บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
แผนสังหาร ตอนที่ 1 (ดวงดี รอดตาย)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› แผนสังหาร ตอนที่ 1 (ดวงดี รอดตาย)




เสี่ยกระดูกเหล็กแถมยังหนังเหนียว ถูกมือปืนลอบสังหารรวม 4 ครั้ง แต่ละครั้งแคล้วคลาด รอดจากการเป็นเหยื่อกระสุนปืนราวกับปาฏิหารย์ เสี่ยผู้นี้เป็นใคร เหตุใดจึงมีผู้ปองร้ายมากมายถึงขนาดนี้ และเสี่ยผู้นี้มีดีอะไรจึงได้แคล้วคลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ผมจะพาท่านผู้ฟังไปรู้จักกับเสี่ยกระดูกเหล็กหนังเหนียวผู้นี้

ในช่วงปี พ.ศ.2542 ผมรับราชการตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 กำกับดูแลการปฏิบัติงานของ สน.ต่างๆมี สน.บางซื่อ, เตาปูน, พหลโยธิน, ทุ่งสองห้อง, โคกคราม, ประชาชื่น, สุทธิสาร, สายไหม, ดอนเมือง, คันนายาวและบางเขน

คืนวันหนึ่งหลังเที่ยงคืน ขณะที่ไปตรวจ สน.บางเขน ก็พบชายผู้หนึ่งวัย 60 ต้นๆ สวมเสื้อยืด นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่รองเท้าแตะ พูดจาเสียงดังลักษณะคนเมาสุราแต่ยังมีสติดี ชายดังกล่าวมากับผู้หญิงอายุประมาณ 30 เศษหน้าตาดี ชายนุ่งกางเกงขาสั้นต้องการให้ตำรวจ สน.บางเขน ดำเนินคดีกับหญิงที่นำพามาด้วย ในข้อหาลักทรัพย์ ตำรวจ สน.บางเขนให้นั่งรอเพราะเห็นว่ามีลักษณะมึนเมาสุรา ผมจึงได้เข้าไปสอบถามพูดคุยด้วย ทราบว่าชายผู้นี้ชื่อนายปรีชา เป็นคหบดี เจ้าของอพาทเมนท์ใกล้มหาวิทยาลัยศรีปทุม เป็นเจ้าของอาคารพาณิชย์ตึก 3 ชั้นมากกว่า 30 คูหา เนื้อที่ดินประมาณ 5 ไร่ ติดถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.

เสี่ยปรีชาเล่าให้ฟังว่า สุภาพสตรีที่พามาด้วยนั้น ได้มาปรนนิบัติรับใช้ ดื่มสุรากันที่บ้านพักของเสี่ยปรีชา ได้ร่วมรักกันแล้วเสี่ยปรีชาหลับไป ตื่นขึ้นมาประมาณเที่ยงคืน สำรวจดูข้าวของส่วนตัวพบว่าพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ที่เคยแขวนติดอยู่กับสร้อยหายไป สร้อยยังอยู่ ขณะที่ตื่นขึ้นมาสาวดังกล่าวก็ยังอยู่ในบ้าน ค้นในตัวหญิง ค้นดูภายในบ้าน ไม่พบพระสมเด็จฯ จึงพาตัวมา แจ้งให้ตำรวจดำเนินคดีกับหญิงดังกล่าว ในข้อหาลักพระสมเด็จวัดระฆัง ตีราคาพระ 2 ล้านบาท

