บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
บุญมีแต่กรรมบัง ตอนที่1
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› บุญมีแต่กรรมบัง ตอนที่1
สามีภรรยายากจนหาเช้ากินค่ำคู่หนึ่ง อยู่หาดใหญ่ สงขลา อาชีพทำเส้นก๋วยเตี๋ยวส่งขายในตลาดหาดใหญ่ ทำเส้นก๋วยเตี๋ยวตั้งแต่บ่ายกว่าจะขายหมดก็ประมาณตี5จึงจะได้มีโอกาสนอน ชีวิตของสามีภรรยาคู่นี้ใช้เวลาไม่เหมือนคนปกติ กลางคืนทำงานกลางวันนอน มีเวลาว่างก็จะใช้ในการคิดคำนวณหาเลขหวยตามสูตรของเกจิอาจารย์ต่างๆ มั่นใจแล้วก็ซื้อล๊อตเตอรี่รัฐบาล รอวันหวยออกด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งจะรวย ไม่ต้องอดหลับอดนอนทำเส้นก๋วยเตี๋ยวขาย ความหวังของเขามีเพียง15วันเท่านั้น หวยออกความหวังพังทลาย"ถูกกิน" เขายังไม่สิ้นหวังคิดคำนวณซื้อเลขในงวดใหม่ต่อไป งวดแล้วงวดเล่า ชีวิตมีกำลังใจ "สักวันจะรวย"

ให้ชื่อย่อของบุคคลผู้นี้ว่านาย"ห" คนบ้านใกล้เรือนเคียงนาย"ห"รู้กันดีว่านาย"ห"บ้าหวย ต่อมาเมื่อต้นมกราคมปี2536 นาย"ห"ก็ได้ซื้อล๊อตเตอรี่จากหญิงนิรนามที่บริเวณตลาดหาดใหญ่ใกล้กับที่เขาขายเส้นก๋วยเตี๋ยวจำนวน4คู่ ด้วยความมั่นใจเหมือนกับทุกครั้งว่า "งวดนี้..กูรวยแน่" บ่ายวันศุกร์หวยออก นาย"ห"กับภรรยาฟังการประกาศผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งจากวิทยุทรานซิสเตอร์อย่างใจจดใจจ่อ นาย"ห"กับภรรยาแทบไม่เชื่อหูตนเองเมื่อผลประกาศสลากรางวัลที่1ตรงกับสลากที่ตนซื้อ ถูกรางวัลที่๑จำนวน๔คู่เป็นเงิน๑๒ล้านบาท คืนนั้นทั้งคืนสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้พักผ่อน ขายเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้วเดินทักทายผู้คนอารมณ์ดีอย่างผิดปกติ

เช้าวันรุ่งขึ้นสองสามีภรรยาได้ตรวจสลากกับผลการออกรางวัลทางนสพ.อีกครั้ง คราวนี้ปิดความลับไม่อยู่ ลูกหลานคนใกล้ชิดรู้กันหมด ยังไม่ทันจะนำสลากไปขึ้นเงิน คนอยู่ใกล้ตัวต่างก็มาขอส่วนแบ่งเงินรางวัล แต่วันรุ่งขึ้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์หยุดราชการยังเดินทางไปเบิกเงินไม่ได้กองสลากปิด รถยนต์ปิกอัพพาหนะที่จะใช้เดินทางไปรับเงินรางวัลถูกกำหนดไว้แล้ว นาย"ห"เก็บสลากที่ถูกรางวัลไว้กับตัวตลอดเวลาเพราะไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ในตอนสายๆของวันรุ่งขึ้นนั้นเอง หลังจากนาย"ห"ขายเส้นก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็ตรงรี่ไปที่บ้านของเพื่อนรัก ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยอมบอกให้คนอื่นที่ไม่ใช่ญาติรู้ว่าตัวเองถูกหวย แต่ด้วยความรักเพื่อน ประกอบกับได้ยินเพื่อนบ่นว่าเป็นหนี้ธนาคาร ธกส. ถูกทวงถามหนี้ ไม่มีเงินจะใช้คืน ทำให้เกิดความสงสาร จึงพลั้งปากออกไปว่า "เดี๋ยวกูจะใช้หนี้ให้เอง" เพื่อนได้ยินเข้าก็โกรธหาว่านาย"ห"เยาะเย้ย แล้วยังพูดสบประมาทอีกว่า"มึงก็ไม่มีจะกิน ยังจะมีหน้ามาใช้หนี้แทน" นาย"ห"ทนเพื่อนพูดเสียดแทงไม่ไหว โพล่งออกไปว่า"กูถูกหวยรางวัลที่1สี่ใบ" เพื่อนตาลุกโพลงพร้อมกับขอดูสลากฯซึ่งนาย"ห"ก็นำให้ดู แล้วนาย"ห"ก็เก็บสลากใส่กระเป๋าเสื้อของตนตามเดิม

