บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ฆ่ายัดเมรุเผา
ท่านจะทราบยุทธการ“คนหาย” และยุทธวิธีการสืบสวน

เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ อาจจะตอบปัญหาค้างคาใจที่ผู้คนสงสัยว่า เมื่อคนหายแล้วไปไหน จึงตามหาไม่พบ ฟังไว้ประดับความรู้ ว่าเคยมีเรื่องอย่างนี้ แต่มิได้หมายความว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นแบบนี้หมด ทำให้นึกถึงรายการโทรทัศน์ รายการ “เปิดกะลา” ( คำพังเพยโบราณ เปรียบคนที่ไม่รู้หรือรู้น้อยว่า เหมือนกบในกะลา พอเปิดกะลาออกมาจึงได้รู้ว่าโลกใบนี้กว้างใหญ่ไพศาล มีอะไรที่ยังไม่รู้อีกเยอะ ) เรื่องที่ผมจะนำมาเล่า เป็นเรื่องที่มาจากการสืบสวน พอสืบสวนมาได้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ งานขั้นต่อไปต้องสืบหาพยานหลักฐาน บางเรื่องหาพยานหลักฐานไม่ได้ ก็ไม่สามารถเปิดคดี หรือนำคดีเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและพิจารณา ตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมได้ ทำให้ดูเหมือนปล่อยให้เรื่องเงียบหายไป ความจริงไม่ใช่ ผู้สืบสวนก็ยังใช้ความพยายามค้นหาความจริงต่อไป แต่ทำไปนานๆแล้วไม่คืบหน้า คนทำมันก็เซ็ง ไปจับงานชิ้นใหม่ดีกว่า เช่นเดียวกับกรณีทนายสมชายฯหายตัวไป ติดตามหาศพไม่พบ จึงไม่อาจที่จะมีการชันสูตรพลิกศพ เมื่อชันสูตรพลิกศพไม่ได้ กฏหมายไม่ให้มีการฟ้องคดีอาญา ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า มีการตายเกิดขึ้นจริง ตายเพราะอะไร สาเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย บางคดีไม่พบศพแต่มีชิ้นส่วนร่างกายที่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ยืนยัน ดี.เอน.เอ.ได้ว่า เป็นชิ้นส่วนร่างกายของผู้ตาย มีพยานแวดล้อมอื่นประกอบ ศาลเชื่อว่าผู้ตายได้ตายจริง ก็อาจจะนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลได้ คนหายสาปสูญมีอยู่หลายคดีนะครับ ที่จำได้มีคดีผู้ใหญ่แดง (เกี่ยวข้องกับตระกูลธรรมวัฒนะ) คดีนักธุระกิจชาวซาอุฯหายตัว ทั้งสองเรื่องรอให้ถึงกำหนดเวลา ตามหาตัวไม่พบก็ร้องต่อศาล ขอให้สั่งเป็นบุคคลสาปสูญ คดีทนายสมชายฯผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ เลยเล่าให้ฟังไม่ได้ ถ้าจะไปสืบเสาะก็คงไม่มีใครให้ความร่วมมือ อาจจะถูกตืบเอาด้วย ไม่มีใครรับว่าเกี่ยวข้อง ที่ศาลพิพากษาไปแล้ว เป็นคดีหน่วงเหนี่ยวทำให้เสียเสรีภาพ จำเลยทุกคนปฏิเสธ แต่ศาลเชื่อพยานโจทก์จึงพิพากษาลงโทษ เมื่อจำเลยปฏิเสธ ทำให้ไม่มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับคนหาย คงจะต้องรอให้หมดอายุความ คนที่เกี่ยวข้องอาจจะบอกเล่ารายละเอียดก็ได้

