บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
แผนสังหาร ตอนที่ 2 (เสียทีเพราะผู้หญิง)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› แผนสังหาร ตอนที่ 2 (เสียทีเพราะผู้หญิง)




กิตติศัพท์ชื่อเสียงของเสี่ยปรีชาเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการเงินกู้นอกระบบ เพราะเสี่ยปรีชาปล่อยเงินไม่อั้น ขอให้หลักทรัพย์ดี สู้ดอกเบี้ยและยอมให้หักปากถุง ในจำนวนผู้ที่มาใช้บริการของเสี่ยปรีชาก็มีเสี่ยจัดสรรที่ดินและสร้างบ้านจัดสรรมูลค่า 100 ล้านที่จังหวัดลำปาง เป็นลูกค้าอยู่ด้วย บรรดาลูกค้าที่เคยไปกู้เงินกับเสี่ยปรีชา จะรู้จุดอ่อนของเสี่ยข้อหนึ่งคือ เป็นคนชอบผู้หญิงเป็นที่สุด ลูกค้าที่มาขอกู้เงินมักจะเอาผู้หญิงหน้าตาดีๆมาล่อ เสี่ยจัดสรรที่ลำปางเป็นลูกค้าขาประจำของเสี่ยปรีชา เคยนำที่ดินที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรีไปจำนองกับเสี่ยปรีชาจำนวนเงิน 3 แสน จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อเดือน จ่ายตรงตามกำหนดไม่เคยเสียหาย และต่อมาก็ได้ไถ่ถอนคืน เสี่ยจัดสรรลุยธุรกิจหนักกว่าเก่า เปิดโครงการใหญ่บ้านจัดสรรที่ลำปาง เกิดปัญหาขัดข้องทางการเงิน ปี 2533 ยุคฟองสบู่แตก เสี่ยจัดสรรได้นำที่ดินแปลงเดิมไปจำนองกับเสี่ยปรีชาอีกครั้งในวงเงิน 3 ล้านบาท เขียนเช็คสั่งจ่ายดอกเบี้ยล่วงหน้าปีละ 7 แสน ช่วงธุรกิจฟุบเศรษฐกิจตกต่ำ เสี่ยจัดสรรไม่ได้จ่ายดอกเบี้ย เสี่ยปรีชาฟ้องเช็คทั้งคดีอาญาและแพ่ง ศาลตัดสินให้เสี่ยจัดสรรแพ้คดี โทษจำรอ ศาลสั่งให้ชำระหนี้ ถ้าไม่ชำระให้บังคับคดี ยึดที่ดินขายทอดตลาด เสี่ยบ้านจัดสรรพบเสี่ยปรีชาเจรจาลดหย่อนหนี้ ขอประนีประนอม เหตุผลเนื่องจากว่า เสี่ยจัดสรรได้ซื้อที่ดินที่ข้างเคียงอีกหลายร้อยไร่ เพื่อจะทำรีสอร์ท จึงจำเป็นต้องเอาที่ดินแปลงติดจำนองกับเสี่ยปรีชาคืนให้ได้ เสี่ยปรีชาคิดหนี้เงินต้นบวกดอกเบี้ยรวม 17 ล้านบาท เสี่ยจัดสรรดับเครื่องชนต่อสู้คดีกับเสี่ยปรีชาตามกระบวนการยุติธรรม ผลคดีเสี่ยจัดสรรแพ้ต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ย เสี่ยจัดสรรเพิ่มความแค้นเมื่อมาทราบภายหลังว่า เสี่ยปรีชาเอาเงินจ้างทนายฝ่ายตนให้หลบหนีทิ้งคดี (ล้มทนาย) เสี่ยจัดสรรถูกยึดทรัพย์ประกาศขายทอดตลาด ราคาประเมินไร่ละ 1.5 ล้าน เสี่ยจัดสรรเสียดายที่ดินแปลงสวยซื้อมาไร่ละ 2.5 ล้านและ เตรียมขยายพื้นที่เพื่อทำรีสอร์ทและสร้างสนามกอล์ฟ เสี่ยจัดสรรพยายามเจรจาขอประนอมหนี้ แต่เสี่ยปรีชาไม่ยอมคุยด้วยทั้งสิ้น
วางแผนฆ่า

