ภัยของผู้หญิง 4 ภัยที่มาพร้อมกับสายลม
ภัยของผู้หญิงที่นำเสนอนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 เหตุเกิดท้องที่ สน.โชคชัย เมื่อเดือนเมษายน 2545 เป็นข่าวฮือฮาบนหน้าหนังสือพิมพ์ติดต่อกันหลายวัน พาดหัวข่าว ข่มขืน ฆ่า อดีตนางเอกละครเรื่องสี่แผ่นดิน ละครดังในอดีต ผู้ประพันธ์คือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นอุทธาหรณ์สอน อะไรควรทำ ไม่ควรทำ อะไรควรป้องกัน มิได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ จึงขออภัยต่อดวงวิญญาณผู้ตายและญาติพี่น้องไว้ ณ.โอกาสนี้ด้วย
นอกจากจะทราบถึงภัยอันตรายที่เกิดแก่ผู้หญิงแล้ว จะได้ทราบถึงแนวทางของการสืบสวนสอบสวน การรับฟังพยานหลักฐาน พยานใดรับฟังได้ ไม่ได้เพียงใด และทราบถึงปัญหาสังคม ท่ามกลางความเจริญด้านวัตถุ บ้านเมืองเต็มไปด้วยตึกระฟ้า สนามบินทันสมัย การจราจรในเมืองติดขัด รถเต็มถนนพอๆกับคนจน, คนเร่ร่อน, คนจรจัด อัดแน่นบนทางเท้ายามที่ถนนปราศขากรถ ยาเสพติดหาซื้อง่าย อาชญากรรมเกิดมากตามความเจริญ
เมษายน ปี 2545 เป็นช่วงที่กรุงเทพร้อนระอุ ถึงแม้จะมีลมพัดผ่านบ้างแต่ก็เป็นลมร้อน เครื่องปรับอากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นของทุกๆบ้าน อดีตนางเอกละครทีวีเรื่องสี่แผ่นดิน เป็นหญิงหม้ายอายุ 45 ปี ความสวยของเธอไม่ได้ร่วงโรยวัย เธอมีลูกติดเป็นเด็กสาวอายุ 9 ขวบและเป็นที่หมายปองของคนในละแวกนั้น เธอชอบดื่มเบียร์เป็นประจำแต่ก็ไม่เคยดื่มจนเสียกิริยา เป็นคนรักนวลสงวนตัว ผู้ชายมาตอมจีบเธอเยอะแต่เธอก็มิได้ให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ
ชายที่มาติดพันคนที่ 1 เป็นหนุ่มทำงานบริษัทการบินแห่งหนึ่ง โสด นิสัยดี บ้านอยู่ใกล้ เกี้ยวพาราสีกันมานาน แต่ยังไม่ตกร่องปล่องชิ้น ยังดูเชิงกันอยู่
ชายคนที่ 2 เป็นหนุ่มใหญ่อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ฐานะดี คอยเอาใจปรนนิบัติรับใช้ คอยช่วยเหลือทุกอย่างที่เอ่ยปากร้องขอ นางเอกของเราเล่นตัวเพราะฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว
ความรักของนางเอกกับฝ่ายชายอึมครึมมานานจนใครๆก็พอจะรู้ ฝ่ายหญิงอาจจะคอยดูใจ ฝ่ายชายคอยดูเชิง ฝ่ายหญิงก็ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ใครง่ายๆเพราะเธอรักลูกสาวมาก ลูกสาวจึงติดตัวเธอตลอดเวลา ไปไหนไปด้วย นอนไหนนอนด้วย ลูกสาวอายุ 9 ขวบ เปรียบเสมือนหอกข้างแคร่ที่คอยกันฝ่ายชาย
นางเอกของเราอาศัยอยู่ตึกแถว 2 ชั้น คูหาเดียว เป็นห้องหัวแถวอยู่ในซอย ห้องนอนของเธอติดเครื่องปรับอากาศแต่เธอประหยัดค่าไฟฟ้า ไม่ยอมใช้เครื่องปรับอากาศ เปิดหน้าต่างหัวนอนบานใหญ่รับลมแทน การนอนรับอากาศธรรมชาติในหน้าร้อนถึงจะพอมีลมก็เป็นลมร้อน จึงจำเป็นที่จะต้องสวมชุดนอนบางๆ น้อยชิ้น แทนที่จะสวมเสื้อผ้ามิดชิดหรือห่มผ้าห่มคลุมโปง