คดีนี้เหตุเกิดในท้องที่ สน.ลาดพร้าว เริ่มต้นจากคดีคนหาย บุตรชายของนายชัชวาลฯได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ให้ช่วยติดตามหาตัวนายชัชวาลฯผู้พ่อ ซึ่งมีหลักฐานว่า นายชัชวาลฯได้ออกจากบ้านไปกับนายสมชายฯซึ่งเป็นคนรู้จักกัน เรื่องนี้ผิดกับกรณีคนหายรายอื่นๆ เพราะรายนี้มีร่องรอยหลักฐาน มีพยานบุคคลหลายคนเห็นว่านายชัชวาลฯนั่งรถยนต์ปิกอัพไปกับนายสมชายฯ เรื่องมีอยู่ว่า นายชัชวาลย์ฯพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งริมถนนรามคำแหง นายสมชายฯไปมาหาสู่นายชัชวาลย์ฯบ่อยๆ ใครๆก็รู้ว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกัน นายชัชวาลฯมีที่ดินอยู่ต่างจังหวัด ๑ แปลง ต้องการขาย นายสมชายฯเป็นนายหน้าวิ่งเต้นขายที่ดินจนสำเร็จ

ที่ผมบอกว่าคนหายรายนี้ไม่เหมือนกับรายอื่นๆ เพราะรายอื่นๆคนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีคนรู้เห็นว่าหายไปยังไง แต่รายนายชัชวาลฯนี้ชัดเจน ว่านั่งรถยนต์ไปกับนายสมชายฯ เรื่องนายชัชวาลฯหายตัวไปจึงมีเงื่อนงำ การที่นายชัชวาลฯหายตัวไปส่อว่าผิดปกติก็คือ การหายตัวไปในลักษณะนี้ เจ้าตัวไม่เคยประพฤติมาก่อน ญาติพี่น้องลูกหลานติดต่อไม่ได้ จึงเห็นว่ามันเป็นเรื่องผิดปกติ รายนี้ตำรวจกองสืบสวนนครบาล ๔ ซึ่งมี พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ เป็นผู้กำกับการหัวหน้าหน่วย ไม่นิ่งเฉยดูดาย สั่งการให้ลูกน้องทำการสืบสวน

คดีที่คนร้ายไม่ได้วางแผนไว้ก่อน มักจะทิ้งร่อยรอยเสมอ จุดเริ่มต้นของการติดตาม ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่นายสมชายฯ เรื่องไม่ยากเพราะนายสมชายฯพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งเดียวกับนายชัชวาลฯ เริ่มต้นที่คอนโดฯห้องพัก ปรากฏว่านายสมชายฯย้ายออกไปแล้ว และเอารถยนต์ปิกอัพของนายชัชวาลฯไปด้วย ไม่มีผู้ใดทราบว่าย้ายไปอยู่ที่ใด

เรื่องต่อไปเป็นหัวใจของการสืบสวน คือ “โทรศัพท์” คดีหลายๆเรื่องคลี่คลาย จับกุมผู้กระทำผิดได้เพราะโทรศัพท์ สมัยนั้นการซื้อโทรศัพท์มือถือ(เคลื่อนที่) ต้องลงทะเบียนชื่อและที่อยู่ เบอร์โทรของนายสมชายฯค้นหาได้ง่าย เพราะโทรติดต่อกับนายชัชวาลฯเป็นประจำ ( ตอนเกิดเหตุลูกๆนายชัชวาลฯโทรหาพ่อไม่ได้ ลักษณะไม่เปิดเครื่อง ) ตำรวจตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ของชัชวาลฯ ไม่ช้าก็หาเบอร์นายสมชายฯได้ เช็คหาที่อยู่สมชายฯจากที่ลงทะเบียนซื้อโทรศัพท์ ปรากฏว่าใช้ที่อยู่ที่คอนโดฯ ตรวจสอบหา base การใช้โทรศัพท์ พบว่านายสมชายฯใช้โทรศัพท์อยู่ในพื้นที่ย่านมีนบุรี แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าอยู่ตรงจุดใด ตรวจรายการใช้โทรศัพท์ ได้เบอร์ปลายทางที่นายสมชายฯติดต่อด้วยหลายหมายเลข เพียงแค่นี้ก็สามารถล๊อกเอาตัวนายสมชายฯมาได้ ที่เคหะชุมชนหนองจอก กทม. ได้พร้อมรถยนต์ปิกอัพอีซูซุ สีแดง ของนายชัชวาลฯซึ่งถูกเปลี่ยนป้ายทะเบียน