บรรยากาศคุยกันฉันท์มิตรเริ่มขึ้น ทั้งสองคนสร้างวิมานในอากาศ แต่อาจคิดไปคนละทาง นาย"ห"เอนกายลงนอนบนแปลญวนที่บ้านเพื่อนด้วยความอ่อนเพลีย เผลอหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ นาย"ห"ตื่นขึ้นอีกทีเป็นเวลาประมาณบ่าย2โมง พอตื่นก็เอามือคลำล๊อตเตอรี่ในกระเป๋าเสื้อ ใจหายว๊าบเมื่อสลากทั้ง4ใบไม่ได้อยู่ในกระเป๋าเสียแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือนาย"ห"ถามเพื่อนรักว่า "อย่าล้อเล่นน่า เอาไปหรือเปล่า" คำตอบของเพื่อนก็คือ"เปล่าเอา" นับตั้งแต่วินาทีนั้นมิตรภาพของคนทั้งสองซึ่งมีมานานเกือบครึ่งอายุคนก็ขาดสะบั้น เรื่องถึงตำรวจ แต่ความที่นาย"ห"เป็นคนบ้านนอกกลัวตำรวจ จะไปแจ้งความทีก็ต้องหาคนพาไป คนพาไปก็ต้องคอยวันที่ตำรวจที่ตนเองรู้จักเข้าเวร ผลทำให้การร้องทุกข์แจ้งความล่าช้าไป8วัน กว่าหนังสืออายัดการเบิกเงินจะไปถึงกองสลาก ปรากฏว่ามีผู้นำสลากทั้ง4ใบขึ้นเงินไปเรียบร้อยแล้ว จำนวนเงิน12ล้านบาท

พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งฉลาดหลักแหลมมาก แทนที่จะสอบพยานแวดล้อมให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสลากว่าหายไปอย่างไร กลับสอบถามไปยังกองสลากว่าล๊อตเตอรี่รางวัลที่1งวดที่เป็นคดีนั้นกองสลากส่งไปจำหน่าย ณ ที่ใด ผลการตรวจสอบของกองสลากปรากฏว่าเป็นสลากในโควต้าจำหน่ายของจังหวัดนนทบุรี บอกชื่อเสียงเจ้าของโควต้ามาด้วยเสร็จ พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งรีบสอบสวนเจ้าของโควตา ถึงสถานที่ๆจำหน่าย เจ้าของโควต้ายืนยันว่าจำหน่ายที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี สอดคล้องกับผู้ที่นำสลากไปขึ้นเงินก็เป็นคนในอำเภอเดียวกับที่จำหน่ายสลาก พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งจึงปิดสำนวนนี้ทันที โดยมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องคดี ให้เหตุผลว่า ไม่น่าเชื่อว่าคดีอาญาเกิดขึ้นจริง (เป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนสามารถกระทำได้ถึงแม้จะยังไม่มีการจับกุมตัวผู้ต้องหา ทั้งนี้เป็นไปตามหนังสือของกระทรวงมหาดไทยซึ่งให้อำนาจพนักงานสอบสวน กรณีมีหลักฐานเชื่อได้ว่า ไม่มีคดีอาญาเกิดขึ้นจริงตามที่ผู้เสียหายร้องทุกข์)