เสี่ยจัดสรรเลี้ยงเด็กสาวหน้าตาดีไว้หลายคน หนึ่งในจำนวนนั้นคือคุณณัชยา และคุณณัชยามีเพื่อนสาวหน้าตาดีชื่อลลิตาซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เงิน ลลิตาให้ณัชยาช่วยเจรจาขอกู้เงินจากเสี่ยจัดสรร เสี่ยจัดสรรมองเห็นช่องทางก็เลยบอกว่ารู้จักผู้มีอาชีพปล่อยเงินกู้และจะแนะนำให้ เสี่ยจัดสรรปรึกษา กับเพื่อนสนิท(นายอากร หรือมีชัย)เจ้าของปั๊มน้ำมันที่ จ.ลพบุรี เพื่อจะหาทางดัดหลังเสี่ยปรีชา เจ้าของปั๊มน้ำมันตกลงจัดทีม “อุ้ม”ให้ ตกลงกันว่าจะเอาเอกสารบางอย่างที่สำคัญของเสี่ยจัดสรรที่อยู่กับเสี่ยปรีชากลับคืน ทีมอุ้มมี 1.จ่าแมนอดีตทหารพรานลพบุรี 2.นายอู 3.นายโป้ย สองคนหลังเป็นอดีตทหารพม่าตัวเล็กแต่แข็งแรงมาก เสี่ยจัดสรรนักวางแผนใช้ระบบ Need to know ( รู้เท่าที่จำเป็น) ณัชยาถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นผู้ติดต่อขอกู้เงินจากเสี่ยปรีชา โดยเสี่ยจัดสรรบอกแผนให้ใช้ยานอนหลับใส่เบียร์ให้เสี่ยปรีชาดื่ม โดยบอกว่าเสี่ยปรีชาเป็นเสือผู้หญิง ชอบดื่มเบียร์ และถ้าจะขอกู้เงินแบบสะดวกๆต้องยอมให้เสี่ยปรีชาหลับนอนด้วย ถ้าไม่ใช้ยานอนหลับมีหวังเสียตัวก่อนและเงินก็จะไม่ได้ เสี่ยจัดสรรรับจะจัดหายานอนหลับให้ แล้วเสี่ยจัดสรรก็ได้บอกที่อยู่ของเสี่ยปรีชาและเบอร์โทรติดต่อ ณัชยาไม่รู้แผนลึกซึ้งว่าจะมีการ “อุ้ม” เธอจึงติดต่อลลิตารับว่าจะพาไปกู้เงิน ณัชยาตีสายบอกเสี่ยจัดสรรว่าพร้อมจะไปพบเสี่ยปล่อยเงินกู้แล้ว เสี่ยจัดสรรได้มาพบมอบยาผงสีขาวบดละเอียดใส่ถุงพลาสติกเล็กๆ 1 ถุงพร้อมเงินอีก 10,000 บาทเป็นค่าเหนื่อย และสั่งให้คอยรายงานผลให้ทราบทุกระยะ ถึงเวลานัด ณัชยากับลลิตาพากันไปพบเสี่ยปรีชา โดยณัชยาเป็นผู้โทรนัดหมาย เสี่ยปรีชาชอบผู้หญิงอยู่แล้ว จึงนัดให้ไปพบที่บ้านพัก

