บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
การเป็นเด็กวัดได้อะไรมากกว่าที่คิด
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› การเป็นเด็กวัดได้อะไรมากกว่าที่คิด
ก่อนนี้ผมอายเมื่อจะบอกใครว่า “ผมเป็นเด็กวัด” แต่เดี๋ยวนี้ผมจะเที่ยวบอกใคร ๆ ว่าผมเคยเป็นเด็กวัดโดยไม่ต้องรอให้ใครมาถาม และเป็นความภาคภูมิใจของผมเป็นอย่างยิ่ง ก็อย่างที่ผมบอกว่า “การเป็นเด็กวัดได้อะไรมากกว่าที่คิด”
ผมนี่แหละโคตรของเด็กวัดเลย ตอนผมเกิดจำความได้ก็พบว่าต้องตามคุณพ่อคุณแม่ไปนอนวัดทุกวันพระ ผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านบอกผมว่า ผมเป็น “ลูกศีล” เพราะตอนผมเกิดนั้น คุณพ่อกับคุณแม่ผมถือศีลภาวนา ต้องนอนค้างที่วัดทุกวันพระ จนตั้งท้องผมขึ้นมา ซึ่งหมายถึงผมเกิดในช่วงนั้น มิได้หมายความว่าคุณพ่อกับคุณแม่ผมไปมีอะไรกันตอนถือศีลอยู่ที่วัดนะครับ
ผมเกิดที่ ต.หันสัง อ.บางปะหัน จ.อยุธยา พ่อเป็นมัคทายกวัดตลาด ตอนเด็ก ๆ ผมเรียนหนังสืออยู่ที่วัดแห่งนี้ มีพี่เป็นครูสอนหนังสือถึง 2 คน พอโตขึ้นผมบอกพ่อแม่ว่าไม่อยากไปเรียนต่อ เพราะไม่อยากไปเป็นครูเหมือนกับพี่ ๆ พอเรียนจบชั้นประถมก็โดดเข้าทำนาทันที พอลองแล้วถึงได้รู้ว่าไม่มีอาชีพที่หนักหนาสาหัสเท่ากับการทำนา เป็นต้นว่าตื่นแต่ดึกแบกไถจูงควายไปไถนา ตั้งแต่ตีห้าจนถึงใกล้เพล (11.00 น.) กว่าจะได้กินข้าวเช้าก็ประมาณ 09.00 น. สมัยก่อนไม่มีรถไถนา รองเท้าจะสวมใส่ก็ไม่มี เดินตีนเปล่าตามหัวขี้แส้จนหนังตีนแตก หนา พื้นเท้าที่สัมผัสดินหนาเหมือนพื้นรองเท้า ลองไถนาได้วันเดียวมีบางสิ่งบางอย่างส่งสัญญาณให้ผมได้คิดว่า ผมคงไม่เหมาะกับอาชีพทำนา แล้วผมจะไปทำอะไรต่อหละทีนี้ พี่ชายของผมคนหนึ่งหนีการทำนาโดยบอกกับญาติพี่น้องว่าจะไปเอาดีทางพระโกนหัวบวชเรียนทางธรรม (ในที่สุดพี่คนนั้นก็ได้ดีโดยสึกไปทำงานเป็นลูกจ้างบริษัทจนถึงปัจจุบัน) ผมบอกกับพ่อแม่ว่า พอกันทีกับการไถนาขอไปเรียนหนังสือ (ชั้นมัธยม) ต่อในเมือง พ่อแม่ตามใจเพราะเป็นลูกคนสุดท้องแต่มีปัญหาว่าจะไปเรียนที่ไหนพักที่ไหน เพราะไม่รู้จักใครในเมือง(ในตัวจังหวัดอยุธยา)
ชีวิตการเรียนของผมก็หนีไม่พ้นที่จะต้องพึ่งวัดอีก คราวนี้ได้ไปพักอยู่ที่วัดเสนารามหรือเรียกกันสั้น ๆ ว่าวัดเสนาสน์ อยู่กับพระครูปลัดปาน ณ ที่วัดสำนักที่สองนี้ ผมได้เรียนรู้อะไรอีกมากซึ่งยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในชีวิต นั่นก็คือ
- การดำรงความเป็นอยู่ในลักษณะกึ่งทหาร ที่มีระเบียบวินัย กิจกรรมในแต่ละวันเป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนด มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีระบบอาวุโส - มีการติว การเรียน การสอนโดยรุ่นพี่ที่เรียนสูงกว่า - ที่สำคัญที่สุดก็คือทางวัดบังคับให้ท่องศัพท์ภาษาอังกฤษวันละ 10 คำ อย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จากผลพวงอันนี้ทำให้ผมสอบได้อันดับดีและเป็นที่ 1 ของจังหวัด - และยิ่งไปกว่านั้น ก่อนนอนจะต้องมีการสวดมนต์ เช่นเดียวกับพระทำวัตรทุกวัน ปัจจุบันผมจึงสวดมนต์ออกเสียงอักขระถูกต้องชัดเจนกว่าพระบวชใหม่พรรษาน้อยเสียอีก
