว่า น่าจะเป็นการนำรถมาส่งและจะต้องมีคนมารับช่วงงานต่อ

ชุดสืบสวนปักหลักปฏิบัติการณ์ที่พนมสารคาม เชื่อว่าจุดที่พบซากรถต้องเป็นจุดที่คนร้ายปฏิบัติการถอดชิ้นส่วน คนร้ายจะต้องเข้าออกหรือมีความสัมพันธ์กับพื้นที่ดังกล่าวนี้ ปัญหาที่ต้องขบคิด ชิ้นส่วนรถที่คนร้ายถอดออกควรจะไปอยู่ที่ใด ชุดสืบสวนจึงแบ่งกำลังตระเวนหาข่าวตามแหล่งจำหน่ายชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์

ชุดสืบสวนฟันธงว่า ผู้ที่มาถอดชิ้นส่วนต้องอยู่ในระแวกตำบลเขาหินซ้อน จึงได้มีการปฏิบัติการแซกซึมเข้าไปหาข่าวในหมู่บ้าน วิธีการก็คือเข้าไปผูกมิตร เริ่มต้นจากคนรู้จักซึ่งไม่พ้นผู้ใหญ่บ้านกำนัน อาศัยสุราเป็นสื่อ ไม่นานก็ได้ข้อมูลว่านายเจือฯเป็นคนจากจังหวัดนครนายก โยกย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่เขาหินซ้อนเป็นเวลาหลายปี นายเจือฯมีรถปิกอัพเก่าอายุหลายปี แต่สภาพรถไม่ว่าอุปกรณ์ส่วนประกอบหรือเครื่องยนต์ใหม่อยู่เสมอ จนเป็นที่รู้กันทั่วเขาหินซ้อน นายเจือฯเป็นบุคคลเป้าหมายที่ชุดสืบสวนจะต้องเคลียร์ให้ได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับซากรถโตโยต้าของชาวญี่ปุ่นหรือไม่ เรากำลังว่ากันด้วยเรื่องการสืบสวน มันก็คือการหาข่าวนั่นเอง ซึ่งมันจะต้องใช้เวลา ต้องสืบเสาะเจาะลึกไปอีกว่า นายเจือฯสนิทสนมกับใครที่สุด เพื่อเอาผู้นั้นเป็นสะพานเชื่อม ได้ความว่าเพื่อนสนิทคอเหล้าวงเดียวกับนายเจือฯคือนายเลิศฯขี้เมา

นายเลิศฯขี้เมาชุดสืบสวนเจาะเข้าไปง่าย ฉายานายเลิศฯก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคนชอบเหล้า ไม่ช้าลูกน้องผมกับนายเลิศฯขี้เมาก็กลายเป็นคอเหล้าวงเดียวกัน(ท่านคงไม่แปลกใจว่า ทำไมตำรวจสมัยก่อนจึงติดเหล้า ก็เพราะเหล้าเป็นส่วนหนึ่งของงาน) ลูกน้องผมออกมุขกับนายเลิศฯขึ้เมาว่า อยากได้พวงมาลัยรถยนต์โตโยต้ารุ่นโคโรน่า เซกกั่นแฮนด์ คนเราพอสนิทสนมกันมากๆก็เกิดไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ช้านายเลิศฯขี้เมาก็พานายเจือฯเข้าร่วมวงเหล้ากับลูกน้องผม ในที่สุดก็ทราบว่านายเจือฯมีลูกชายชื่อนายคงฯทำงานเป็นช่างอยู่ที่อู่ซ่อมรถยนต์ของนายดาบอาคมฯ ตำรวจในสังกัดกองสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธร ๒ กว่าจะได้ข้อมูลเชื่อมโยงพอจะเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรใช้เวลาประมาณ ๓ เดือน นี่แหละครับการสืบสวนต้องใช้วลา วิธีการสืบสวนหาข่าวลักษณะนี้เราเรียกว่า “การเข้าเกลียว” (วิธีการนี้ ตำรวจสมัยใหม่เขาเรียน เขาสอนกันหรือเปล่าก็ไม่ทราบ) สมัยนี้ต้องการได้ข่าวไวๆ มันจึงเกิดการ “อุ้ม” สมัยก่อนไม่มี

ตำรวจหาข่าวไม่นานก็พอจะทราบว่านายคงฯลูกชายนายเจือฯน่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนร่วมในการถอดชิ้นส่วนรถยนต์โตโยค้าของชาวญี่ปุ่น มาถึงตอนนี้ตำรวจเริ่มทำงานเร็วเพราะมาถูกทาง การติดตามหาตัวนายคงฯเริ่มขึ้น พบตัวนายคงฯพาลูกซึ่งเจ็บป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลบางคล้า นายคงฯถูกเรียกตัวไปสอบถามไม่กี่ประโยคก็ได้เรื่อง นายคงฯเป็นคนดี คนทำมาหากิน ไม่ใช่โจร และตำรวจไปพอดีจังหวะที่ลูกนายคงฯเจ็บป่วย บรรยากาศมันให้ นายคงฯถึงกับร้องไห้ เปล่า…..นายคงฯไม่ได้เป็นคนร้ายปล้นฆ่าชาวญี่ปุ่น แต่นายคงฯเป็นช่างฝีมือดี ทำงานอยู่ที่อู่รถของนายดาบอาคมฯ และเป็นผู้ถอดชิ้นส่วนรถยนต์เก๋งโตโยต้าของชาวญี่ปุ่น โดยไม่ทราบว่ารถดังกล่าวได้มาจากการปล้นทรัพย์ ภายหลังจึงได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์จึงรู้สึกกลัว

นายคงฯนำพาไปยังสถานที่ๆเก็บชิ้นส่วนรถยนต์ของนายดาบอาคมฯ ที่หมู่ ๑๑ ตำบลเขาหินซ้อน พบซากรถยนต์และชิ้นส่วนมากมาย รวมทั้งชิ้นส่วนของรถยนต์โตโยต้าของญี่ปุ่นที่ถูกฆ่าด้วย นายดาบตำรวจเจ้าของอู่ถูกดำเนินคดี ฐานรับของโจร ส่วนคนร้ายที่ทำการปล้นทรัพย์มีด้วยกัน ๔ คน เป็นคนงานทำงานอยู่ที่โรงงานอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทังหมดถูกจับกุมดำเนินคดี ผลการดำเนินคดีเป็นอย่างไรไม่ได้ติดตาม ผมเพียงอยากจะเรียนให้ท่านทั้งหลายทราบว่า ภัยอันตรายบนถนนนอกจากอุบัติเหตุแล้วยังมีภัยจากน้ำมือมนุษย์อีกด้วย จะเกิดขึ้นเมื่อไร ที่ใด มิอาจทราบได้ล่วงหน้า ท่านต้องเตรียมการณ์ มีการวางแผนทุกครั้งที่เดินทางไกล แม้อยู่ในบ้านก็อาจจะมีภัย จงเตรียมตัวเตรียมใจเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เมื่อมีสถานการณ์เกิดขึ้นจะรับมือยังไง จงจัดการกับปัญหาอย่างมีสติ บทความของผมไม่ต้องการให้ท่านเกิดความกลัว แต่ต้องการให้ท่านรอบคอบ ไม่ประมาท อย่างน้อยก็รู้ว่ามันเคยมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้ว.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์