บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เด็ดหัวมือปืนฆ่าหม่อมแสง
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› เด็ดหัวมือปืนฆ่าหม่อมแสง




ย้อนหลังไปประมาณปี 2516 เมื่อเอ่ยชื่อ“หม่อมแสง” น้อยคนที่จะไม่รู้จัก ชื่อจริงว่า พิสิษฐ์ ชุ่มจิต หนุ่มรูปหล่อ สูงสมาร์ท ระดับพระเอกหนังไทย บ้านเดิมอยู่ชัยนาท เข้ามาขุดทองในกรุงเทพฯ ไฝ่ฝันจะเป็นดารา แต่หลงเข้าไปในวงเสือสิงห์กระทิงแรดเลยกลายเป็น“นักเลง”แบบ“ตกกระไดพลอยโจน” เพราะหุ่นให้พรรคพวกเลยอุปโลกน์ให้เป็น “หม่อม”

สมัยนั้นมีนักร้องสาวชื่อดัง ฉายา “เสียงน้ำเซาะทราย” แฟนเพลงติดเสียงแย่งกันจีบแต่ไม่มีใครได้ หนุ่มใหญ่มีชื่อเสียงในวงหนังสืบพิมพ์จีบไม่สำเร็จ จีงส่งหม่อมแสงเข้าประกบ ทุกคืนที่นักร้องผู้นี้ไปร้องเพลงหม่อมแสงจะไปนั่งฟังประจำที่โต๊ะหน้าเวที ส่งช่อดอกไม้นักร้องทุกคืน สาวกกลุ่มเสือสิงห์เป็นหน้าม้าเข้าไปทักทายหม่อมแบบพินอบพิเทา บ้างยกมือไหว้ บ้างโค้งคำนับ บางคนคุกเข่าพูดเพื่อให้สมเป็นราชนิกุล หม่อมแสงทำตัวเป็นขาใหญ่เลี้ยงดูพรรคพวกจ่ายไม่อั้น ด้วยความเพียรพยายามอยู่หลายเพลาหม่อมแสงก็สามารถชนะใจนักร้องสาวผู้นี้ สะใจแก๊งเสือสิงห์ตัวเองไม่ได้ก็ขอให้พรรคพวกได้ เป็นตำนานเล่าขานกันทั่วไปในสมัยนั้น

ความเป็นราชนิกุลจอมปลอมของหม่อมแสงไม่คงทน ไม่ช้าไม่นานนักร้องสาวก็รู้ตัว เส้นทางชีวิตของบุคคลทั้งสองจึงกลายเป็นเส้นขนาน แต่ชื่อชั้นหม่อมแสงติดในยุทธจักร หม่อมแสงหันเหเลือกเดินสายนักเลงเต็มตัว “นักเลง” ก็ต้องเป็นคนที่ชอบใช้กำลังมากกว่าใช้เหตุผล กล้าได้กล้าเสียตัดสินปัญหาด้วยแนวทางของตนเอง ไม่พึ่งกฎหมาย เที่ยวเตร่กลางคืน กลางวันนอน ชีวิตผูกพันอยู่กับบ่อนการพนัน กลางวันเสาร์-อาทิตย์เล่นม้า วันธรรมดาพนันมวย กลางคืนเข้าบ่อนเถื่อนหรือไม่ก็เที่ยวคลับ บาร์เลิกหิ้วพ๊าตเนอร์กินข้าวต้มแล้วพากันไปนอนต่อ ไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตน คบเพื่อนฝูงดื่มสุรา ชอบสังสรรค์กันในมื้อดึกหลังบาร์ไนท์คลับเลิก กินอาหารกันทีก็ต้องโต๊ะใหญ่ไม่ต่ำกว่า ๑๐ ถึง ๒๐ คน เจ้ามือนั่งหัวโต๊ะ ใครเล่นได้เป็นเจ้ามือ ใครที่อาศัยกินนั่งปลายโต๊ะ

สหายของหม่อมแสงกลุ่มใหญ่พอสมควร กรุง ป่อง แต๋ว จุ๊กกี้ กิตติเกียรติ์ เบี้ยว คนอื่นๆจำไม่ได้แล้ว สถานที่นัดกินมื้อดึกในช่วงนั้นก็คือ ซีฟู๊ดมาร์เกตถนนอโศกของป๋ามล วันที่หม่อมแสงจะดับ หม่อมแสงโชคดีถูกม้าหนามหรั่ง (ราชกรีฑา) รับเงินแล้วนัดพรรคพวกกินล้างหนี้ที่ติดค้างที่ซีฟู๊ดมาร์เก็ตอโศก