Need to know หรือรู้เท่าที่จำเป็นหรือเท่าที่ควรจะรู้ บางครั้งก็เกิดผลเสีย เพราะไม่ได้บอกเล่าให้ละเอียดรู้ทั้งหมด ให้รู้เฉพาะงานในหน้าที่ของตน ความที่ไม่รู้รายละเอียดทำให้ผู้เกี่ยวข้องบางคนทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ จึงเป็นการทิ้งร่องรอยหลักฐาน ส่วนการที่จะให้รู้รายละเอียดทั้งหมดบางทีผู้เกี่ยวข้องเกิดความกลัวไม่กล้าร่วมมือ การประกอบอาชญากรรมครั้งนี้จึงเป็นทิ้งร่องรอย อันเนื่องมาจาก “NEED TO KNOW”

ในตอนบ่ายณัชยากับลลิตาเดินทางไปหาเสี่ยปรีชาที่บ้านพัก โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวของลลิตา เสี่ยปรีชาลงมาคอยรับ จัดที่ให้จอดรถ คนในละแวกนั้นซึ่งเป็นคนเช่าห้องของเสี่ยปรีชาต่างคิดในใจว่า “หมูมาขึ้นเขียงอีกแล้ว”
ปกติทางเข้าห้องเสี่ยปรีชาคดเคี้ยวเหมือนเดินเข้าเขาวงกต แต่คราวนี้เปิดทางพิเศษ โดยเข้าผ่านร้านค้าทะลุไปยังห้องพัก จากบ่ายเป็นค่ำ สอง สาวยังอยู่ในห้องเสี่ยปรีชา จากปากคำเด็กส่งเบียร์บอกว่า เบียร์สิงห์ถูกลำเลียงไปให้เสี่ยปรีชาประมาณ 1 โหลพร้อมด้วยกับแกล้ม มอมยา

จากปากคำของสองสาวบอกว่า ทนการรวนลามของเสี่ยปรีชาไม่ไหว ณัชยาเห็นว่าถ้าไม่ใช้ยานอนหลับคงจะต้องเสียตัวให้เสี่ย และแล้วยานอนหลับที่บดละเอียดอยู่ในซอง ก็ถูกเทลงใส่แก้วเบียร์ของเสี่ยปรีชาเกือบหมดซอง สองสาวขอชนแก้วกับเสี่ยชนิดแก้วต่อแก้ว เสี่ยปรีชาคิดว่าอยู่ในบ้านตนเองคงปลอดภัย แต่พอยานอนหลับออกฤทธิ์ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายเสี่ยปรีชาค่อยอ่อนเปลี้ยลง สะลึมสะลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ขณะนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ณัชยาโทรบอกเสี่ยจัดสรรรายงานให้ทราบว่า เสี่ยปรีชานอนหลับหมดฤทธิ์ เสี่ยจัดสรรบอกให้สองสาวกลับได้
แผนเดิม

เสี่ยจัดสรรต้องการให้หญิงนกต่อพาเสี่ยปรีชาออกไปดื่มนอกบ้าน แต่เสี่ยเงินกู้ระวังตัว ไม่ยอมออกจากบ้าน แผนล่อเสือออกจากถ้ำจึงถูกเปลี่ยนเป็นการให้หลับอยู่กับบ้าน

เช้าวันรุ่งขึ้นเด็กส่งเบียร์เข้าไปเก็บขวดเก็บจานอาหาร จากที่ห้องเสี่ยปรีชา พบว่าข้าวของในห้องเสี่ยปรีชากระจัดกระจาย เอกสารถูกรื้อค้น ตู้เซฟถูกเปิดทิ้งไว้ ประตูเหล็กม้วนด้านหน้าถูกเปิดและพบรอยเลือด ไม่พบตัวเสี่ยปรีชา หายตัวอย่างไร้ร่องรอย

