ปาดคอสาวมินิมาท
เป็นเรื่องของฆาตรกรหนุ่มโหด ฆ่าเพราะมีความแค้นฝังใจ ฆ่าได้กับทุกคนแม้จะไม่เคยมีสาเหตุ มีแนวโน้มว่าอาจจะเป็นฆาตรกรต่อเนื่อง หากตำรวจไม่ชิงหยุดพฤติกรรมเขาเสียก่อน อะไรทำให้เขาเป็นเช่นนั้นไปได้
สุเมธฯ หนุ่มรูปร่างสันทัด หน้าตาดี สะอาดหมดจด เห็นรูปร่างก็พอเดาออกว่าต้องเป็นคนเหนือ พูดน้อยท่าทางเป็นคนเจ้าความคิด อายุเพียง ๒๒ ปี จบการศึกษาระดับ ปวช. บากบั่นเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพฯหวังจะเก็บเงินศึกษาต่อ สมัครทำงานเป็นพนักงานขายที่ร้านมินิมาร์ท ย่านสยามสแควร์ มีผู้จัดการเป็นผู้หญิง ความที่สุเมธฯเป็นเด็กต่างจังหวัดฐานะค่อนข้างยากจน อยากทานขนมประเภทขบเคี้ยวแต่ไม่อยากซื้อ หยิบของกินเล็กๆน้อยๆจากในร้านใส่กระเป๋าเอาไปกินที่พัก หารู้ไม่ว่าทุกวันทางมินิมาร์ทจะมีการเช็คสต็อก พบว่าของขาดหายไป ผู้จัดการหญิงมอบหมายให้พนักงานเก่าคอยจับตาดูพฤติกรรม ทั้งลูกค้าและพนักงาน สุเมธฯเป็นพนักงานใหม่ไม่รู้ระบบ เคยเอาไปได้ครั้งเลยได้ใจ หยิบของใส่กระเป๋าเกือบทุกวัน การกระทำของสุเมธฯไม่รอดพ้นสายตาของเพื่อนร่วมงาน จึงถูกรายงานและโดนเรียกตัวสอบสวน ความจริงอาจจะมีลูกค้าขโมยสินค้าเช่นเดียวกับสุเมธฯด้วยก็เป็นได้ แต่สุเมธฯเป็นลูกผู้ชาย เขาเคยหยิบของกินไปบ้างก็รับสารภาพ ผู้จัดการหญิงจึงให้สุเมธฯเขียนคำรับสารภาพ โดยบอกว่าจะไม่เอาเรื่อง สุเมธฯรับสารภาพเคยหยิบช็อคโกแลทไปประมาณ ๒-๓ แท่ง แต่ผลกลับกลายเป็นสินค้าที่ขาดสต็อกถูกจำหน่ายออกจากบัญชีไปหมด อันเนื่องมาจากพนักงานลักทรัพย์ พนักงานก็คือสุเมธฯ ทางบริษัทให้สุเมธฯจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหาย ๕,๐๐๐.-บาท มิฉะนั้นจะส่งดำเนินคดี สุเมธฯคิดว่าไม่เป็นการยุติธรรมสำหรับเขา และเขาถูกผู้จัดการหญิงหลอกให้รับสารภาพ ความจริงเขาจะปฏิเสธก็ได้เพราะไม่มีพยานหลักฐานอะไร (คือคดีนี้ไม่มีของกลาง หรือทรัพย์ที่ลักไป) แต่เพราะสุเมธฯหลงคารมผู้จัดการจึงยอมเขียนคำรับสารภาพ สุเมธฯกลัวถูกดำเนินคดีเสียอนาคต จึงยอมเสียเงินค่าปรับให้กับทางบริษัท ๕,๐๐๐.-บาท นั่นก็หมายถึงเงินที่สุเมธฯเก็บหอมรอมริบไว้ยังไม่พอจ่าย ต้องไปขอหยิบยืมเงินจากพ่อแม่ญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัดมาเพิ่ม
สุเมธฯถูกไล่ออกจากงาน เสียเงินเสียรู้และอับอาย คับแค้นใจจนกลายเป็นพยาบาท เมื่อเขาออกจากงานไปแล้ว มีโทรศัพท์เข้ามาที่มินิมาร์ทแห่งนี้ ขู่จะฆ่าให้ตายหมดร้าน พนักงานเกิดความกลัว แจ้งความไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ปทุมวัน ครั้นเวลาล่วงเลยไปนานเข้าพนักงานมินิมาร์ทแห่งนี้ก็ลืมเหตุการณ์ ไม่มีใครนึกถึงสุเมธฯอีกต่อไป
