บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
สืบจากแตะ




คดีฆาตรกรรม แนวสืบสวนสอบสวน ผลงานของตำรวจ สน.ตลิ่งชัน ช่วงที่ พ.ต.อ.ปราโมทย์ บุญดำเนิน เป็นผู้กำกับการหัวหน้าสถานี เรื่องนี้ผมเคยนำออกอากาศทางสถานีวิทยุกองพลที่ ๑ รักษาพระองค์ ระบบ เอ.เอ็ม.๙๙๙ ไปเมื่อปี ๒๕๔๙ นำมาเสนออีกครั้ง อยากเน้นให้เห็นความสำคัญของการสืบสวน จะต้องไม่มองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เช้ารุ่งขึ้นของวันสงกรานต์เมื่อปี๔๙ พบศพเด็กหญิงอายุ ๑๔ ปี นอนตายอยู่ในร่องสวน ใกล้กับชุมชนหลังสถานีรถไฟตลิ่งชัน สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดแขนสั้นตัวเดียว ท่อนล่างเปลือยเปล่า ร่องสวนดังกล่าวน้ำไม่ลึก ผู้คนในละแวกนั้นใช้คันร่องสวนเป็นทางเดิน การพบศพจึงไม่ยากเย็นอะไร ศพเพิ่งจะเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง ยังคงสภาพเดิม ไม่มีการเน่าเปื่อย เพียงชั่วครู่เดียว สมาชิกไทยมุงก็สามารถติดตามหาพ่อและแม่เด็กสาวผู้ตายได้ เป็นคนในชุมชนหลังสถานีรถไฟนั่นเอง

ได้ความจากพ่อแม่ว่า ผู้ตายคือ “น้องแนน” อายุ ๑๔ ปี คืนวันเกิดเหตุน้องแนนออกจากบ้านไปดูหนังกลางแปลง ฉายฉลองวันสงกรานต์ให้คนดูฟรี ที่บริเวณไม่ห่างไกลจากชุมชน เส้นทางเดินจากบ้านไปดูหนังใช้สันร่องสวน คืนนั้นหนังฉายยันสว่าง น้องแนนเลยไม่ได้กลับไปนอนบ้าน จนมาพบว่าเป็นศพ

ตำรวจ สน.ตลิ่งชันไปชันสูตรพลิกศพ พบว่าบริเวณที่เกิดเหตุมีร่องรอยการต่อสู้ ท้องร่องตรงจุดที่เกิดเหตุ น้ำลึกเพียงแค่เข่า แต่มีโคลนเลน มีรอยเท้าคนเหยียบย่ำ ใบหน้าศพเปื้อนโคลน มีรอยเขียวคล้ำรอบลำคอ พบกางเกงขาสั้นและกางเกงชั้นในของผู้ตาย ถูกถอดทิ้งไว้ข้างๆศพ ลักษณะแบบนี้พอคาดเดาได้ว่า ต้องเป็นการข่มขืน ฝ่ายหญิงไม่ยินยอมจึงเกิดการต่อสู้กัน ผู้ตายเป็นเด็กหญิงหน้าตาดี รูปร่างอวบสมส่วน สภาพอวัยวะเพศภายนอกไม่มีร่องรอย ต้องนำศพไปตรวจละเอียดในห้องชันสูตรอีกครั้ง ผลการชันสูตรในเวลาต่อมา ไม่ปรากฏอสุจิในช่องคลอดของผู้ตายแต่ประการใด แต่มีรอยฉีกขาดที่ทวารหนัก ผู้ตายถึงแก่ความตายเนื่องจากขาดอากาศ มีเศษดินโคลนอยู่ในปอด แสดงว่าถูกกดศีรษะจมน้ำโคลน
พนักงานสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาร่องรอยของคนร้าย ไม่พบสิ่งใดเลย ด้วยความมากประสบการณ์ของ พ.ต.อ.ปราโมทย์ฯผู้กำกับการ ได้สั่งให้ ร.ต.อ.ประเดิม จิตวัฒนาภิรมย์ รองสารวัตรสืบสวน นำทีมงมหาหลักฐานในโคลนเลนบริเวณที่เกิดเหตุ โดยตั้งสมมุติฐานว่า ที่เกิดเหตุเป็นดินโคลน มีร่องรอยการต่อสู้ อาจมีสิ่งของล่วงหล่น สิ่งของเหล่านั้นอาจนำพาไปสู่ตัวผู้กระทำผิด