นาย"ห"ไม่ละความพยายาม ที่พึ่งสุดท้ายคือกองปราบ นาย"ห"กับภรรยาเดินทางเข้าร้องทุกข์ที่กองปราบปราม ขณะนั้นเป็นต้นปี พ.ศ.2536 พนักงานสอบสวนสืบสวนกองปราบได้สอบสวนสืบสวนอยู่จนกระทั่งปี พ.ศ.2538 ก็ยังไม่ได้หลักฐานเพียงพอที่จะขอรื้อฟื้นสอบสวนคดีใหม่ได้ ขณะนั้นผมรับราชการอยู่ที่กองบัญชาการศึกษา เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับพาดหัว ผู้คนพากันโจทก์จรรย์วิพากย์วิจารณ์ข่าว ผมเองอ่านข่าวแล้วรู้สึกเวทนา"คนแบบนี้ก็มีด้วย" อุตส่าห์ถูกหวยรางวัลที่1ตั้ง4ใบยังรักษาสลากไว้ไม่อยู่ ปล่อยให้หายไปได้ยังไง ผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะไม่เกี่ยวกับหน้าที่ผม แต่พอเดือนตุลาคม พ.ศ.2538 มีคำสั่งแต่งตั้งให้ผมไปเป็นผู้กำกับ5กองปราบปราม ซึ่งมีอำนาจสืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นจังหวัดทางภาคใต้ทั้งหมด ยังไม่ทันที่ผมจะเดินทางไปรับตำแหน่งก็มีสุภาพสตรีคนหนึ่งโทรหาผมบอกว่า มีคดีสำคัญรอผมอยู่ ก็คือคดีเรื่องสลากรางวัลที่1หายนี้เอง ผมรู้สึกเหมือนฝัน เพราะวันก่อนยังวิพากย์วิจารณ์เรื่องนี้ถึงความเขลาของเจ้าของสลาก วันนี้จะต้องกลายมาเป็นผู้ทำคดี เรื่องที่แปลกก็คือ หลังจากที่ผมเข้าทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้จึงได้ทราบว่า ผู้เสียหายในคดีนี้คือนาย"ห"ได้ไปบนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า หากโลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่จริง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่งผู้ที่จะผดุงความยุติธรรมมาให้ด้วย อ้าว! ผมกลายเป็น"เปาบุ้นจิ้น"ไปแล้วซิ

ผมหยิบสำนวนสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้มาศึกษา เป็นเอกสารมีความหนาเกือบคืบ โอ้โฮ! เรื่องมันพิลึกกึกกือ ยอกย้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ ได้รับฟังจากนายตำรวจคนก่อนๆที่สืบสวนเรื่องนี้ว่า น่าเชื่อว่านาย"ห"ได้ซื้อสลากแล้วถูกรางวัลจริง แต่ไม่รู้จะหาพยานหลักฐานอะไรมาเชื่อมโยงได้ว่าสลากที่นำไปขายที่จังหวัดนนทบุรีไปโผล่ที่หาดใหญ่ได้อย่างไร และหนำซ้ำคนที่นำสลากรางวัลที่1งวดนี้ไปขึ้นรางวัลก็เป็นคนในจังหวัดนนทบุรี ใครจะเชื่อนาย"ห"ที่อ้างว่า ซื้อสลากงวดนี้ที่ อ.หาดใหญ่ นาย"ห"นี่ถ้าจะเสียสติแน่ๆ

หลังจากได้ศึกษาสำนวนแล้วก็เรียกตัวนาย"ห"พร้อมภรรยามาสอบสวนซักถาม เชื่อไหมครับ เพียงได้พูดคุยซักถามดูอากัปกิริยาก็พอรู้ได้ว่า นาย"ห" "พูดจริง" และนาย"ห"ได้บอกผมว่า ได้บนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้พบคนที่จะสอบสวนให้ความเป็นธรรมแก่เขา คำพูดของนาย"ห"ที่แทงใจผมประโยคหนึ่ง “หากโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมแก่ผม (นาย"ห") ผมจะเอาปืนไปยิงไอ้คนที่ผมสงสัยแล้วผมจะยิงตัวตาย" ผมจึงบอกว่า "ลุงขอให้ผมทำให้สุดฝีมือก่อน ถ้าเห็นว่าลุงไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ดำเนินการได้เลย"

ผมและทีมงานเริ่มย้อนรอยสืบสวนสอบสวนเพื่อที่คลี่คลายว่า สลากกินแบ่งชุดที่เกิดเหตุซึ่งมีพยานยืนยันว่าจำหน่ายที่จังหวัดนนทบุรี แต่นาย"ห"ก็ยืนยันขันแข็งว่าซื้อจากผู้หญิงในตลาดที่หาดใหญ่ มันเป็นไปได้อย่างไร จะต้องมีใครคนหนึ่งเท็จแน่ แต่จากประสบการณ์ของผมเชื่อว่านาย"ห"พูดความจริง จึงต้องค้นหาหลักฐานสนับสนุน