คืนเกิดเหตุทั้งแม่และลูกนอนหลับอยู่บนเตียงเดียวกัน ภายในห้องนอนดับไฟมืด แต่ยังมีแสงไฟสว่างจากเสาไฟฟ้าสาธารณะทางเดินติดมุมห้องนอน ทั้งสองนอนหลับไปเมื่อไรไม่รู้ ลูกมารู้สึกตัวตื่นตอนที่เตียงนอนมีการเคลื่อนไหวอย่างแรง ลูกลืมตาดูก็เห็นมีผู้ชายกำลังต่อสู้อยู่กับแม่ แม่นอนอยู่ข้างล่างส่วนชายคร่อมร่างแม่ของเธออยู่ เด็กน้อยไม่ได้ยินเสียงร้องจากแม่คงมีแต่อาการดิ้น (เธอร้องไม่ออกเพราะมือ 2 ข้างของคนร้ายบีบคอของอยู่เธอ) เด็กน้อยมองดูชายแปลกหน้าพลันสบสายตากัน สัญชาติญาณบอกให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กน้อยจึงรีบพลิกตัวไปอีกต้านหนึ่ง แล้วแกล้งนอนหลับ เตียงนอนยังคงสั่นไหวต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆก็หยุด แล้วต่อมาก็มีเสียงคนเดินออกจากบ้านไป เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเด็กน้อยแกล้งหลับแต่รู้ความเป็นไปทุกขั้นตอน พอเตียงหยุดสั่น คะเนว่าชายผู้มาเยี่ยมยามวิกาลไปแล้ว เด็กน้อยก็เข้าไปเขย่าร่างแม่ เขย่าเท่าไรแม่ก็ไม่ตื่น ขณะนั้นเป็นเวลาตีสองครึ่ง ความฉลาดของเด็กได้ออกจากบ้าน ไปยังบ้านฟากตรงข้าม พร้อมกดกริ่งเรียกเพื่อนบ้าน บอกให้ช่วยไปดูแม่ จึงได้ทราบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว
การตรวจที่เกิดเหตุ สภาพศพเห็นชัดว่าถูกบีบคอมีรอยช้ำ ร่องรอยการข่มขืนดูด้วยตาก็พอทราบแต่เป็นเรื่องของแพทย์จึงปล่อยให้แพทย์เป็นผู้ชันสูตร ร่องรอยพยานหลักฐานอย่างอื่น คือเนื้อเยื่อใต้เล็บผู้ตาย เส้นผมเส้นขนเท่าที่จะหาได้ ร่องรอยการงัดแงะที่ประตูชั้นล่างไม่มี พันธงได้เลยว่าคนร้ายเข้าทางหน้าต่างเพราะเธอนอนเปิดหน้าต่างหัวนอน เป็นหน้าต่างบานใหญ่เข้าออกสบาย ไม่มีเหล็กดัดป้องกัน เมื่อออกจากหน้าต่างห้องนอนที่เกิดเหตุไปทางด้านนอกจะมีกันสาดเป็นคอนกรีตขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร เดินได้ตั้งแต่หัวตึกไปท้ายตึก สำหรับห้องที่เกิดเหตุเป็นห้องริมอยู่ต้นแถว กันสาดสามารถเดินไปถึงด้านหลังห้องแถว พอสุดกันสาดด้านหลังสามารถปีนไปที่กำแพงกั้นด้านหลังได้อีก และถ้าข้ามกำแพงด้านหลังไปก็จะเป็นค่ายมวยใหญ่มีนักมวยวัยรุ่นมากกว่า 20 คน พักกินนอนอยู่ที่ค่ายด้วย
สรุปว่า ช่องทางเข้าออกของคนร้ายน่าจะเข้าทางหน้าต่างห้องนอน โดยเดินมาทางกันสาดซึ่งเป็นคอนกรีต และพอดีตรงสุดขอบกันสาดตรงห้องเธอก็มีเสาไฟฟ้าเป็นเสาปูน ปักจากพื้นสูงขึ้นไปอยู่ชิดกับกันสาด พอสันนิษฐานได้ว่าคนร้ายมาตามกันสาด จะปีนขึ้นทางเสาไฟฟ้า หรือจากกำแพงด้านหลัง หรือจะเดินออกมาจากห้องข้างเคียงก็ได้ ตรวจดูทรัพย์สินของผู้ตายที่สูญหาย มีเพียงเงินสดเล็กน้อย เพราะเธอก็ไม่ค่อยจะมี กับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียอีก 1 เครื่อง
ประเด็นการสืบสวนสอบสวน เพื่อหาตัวคนร้ายก็มีอยู่เพียง 2 ประเด็น คือประเด็นเกี่ยวกับความต้องการทางเพศ กับประเด็นเรื่องประสงค์ต่อทรัพย์