“เสือพัย” ชื่อจริงว่า ประพัย พันตรี เด็กหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรง มาจากไหนไม่มีใครรู้ มาโด่งดังแถวตลาดประตูน้ำ มีคนพบว่าเคยเป็นเด็กเข็นรถส่งน้ำแข็งมาก่อน ความที่เป็นคนใจถึงสู้คน เรื่องชกต่อยตีรันฟันแทงไม่กลัวใคร มีคนเห็นว่ามีหน่วยก้านดีมีเลือดนักสู้จึงนำพาเข้าสู่บ่อนเถื่อน อาชีพหลักของนักเลงบ่อนก็คือทวงเงินนักเล่นที่ติดค้างบ่อน พูดกันดีๆไม่ยอมจ่ายก็ต้องออกแรงทุบกันบ้าง ถ้ายังไม่เชื่อก็เอาลูกตะกั่วให้กิน เชือดไก่ให้ลิงดู ไม่กี่ศพชื่อเสียงก็เป็นที่เกรงขาม พูดอะไรคนต้องฟัง กลายเป็นขาใหญ่ เจ้าของบ่อนเลี้ยงดูอย่างดี

คืนวันเกิดเหตุ หลังบาร์เลิกที่ซีฟู๊ดมาร์เก็ตอโศก ชายหญิงกลุ่มใหญ่ ๒๐ กว่าคนนั่งโต๊ะเดียวกันต่อเป็นโต๊ะยาว “ป่อง”หนุ่มหล่อเก๋ากว่าเพื่อนนั่งหัวโต๊ะ ด้านขวามือเป็น“แต๋ว”แฟนป่อง ซ้ายมือป่องคือ“พัย” ลิ่วล้อนั่งเรียงกันเป็นแถวต่อๆกันไป ช่วงหนึ่ง“พัย”ลุกจากเก้าอี้นั่งเดินไปทักทายเพื่อนฝูงโต๊ะอื่น ช่วงนั้นหม่อมแสงเดินทางมาถึงทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ของ“พัย” หม่อมแสงดื่มมาจากที่อื่นก่อนแล้วอาการค่อนข้างเมา พูดจาเสียงดังตามประสาคนมีตังส์ ขอเป็นเจ้ามือสักครั้ง ขณะที่กำลังโม้อยู่นั้น“พัย”เดินมายืนที่ด้านหลังแต่หม่อมแสงไม่ทันได้สังเกต “ป่อง”ซึ่งรู้จักมักคุ้นทั้งสองบอกหม่อมแสง “เฮ้ยแสง ที่นั่งของ“พัย”มัน” หม่อมแสงไม่เห็น “พัย”ก็เลยพูดด้วยเสียงดัง “พัย..เพย..อะไรไม่สน กูจะนั่ง จะทำไม” พลันหันไปมองข้างหลังก็เห็นประพัยฯยืนทำตาถมึงทึง เสือพัยฯรู้สึกเสียหน้าที่หม่อมแสงพูดจาสบประมาทต่อหน้าผู้คนมากมาย ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างเป็นงงที่หม่อมแสงท่าทีแข็งกร้าวเช่นนั้น ประพัยฯเด็กหนุ่มนักฆ่าเลือดร้อนก็ระเบิดคำพูดออกมา “มึง….ใหญ่นักรึ” หม่อมแสงมือไวกว่า คว้าแก้ววิสกี้ผสมโซดาเต็มแก้วสาดไปที่หน้าประพัยฯ ไม่มีครั้งไหนที่ทำให้ประพัยฯเสียฟอร์มเท่าครั้งนี้ ท่ามกลางความตกตลึงพรึงเพลิดของหมู่เพื่อนๆ ประพัยฯกระชากปืนพกขนาด ๑๑ ม.ม.ที่เหน็บเอวออกมา ยิงไปที่หม่อมแสงจนตกเก้าอี้ ลงไปนอนดิ้นกับพื้น เพื่อนๆต่างขอร้องประพัยฯให้ไว้ชีวิตหม่อมแสง ประพัยฯไม่ฟังเสียง รัวปืนติดๆกันอีก ๒-๓ นัด แต๋วแฟนป่องใจเด็ดกว่าคนอื่น กระโดดคร่อมร่างหม่อมแสงหวังให้ประไพฯหยุดยิง แต่ประไพฯยังเหนี่ยวไกปืนลั่นกระสุนปืนใส่หม่อมแสงต่ออีก ๓-๔ นัด กระสุนปืนถูกหม่อมแสงและแต๋วหลายแห่ง หม่อมแสงขาดใจตายในที่เกิดเหตุ ส่วนแต๋วถูกหามส่งโรงพยาบาล อาการสาหัส แต่ก็รอดชีวิต