จากการสอบสวนจึงได้ทราบว่า นายสมชายฯเป็นอดีตนักมวย เคยตะเวนชกมวยแถวย่านชานเมือง กทม. ที่ประทุม รังสิต ใช้ชื่อในการชก “รุ่งตะวัน” เคยถูกจับในคดีปล้นฆ่าเศรษฐีปล่อยเงินกู้ โดยการเผาทำลายศพ ถูกจับกุมดำเนินคดี ศาลตัดสินประหารชีวิต แต่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ เหลือโทษจำคุกจริงๆเพียง ๑๔ ปี เมื่อพ้นโทษมาก็ไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เที่ยวเตร่เล่นการพนัน และเป็นนายหน้าค้าที่ดิน รู้จักกับนายชัชวาลฯเพราะช่วยขายที่ดินให้ เดิมทีนายชัชวาลฯจะให้ค่านายหน้า ๓๐ เปอร์เซ็น แต่พอขายได้จริงๆกลับให้เพียง ๑๐ เปอร์เซ็น เป็นเหตุให้นายสมชายฯไม่พอใจ

วันเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันช่วงบ่ายๆ นายชัชวาลฯขับรถปิกอัพพานายสมชายฯนั่งไปด้วย ระหว่างเดินทาง จอดรถพูดคุยกันถึงเรื่องค่านายหน้าขายที่ดิน นายสมชายฯทวงเงินค่านายหน้า นายชัชวาลฯยืนยันให้เพียง ๑๐ เปอร์เซ็น นายสมชายฯไม่พอใจ ชกนายชัชวาลฯถูกที่ปลายคาง ๑ ครั้ง จนกรามหักสลบไป ( บอกแล้วว่า นายสมชายฯนักมวยเก่า ชกเป็น โดนทีเดียวจอด ) จากนั้นนายสมชายฯทำหน้าที่ขับรถ พานายชัชวาลฯนั่งขับขี่วนไปวนมา คิดว่าจะจัดการกับนายชัชวาลฯยังไงดี

คนเคยมีประสบการฆ่าคนมาแล้ว เมื่อเกิดเรื่องทำนองเดียวกันอีกก็ไม่ตกใจ โบราณจึงพยายามเตือนนักเตือนหนาว่า ให้พยายามอยู่ห่างไกลคนประเภทนี้ คนที่มีอดีตเป็นนักฆ่า นักปล้น ถึงแม้จะกลับตัวเป็นคนดีแล้วก็ตาม แต่หากมีเรื่องสะกิดใจ ก็พร้อมที่จะฆ่าได้อย่างเลือดเย็น อย่างคดีนี้ แทนที่นายสมชายฯจะช่วยเหลือปฐมพยาบาลนายชัชวาลฯให้ฟื้นคืนสติ กลับคิดว่าจะจัดการกับศพนายชัชวาลฯอย่างไรดี

ประสบการเก่าถูกนำมาใช้ คดีเรื่องแรกที่นายสมชายฯฆ่าเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ นายสมชายฯเอาศพไปเผาที่เมรุเผาศพ ที่วัดแห่งหนึ่ง อยู่ริมถนนเส้นทางสายหลักใน กทม. แผนประทุษกรรมเดิมมันมีอยู่ ในคดีหลังนี้ ในตอนแรกนายสมชายฯไม่ยอมรับว่าจัดการกับนายชัชวาลฯอย่างไร ตำรวจใช้จิตวิทยาในการซักถาม มีหลักอยู่ว่า คนเคยมีประสบการณ์เรื่องใดเรื่องหนึ่ง อย่างไร มักจะยึดถือเอาเป็นแม่แบบ ทำซ้ำทำซาก