ประเด็นแรกต้องหาตัวผู้จำหน่ายสลากให้กับนาย"ห"ให้ได้ ดูในสำนวนเก่าไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้เลย ความพยายามค้นหามีเพียงแค่สอบปากคำนาย"ห"ว่าซื้อจากผู้หญิงที่เดินเร่ขาย ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อน แต่หากเห็นหน้าอีกก็จำได้ โชคช่วยผมเนื่องจากผมเคยแสดงภาพยนตร์ไทยไว้หลายเรื่อง คู่กับสรพงษ์ ชาตรี, ฉัตรชัย เปล่งพานิช, ลิขิต เอกมงคล ฉายในกรุงเทพไม่ค่อยดัง แต่ที่ต่างจังหวัดยังพอไปได้ ที่ว่าโชคดีคืออย่างนี้ครับ เมื่อผมมารับงานที่กองปราบและสืบสวนคดีเรื่องนี้ นสพ.หลายฉบับลงข่าวพาดหัว หลังจากนั้นก็มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่หาดใหญ่โทรมาหาผม ถามผมว่า"ท่านสอบสวนคดีเรื่องนี้หรือ" ผมตอบว่า"ใช่" หญิงคนเดิมตอบว่า "ท่านเป็นคนดี คนตรง ฉันจะให้ข้อมูล…" ผมเลยถามไปอีกว่า รู้จักผมหรืออย่างไรจึงพูดเช่นนั้น ก็ได้รับคำตอบว่า เคยดูหนังไทยที่ผมเล่นกับสรพงษ์ ชาตรี ในเรื่องผมเป็นตำรวจซื่อตรง นี่ไงล่ะโชคช่วยเพราะการแสดง ผมได้รับการบอกเล่าจากหญิงผู้นี้ว่า หวยรัฐบาลในงวดที่เกิดเหตุจะต้องมีคนที่หาดใหญ่ถูกรางวัลที่๑แน่นอน เพราะคนที่รู้จักกับหญิงผู้นี้เขาก็ซื้อสลากงวดเดียวกันที่หาดใหญ่ เกือบถูกรางวัลที่๑ เฉียดไปแค่สองตัวท้าย (คือซื้อหมายเลขใกล้เคียงรางวัลที่๑) ผมรีบเชิญให้หญิงคนดังกล่าวพร้อมชายคนที่ซื้อสลากใกล้เคียงรางวัลที่๑ในงวดที่เกิดเหตุมาสอบสวน แน่นอนหญิงคนดังกล่าวมาพบผมพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน มาขอรูปและนามบัตร โดยไม่ลืมให้ผมเซ็นต์ชื่อไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย อย่างนี้ซิเรียกได้ว่าแฟนพันธุ์แท้

จากการสอบสวนชายที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดที่เกิดเหตุ ซึ่งซื้อสลากใกล้เคียงรางวัลที่๑ จึงได้ทราบถึงตัวหญิงผู้ขายสลากซึ่งชายคนดังกล่าวนี้รู้จัก ผมดีใจมาก ทางเปิดแล้วสำหรับคดีนี้ ผมรีบส่งทีมงานเดินทางไปที่หาดใหญ่พร้อมนำนาย"ห"ไปดูตัวหญิงคนขายสลาก ทันทีที่นาย"ห"เห็นหญิงคนขายสลาก นาย"ห"ก็ตรงเข้าไปจับข้อมือหญิงคนดังกล่าวแล้วระล่ำว่า "ตามหาตัวมาหลายปี ไม่เจอ นึกว่าสูญหาย ตายจากไปแล้ว"
จากการสอบสวนหญิงขายล๊อตเตอรี่ผู้นี้ความก็กระจ่างว่า ปกติเธอไม่ได้ขายสลาก แต่ในวันเกิดเหตุญาติจากกทม.เดินทางมาเยี่ยมที่หาดใหญ่ ญาติผู้นี้มีอาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลอยู่ที่สะพานใหม่ดอนเมือง ใกล้ๆกับตลาดของเสี่ยห้างทอง ญาติผู้นี้เอาสลากมาจาก กทม.ติดมาด้วย๔๐กว่าเล่ม ญาติดังกล่าวขับรถมาเองจาก กทม.ถึงหาดใหญ่ใช้เวลาเกือบทั้งคืน พอถึงหาดใหญ่หมดแรงเลยฝากเธอช่วยขาย