การสอบสวนเกือบทำให้เขวหรือไปผิดทาง ก็เพราะคำให้การของประจักษ์พยานในคดี คือลูกสาวผู้ตายซึ่งมีอายุ 9 ขวบ การที่จะรับฟังพยานใดก็ต่อเมื่อพยานรู้เห็นเหตุการณ์และพยานสามารถเข้าใจคำถามและสามารถตอบคำถามได้ ดังนั้นเด็กให้การอย่างไรต้องรับฟัง ส่วนจะให้การจริงหรือไม่จริงต้องพิจารณา ต่างกับพยานวัตถุซึ่งแน่นอนกว่า แต่ก็จะต้องพิจารณาอีกว่าความเป็นมาของวัตถุพยานเป็นอย่างไร เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีผู้ตกแต่ง
ลูกสาวให้การว่าคนร้ายเป็นชายร่างสันทัด มีหนวดเครา ประเด็นที่ทำให้ผู้สืบสวนสอบสวนไขว้เขวคือ พยานเด็กบอกว่าตอนคนร้ายจะออกจากบ้านที่เกิดเหตุไป คนร้ายได้พูดโทรศัพท์ว่า เรียบร้อยแล้วนาย ทำให้ทีมงานสืบสวนสอบสวนต้องตั้งประเด็นอีกประเด็นว่าเป็นเรื่องจ้างวานฆ่า
ผู้ต้องสงสัยในคดีนี้
1. ชายที่มาติดพัน คนที่ 1
2. ชายที่มาติดพัน คนที่ 2
3. ผู้คนในละแวกใกล้เคียง เพราะส่วนมากจะทราบว่าเธออยู่ลำพังกับลูกสาว และเธอเป็นคนสวย
4. ค่ายมวยหลังบ้านที่เกิดเหตุ มีนักมวยประมาณ 20 คน
5. ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ปากซอยมีประมาณ 6-7 คัน ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างรู้จักผู้ตาย และบางคนเคยไปส่งของที่บ้านผู้ตาย ผู้ตายชอบสั่งซื้อของจากร้านค้าซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของวินมอเตอร์ไซด์ ทางร้านจะใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ พวกจักรยานยนต์รับจ้างทุกคนเต็มใจไปส่งของให้ที่บ้านผู้ตาย เพราะเธอเป็นคนสวย และมักจะแต่งตัวแบบง่ายๆอยู่กับบ้าน
ผู้ต้องสงสัยทั้งหมดถูกเรียกตัวมาตรวจพิสูจน์ DNA ผลการตรวจไม่ตรงกับ DNA ที่พบจากเชื้อ
อสุจิในช่องคลองผู้ตาย
การสืบสวนจึงต้องหวลกลับมายังประเด็นการจ้างฆ่า โดยมีพยานหลักฐานสนับสนุนคือคำให้การของลูกสาวที่ได้ยินคนร้ายพูดทางโทรศัพท์ว่า เรียบร้อยแล้วนาย ทำให้ผู้ต้องสงสัยหลายคนต้องเดือดร้อน คือต้องถูกนำตัวเข้าเครื่องจับเท็จ แต่ดูเหมือนว่าเครื่องมือดังกล่าวช่วยอะไรไม่ได้มาก ศาลอาจจะไม่รับฟังพยานหลักฐานจากเครื่องจับเท็จ เป็นเพียงการจับพิรุธเท่านั้น
การสืบสวนหาตัวคนร้ายส่อเค้ามืดมน เวรกรรมมีจริง กรรมย่อมเห็นผลทันตา ทรัพย์สินที่ถูกคนร้ายเอาไปคือเงินสดในกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย หลังจากเกิดเหตุไม่นานทีมงานสืบสวนของกองกำกับการสืบสวนนครบาล 4 ก็สามารถตามหาการใช้โทรศัพท์ของผู้ตายได้ ผู้ครอบครองโทรศัพท์ของผู้ตายในขณะนั้นถูกนำตัวไปสอบเครียด และ สาวไปจนถึงตัวผู้นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปขาย ปรากฏว่าเป็นชายวัยรุ่น อาศัยอยู่ในซอยใกล้เคียงกับซอยที่เกิดเหตุ อยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร ชื่อนายเดช จึงถูกนำตัวไปทำการสอบสวน นายเดชจำนนด้วยพยานหลักฐานการตรวจสอบ DNA ยืนยัน ตรวจเนื้อตัวนายเดช มีรอยถูกเล็บขีดข่วนเป็นแผลเป็นเห็นชัด รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำผิดในคดีนี้