แจ้งความคนหาย
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในขณะนั้นก็คือ แจ้งความคนหาย พนักงานสอบสวนไปดูที่เกิดเหตุ ผมก็ไปดูสถานที่เกิดเหตุด้วยเพราะผมกับปรีชารู้จักชอบพอกัน ร่องรอยในที่เกิดเหตุที่พบเห็น มันไม่ใช่เรื่องคนหายธรรมดา มันเป็นเรื่องฆาตรกรรมแน่นอน เด็กส่งเบียร์ถูกเรียกตัวสอบ และจัดให้มีการสะเก็ตภาพหญิงสาวทั้ง 2 คน พยานที่อยู่ปากทางเข้าที่พักของเสี่ยประชาก็ถูกนำตัวไปสอบสวน เพื่อทราบรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์พาหนะของสองสาว แต่เชื่อหรือไม่ ไม่มีใครจำได้เลย

อาชญากรรมทิ้งร่องรอย
ในตอนบ่ายของวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าสาวลลิตาซึ่งไม่ใช่คนใส่ยานอนหลับ เธอต้องการกู้เงินจากเสี่ยปรีชาจริงๆ ไม่รู้สับสนกลใน เธอขับรถคันเดิมมาหาเสี่ยปรีชาที่บ้านอีก พอเธอจอดรถก็ลงไปถามคนแถวนั้นว่าเสี่ยปรีชาอยู่ไหม ความจริงเธอน่าจะสังเกตอาการผิดปกติของคนแถวนั้น ที่เขามองคุณลลิตาอย่างตื่นๆ ในความรู้สึกว่า เธอเป็นขบวนการคนร้ายที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวของเสี่ยปรีชา

เจ้าของร้านไดนาโมปากทางเข้าบ้านเสี่ยปรีชาบอกว่า “ไม่รู้หรือ เสี่ยโดนอุ้มไปเมื่อคืน” เท่านั้นเองลลิตาขึ้นรถรีบขับรถออกไปทันที แต่ช้ากว่าคนแถวนั้นที่จดเลขทะเบียนรถของเธอไว้ รุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว ระบุตัวสาวนกต่อ ลงข้อความและทะเบียนรถ นี่แหละผลของ “ NEED TO KNOW”

สาวนกต่อต่างหาที่ซบ
สองสาวแม้จะรู้จักกันก็จริงแต่ไม่สนิทสนม ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน ต่างฝ่ายก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นคนร้าย สาวหนึ่งวิ่งไปหาตำรวจใหญ่ในนครบาล อีกสาวหนึ่งวิ่งหาตำรวจใหญ่กองปราบ ต่างฝ่ายให้รายละเอียดแสดงความบริสุทธิ์ของตน เรื่องเสี่ยปรีชาถูก “อุ้ม”เป็นข่าวใหญ่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ตำรวจทุกหน่วยต่างก็ทราบ พอมีคนให้ข้อมูลก็อยากทำคดีโดยไม่ได้ประสานร่วมมือกัน