เมื่อได้ความจากการสอบสวนอย่างนี้ก็รีบไปพบชายหญิง(สามีภรรยา)ผู้ซึ่งนำสลากงวดเกิดเหตุไปขายที่หาดใหญ่ สอบถามที่ตลาดสะพานใหม่ดอนเมืองใช้เวลาไม่นานก็พบ ได้ความจริงว่า ชายหญิงคู่นี้ไม่มีโควต้าจำหน่ายสลากเป็นของตนเอง แต่เขาจะไปคอยดักซื้อที่แผงจำหน่ายล๊อตเตอรี่ริมถนนราชดำเนิน ฟากตรงข้ามกับกองสลาก หญิงคู่นี้จำเหตุการณ์ได้แม่นยำ เพราะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เขาแวะซื้อสลากจากชายผู้หนึ่งที่บริเวณแผงขายล็อตเตอรี่หน้ากองสลากจำนวน5เล่ม หน้าปกของสลากฯประทับตราเขตจำหน่าย"นนทบุรี" พอซื้อแล้วก็นำขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ขับตรงไปหาดใหญ่เนื่องจากจะต้องไปร่วมงานแต่งงานญาติ (ปกติเมื่อซื้อสลากฯแล้วก็จะไปขายที่แผงของตนที่ดอนเมือง) สองสามีภรรยาขับรถยนต์ส่วนตัวไปถึงหาดใหญ่ก็เป็นเวลาใกล้รุ่ง จำเป็นต้องนอนเอาแรง พร้อมกับให้ญาติซึ่งเป็นผู้หญิงเอาสลากไปขาย คนขายสลากที่หาดใหญ่ก็ขายสลากงวดนี้เพียงงวดเดียวเท่านั้น เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เองนาย"ห"ซื้อสลากไปแล้วจึงตามหาคนขายไม่เจออีกเลย ก็เพราะเป็นเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดขึ้นครั้งเดียว ทุกคนจำเหตุการณ์นี้ได้

ผมสามารถจับโกหกคนได้แล้ว ผมเชื่อแน่ว่าสลากชุดที่เกิดเหตุถูกนำไปจำหน่ายที่หาดใหญ่ แต่เจ้าของโควต้าที่จังหวัดนนทบุรีไม่พูดความจริง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะมีระเบียบของกองสลากว่า หากเจ้าของโควต้ามิได้จำหน่ายสลากด้วยตนเองในพื้นที่ๆกำหนด ถ้ากองสลากฯทราบและมีหลักฐาน จะตัดโควต้าจำหน่ายสลากของผู้นั้นทันที

ผมสืบหาหลักฐานเชื่อมโยงได้แล้วว่าสลากชุดที่เกิดเหตุน่าเชื่อว่ามีการนำไปจำหน่ายที่หาดใหญ่จริง พอจะหักล้างความเห็นของพนักงานสอบสวนชุดเดิม เพื่อรื้อฟื้นคดีมาทำการสอบสวนใหม่ได้แล้ว แต่ยังมีเงื่อนปมให้ขบคิดอีกเกี่ยวกับเรื่องผู้ที่นำสลากชุดที่เกิดเหตุไปขึ้นเงินรางวัลเป็นคนที่อยู่ในจังหวัดนนทบุรี ผมจะต้องเชื่อมโยงให้ได้ ผู้ต้องสงสัยลักสลากที่หาดใหญ่มีความสัมพันธ์กับคนที่นำสลากไปขึ้นเงินซึ่งเป็นคนนนทบุรีอย่างไร ผมจะทำอย่างไรให้ผู้ตรวจสำนวนเชื่อ ให้ศาลเชื่อว่านาย"ห"ได้ซื้อล๊อตเตอรี่ที่หาดใหญ่ถูกรางวัลที่๑ แล้วสลากหายไปขณะนอนหลับในบ้านเพื่อน ระยะทางจากจุดที่เกิดเหตุมายังจุดที่อยู่ของผู้นำสลากฯชุดที่เกิดเหตุไปขึ้นเงิน ห่างกันเป็น1,000กม. เวลาเดียวกันหลักฐานของพนักงานสอบสวนชุดเดิม ฟังแล้วน่าเชื่อ เช่นกองสลากยืนยันว่าสลากชุดที่เกิดเหตุส่งไปจำหน่ายที่นนทบุรี และเมื่อสอบเจ้าของโควต้าก็ยืนยันว่าจำหน่ายด้วยตนเองที่นนทบุรี แล้วคนที่ถูกสลากแล้วนำไปขึ้นเงินก็เป็นคนนนทบุรี พยานหลักฐานสอดคล้องเชื่อมโยง ใครๆก็ต้องเชื่อ อ้าว! ถ้าอย่างนี้นาย"ห"แกบ้าแน่ เที่ยวเพ้อเจ้อขี้ตู่ละซิ แต่จากที่ผมได้สัมผัสกับนาย"ห"เชื่อว่านาย"ห"พูดความจริง เมื่อผมเชื่อว่านาย"ห"พูดจริงแล้ว ผมจะหาหลักฐานอย่างไรมาสนับสนุนให้คนอื่นเชื่อล่ะ งานอย่างนี้ต้องมีกุนซือวางแผน แต่อย่าลืมนะคร๊าบ อาชญากรรมทิ้งร่องรอยเสมอ เพียงแต่ว่าจะค้นหาพบหรือไม่ ติดตาม"บุญมีแต่กรรมบัง"ในตอนที่สองต่อไป.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์