ประมาณปลายปีเดียวกันนั้น มีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับสุเมธฯ ไปสมัครเข้าทำงานที่ร้านมินิมาร์ทยี่ห้อเดียวกับที่สุเมธฯเคยทำงาน แต่เป็นสาขาที่ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง ๕๓ ท้องที่ สน.วังทองหลาง ผู้สมัครเข้าทำงานชื่อ ศราวุธฯ เป็นคนใต้ บ้านอยู่ตำบลท่าแซะ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
ศราวุธฯยื่นหลักฐานสมัครงาน มีสำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาวุฒิการศึกษา ผ่านการสัมภาษณ์เรียบร้อยรับเข้าทำงาน มินิมาร์ทแห่งนี้มีผู้จัดการเป็นหญิงเช่นเดียวกับที่สยามสแควร์ แต่ผู้จัดการที่สาขารามคำแหง ๕๓ ยังเป็นนักศึกษาสาว เรียนอยู่คณะบริหารฯปีที่ ๒ ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย พนักงานที่สาขาหัวหมากนี้เป็นหญิงทั้งหมดยกเว้นศราวุธฯคนเดียว พนักงานมินิมาร์ทแห่งนี้ทำงานเป็นกะๆละ ๑๒ ชั่วโมง ศราวุธฯทำงานเข้มแข็งไม่อู้งานจนเป็นที่รักใคร่ของพนักงานทุกคน
กลางดึกของคืนเดือนตุลาคมปี ๒๕๔๗ เวลาประมาณ ๐๔.๐๐ น.เศษ ศราวุธฯทำงานอยู่ตามปกติกับเพื่อนพนักงานหญิงอีก ๒ คน ผู้จัดการสาวอีก ๑ คนรวมเป็น ๔ คน ช่วงดึกเช่นนั้นไม่ค่อยมีลูกค้า ศราวุธฯขอตัวเพื่อนพนักงานหญิง ๒ คน บอกว่าง่วงนอนมากขอตัวไปงีบสักครู่ ขณะนั้นผู้จัดการสาวได้ไปทานมาม่าที่ห้องด้านหลังร้าน เป็นเรื่องปกติตอนดึกๆใครง่วงก็ผลัดกันไปงีบเพราะลูกค้าไม่มี แต่ตอนเช้าต้องมาช่วยกันเพราะลูกค้าเยอะ ชะรอยที่พักของพนักงานคงจะอยู่ใกล้ๆนั่นเอง
พนักงานหญิงอยู่เฝ้าร้านกัน ๒ คน ส่วนผู้จัดการสาวเข้าไปทานมาม่านานมาก พนักงานคิดว่าผู้จัดการแอบไปงีบเช่นเดียวกับศราวุธฯ ใกล้สว่างแล้วลูกค้าเริ่มทยอยเข้าร้าน ศราวุธฯก็ยังไม่มา ผู้จัดการก็ยังไม่ออกมาจากห้องด้านหลังซักที พนักงานหญิงคนหนึ่งจะเปิดประตูห้องด้านหลังเข้าไปดูผู้จัดการ พบว่าผู้จัดการสาวนอนเสียชีวิต มีรอยถูกเชือดที่คอด้านหน้าเป็นแผลยาวลึกถึงหลอดลม เธอขาดใจตายทันที นอนจมกองเลือดชนิดไม่มีร่องรอยการต่อสู้
พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางรุดไปสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุ พบอาวุธมีดคัตเตอร์เปื้อนเลือดตกอยู่ สอบถามพนักงานหญิงทั้งสองที่นั่งตัวสั่นให้รายละเอียดว่า อยู่ด้วยกัน ๔ คน ศราวุธฯขอตัวไปนอนตอนที่ผู้จัดการเข้าไปทานมาม่าหลังร้าน ระหว่างนั้นไม่มีใครเข้า-ออกร้านเลย