หญิงที่วิ่งไปซบตำรวจกองปราบโทรมาถึงหญิงที่วิ่งซบตำรวจนครบาล นัดพบที่บริเวณหน้าโรงเรียนเซนต์จอห์น ลาดพร้าว (เข้าใจว่าเป็นแผนของตำรวจกองปราบ ต้องการล่อให้หญิงอีกคนปรากฏตัว เพื่อจับกุม) ทางฝ่ายตำรวจนครบาลก็มีความต้องการหญิงอีกคนหนึ่งเช่นกัน จึงตกลงพบกันที่จุดนัดหมาย โดยแต่ละฝ่ายก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบสะกดรอยตามไปด้วย โดยตำรวจต้องการจะรวบตัวหญิงอีกคนหนึ่ง ( เรื่องทำนองนี้ เคยมีการปะทะกันมาแล้ว เพราะไม่ได้ประสานกัน ต่างคิดว่าอีกฝ่ายคือคนร้าย เพราะแต่งกายนอกเครื่องแบบและมีอาวุธปืน) โชคดีที่การนัดพบเป็นเวลากลางวัน ชุดสืบสวนของนครบาลมีผมอยู่ด้วย และผมเคยรับราชการที่กองปราบมาก่อน ชุดสืบสวนของกองปราบเห็นผมจำได้ จึงรู้ว่าเป็นตำรวจด้วยกัน เลยไม่มีเหตุปะทะ เสี่ยจัดสรรถูกจับ รับสารภาพ สองสาวถูกนำตัวไปสอบสวน โดยมอบหมายให้ตำรวจนครบาลเป็นผู้สอบ ตำรวจกันตัวสองสาวไว้เป็นพยาน ออกหมายจับเสี่ยจัดสรร ตำรวจใช้เวลาในการสืบสวนไม่ถึง 10 วัน ก็จับเสี่ยจัดสรรได้ รับสารภาพ โดยให้การว่าแผนเดิมตั้งใจจะให้ผู้หญิงล่อเสี่ยปรีชาไปทานอาหารข้างนอกบ้าน และต้องการจะทำเพียงขู่ แต่เมื่อได้รับรายงานว่าเสี่ยปรีชาโดนยานอนหลับหมดสติอยู่ในบ้าน เสี่ยจัดสรรจึงนำทีมมายังที่พัก เพราะสถานที่ดังกล่าวรู้จักมักคุ้นดี เสี่ยจัดสรรย่องไปในบ้านเสี่ยปรีชาเวลาประมาณ 02.00 น. (หน้าบ้านมีร้านขายข้าวต้มริมฟุตบาท ต้องรอให้ร้านข้าวต้มเลิกขายก่อน) โดยเข้าทางด้านหลังบ้าน เมื่อเข้ามาถึงห้องเสี่ยปรีชาแล้วก็ถอดกลอนจากด้านใน ไขกุญแจเปิดประตูเหล็กม้วนด้านหน้า รับทีมงานพร้อมรถยนต์เข้าไปในบ้านเสี่ยปรีชา ต่อสู้กันใช้ด้ามปืนตีศีรษะ

เสี่ยจัดสรรให้การว่า ขณะไปถึง เสี่ยปรีชายังมีสติอยู่บ้าง จึงเกิดต่อสู้กัน ตนจึงเอาด้ามปืนตีที่ศีรษะเสี่ยปรีชาจนสลบไป แล้วใช้เชือกมัดมือ มัดเท้า ใช้เทปหนังไก่ปิดปาก ลากขึ้นรถปิคอัพมิตซูบิชิ ไปที่ไร่ที่ทับกวาง จ.สระบุรี ระหว่างทางพบว่าเสี่ยปรีชาเสียชีวิตแล้ว จึงทำลายศพด้วยการเผา โดย

- แวะที่ร้านรับจ้างปะยางรถแถวสระบุรี ซื้อยางรถยนต์เก่า 5 เส้น 120 บาท

- แวะปั๊มน้ำมัน ซื้อน้ำมันเบนซินไปเป็นเชื้อเพลิง

- เผาศพเสี่ยปรีชาที่ไร่ทับกวาง เนื้อที่ไร่กว้างขวางมาก ประมาณ 400 ไร่ เป็นป่าทึบในหุบเขา เข้าไปลึกไม่มีผู้ใดรู้เห็น โดยนำยาง 5 เส้นซ้อนกัน เอาศพใส่ในช่องยาง เอาน้ำมันราด แล้วจุดไฟเผา รอจนไหม้มอดหมดแล้ว ใช้รถแทรกเตอร์ไถดินกลบ (ขณะไปดูสถานที่รถแทรกเตอร์ยังไถดินอยู่)

