บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ศพเปลือย ฆาตกรรมอำพราง ตอนที่ 2
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ศพเปลือย ฆาตกรรมอำพราง ตอนที่ 2
หญิงผู้หนึ่งถูกฆ่า ฆาตรกรนำศพทิ้งไว้ข้างทาง ญาติพี่น้องอยู่ห่างไกลพยายามติดตามหัวตัวเธอ ทำได้ดีที่สุดเพียงแค่แจ้งความคนหาย เรื่องคนหายตำรวจจะให้ความสนใจน้อย ญาติจึงต้องติดตามหากันเอาเอง ได้ข่าวคราวศพหญิงไม่มีญาติถูกฝังที่ไหน ตามไปขุดขึ้นมาดู ก็ยังไม่พบ อีกทางหนึ่งที่ทำได้คือ สวดมนต์ภาวนาวิงวอนให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย
ปฏิหารมีจริง คดีนี้คลี่คลาย ศพถูกค้นพบ ฆาตรกรถูกดำเนินคดี ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวิญญาณผู้ตายช่วย แต่เป็นเพราะความใส่ใจต่อหน้าที่ และให้ความสนใจต่อเรื่องเล็กๆน้อยๆของตำรวจ ตลอดจนการทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีในสังคมนี้ยังมีอยู่ ทำให้คดีนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ ท่านติดตามอ่าน จะทราบถึงแนวทางการติดตามหาคนหาย และการสืบสวนของตำรวจ คดีนี้ต้องยกให้ตำรวจทางหลวงเป็นพระเอก ในช่วงนี้ผู้คนกำลังชิงชังตำรวจ เพราะมีเรื่องไม่ค่อยจะดีเกี่ยวกับตำรวจเกิดขึ้นบ่อย ตามที่ปรากฏเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ อ่านเรื่องนี้แล้วท่านจะรักตำรวจมากขึ้น ตำรวจที่ดีๆยังมีอยู่

ย้อนหลังไปเมื่อประมาณกลางเดือนกันยายน ๒๕๔๖ มีผู้พบศพหญิงเปลือยกาย นอนตายอยู่ในป่าละเมาะข้างถนน ในท้องที่ สภ.กบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี จุดที่ทิ้งศพยากแก่การค้นพบ เพราะอยู่ในป่าละเมาะหนาทึบข้างทางซึ่งเป็นถนนลูกรัง ทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นทางแยกไปจากถนนสายหลัก ไม่ใช่ทางที่ใช้ในการสัญจร เหตุที่พบศพเพราะกลิ่นเน่าโชยไประยะไกล ตอนที่พบศพประมาณว่าตายมาไม่น้อยกว่า ๕ ถึง ๗ วัน ศพเน่าขึ้นอืดไม่มีเสื้อผ้า ฆาตรกรจงใจเบี่ยงเบนแนวทางการสืบสวน หลักฐานที่จะสืบสาวว่าผู้ตายเป็นใครไม่มีอะไรเลย การชันสูตรพลิกศพ ณ จุดที่เกิดเหตุช่วยอะไรไม่ได้มาก พนักงานสอบสวนเพียงแต่ถ่ายภาพไว้แล้วส่งศพในชันสูตรที่สถานบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จากการติดตามผลการชันสูตรศพ ทราบเพียงผู้ตายเป็นหญิง ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย ไม่สามารถตรวจได้ว่า มีร่องรอยของการข่มขืนหรือไม่ ตรวจหาอสุจิไม่พบ คาดคะเนอายุจากกระดูก ผู้ตายอายุยังไม่มาก แต่ไม่ใช่เด็ก พนักงานสอบสวนกบินทร์บุรีประกาศหาญาติผู้ตาย โดยติดภาพศพไว้ ณ ที่ติดประกาศของสถานีตำรวจ และส่งภาพไปที่แผนกสืบหาคนหายและพลัดหลง กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ประมาณ ๑๐ วันต่อมา ที่ สน.อุดมสุข กทม. นายสุชายฯได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนร้อยเวร ภรรยานอกสมรส (ไม่ได้จดทะเบียน) ชื่อพรรณีฯ อายุ ๒๕ ปีหายตัวไป จะหายไปอย่างไร เมื่อใด บอกไม่ได้เพราะนายสุชายฯมีภรรยาหลายคน เที่ยวตระเวนนอนบ้านโน้นบ้าง บ้านนี้บ้าง กว่าจะครบรอบที่สองก็หลายอาทิตย์ ตำรวจ สน.อุดมสุขรับแจ้งไว้เป็นหลักฐาน