ช่วงเกิดเหตุผมรับราชการตำแหน่งสารวัตร กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลใต้ รับผิดชอบสืบสวนคดีนี้ด้วย ประกอบกับ ป่อง แต๋ว เบี้ยว จุกกี้ รวมทั้งหม่อมแสงด้วยรู้จักชอบพอกับผม พรรคพวกหม่อมแสงทุกคนเล่าให้ฟังถึงความเหี้ยมโหดของประพัยฯ ขณะเกิดเหตุเพื่อนๆต่างขอร้องให้ประไพฯไว้ชีวิตแสง เพื่อนบางคนถึงกับยกมือไหว้ขอร้องแต่ประพัยฯไม่ยอม การไล่ล่าจับกุมเสือพัยจึงเกิดขึ้น ผมได้พรรคพวกของหม่อมแสงคอยเป็นหูเป็นตา ส่งข่าวความเคลื่อนไหว สิ่งที่ผมต้องเตรียมพร้อมก็คือ เสือพัยฯไม่มีทางให้จับเป็น ถ้าจับก็ยิงกัน

หลังเกิดเหตุคดีนี้แล้วเสือพัยฯไม่ปรากฏกายในที่สาธารณะให้ผู้ใดเห็น สายสืบเข้าไปหาข่าวตามบ่อนต่างๆไม่ได้ข่าวคราว ราวกับเสือพัยฯจะรู้ว่าหม่อมแสงก็มีพวกเป็นตำรวจจึงทำตัวเงียบหายราวกับเป็นขอมดำดิน หมายจับประพัยฯถูกส่งไปยังหน่วยงานต่างๆให้ช่วยทำการสืบสวนจับกุม คดีฆ่าหม่อมแสงเป็นคดีใหญ่ดัง หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวพาดหัวติดต่อกันหลายวัน เป็นคดีที่อุกอาจคดีหนึ่ง

ในยุคสมัยนั้นมีหน่วยงานการข่าวที่มีบทบาทมากหน่วยหนึ่ง คือหน่วยการข่าว "พตท. "ย่อมาจาก (พลเรือน ทหาร ตำรวจ) สังกัด กอ.รมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน) หน่วย พตท.ทำการสืบสวนหาข่าวประพัยฯด้วย

หลังหม่อมแสงถูกฆ่าประมาณ ๖ เดือนหนังสือพิมพ์ลงข่าวพาดหัวหน้าหนึ่งอีก “เสือพัยฯดวลปืนฆ่า ร.อ.ยิ่งศักดิ์ อิสรกุล” นายทหาร กอ.รมน.ขณะที่จะเข้าทำการจับกุม เหตุเกิดที่โรงแรมมีชื่อในจังหวัดจันทบุรี หน่วยงานของผมได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ให้ทำการสืบสวนจับกุมเสือพัยฯ ถ้าเปรียบเป็นการเล่นหมากรุกเสือไพฯหมดตาที่จะเดิน ทั้งตำรวจและทหารติดตามล่า เสือพัยฯประกาศไม่ยอมให้จับเป็น ฝ่ายสืบสวนเตรียมพร้อมที่จะปะทะ ความเสียเปรียบของฝ่ายสืบสวนก็คือไม่มีใครเคยเห็นหน้าหรือเห็นตัวจริงของเสือพัยฯ ตำรวจทุกคนมีรูปถ่ายของนายประพัยฯติดตัว ข่าวว่านายประพัยฯใช้อาวุธปืนขนาด ๑๑ ม.ม.ลักษณะพร้อมยิงพกติดตัวตลอดเวลา