จากคำรับสารภาพของเดช จึงได้ทราบว่าในช่วงเกิดเหตุเดชตกงาน ตัวเองติดยาเสพติด (ยาบ้า) หาเงินซื้อยาเสพติดไม่ค่อยได้ เดชเคยมานั่งที่ร้านขายของชำปากซอยทางเข้าบ้านผู้ตาย มีวันหนึ่งผู้ตายโทรศัพท์สั่งซื้อของที่ร้านขายของชำนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่คนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างออกไปส่งผู้โดยสารกันหมด เดชเคยอาสาขับรถจักรยาน 2 ล้อ ไปส่งของให้กับผู้ตาย (เดชมีรถจักรยานถีบ 2 ล้อ เป็นพาหนะอยู่ 1 คัน) เดชจึงได้รู้จักผู้ตาย รู้ว่าผู้ตายสวย หุ่นดี และอยู่ลำพังกับลูกสาวอายุน้อย
คืนเกิดเหตุ เดชไม่มีเงินซื้อยาบ้า นอนไม่หลับ อยากยา จึงได้ขับขี่รถจักรยาน 2 ล้อไปตามซอย เพื่อจะหาช่องทางลักขโมยทรัพย์ของผู้อื่น ครั้นผ่านไปทางบ้านผู้ตาย เห็นผู้ตายเปิดหน้าต่างห้องชั้นบน ซึ่งเดชทราบเป็นห้องนอน เดชจึงปีนเสาไฟฟ้าขึ้นไปบนกันสาด แล้วเข้าห้องผู้ตายทางหน้าต่างที่เปิดไว้ เดชตั้งใจจะขโมยเงินหรือของมีค่า แต่พอเข้าไปในห้องนอนผู้ตาย อาศัยแสงสว่างจากไฟฟ้าริมทาง มองเห็นคนตายนอนชุดนอนถลกขึ้น จนเห็นของลับ เดชอดใจไม่ได้ จึงเข้าไปร่วมรัก ผู้ตายตื่นขึ้นต่อสู้ เดชจึงใช้มือทั้งสองข้างบีบคอผู้ตาย แล้วร่วมรักอย่างเมามัน พอเดชสำเร็จความใคร่ จึงคลายมือที่บีบคอ ปรากฏว่าผู้ตายขาดใจตาย (ผลชันสูตรพบว่ากล่องเสียงและหลอดคอผู้ตายแหลกละเอียด) แล้วเดชก็ออกจากบ้านผู้ตาย โดยหยิบเอากระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์ของผู้ตายที่วางไว้ออกไปด้วย เดชไม่เคยสบตากับลูกสาวผู้ตาย และไม่เคยพูดโทรศัพท์ในบ้านของผู้ตายแต่อย่างใด)
เดชเอาเงินจากกระเป๋าสตางค์ของผู้ตายไปซื้อยาบ้า และเอาโทรศัพท์ผู้ตายไปขายให้กับร้านรับซื้อโทรศัพท์มือสอง ซึ่งอยู่ในซอยโชคชัย 4 แล้วเดชหนีไปอยู่กับญาติที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดชคอยติดตามข่าวการสืบหาตัวคนร้ายจากหน้าหนังสือพิมพ์ รู้ว่าตำรวจคลำผิดทาง ไม่มีผู้ใดสงสัยเดชเลย เดชจึงกลับไปใช้ชีวิตที่ในซอยโชคชัย 4 ตามปกติจนกระทั่งถูกจับกุมตัว
ประสบการณ์จากคดีนี้ คำให้การของเด็ก ถึงแม้จะเป็นผู้อยู่ในที่เกิดเหตุ อ้างว่ารู้เห็นเหตุการณ์ บางครั้งก็เชื่อถือไม่ได้ ผมได้พยายามค้นหาความจริง ก็พอทราบว่า เด็กเป็นคนชอบพูดเพ้อเจ้อ เสริมแต่งเกินความจริง
จากการตรวจดูรูปพรรณสัณฐานของเดช ซึ่งเด็กให้การว่า คนรา้ายเป็นคนมีหนวดเครา พบว่าเดชมีไฝที่คางข้างขวา มีขนออกมาจากไฝเป็นเส้นยาว ประเด็นนี้ทำให้ผู้สืบสวนเข้าใจว่า เป็นหนวดเคราอย่างที่คนปกติไว้กัน ทำให้การสืบสวนไขว้เขว (การที่เด็กให้การว่ามีหนวด ควรจะต้องให้เด็กเขียนภาพให้ดูว่าลักษณะใด)
บทเรียนจากคดีเรื่องนี้ สิ่งที่ควรจะนำไปปฏิบัติ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายก็คือ
1. ไม่ควรให้คนแปลกหน้า หรือผู้ที่ไม่ใช่ญาติ รู้สภาพความเป็นอยู่ในบ้าน
2. อย่าเปิดหน้าต่างหรือประตูบ้านทิ้งไว้
3. ไม่ควรนอนโป๊ (ควรสวมเสื้อผ้าห่อกายมิดชิด มิฉะนั้นเวลานอนอาจจะดิ้น ผ้าอาจจะไม่หุ้มห่อกายก็ได้)
4. สำหรับผู้สืบสวน สอบสวน ไม่ควรปักใจเชื่อคำพยานเสียทีเดียว ต้องฟังว่ามีเหตุมีผล มีข้อเท็จจริงอื่นสนับสนุนถึงความเป็นไปได้หรือไม่