ร.ต.อ.ประเดิมฯกับลูกน้องควานดินเลนอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็พบรองเท้าแตะหนึ่งข้าง เป็นรองเท้าข้างขวา ยี่ห้อ “แอ๊ดด้า”สีฟ้า ขนาดโตพอคาดคะเนได้ว่าน่าจะเป็นรองเท้าผู้ชาย ทีมสืบสวนพยายามค้นหาต่อไปอีก ไม่พบอะไร ชุดสืบสวนเชื่อว่ารองเท้าแตะที่พบน่าจะเป็นรองเท้าของคนร้าย เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ที่รองเท้าแตะคนร้ายหลุดติดโคลนขณะกอดปล้ำกัน คนร้ายไม่อาจจะเก็บกลับได้เพราะจมอยู่ในน้ำ ตำรวจเก็บรองเท้าแตะไว้เป็นของกลาง เพื่อสืบสวนหาตัวคนร้าย ต้องชมทีมสืบสวนสอบสวนของ สน.ตลิ่งชัน ที่ไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย พยายามค้นหาจนได้หลักฐาน

หลักฐานที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ในคดีที่ผู้ตายเป็นหญิง และมีการต่อสู้กันระยะประชิดก่อนตาย ก็คือเนื้อเยื่อที่ใต้เล็บของผู้ตาย อาวุธของผู้หญิงก็คือเล็บ น้องแนนเป็นเด็กวัยรุ่นไม่นิยมไว้เล็บ แต่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ไม่ลืมที่จะขูดเอาเนื้อเยื่อใต้เล็บน้องแนนไปด้วย

ประเด็นการสืบสวน มีอยู่เพียงประเด็นเดียวคือเรื่องความต้องการทางเพศ แต่ผู้กระทำผิดจะเป็นใคร นำไปสู่การตั้งสมมุติฐาน (๑) คนร้ายน่าจะเป็นคนในละแวกนั้น สถานที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ปิด (๒) ตำรวจเพ่งเล็งไปยังบรรดาหนุ่มที่คอยตามจีบหรือหมายปองน้องแนน (๓) คนร้ายน่าจะคนที่ไปดูหนังกลางแปลงเช่นเดียวกับน้องแนน และสะกดรอยตามน้องแนนขณะเดินกลับบ้าน แค่ตั้งสมมุติฐานคนร้ายไว้แคบๆเพียงแค่นี้ ก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าคนร้ายเป็นใคร

สอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง ไม่มีผู้ใดรู้เห็นเหตุการณ์ ไม่ได้ตัวบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัย ชุดสืบสวนหันมาให้ความสนใจรองเท้าแตะที่พบในที่เกิดเหตุ หลังจากพินิจพิเคราะห์อย่างใกล้ชิดโดยละเอียด พบว่ามีคราบปูนซีเมนต์ติดอยู่ที่รองเท้า เป็นคราบฝังแน่น ชุดสืบสวนฟันธง คนร้ายรายนี้จะต้องเป็นคนงานก่อสร้าง

ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแออัด ไม่มีการก่อสร้างอยู่ในบริเวณนั้นเลย ทีมสืบสวนเข้าไปหาข่าวในชุมชน ได้ความว่า ที่ชุมชนหลังสถานีรถไฟตลิ่งชัน มีช่างก่อสร้างอยู่หลานคน ทั้งช่างไม้และช่างปูน เมื่อมีการก่อสร้างที่ไหน ผู้รับเหมาก่อสร้างก็จะมาหาจ้างช่างที่ชุมชนดังกล่าวนี้ไปทำงาน

ระดับหัวหน้าช่างในชุมชนหลังสถานีรถไฟตลิ่งชันถูกเรียกตัวไปสอบสวน หนึ่งในบรรดาหัวหน้าช่างที่มีอยู่ด้วยกันหลายคน คือนายชวลิตฯ เมื่อนายชวลิตฯได้ดูรองเท้าแตะที่พนักงานสอบสวนยึดไว้เป็นของกลาง นายชวลิตฯจำได้ว่าเป็นรองเท้าแตะของนายแจ๊คฯคนงานก่อสร้าง เป็นลูกทีมของนายชวลิตฯ

เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่คนจะจำรองเท้าแตะได้ว่าเป็นของใคร รองเท้าของตัวเองบางทียังจำไม่ค่อยจะได้ แต่สำหรับนายชวลิตฯมีเหตุผลที่จะทำให้เขาจำร้องเท้าแตะของนายแจ๊คฯได้ นายชวลิตฯเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนายแจ๊คฯไปทำงานก่อสร้างอยู่กับนายชวลิตฯ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นายชวลิตฯรับเหมาซ่อมหลังคาบ้าน ได้ให้นายแจ๊คฯปีนบันไดขึ้นไปซ่อมกระเบื้องหลังคา โดยนายชวลิตฯเป็นคนยืนจับบันได ตำแหน่งเท้าของนายแจ๊คฯอยู่พอดีกับใบหน้าของนายชวลิตฯ จึงมองเห็นรองเท้าของนายแจ๊คในระยะใกล้ และใช้เวลาจ้องมองอยู่นานจนจำได้ติดตา เป็นรองเท้าสีฟ้ายี่ห้อ “แอ๊ดด้า” นายชวลิตฯให้การว่า ในวันที่พบศพน้องแนนฯ นายชวลิตฯก็ได้ไปยืนดูตำรวจตรวจสถานที่เกิดเหตุ และเห็นตำรวจพบรองเท้าแตะตกอยู่ในโคลน พอเห็นรองเท้าที่ตำรวจเก็บได้ก็รู้แล้วว่า คนร้ายต้องเป็นไอ้แจ๊คฯแต่นายชวลิตฯไม่ได้บอกใคร แต่รีบกลับไปดูที่บ้านไอ้แจ๊คฯ พบรองเท้าแตะอีกข้างวางไว้หน้าบ้าน ไม่พบตัวไอ้แจ๊คฯ นายชวลิตฯยังได้เก็บรองเท้าแตะข้างดังกล่าวนั้นไป ตั้งใจจะนำไปให้ตำรวจ แต่ปรากฏว่ารองเท้าแตะข้างที่เก็บไปนั้น ได้หายไปอีก

ตำรวจรีบตรงไปที่บ้านของนายแจ๊คฯ พบแต่แม่อยู่ในบ้าน สอบถามแม่ให้การว่า นายแจ๊คฯไปหัวหินตั้งแต่ก่อนสงกรานต์ ตำรวจพบพิรุธที่แม่พูดปด เพราะสอบสวนพยานอื่นไปแล้วหลายคนต่างยืนยันว่า ในคืนเกิดเหตุนายแจ๊คฯอยู่ที่ชุมชนและไปดูหนังกลางแปลงด้วย
ตำรวจมั่นใจว่านายแจ๊คฯเป็นคนร้ายรายนี้ จากการสืบสวนพบว่านายแจ๊คฯเป็นผู้หนึ่งที่ตามจีบน้องแนนฯ แต่น้องแนนฯไม่ชอบ และนายแจ๊คฯยังมีประวัติชอบลวนลามผู้หญิง เคยถูกดำเนินคดีข้อหาทำอนาจารเด็กหญิง โดยใช้นิ้วจิ้มอวัยวะเพศเด็กหญิง ๔ ขวบจนอวัยวะเพศฉีกขาด เป็นพวกโรคจิต ชอบสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองให้สาวๆที่เดินผ่านดู และเคยต้องคดีฐานเสพกัญชา

ตำรวจใช้เวลาอยู่สี่วันก็สามารถจับกุมตัวนายแจ๊คฯได้ ที่บริเวณที่พักคนงานก่อสร้าง ย่านบางกรวย นนทบุรี ชั้นแรกนายแจ๊คฯปฏิเสธ ให้การว่า ตนใช้รองเท้าแตะแบบคีบและใช้มานานแล้วตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ขัดกับคำให้การของนายชวลิตฯนายจ้าง ตำรวจนำตัวนายแจ๊คฯไปตรวจค้นบ้าน พบกางเกงตัวหนึ่งของนายแจ๊คฯแขวนอยู่ที่บ้าน เป็นกางเกงสีแดง ตำรวจเอากางเกงตัวดังกล่าวมาตรวจดูโดยละเอียด พบว่าในกระเป๋ากางเกงมีจอกแหนติดอยู่ นายแจ๊คฯเริ่มแสดงอาการพิรุธ ตำรวจนำเนื้อเยื่อของนายแจ๊คฯไปตรวจพิสูจน์ ดี.เอ็น.เอ. เปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อที่พบใต้เล็บของน้องแนนฯ นายแจ๊คฯจึงยอมรับสารภาพเพราะจำนนด้วยพยานหลักฐาน แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ข่มขืนน้องแนนฯ เพราะหมดอารมณ์เนื่องจากน้องแนนฯหมดสติเสียก่อน เพียงแต่ใช้นิ้วจิ้มไปในอวัยวะเพศและทวารหนักของน้องแนนฯ

คดีนี้สามารถปิดลงได้โดยใช้เวลาสืบสวนเพียงแค่ ๔ วัน หลักฐานชิ้นเดียวที่ทำให้จับกุมตัวคนร้ายได้ คือรองเท้าแตะที่พบในที่เกิดเหตุ เป็นผลงานที่น่าชื่นชมของตำรวจ สน.ตลิ่งชันและกองกำกับการสืบสวนนครบาล ๗ คดีนี้คงจะเป็นแบบอย่างให้บรรดานักสืบรุ่นหลังๆ ได้เกิดแนวคิด อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆน้อยๆ อาจจะนำพาไปสู่ความสำเร็จได้ และต้องไม่ลืมว่า ไม่มีอาชญากรรมใดที่สมบูรณ์แบบ อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอย หามันให้เจอ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์