แหล่งมั่วสุมยามราตรีในกรุงเทพฯสมัยนั้นแห่งหนึ่งคือ โรงแรมสยามถนนเพชรบุรีตัดใหม่ หลังตีหนึ่งไปแล้วหญิงขายบริการและนักเที่ยวจะไปชุมนุมกันที่ค๊อฟฟี่ช็อบของโรงแรม ค๊อฟฟี่ช็อบโรงแรมสยามแบ่งเป็น ๒ โซน ด้านหน้าติดถนนเพชรบุรีตัดใหม่กับด้านหลัง เปิดไฟสลัวๆชนิดถ้าไม่เข้าใกล้ในระยะ ๑ เมตรจะจำหน้ากันไม่ได้ พวกหนีเมียพากันไปเก็บตกสาวที่นี่ แต่ละคืนคนไม่ต่ำกว่า ๒๐๐

คืนนั้นประมาณตีสองเศษสายลับส่งข่าวประพัยฯไปปรากฏตัวที่ค๊อฟฟี่ช็อบส่วนหลังของโรงแรมสยาม ชุดสืบสวนของกองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลใต้นอกเครื่องแบบพร้อมอาวุธ ๔ ชุด แต่ละชุดรถยนต์ ๑ คัน พร้อมวิทยุว๊อกกี้ท๊อกกี้ติดต่อ (สมัยนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ) วางกำลังดักที่ทางออกโรงแรมสยามซึ่งมีทางออกอยู่ด้านเดียวคือด้านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทำเลโรงแรมสยามถือเป็นจุดบอด สะดวกแก่การดักจับที่ด้านหน้าโรงแรม พวกเราซุ่มรอที่หน้าโรงแรมนานเป็นชั่วโมง ไม่รู้หน้าเสือไพฯทราบแต่รถยนต์ยานพาหนะคืออัลฟ่าเบอร์ลิน่า ตอนแรกคิดจะลุยเข้าไปจับในค๊อฟฟี่ชอปโดยเปิดไฟสว่างแล้วตรวจค้น หลายคนทักท้วงว่าต้องยิงกันแน่เพราะประพัยฯไม่ยอมให้จับเป็น คนบริสุทะธิ์จต้องล้มตาย จึงต้องทนนั่งซุ่มรอในรถจนตีสามกว่า ติดต่อไปยังตำรวจ สน.มักกะสันซึ่งเป็นตำรวจท้องที่ให้ส่งสายตรวจรถยนต์แต่งเครื่องแบบไปที่โรงแรมสยาม เป็นการตรวจปกติเฉพาะด้านนอกโรงแรม กำชับไม่ให้เข้าไปด้านใน โดยคิดว่าเมื่อตำรวจในเครื่องแบบไปปรากฏกายประพัยฯคงจะหลบออกมา

ผมเป็นหนึ่งในชุดติดตาม มีด้วยกัน ๓ คนคือ ผมกับ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ (ยศขณะนั้น) และ จ.ส.ต.เชื้อ รอดบำรุง ใช้รถยนต์พาหนะเฟี๊ยต ๑๒๔ ซึ่งเป็นของจ่าเชื้อฯ โดยจ่าเชื้อฯเป็นผู้ขับขี่ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯนั่งข้างหน้าคู่จ่าเชื้อฯ ผมนั่งเบาะหลังแต่ผู้เดียว ทุกคนนั่งรอเวลาด้วยใจระทึก อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะต้องมีการยิงกัน ฝ่ายเราจะตายหรือคนร้ายตายยังไม่ทราบ