ผมบอกแล้วว่าการสืบหาคนหายตำรวจไม่ค่อยได้ทำกันอย่างจริงจัง เอาแค่สืบหาทรัพย์สินที่ถูกโจรกรรม สืบจับตัวคนร้ายที่ก่อคดีหรือมีหมายจับก็ทำกันไม่ไหวแล้ว เรื่องของคนหายส่วนใหญ่เดี๋ยวก็กลับมาเอง จึงไม่ค่อยเป็นที่สนใจ แต่ก็มีเหมือนกันที่หายสาปสูญ แต่ความจริงคนหายเป็นเรื่องใหญ่ ผมเคยสืบหาญาติๆของคนรู้จัก เป็นคนมีที่ดิน ประกาศขายที่ทางหนังสือพิมพ์ มีคนโทรศัพท์สนใจจะซื้อที่ ให้นำโฉนดไปให้ดู ความที่อยากจะขายที่จึงไปตามนัด ปรากฏว่าเจ้าของที่ดินหายตัวไปพร้อมโฉนด จนกระทั่งบัดนี้เวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ยังตามหาตัวไม่พบ ญาติได้แต่อายัดการทำนิติกรรมที่ดินแปลงดังกล่าวไว้ บางรายติดตามไปติดตามมาปรากฏว่า แกโกรธลูกหลาน เลยหนีไปอยู่ต่างประเทศ บางรายก็พบเป็นศพ บางรายก็ถูกอุ้มไปแบบไร้ร่องรอย การทำงานของตำรวจกรณีรับแจ้งคนหาย ก็เพียงส่งรายละเอียดรูปพรรณ ไปยังแผนกคนหายและพลัดหลง เป็นหน่วยงานอยู่ในสังกัดของกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานนี้จะเป็นหน่วยกลาง ทำเอกสารเกี่ยวกับคนหาย ติดประกาศและแจ้งไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้ช่วยสืบหา เหมือนกับการพายเรืออยู่ในอ่าง วนไปก็วนมา ผลสุดท้ายก็ตกเป็นหน้าที่ของสถานีตำรวจ งานของแต่ละสถานีก็มากอยู่แล้ว งานฝากใครจะสนใจ ผมยังเคยคิดจะตั้งเป็นบริษัทนักสืบ รับติดตามหาคนหายโดยเฉพาะ คงมีงานให้ทำเยอะ ก็ได้แต่เพียงคิดเท่านั้น ทำจริงๆแล้วมีปัญหา เพราะไม่มีอำนาจที่จะเรียกใครๆไปสอบสวนซักถาม ผู้ที่จะทำได้ดีที่สุดก็คือตำรวจ

กรณีคุณพรรณีฯหายตัวไป หากเป็นคู่สามีภรรยาปกติ สามีจะต้องกระวนกระวายใจ แต่คุณสุชายฯสามี แกมีภรรยาตั้ง ๖ คน แกก็เลยเป็นห่วงภรรยาที่หายไปเพียง ๑ คนน้อยไปหน่อย แต่สำหรับญาติๆของพรรณีฯต่างพากันร้อนใจ ติดตามหาทุกหนทุกแห่ง อันดับแรกไปที่มูลนิธิต่างๆที่เก็บศพ มีหลายมูลนิธิด้วยกัน มูลนิธิดังกล่าวนี้จะถ่ายรูปศพไม่มีญาติเก็บไว้เป็นหลักฐาน ติดประกาศให้ญาติไปดู จะเป็นศพไม่มีญาติถูกรถชนเสียส่วนใหญ่ ญาติๆของพรรณีฯไปดูแล้วไม่พบ อีกแห่งที่ติดตามไปดูคือ สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ด้านติดกับถนนอังรีดูนังส์ กทม. ศพที่เกี่ยวข้องกับคดี ส่วนใหญ่จะถูกส่งไปทำการผ่าชันสูตรที่นี่ เจ้าหน้าที่จะถ่ายรูปศพไม่มีญาติติดประกาศไว้ ไม่พบศพพรรณีฯอีก

ญาติของพรรณีฯ ติดต่อขอทราบความคืบหน้าในการตามหากับตำรวจ สน.อุดมสุข ได้ข้อมูลจากตำรวจว่า มีศพหญิงไม่มีญาติรายหนึ่ง ถูกนำไปฝังที่สุสานศพไร้ญาติ ต้องไปขุดเอาศพหญิงนิรนามนี้ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล ทำการพิสูจน์โดยวิธีภาพถ่ายเชิงซ้อน ปรากฏว่าภาพใบหน้ากับโครงกะโหลกเข้ากันไม่ได้ ยืนยันได้เลยว่าไม่ใช่แน่ ก็ต้องสืบหากันต่อไปอีก จนเวลาล่วงเลยไป ๖ เดือนกว่า ไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย ที่พึ่งสุดท้ายของบรรดาญาติๆก็คือ บนบานศาลกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งวิงวอนต่อดวงวิญาณของผู้ตาย หากว่าเธอตายไปแล้ว ขอให้ดลบันดาลให้ได้ทราบ หากเธอถูกทำร้ายก็ขอให้ฆาตรกรถูกลงโทษ