การพูดจาของเสี่ยปรีชา ลักษณะเป็นคนมีความรู้ทางกฎหมาย ผมจึงได้ชวนร้อยเวรสอบสวนคือ ร.ต.ท.รำเพย ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุในคืนนั้น เสี่ยปรีชาได้พาไปยังที่พักซึ่งลักษณะเป็นห้องแถวตึก ๓ ชั้น ปลูกติดต่อกันเป็นแถวยาวติดถนนใหญ่ ๓๐ คูหา มีถนน(ส่วนบุคคล)ผ่านกลางเพื่อเข้าไปสู่อพ๊าตเมนท์ ทำให้ตึกแถวถูกแบ่งเป็นสองแถว แต่ละแถวมีประมาณ ๑๕ คูหา เสี่ยปรีชาพักอยู่ห้องริมท้ายสุด ห้องส่วนมากร้าง ไม่มีคนอยู่ ปล่อยทิ้งรกรุงรัง ทางเข้าห้องพักเสี่ยปรีชาซับซ้อนมาก แทนที่จะเข้าสู่ห้องพักโดยตรง มันง่ายเกินไปต้องทำให้วกวน เช่นต้องไขกุญแจเข้าที่ห้องแถวห้องที่ 3 เข้าทางด้านหลังชั้นล่างแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เดินทะลุไปยังห้องที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 แล้วเดินลงชั้นสอง เดินทะลุไปอีกห้อง แล้วขึ้นชั้นบน ขึ้นลงสลับกันไปจนน่าเวียนหัว ทางเดินไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้ไฟฉาย ช่องทางเดินแคบมีของวางระเกะระกะ เมื่อเดินผ่านประตูไหนก็จะลงกลอนประตูนั้นๆแต่ละประตูไป เหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นความต้องการของเสี่ยปรีชา ที่ประสงค์ให้ทางเดินสลับซับซ้อนลักษณะเป็นเขาวงกต ยากแก่การที่จะจู่โจมเข้าถึงตัว เนื่องจากเป็นคนมีศัตรูมาก แต่ทางออกเวลาฉุกเฉิน จะมีเสี่ยปรีชารู้คนเดียว คือที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ริมถนน มีประตูเหล็กม้วนปิดใส่กุญแจด้านใน พอไขกุญแจเปิดก็ออกสู่ถนนพหลโยธินได้ทันที

จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุ สภาพห้องรกมาก ของวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ห้องไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศ ทำให้มีกลิ่นน่ารังเกียจ สรุปผลการตรวจที่เกิดเหตุ ไม่ได้ร่องรอยอะไรเลย

เสี่ยปรีชาสรุปว่า “มันต้องเอาไปแน่ คนอื่นเข้าไม่ได้ มันต้องเอาซุกไว้ที่ไหนสักแห่ง” ค้นหาตามจุดที่พอจะค้นได้ก็ไม่พบ สอบถามหญิงคู่นอนของเสี่ยปรีชา เธอปฏิเสธว่าไม่ได้เอาพระสมเด็จฯไป เธอมาปรนนิบัติเสี่ยปรีชาด้วยความจงรักภักดี เธอมีชีวิตอยู่ได้ก็ด้วยการอนุเคราะห์ของเสี่ยปรีชา หญิงคู่นอนบอกว่าจะดำเนินคดีก็ยอม จะให้รับสารภาพก็รับ แต่จริงๆ แล้วเธอไม่ได้เอาไป เสี่ยปรีชายืนยันให้ดำเนินคดี หญิงคู่นอนถามว่าจะให้รับหรือปฏิเสธ เสี่ยปรีชาแนะนำว่ารับสารภาพจะได้ลดหย่อนโทษ ในที่สุดเสี่ยปรีชาก็ได้ดำเนินคดีกับหญิงคู่นอน ในข้อหาลักทรัพย์
เสี่ยปรีชาตกหนัก ต้องประกันตัวผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวน แล้วรับตัวไปอยู่ด้วย เวลาส่งตัวผู้ต้องหาฟ้องศาล ก็ตามไปประกันชั้นศาลอีก แถมยังต้องวิ่งเต้นช่วยเหลือ ทำคำร้องคำแถลงให้ศาลรอลงอาญา ซึ่งในที่สุดศาลพิพากษารอลงอาญาหญิงคู่นอน เสี่ยปรีชาเสียพระสมเด็จและยังต้องเสียเงินเสียเวลาวิ่งเต้นช่วยเหลือผู้ต้องหาอีก (ผมสงสัยว่า พระสมเด็จวัดระฆังดังกล่าวนั้น เสี่ยปรีชาอาจรับจำนำของผู้อื่นไว้ ซึ่งเท่ากับเป็นการจำหน่ายทรัพย์จำนำไปโดยปริยาย)