จากวัดเสนาสน์ ก็มาถึงตอนสำคัญของชีวิต ก็คือทางเลือกในการประกอบอาชีพทุกอย่างเป็นการตัดสินของผมเอง พ่อแม่พี่น้องแนะนำยากเพราะผมดันเรียนสูงไป แต่ผมก็ยังเคารพและรับฟังข้อคิดเห็นของผู้ใหญ่อยู่ สมัยนั้นยังวัยรุ่นอยู่บอกได้เลยว่า “บ้าเครื่องแบบ” เห็นนักเรียนนายร้อยแต่เครื่องแบบเท่ห์ ตัดสินใจเลยว่า “กูต้องเป็นนายร้อยให้ได้” คิดไว้ในใจนะครับบอกใครก็อายเขา กลัวเขาดูถูกว่า “เป็นลูกชาวนา ไม่มีเส้นสาย และยังเป็นเด็กวัดอีก”
เป้าหมายต่อไปสำนักที่สามคือวัดพระเชตุพนหรือวัดโพธิ์ ก็ได้อาศัยอาจารย์วีระ กลิ่นเกษร ท่านบวชอยู่กุฏิ ต.25 เป็นคนบ้านเดียวกัน ท่านเป็นมหาเปรียญ 8 พระสมัยนั้นบวชด้วยศึกษาด้วย ผมได้ศึกษาประวัติพุทธศาสนาและลีลาการเทศจากอาจารย์วีระ เดี๋ยวนี้เวลาผมไปพูดปาฐกถาที่ไหนผมจะมีคำพระบาลีแทรกอยู่เสมอ หลักธรรมของพุทธศาสนาทันสมัยพูดที่ไหนคนทึ่งว่าเรารู้ได้ไง แท้กระทั้งคำบาลีหัวใจพระเจ้า 10 ชาติ รู้ก็หมด พูดได้
ขณะอยู่วัดโพธิ์สอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมได้ สมัยนั้นเรียกเตรียมจุฬา ฯ เวลามอบตัวอาจารย์วีระ ไปเซ็นต์เป็นผู้ปกครองชุดพระห่มจีวรเหลืองอ๋อย ผมเป็นหนึ่งเดียวในจำนวนนักศึกษา 1,200 คน ที่มีผู้ปกครองเป็นพระ “โก้เสียไม่มี”
จบโรงเรียนเตรียม (ม.8 สมัยก่อน) สอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจจนได้ พูดได้เลยว่าไม่เคยมีเส้นมีสาย จะมีได้อย่างไรพ่อแม่พี่น้องผมทำนาไม่เคยรู้จักใคร เข้ากรุงเทพยังหลง อยากให้ผู้อ่านเกิดกำลังใจ หากว่าตัวเราดีจริงแน่จริงอย่าไปกลัว ลองดู ช้างเผือกนั้นอยู่ในป่าไม่ได้อยู่ในเมือง
ความสำเร็จมาถึง เมื่อผมจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รับกระบี่จากในหลวง พอรับกระบี่เสร็จแล้วมีการเลี้ยงฉลอง นายตำรวจที่สำเร็จใหม่คนอื่น ๆ มีญาติพี่น้องเอารถเก๋งมารับไปงานเลี้ยง สำหรับผมก็คงมีพระมหาวีระในชุดพระ ผมจำได้ว่าผมรับกระบี่จากในหลวงแล้วเดินแบกกระบี่ไปเก็บไว้ที่กุฏิวัดโพธิ์ แล้วก็กินข้าวก้นบาตรเหมือนเดิม
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ห่างวัด เพราะผมรู้ว่าวัดให้อะไรกับผมมากเกินกว่าที่ผมจะอธิบาย วัดคือบ้านของผม พระคือพ่อของผม ผมมีความผูกพันและจะไม่ลืม ทุกครั้งผมผ่านวัดที่ผมเคยอยู่อาศัย ผมมองและรำลึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ เพื่อนเก่า ๆ ที่ยังเหลืออยู่ในความทรงจำ น้ำตาผมซึม เพราะมีวัดผมจึงมีวันนี้ วันที่คนค่อนประเทศรู้จักผม
ชีวิตคนเรามีทั้งดีและไม่ดี แต่สำหรับผมสิ่งที่ดีจะต้องมีมากกว่า เพราะผมตั้งใจทำความดี ผมถูกสั่งสอนให้ทำความดีมาตั้งแต่เกิดจากพ่อแม่ พอมาอยู่กับพระ ๆ ท่านก็สั่งสอนให้ทำความดีมีจิตใจเมตตากรุณา
เมื่อมาถึงวันนี้อยากจะตะโกนดัง ๆ ว่า “กูนี้แหละโว้ยลูกชาวนา กูนี่แหละโว้ยเด็กวัด”
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์