ในบรรดาญาติๆของพรรณีฯ มีกิ่งกาญจน์ฯซึ่งเป็นน้าสาว เป็นผู้ที่สนิทสนมกับพรรณีฯมากกว่าแม่ของพรรณีฯ เพราะเป็นคนเลี้ยงดูและอยู่ด้วยกันมานาน ไม่รู้ว่ามีอะไรไปดลใจกิ่งกาญจน์ฯ เธอเริ่มให้ความสนใจสุชายฯสามีของพรรณีฯ เพราะเธอเห็นว่าสุชายฯไม่ค่อยเป็นห่วงภรรยา ไม่สนใจในการติดตามสืบหา ก่อนหน้านี้ตอนที่พรรณีฯยังมีชีวิตอยู่ กิ่งกาญจน์ฯเคยได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากพรรณีฯ บอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องระหองระแหงในครอบครัว กิ่งกาญจน์ฯไม่ได้สนใจจดหมายดังกล่าวมากนัก คิดว่าเป็นเรื่องระหว่างผัวเมีย เพียงอ่านผ่านตาแล้วเก็บไว้ กิ่งกาญจน์ฯนำจดหมายออกมาดูอีกครั้ง ข้อความในจดหมายบรรยายถึงความขัดแย้งระหว่างพรรณีฯกับสุชายฯ เรื่องความเจ้าชู้คบหญิงหลายคน และสุชายฯยังได้เอาเงินซึ่งได้มาจากการขายรถคันเก่าของพรรณีฯไป ๓ แสนบาท ทั้งสองเกิดการทะเลาะรุนแรงถึงขั้นทำร้ายกัน พรรณีฯเคยถูกสุชายฯถีบกระเด็นไปโดนขอบหน้าต่างบ้านบาดเจ็บ ไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลรามคำแหง และในจดหมายยังเน้นไว้อีกว่า หากเธอหายตัวหรือตายไป ต้องเป็นการกระทำของสามีเธอแน่นอน

คุณกิ่งกาญจน์ฯสวมบทนักสืบ จุดแรกที่เธอไปตรวจสอบคือที่ รพ.รามคำแหง พบว่าพรรณีฯเคยไปรักษาบาดแผลถูกของมีคมที่นี่จริง เธอแน่ใจว่าข้อมูลในจดหมาย เป็นตัวบ่งบอกถึงสาเหตุการหายตัวแน่นอน กิ่งกาญจน์ฯโทรศัพท์เข้าเบอร์ของพรรณีฯ ปรากฏว่าสุชายฯสามีเป็นผู้รับสาย สุชายฯยอมรับว่า ได้เกิดปากเสียงทะเลาะกับพรรณีฯ จนเป็นเหตุให้พรรณีฯได้รับบาดเจ็บจริง พรรณีฯได้หนีออกจากบ้านไป เข้าใจว่าคงไปนอนบ้านเพื่อนโดยทิ้งโทรศัพท์มือถือไว้ ส่วนสุชายฯก็เลยไปนอนที่บ้านภรรยาคนอื่นๆ นานๆแวะเวียนกลับมาดู ไม่พบวี่แววของพรรณีฯ สุชายฯจึงได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สน.อุดมสุขเป็นหลักฐาน จากคำบอกเล่าของสุชายฯ ตรงกับข้อความในจดหมาย แต่ที่เธอเห็นว่าเป็นพิรุธคือ โทรศัพท์มือถือ พรรณีฯน่าจะเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย
กิ่งกาญจน์ฯเดินเครื่อง เธอทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานราชการทุกแห่งที่มีหน้าที่ในการสืบสวน ให้ช่วยสืบหาพรรณีฯ โดยให้เบาะแสข้อสงสัยไปด้วย รวมทั้งบรรดาสื่อต่างๆเช่น วิทยุ จส.๑๐๐, สวพ.๙๑, ร่วมด้วยช่วยกัน และโทรทัศน์ ITV สื่อทั้งหลายต่างก็ช่วยกันแพร่ข้อมูล แต่ที่ได้ผลก็คือโทรทัศน์ ITV โทรทัศน์ค่ายนี้มีการเสนอข่าวที่เข้มข้น ตรงประเด็น จึงมีแฟนผู้ชมมากทั่วประเทศ สถานีโทรทัศน์ ITV สัมภาษณ์คุณกิ่งกาญจน์ฯเรื่องการหายตัวของพรรณีฯออกอากาศ