ผมกับเสี่ยปรีชาก็รู้จักคุ้นเคยกัน นัดทานข้าวกันเป็นประจำ เสี่ยปรีชาชอบดื่มเบียร์มาก คอแข็ง ดื่มเป็นเบียร์โหลไม่เมา เสี่ยปรีชาบอกว่า ไม่เคยคบตำรวจคนไหนนอกจากผม เพราะผมไม่เคยขัดคอ ผมสังเกตเห็นว่าเสี่ยปรีชาเป็นคนใช้เงินเป็น (ขี้เหนียว) สั่งอาหารก็จะสั่งน้อยอย่าง จะสั่งเพิ่มก็กลัวจะเหลือ จนผมรำคาญจะขอจ่ายค่าอาหารเอง เสี่ยปรีชาทำหน้าดุๆแล้วบอกว่า “ท่านรอง ผมไม่ได้มีเป็นพันล้านนะ ผมมีเป็นหมื่นๆ ล้าน อย่ามาเลี้ยงผม” ความขี้เหนียวของเสี่ยปรีชาเป็นที่หนึ่ง เคยให้ผมจัดตำรวจลูกน้อง 2 คนไปเฝ้าดักจับ “แหลม มอริสัน” คดีเช็ค ในขณะที่ “แหลม”กำลังจะออกคอนเสิร์ต ตำรวจลูกน้องเกือบถูกกระทืบตาย แต่สามารถเจรจากันได้สำเร็จ เสี่ยปรีชาตอบแทนลูกน้องผมด้วยรางวัลคนละ 100 บาท ลูกน้องผมไม่ขอรับ บอกให้เสี่ยเก็บไว้ใช้เถอะ เจ้านายจัดให้เรียบร้อยแล้ว

ประมาณกลางเดือนตุลาคม 2542 เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่เสี่ยปรีชานั่งอยู่กับลูกหนี้ที่มาขอกู้เงิน ที่ร้านกาแฟปากทางซอยเข้าอพ๊าตเมนท์ของเสี่ยปรีชา ซอยดังกล่าวกว้างประมาณ 6 เมตร ร้านกาแฟอยู่ลึกเข้าไปจากถนนพหลโยธินประมาณ 20 เมตร เสี่ยปรีชานั่งหันด้านขวาออกถนน มีลูกหนี้อีก 2 คนนั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน เสี่ยปรีชานุ่งกางเกงขาสั้นแต่พกอาวุธปืน AUTO ขนาด 9 ม.ม.ไว้ในกระเป๋ากางเกงตลอดเวลา เสี่ยปรีชาเคยถูกลอบยิงหวุดหวิดเสียชีวิตมาถึง 3 ครั้งแล้ว ประสบการณ์สอนให้ระวังและมีลางสังหรณ์ ตามหลักความปลอดภัย ต้องหันหลังพิงฝา หน้าออกประตู เสี่ยปรีชาหันด้านขวาออกสู่ถนน แต่สายตาพยายามสอดส่ายมองอย่างมีจุดหมายตลอดเวลา เสี่ยปรีชาบอกว่าขณะนั่งอยู่นั้น ถึงแม้ตนจะไม่ได้มองไปทางถนน แต่ก็มีความรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามา ซอยดังกล่าวเป็นซอยเข้าสถานที่ส่วนตัว เสี่ยปรีชาจะรู้จักและจำคนเข้าคนออกได้ว่าใครเป็นใคร แต่บุคคลที่กำลังเดินเข้ามาเป็นคนแปลกหน้า เสี่ยปรีชาชำเลืองด้วยหางตา เห็นเงาคนเคลื่อนไหววูบวาบผิดปกติ จึงก้มตัวหลบต่ำ ทันใดเสียงปืนก็ดังขึ้น 1 นัด กระสุนปืนเฉียดศีรษะเสี่ยปรีชา กระสุนปืนกระทบผนังตึก เสี่ยปรีชาหลบต่ำจนหน้ากระแทกขอบโต๊ะ ชายอีก 2 คนที่นั่งอยู่กับเสี่ยปรีชากระโดดหนีออกนอกร้าน มือปืนเล็งที่เสี่ยปรีชาแล้วยิงอีก 1 นัด กระสุนปืนด้าน เสี่ยปรีชาได้ยินเสียงนกปืนสับดัง “แชะ” รู้ทันทีว่ากระสุนปืนคนร้ายด้าน เสี่ยปรีชาดึงเอาอาวุธปืนพก AUTO ขนาด 9 มม. ที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงออก มายิงใส่คนร้าย โดยถืออาวุธปืนสองมือ เวลาเดียวกันคนร้ายก็ยืนปักหลัก กระชากลูกเลื่อนปืนขึ้นลำกล้อง แล้วยิงใส่เสี่ยปรีชาอีก 1 นัด กระสุนปืนด้านอีกเป็นครั้งที่ 2 เสี่ยปรีชาระดมยิงด้วยปืนขนาด 9 ม.มในระยะห่างไม่เกิน 3 วา การยิงเป็นการยิงแบบ “ดับเบิ้ลแอ๊คชั่น” ต้องใช้น้ำหนักลงที่ไกปืนมาก ทำให้ลำกล้องปืนสะบัด กระสุนไม่ถูกคนร้าย คนร้ายก็ไม่ลดละ แต่กำลังใจเริ่มเสีย กระชากลำกล้องปืนขึ้นลำอีกครั้งพร้อมถอยหนี ขณะคนร้ายหนีก็ยังยิงปืนใส่เสี่ยปรีชา แบบยิงพรางถอยพราง เป็นการยิงแบบสกัดกั้นการติดตามไม่ได้เล็งหวังผล คราวนี้เสียงปืนคนร้ายแผดกังวานได้ผล แม้กระสุนไม่ถูกแต่ก็ทำให้เสี่ยปรีชาต้องหลบเข้าที่กำบัง เมื่อโผล่มาอีกที เห็นคนร้ายไปถึงถนนใหญ่ ห่างไปประมาณ 20 เมตรเศษ เสี่ยปรีชาก็รัวปืนเสียงดังถี่ยิบ 5 นัด ผลปรากฏว่ารถปิกอัพที่จอดอยู่ข้างถนนและ ผนังกำแพงบ้าน โดนกระสุนพรุน กระสุนปืนไม่ถูกคนร้าย