- ก่อนที่ผมจะไปดูสถานที่เผาศพ ๑ คืน มีฝนตก น้ำฝนชะเศษกระดูกที่ถูกไฟเผาไหลไปตามร่องน้ำ เศษกระดูกเป็นขี้เถ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย ปนไปกับดินโคลน พยายามหาเก็บเศษกระดูก ได้แต่ชิ้นเล็กๆขนาดเท่าเม็ดถั่ว ลักษณะบอกไม่ได้ว่าเป็นกระดูกมนุษย์หรือกระดูกสัตว์ รวมกระดูกแล้วไม่ถึงครึ่งถ้วยชา

ผมไม่เชื่อคำรับสารภาพของเสี่ยจัดสรร ที่ว่าเสี่ยปรีชาขาดใจตายบนรถปิคอัพ เสี่ยปรีชาน่าจะถูกฆ่า ณ ที่บ้านถนนพหลโยธิน เพราะพบว่าตู้เซฟที่บ้านถูกเปิด การที่จะเปิดเซฟได้ต้องรู้เลขรหัส ต้องมีกุญแจไข เสี่ยปรีชาน่าจะถูกทรมานเพื่อให้บอกกุญแจเซฟและรหัส ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้เสี่ยปรีชาถึงแก่ความตาย เสี่ยจัดสรรให้การว่า ไม่ได้เอาเอกสารจากตู้เซฟไป ค้นหาเอกสารที่ต้องการไม่พบ จะเชื่ออะไรกับคำรับ ต้องหาพยานหลักฐานยืนยัน แต่ทำอย่างไรได้ประจักษ์พยานไม่มี คดีนี้มีแต่พยานแวดล้อม โดยพนักงานสอบสวนกันสองสาวไว้เป็นพยาน เสี่ยจัดสรรถูกดำเนินคดี ข้อหาใช้จ้างวาน และร่วมฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ชั้นสอบสอนรับสารภาพ
คนร้ายอื่นๆหลบหนี จับกุมตัวไม่ได้ ชั้นศาลเสี่ยจัดสรรกลับคำ ปฏิเสธต่อสู้คดี ก็แน่ละ ถ้ารับสารภาพก็ติดคุกลูกเดียว หากปฏิเสธก็ต้องนำสืบพยานกัน สรุปพยานหลักฐานไม่พอรับฟัง ศาลพิพากษายกฟ้อง และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คดีถูกยกฟ้องคือไม่มีศพ ไม่มีรายงานชันสูตรศพ ขี้เถ้ากระดูกที่พบไม่สามารถตรวจหาดีเอ็นเอได้

ม.129 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้ทำการสอบสวนรวมทั้งการชันสูตรชนิดศพ กรณีมีความตาย เป็นผลแห่งการกระทำผิดอาญา ฯลฯ ถ้าการชันสูตรยังไม่เสร็จ ห้ามมิให้ฟ้องผู้ต้องหายังศาล และตาม ม.154 ประมวลกฎหมายเดียวกัน ให้ผู้ชันสูตรพลิกศพ ทำความเห็นเป็นหนังสือ แสดงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด อย่างไร

เมื่อไม่มีศพ ก็ไม่มีรายงานชันสูตรพลิกศพ เมื่อจำเลยปฏิเสธ ไม่สามารถนำสืบได้ว่า ผู้ตายตายจริงหรือไม่ ตายอย่างไร ศาลไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาฆ่าคนตายได้ ทำให้นึกถึงคดีทนาย เจ.ไอ.ที่ยังหาตัวไม่พบ ไม่ทราบว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่ แล้วจะฟ้องคดีเรื่องฆ่าได้อย่างไร

อวสานเสี่ยกระดูกเหล็กหนังเหนียว แคล้วคลาดจากลูกปืนมาถึง ๔ ครั้ง ในที่สุดก็ต้องมาตายเพราะจุดอ่อนที่ชอบผู้หญิง ถึงแม้ร่างกายจะแข็งแรงสักปานใด ก็ไม่สามารถทานฤทธิ์ยานอนหลับได้ ขอให้ท่านผู้อ่านจงพึงสังวร และขอให้เรื่องนี้เป็นบทเรียน.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์