เมืองไทยของเรายังมีคนดีที่คอยช่วยเหลือสังคม คอยเป็นหูเป็นตา ไม่นิ่งเฉยดูดาย จากการแพร่ภาพของโทรทัศน์ ITV ดังกล่าว มีประชาชนที่อยู่แถวกบินทร์บุรีชมรายการ โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ ITV ว่า ในช่วงที่พรรณีฯหายตัวไป มีการพบศพหญิงนิรนามในเขตพื้นที่ สภ.กบินทร์บุรี ให้ให้ไปติดตามดู

เล็กๆน้อยๆแค่นี้เอง ทำให้กลไกการสืบสวนทุกอย่างเริ่มต้นอย่างมีทิศทาง ในฐานะที่ผมเป็นตำรวจทำงานฝ่ายสืบสวน ต้องขอบคุณผู้เกี่ยวข้องคือ ๑ สถานีโทรทัศน์ ITV ๒ ผู้ทำหน้าที่พลเมืองดีที่โทรแจ้งข่าวพบศพ มีส่วนทำให้คดีคลี่คลาย

ช่วงที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีเกี่ยวกับศพนิรนามที่กบินทร์บุรี เป็นระยะเวลาหลังจากพรรณีฯหายตัวไปประมาณ ๘ เดือน กิ่งกาญจน์ฯได้ข่าวรีบเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ขอดูภาพถ่ายศพหญิงดังกล่าว แม้จะเป็นภาพศพที่ขึ้นอืด เปลี่ยนสภาพไปมาก แต่ความรู้สึกบอกกิ่งกาญจน์ฯว่า น่าจะเป็นหลานสาวของเธอที่หายตัวไป เธอรีบตามเรื่องไปที่สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อติดตามหาศพหญิงนิรินามผู้นั้น ทราบว่าถูกส่งไปฝังที่สุสานศพไม่มีญาติที่จังหวัดชลบุรี ศพถูกขุดขึ้นมา สภาพศพเหลือแต่กระดูก เนื้อหนังไม่เหลือเพราะเป็นศพที่ไม่มีการฉีดยากันเน่า เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำการตรวจพิสูจน์ภาพเชิงซ้อน ผลการตรวจยืนยัน ภาพเชิงซ้อนเข้ากันได้พอดี น่าเชื่อว่าศพดังกล่าวคือพรรณีฯ ญาติๆไม่รอช้า นำศพไปจัดการตามประเพณี โดยญาติของพรรณีฯไม่ได้บอกให้พนักงานสอบสวนกบินทร์บุรีทราบ ในประเด็นความเกี่ยวพันระหว่างพรรณีฯกับสุชายฯ

งานศพพรรณีฯจัดแบบเงียบๆ ไม่บอกให้สุชายฯรู้ เพราะบรรดาญาติสงสัยสุชายฯมาตั้งแต่ต้น ว่าน่าจะเป็นผู้เกี่ยวข้อง จากคดีคนหายกลายเป็นคดีฆาตรกรรม เป็นการตายโดยผิดธรรมชาติ ต้องมีการชันสูตรพลิกศพตามกฏหมาย จากนั้นญาติๆก็จัดการฉาปณกิจตามประเพณี โดยที่สุชายฯมิได้มีโอกาสล่วงรู้เลย ตำรวจสืบสวนหาพยานหลักฐาน โดยมีสุชายฯสามีเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ก็ไม่สามารถหาพยานหลักฐานใดๆได้ คดีมีท่าทีจะเงียบหาย เหมือนกับคดีอาชญากรรมหลายเรื่องที่ไม่ทราบตัวผู้กระทำผิด บรรดาญาติๆของพรรณีฯทำพิธีสาปแช่ง อ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต้องการให้ผู้ที่กระทำผิดได้รับโทษหรือมีอันเป็นไป
เวรกรรมมีจริง คนที่ทำชั่วถ้าไม่รู้สำนึก ไม่กลับตัวกลับใจ ไถ่บาป ทำบุญทำกุศล ลบล้างความชั่ว สักวันหนึ่งจะได้รับผลแห่งกรรมที่ได้ทำไว้ เหมือนอย่างคดีนี้ เรื่องเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น ติดตามตอนที่ ๒ ครับ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์