คุณวิรัตน์ฯเจ้าของร้านไดนาโมปากซอยที่เกิดเหตุ เป็นผู้เห็นเหตุการณ์ติดตามดูคนร้าย พบว่าคนร้ายวิ่งขึ้นรถ จยย. มีชายอีกคนหนึ่งติดเครื่องรถจอดรออยู่ที่ถนนใหญ่ เลยปากทางเข้าที่เกิดเหตุเล็กน้อย แล้ว จยย.ก็ขับเคลื่อนไปทางวัดพระศรีมหาธาตุอย่างรวดเร็ว การสังเกตจดจำขอบคุณวิรัตน์ดีเยี่ยม จำได้ว่าเป็นรถ จยย.คาวาซากิ สีน้ำเงินขาว ทะเบียนจำได้มีอักษร นว. ตัวเลขมีเลข 0 นอกนั้นมีกระดาษปิดทับ ข้อมูลถูกแจ้งไปยังห้องวิทยุ สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ตำรวจห้องวิทยุ สน.บางเขนส่งกระจายข่าววิทยุเครือข่าย บก.น.2 ให้ตำรวจทุก สน.ที่เป็นลูกข่ายช่วยสกัดจับ โดยบอกลักษณะรถ จยย. รูปพรรณคนร้าย สถานีตำรวจบางเขนอยู่ติดถนนพหลโยธินเส้นทางที่คนร้ายหนี เจ้าหน้าที่วิทยุ สน.บางเขนสามารถมองเห็นคนร้ายจากห้องวิทยุชัดเจน ขณะนั้นคนร้ายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านสถานีตำรวจไปพอดี และขับขี่รถเลี้ยวไปทางถนนแจ้งวัฒนะ เข้าพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง
ต้องชมเชยความสามารถของ จนท.วิทยุ สน.บางเขน สลับคลื่นวิทยุเข้าความถี่วิทยุของ สน.ทุ่งสองห้อง (คลื่นความถี่วิทยุของ สน.บางเขนกับ สน.ทุ่งสองห้องคนละความถี่) ประสานแจ้งให้ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้องซึ่งเป็นพื้นที่ๆติดต่อกันให้ทราบ ขณะนั้น ส.ต.อ.ภิรมย์ จันทนา จราจร สน.ทุ่งสองห้อง แต่งเครื่องแบบตำรวจจัดการจราจรอยู่ที่หน้าสถาบันราชภัฎพระนคร อยู่ในเส้นทางที่คนร้ายกำลังขับขี่รถ จยย.มุ่งตรงไป ส.ต.อ.ภิรมย์ฯฟังวิทยุคลื่นของ สน.ทุ่งสองห้องอยู่จึงทราบเหตุ สามารถจับรถ จยย. ดังกล่าวไว้ได้ แต่พบว่ามีผู้ขับขี่มาเพียงคนเดียว ชื่อนายชื่น รื่นหาญ อายุ 45 ปี อยู่ ต.หนองหลวง อ.เมืองตาก จ.ตาก ส่วนรถ จยย.ที่ยึดได้เป็นรถยี่ห้อคาวาซากิทะเบียน กยจ 407 นครสวรรค์ โดยมีกระดาษปิดทับที่ตัวเลข เห็นแต่อักษร นว และเลข 0 เท่านั้น เวลาไล่เลี่ยกัน พลสำรองภิญโญ สิริโรจ ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ขับขี่ จยย.อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เห็นเหตุการณ์ตอนที่ชายคนร้ายที่นั่งซ้อนรถ จยย.กระโดดลงจากรถ วิ่งไปขึ้นTAXIสีเขียวเหลือง ลักษณะลุกลนมีพิรุธ และพลสำรองภิญโญฯมองเห็นคนที่ขับ จยย.คันดังกล่าว ถูกตำรวจจราจรจับ พลสำรองภิญโญฯคาดเดาว่า คนที่กระโดด จยย.ไปขึ้นTAXIน่าจะเป็นคนร้าย จึงได้ขับขี่รถ จยย.ไปแจ้ง ส.ต.ท.สมชาย ไผ่บง ตำรวจจราจร สน.ทุ่งสองห้องซึ่งจัดการจราจรอยู่ตรงหน้าศูนย์การค้าจัสโก้ แจ้งวัฒนะ ผู้ต้องสงสัยเพิ่งจะนั่งรถแท๊กซี่ผ่านจุดดังกล่าวนี้ไป ส.ต.ท.สมชายฯก็รีบโดดนั่งซ้อนท้าย จยย.ของพลสำรอง ภิญโญฯ พากันนั่งรถติดตามรถแท๊กซี่ผู้ต้องสงสัยไป การไล่ล่าคนร้ายมีการประสานการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องราวกับเหตุการณ์ในภาพยนตร์ รถTAXIที่คนร้ายนั่งไป เป็นTAXIเขียวเหลือง ทะเบียน มร.4229 กทม. มีนายสมปอง แสงสุขเป็นคนขับ คนร้ายได้สั่งให้ผู้ขับขี่รถTAXIขับรถมุ่งตรงไปด้วยความเร็วสูง เวลาเดียวกันคนร้ายดังกล่าวก็เหลียวดูทางด้านหลังรถ เห็น จยย.ของเจ้าหน้าที่ตำรวจขับติดตามมา นายสมปองฯคนขับ TAXIตกใจ งกๆ เงิ่นๆ มือปืนจึงกระชากอาวุธปืนพกออกมาจากเอว จี้หัวนายสมปองฯบังคับให้ลงจากรถ นายสมปองฯชะลอความเร็วรีบหยุดรถเปิดประตูลงจากรถไป มือปืนก็พุ่งตัวจากที่นั่งเบาะหลังเข้าไปทำหน้าที่ขับขี่รถTAXIแทนทันที โดยได้ขับรถเลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิต ไปจอดรถไว้ที่ซอยวิภาวดี 62 แล้วลงจากรถวิ่งหนีเข้าซอย ส.ต.ท.สมชายฯนั่งซ้อนท้าย จยย.ของพลสำรอง ภิญโญฯตามไปกระชั้นชิด ทันกันที่ในซอยวิภาวดี 62 มือปืนเป็นคนต่างจังหวัดไม่ชำนาญพื้นที่ ซึ่งต่างกับผู้ติดตาม มีความจัดเจนในพื้นที่มากกว่า มือปืนหนีไม่รอด ยอมให้จับกุมแต่โดยดี โชคดีของมือปืนที่ตำรวจผู้จับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายจราจร ไม่ใช่ฝ่ายสืบสวน มิฉะนั้นโดน “วิสามัญฆาตรกรรม”ไปแล้ว