เหตุการณ์เป็นไปตามคาด พอรถยนต์สายตรวจ สน.มักกะสันไปจอดที่ลานด้านหน้าโรงแรมสยามไม่ถึงสิบนาที รถยนต์อัลฟ่าของเสือไพฯก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของโรงแรม รถยนต์ติดฟิล์มมืดมองไม่เห็นว่ามีคนนั่งไปในรถกี่คน และไม่ทราบว่ามีประพัยฯอยู่ด้วยหรือไม่ พออัลฟ่าเคลื่อนตัวพ้นจากโรงแรม เข้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เสียงเร่งเครื่องยนต์จนยางรถเสียดสีกับถนนดังเอี๊ยดใหญ่ โฉมหน้าไปทางแยกคลองตัน รถของชุดสืบสวนทุกคันต่างเร่งเครื่องติดตามรถยนต์อัลฟ่าของประพัยฯ เสียงเครื่องยนต์ดังลั่นสนั่นในยามดึก เหตุการณ์เช่นนี้ผู้ที่อยู่ในรถอัลฟ่ารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น รถอัลฟ่าเร่งความเร็วเต็มที่ รถของตำรวจชุดสืบสวนก็ไล่ตามไม่ลดละ ตำรวจไม่อาจตัดสินใจใช้อาวุธปืนแม้แต่จะยิงยางล้อรถ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ในช่วงนั้นยวดยานพาหนะค่อนข้างมาก รถคนร้ายและรถยนต์ของพวกเราขับซิกแซ็กเหมือนกับการไล่ล่าในภาพยนตร์ โชคดีที่ไม่มีอุบัติเหตุ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่เป็นทางบังคับ มีทางแยกน้อยมาก พวกเราวิทยุประสานตำรวจท้องที่สกัดดักหยุดรถ โดยไม่ลืมที่จะบอกว่าเป็นคนร้ายสำคัญมีหมายจับและมีอาวุธปืน ตำรวจท้องที่ทุก สน.ให้ความร่วมมือ เรารายงานให้ทราบถึงจุดที่รถวิ่งผ่าน เพื่อให้ตำรวจ สน.ท้องที่ทราบตำแหน่ง รถยนต์ของพวกเราตามรถอัลฟ่าไม่ทัน ยิ่งนานก็ยิ่งห่างแต่ก็ยังเกาะติด รถเฟี๊ยต ๑๒๔ ของจ่าเชื้อฯเร่งเต็มที่ความเร็วได้แค่ ๑๐๐ กม./ชม. ขบวนติดตามรถอัลฟ่าใช้ความเร็วไม่ต่ำกว่า ๑๓๐ กม./ชม. ในที่สุดผมกับจ่าเชื้อฯและ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯก็ตามไม่ทัน แต่ทราบทิศทางการหลบหนีว่าไปทางถนนรามคำแหง ผมสั่งให้จ่าเชื้อฯขับรถตามไป พอรถคันของผมใกล้จะถึงแยกคลองตัน ได้รับรายงานจากชุดสืบสวนที่ตามรถอัลฟ่าไปถูกกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมากตั้งด่านสกัดหยุดรถไว้ได้ ตรวจค้นรถแล้วมีผู้ชายเพียง ๒ คนไม่มีนายประพัยฯ ซักถามคนในรถยืนยันว่ามากันแค่สองคนเท่านั้น

ความรู้สึกผิดหวังเริ่มปรากฏ ผมวิทยุสั่งให้คุมตัวชายสองคนไว้ก่อนโดยบอกว่าผมกำลังจะตามไปสมทบ จังหวะที่จ่าเชื้อฯเลี้ยวรถจากเส้นทางเพชรบุรีตัดใหม่เข้าเส้นทางถนนรามคำแหง ทันใดนั้นสายตาของจ่าเชื้อฯก็มองเห็นชายผู้หนึ่งเดินออกจากพงหญ้าข้างทางด้านซ้าย ข้ามถนนตัดหลังรถของพวกเรา วิ่งตรงไปยังถนนพัฒนาการ มือขวาของชายดังกล่าวถืออาวุธปืนพก ๑ กระบอก จ่าเชื้อบอกทันที “นั่นไอ้พัยฯ” ชะรอยเสือพัยฯโดดลงจากรถอัลฟ่าขณะเลี้ยวรถเปลี่ยนเส้นทาง ซุกตัวหลบที่พงหญ้าข้างทางแล้วปล่อยให้เพื่อนขับรถหนีไปตามถนนรามคำแหง ล่อหลอกให้รถตำรวจขับตามไป ประพัยฯคงคิดว่ารถตำรวจไปกันหมดแล้วจึงได้ออกจากที่ซ่อน