จริงตามที่คาด นายสมชายฯให้การว่า ขณะขับรถวนไปวนมา นายชัชวาลฯรู้สึกตัว มีการขยับตัวเคลื่อนไหว นายสมชายฯต่อยและกระทืบอัดซ้ำเข้าไปอีก แล้วหาเชือกรัดคอ จนแน่ใจว่าเสียชีวิตแล้ว ก็ขับรถไปที่เมรุเผาศพวัดที่เคยนำศพเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ไปเผา ขณะนั้นเป็นเวลาห้าโมงเย็นกว่า ใกล้จะพลบค่ำ เมรุดังกล่าวมีการเผาศพอยู่พอดี ญาติพี่น้องที่มาทำฌาปนกิจกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่สัปเหร่อคนเฝ้านั่งกินเหล้า ไม่ได้สนเมรุเผา นายสมชายฯให้การว่า ได้ใช้ผ้าห่อศพนายชัชวาลฯเรียบร้อย อาศัยจังหวะที่สัปเหร่อกำลังเผลอ ยัดศพนายชัชวาลฯเข้าไปอีก ๑ ศพ เผาไปด้วยกัน แล้วรอดูอยู่ประมาณ ๒ ชั่วโมง จึงได้หลบหนีไป

นี่เป็นเพียงคำรับสารภาพของผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหา จะจริงตามคำให้การหรือไม่ต้องหาพยานหลักฐานสนับสนุน ระยะเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญ วันที่นายสมชายฯรับว่าเอาศพนายชัชวาลฯยัดเข้าเมรุเผา ห่างจากวันที่ไปทำการสอบสวนประมาณ ๑ เดือน มีการเผาศพผ่านเมรุดังกล่าวนี้ไปมากกว่า ๑๐ ศพ การจะไปหากระดูกหรือขี้เถ้า เพื่อไปตรวจหา ดี.เอ็น.เอ. มันทำไม่ได้ จะเผาจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ การที่ผู้ต้องหาให้การเช่นนี้ ทำให้ไม่ต้องค้นหาศพ ก็เขาบอกว่าเผาทำลายศพไปแล้ว จะไปหาศพที่ไหน การชันสูตรพลิกศพตามกฎหมายทำไม่ได้ คำรับของผู้ต้องหาจริงหรือเปล่าก็ไม่ทราบ และจะกลับคำให้การเมื่อไรก็ได้ ตำรวจได้เรียกสัปเหร่อไปสอบสวนซักถาม ทุกคนบอกว่าเป็นไปไม่ได้ ตลอดระยะเวลาการเผาศพ จะต้องคอยกำกับเฝ้าดูตลอด เตาเผาแบบใหม่ใช้น้ำมัน และน้ำมันที่ใช้จะต้องพอดีกับศพ ถ้าเพิ่มศพเข้าไปอีกน้ำมันจะไม่พอ แต่ผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อทั้งสองฝ่าย เพราะถ้าหากผู้ต้องหากับสัปเหร่อรู้จักกัน อะไรก็ย่อมทำได้ทั้งนั้น บรรดามือปราบบางคนจึงได้หาที่ทำลายศพในลักษณะนี้ อุ้มใครมาก็โยนใส่เตาเผาเลย แล้วก็อย่าลืม นอกจากเมรุเผาศพแล้ว ยังมีเตาหลอมโลหะอีกนะครับ ใช้อุณหภูมิในการหลอมเป็นพันๆองศา แล้วถ้าเอาศพคนยัดเข้าไป จะมีอะไรเหลือ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น อย่าเชื่อผมนะครับ รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้ซะเลย เหมือนรายการ “เปิดกะลา”ไง

คดีรายนี้ ตำรวจมีความเห็นสั่งฟ้องเพราะผู้ต้องหารับสารภาพ ผลการพิจารณาคดีในชั้นศาลเป็นอย่างไรไม่ได้ติดตาม จำเลยอาจจะหลุดพ้นคดี เพราะจะกลับคำปฏิเสธเมื่อไรก็ได้ แต่ที่ผมนำมาเสนอ เพื่อฝากให้คิด คนหายไปไหน จึงตามไม่พบ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์