มือปืนถูกนำตัวไปซักถาม ทราบว่าชื่อนายประเสริฐ เกตุรักษา อายุ 38 ปี อยู่ ต.หัวหวาย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ สรุปแล้วจับผู้ต้องหาได้ ๒ คน จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ได้รับใบสั่งฆ่าจากผู้ใหญ่บ้านคนดัง จ.อ่างทอง โดยสั่งผ่านไปยัง“เจ๊กเตี้ย”ให้เป็นคนติดต่อมือปืนจาก จ.นครสวรรค์ สาเหตุที่มีการจ้างฆ่า เนื่องจากเสี่ยปรีชาฯได้ไปยึดที่ดินของผู้มีชื่อที่ จ.อยุธยา ความจริงมือปืนที่จ้างมา เป็นมือปืนฝีมือดีจากนครสวรรค์ รับงานแล้วไม่เคยพลาด แต่ครั้งนี้ที่พลาด เนื่องจากเจ๊กเตี้ยผู้จัดหามือปืนงกมากเกินไป ไม่ลงทุน จัดอาวุธปืนให้เป็นอาวุธปืน 11 มม. แบบไทยประดิษฐ์ กลไกการทำงานของอาวุธปืนไม่สมบูรณ์ กระสุนปืนขัดลำกล้อง ลำกล้องปืนไม่มีเกลียว ทำให้กระสุนขาดความแม่นยำ แรงอัดในลำกล้องไม่มี ไม่เช่นนั้นแล้วเสี่ยปรีชาฯคงไม่ได้ชื่อว่า “เสี่ยหนังเหนียว”แน่นอน มือปืนและคนขับขี่ จยย.ไม่คุ้นเคยเส้นทางใน กทม. มาจากต่างจังหวัดทั้งคู่ ก่อนลงมือทำงานเจ๊กเตี้ยเอารถปิกอัพไปรับมือปืนและคนขับขี่รถ จยย. จาก จ.นครสวรรค์ พาเข้ากรุงเทพ เช่าโรงแรมเล็กๆพักใกล้ๆที่เกิดเหตุ ก่อนลงมือยิง เจ๊กเตี้ยพานั่งรถปิกอัพติดฟิล์มให้ดูตัวเสี่ยปรีชา 1 ครั้ง “เจ๊กเตี้ย” ทำงานเป็นคนยึดรถที่ขาดผ่อนส่ง ให้กับบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งใน กทม.