จ่าเชื้อห้ามล้อรถเสียงดังสนั่น หันหน้ารถไปทางเสือพัยฯแล้วเร่งเครื่องขับตามไป ประพัยฯอยู่ในระยะห่างประมาณ ๓๐ เมตร ผมรีบสั่งให้จ่าเชื้อฯหยุดรถเพื่อจะลงวิ่งไล่จับ แต่ช้าฯไปกว่าเสือพัยฯ เสียงปืนดังสนั่น ๑ นัด แก้วหูผมดังเปรี๊ยะ ไม่ใช่โดนลูกปืน แต่เป็นเสียงกระจกรถยนต์จ่าเชื้อฯทั้งด้านหน้าและด้านหลังแตกละเอียด เสือพัยฯยิงก่อน โดยยิงใส่ด้านหน้ารถ โชคดีกระสุนปืนไม่โดนใคร จ่าเชื้อฯหยุดรถทันทีแล้วจ่าเชื้อฯกับ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯก็ถือปืนวิ่งไล่ตามเสือไพฯไปติดๆ ส่วนผมวิ่งตามหลัง เสียงปืนดังเป็นระยะ เป็นการยิงโต้ตอบกัน บริเวณถนนพัฒนาการช่วงห่างจากแยกคลองตันไปประมาณร้อยเมตรในเวลานั้น มีแต่พงหญ้าสูงท่วมหัว ไม่มีตึกรามอาคารพานิชเหมือนปัจจุบัน มืดไม่มีไฟฟ้า

ในช่วงที่ดวลปืนกันนั้นผมสังเกตเห็นไฟแฟลตจากกล้องถ่ายรูปสว่างจากทางด้านหลังหลายครั้ง เหลียวไปดูเห็นช่างภาพหนังสือพิมพ์หลายคน เข้าใจว่ามากันหลายฉบับ ถ่ายรูปกันสดๆอย่างไม่กลัวตาย ได้ความในตอนหลังว่า พวกตระเวนข่าวฟังวิทยุตำรวจทราบว่ามีการไล่ล่าคนร้าย จึงขับรถติดตาม มาพบเข้าพอดี

วันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกรอบบ่ายลงข่าว ตำรวจสืบสวนใต้ดวลปืนกับเสือพัยฯมือปืนฆ่าหม่อมแสง เป็นภาพตอนจ่าเชื้อฯกับเสือพัยฯประจันหน้ากัน จ่าเชื้อฯกำปืนรีวอลเวอร์ด้วยมือขวายิง มือข้างซ้ายกางออกข้างลำตัว ประพัยฯถูกกระสุนปืนผงะหงาย มือขวาเสือไพฯกำปืนพกออโต ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯอยู่ในท่านั่งตั้งเข้า สองมือจับปืนยิงพาดเข่า เป็นภาพที่สวยงามและเป็นธรรมชาติมาก เหมือนกับที่ท่านเห็นในภาพยนตร์ไทยสมัยเก่า เสียดายที่ผมหาภาพดังกล่าวไม่ได้ มิฉะนั้นจะเอามาลงให้ดู และภาพนี้เองที่ช่างภาพหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้รับรางวัล“ภาพยอดเยี่ยม” เป็นอันว่าเสือพัยฯก็ได้จับชีวิตลง เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำกรรมไว้เช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น

ส่วนตำรวจมือปราบ ผลตอบแทนทางราชการให้ขั้นพิเศษ กรณีเสี่ยงภัยอันตราย ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯเจริญเติบโตก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ ยศสุดท้ายเป็นพันตำรวจเอกพิเศษ เตรียมตัวจะประดับยศพลตำรวจตรี แต่อนิจจาโรคหัวใจได้พรากชีวิตไปเสียก่อน เป็นการเสียชีวิตในหน้าที่ได้เพิ่มยศเป็น พลตำรวจเอก ส่วนจ่าเชื้อฯขอเออรี่รีไทร์ ไปทำการค้าขาย ต่อมาก็ได้ทราบข่าวว่าจ่าเชื้อฯปลิดชีวิตตัวเองด้วยอาวุธปืนกระบอกเดียวกันกับที่จบชีวิตเสือพัยฯ ผมนั่งคิดนอนคิดปลงอนิจจัง เป็นสัจจะธรรมหรือกฎแห่งกรรม ผมตั้งใจไว้ว่าก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจผมอยากจะบวช ทำจิตใจให้สงบ บำเพ็ญกุศลสมาธิ อุทิศกุศลผลบุญ แผ่เมตตาให้กับเจ้ากรรมนายเวร เป็นอโหสิกรรม.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์