ตำรวจติดตามตัวศราวุธฯมาสอบสวน ไปยังที่พักของพนักงานไม่พบตัว นำประวัติศราวุธฯมาดู หลักฐานต่างๆที่ศราวุธฯนำมาใช้สมัครงาน เป็นฉบับถ่ายเอกสาร ระบุที่อยู่ชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามตัวศราวุธฯถึงที่ ตำบลท่าแซะ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา พบพ่อและแม่ของศราวุธฯยืนยันว่า ลูกชายทำงานที่มินิมาร์ทที่กรุงเทพฯ จำชื่อมินิมาร์ทไม่ได้ ตำรวจยังไหวดีเอาภาพถ่ายเอกสารบัตรประชาชนศราวุธฯให้พ่อแม่ดู พ่อแม่ศราวุธฯบอกว่าบุคคลในภาพไม่ใช่ศราวุธ
ตำรวจย้อนกลับไปที่บริษัทมินิมาร์ทแห่งนี้ ตรวจสอบพนักงานทั้งหมดพบว่าศราวุธฯตัวตนจริงทำงานอยู่ที่สาขาสยามสแคว์ ส่วนบุคคลที่มีภาพปรากฏอยู่ในบัตรประชาชนของศราวุธฯเป็นสุเมธฯอดีตพนักงานที่ถูกไล่ออก โชคดีที่บริษัทยังเก็บประวัติของสุเมธฯไว้
ตำรวจตามที่ยังที่อยู่ของสุเมธฯ ที่บ้านมีเลขที่ ถนนป่าพร้าว ตำบลป่าแดด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พบสุเมธฯรอให้ทำการจับกุม รับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า เขาเป็นคนเชือดคอผู้จัดการสาวมินิมาร์ทสาขารามคำแหง ๕๓ ด้วยคัตเตอร์ โดยเขากับผู้ตายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองหรือบาดหมาง เพียงแต่เขาเคียดแค้นผู้จัดการผู้หญิงของมินิมาร์ทยี่ห้อเดียวกันนี้ ที่สาขาสยามสแควร์ ที่เขาคิดว่าหลอกลวงและไม่ให้ความเป็นธรรมกับเขา เขาจะฆ่าผู้จัดการหญิงทุกคนรวมทั้งผู้จัดการหญิงที่สาขาสยามสแควร์ด้วย
ป่านนี้สุเมธฯคงได้สติหรือข้อคิดแล้วในเรือนจำ เวรจงระงับไปด้วยการไม่จองเวร แต่ผู้จัดการสาวที่สาขาสยามสแควร์ก็ยังคงต้องระวังตัว และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้จัดการสาว อารียาสาขารามคำแหง ๕๓ ด้วย
สิ่งที่ไม่น่าพลาดสำหรับบริษัทที่รับสมัครงาน ควรจะตรวจดูเอกสารตัวจริงของผู้มาสมัครงาน โดยเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชน ดูว่าภาพถ่ายในบัตรตรงกับตัวจริงหรือไม่ จากนั้นจึงจัดถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐาน บริษัทที่ขี้เหนียว มักจะให้ผู้สมัครงานจัดถ่ายเอกสารมาให้ด้วย ระวังจะโดนอีแบบนี้เข้า แล้วอย่าลืมเก็บประวัติพนักงานไว้อย่าไปทำลาย สมัยรู้มีคอมพิวเตอร์ออนไลน์ตรวจสอบได้สะดวก ทำไมไม่ใช้
ท่านที่ได้อ่านบทความนี้แล้ว ขอให้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจ อย่าให้เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นได้นะครับ.