นายประเสริฐฯ (มือปืน) อาชีพบังหน้าขายลาบและยำแซบหาบเร่ อยู่ในตลาดตาคลี จ.นครสวรรค์ งานหลักรับจ้างฆ่าคน

นายชื่นฯ(ผู้ทำหน้าที่ขับรถ จยย.) เคยทำงานยึดรถอยู่กับเจ๊กเตี้ย เพิ่งออกจากคุกคดีรับของโจร อาศัยอยู่ที่ จ.นครสวรรค์

เหตุที่มือปืนรับงานฆ่าครั้งนี้ เพราะเป็นการว่าจ้างให้มายิงคนแก่ คิดว่าเหยื่อเป็นคนแก่คงไม่มีพิษสงอะไร
ค่าจ้างครั้งนี้เป็นเงิน 6,000 บาท และตู้เย็น 1 เครื่อง อาวุธปืนผู้ว่าจ้างจัดให้

สิ่งที่คนร้ายพลาด

1. ประมาทคนแก่ (เจอแก่เขี้ยวลากดิน)

2. อาวุธปืนที่ใช้ไม่สมบูรณ์ (เป็นปืนไทยประดิษฐ์) กระสุนปืนขัดลำกล้อง ทำให้เหยื่อได้รับการกล่าวขานว่า “หนังเหนียว”

3. ไม่รู้เส้นทางหลบหนี เลยถูกจับกุม

4. การแจ้งข่าวของผู้เห็นเหตุการณ์ และการประสานงานทางเครือข่ายวิทยุของตำรวจดีมาก ทำให้การสกัดจับคนร้ายได้ผล และเวลาที่คนร้ายลงมือปฏิบัติการ เป็นเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเส้นทางที่คนร้ายใช้หลบหนีพอดี

งานนี้ทั้งพลเมืองดีและเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ได้รับรางวัลและหนังสือชมเชย เรื่องของเสี่ยกระดูกเหล็กและหนังเหนียวยังไม่จบ ยังมีการติดตามห่ำหั่นสู้กันแบบเสือพบสิงห์อีก ติดตามในตอนต่อไปครับ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์