บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ระวังพม่ายึดเมือง
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ระวังพม่ายึดเมือง
ข่าวนักศึกษาประชาชนชาวพม่าที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ถูกรัฐบาลทหารปราบปราม เป็นข่าวออกมานิดๆหน่อยแล้วก็เงียบหายไป ชาวโลกเลยไม่ทราบว่าภายในประเทศพม่าสงบเรียบร้อยดี หรือว่าพอๆกับเหตุการณ์เดือนตุลาปี ๑๖ ของไทย ต้องชมว่ารัฐบาลพม่าแข็ง จัดการกับสื่อได้ดีมาก ข่าวจึงไม่เล็ดลอดออกมา เรื่องการเมืองของประเทศอื่นเราไม่สน แต่ที่ประเทศเรากำลังจะสูญเสียอธิปไตยและถูกยึดครองเรื่องแรงงาน มีใครเคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า

รู้ไหมว่าพลพรรคของประเทศพม่ายกพลเข้าประเทศไทยวันหนึ่งๆนับร้อย เป็นชาวมอญที่อยู่ในพม่า ชาวกะเหลี่ยง พวกเผ่าทวาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพวกที่อยู่นอกราชอาณาจักรไทยด้านที่ติดกับประเทศพม่า พวกนี้กรีฑาทัพเดินเท้าเข้าทางตะเข็บแนวชายแดนไทยที่ติดกับจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดตาก ผมพอมีข้อมูลเฉพาะทางด้านจังหวัดกาญจนบุรี ผมมีแหล่งข่าวอยู่ที่นั่น เป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ ได้แต่มองดูตาปริบๆ ทำอะไรไม่ได้ แค่พูดอย่างเดียวก็จะแย่ ที่ว่าพวกพม่ายกทัพเข้าเมืองไทยวันละร้อยถึงสองร้อยคน เป็นข้อมูลเฉพาะทางด้านจังหวัดกาญจนบุรี พวกนี้เข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี ทางตำบลบ้องตี้ อำเภอทองผาภูมิทางตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง ทางด้านอำเภอไทรโยค ทุกพื้นที่ๆมีอณาเขตติดต่อกับพม่า พวกนี้บุกเข้ามาในประเทศไทยทั้งด้วยวิธีเดินเท้าและด้วยรถยนต์พาหนะ

กองทัพพม่ายกกำลังเข้ามาเองโดยลำพังไม่ได้หรอกครับ มันมีไส้ศึก เป็นขบวนการค้ามนุษย์ ก็พี่ไทยเรานี่แหละครับ ขนกันด้วยรถตู้ รถปิคอัพ รถบรรทุกแบบเบียดเสียดยัดกันเหมือนปลากระป๋อง บางรายเอาคนปนเปไปกับผัก พอรถพลิกคว่ำตกถนนจึงได้เห็นคนตายเกลื่อน ขบวนการขนส่งมีการรับช่วงกันเป็นทอดๆ มีการเปลี่ยนรถ มีจุดพักคน จุดหมายปลายทางมีตั้งแต่เมืองกาญจน์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร นครปฐม จังหวัดที่มีโรงงานที่ต้องใช้คนงานมากๆ เหมาจ่ายค่าขนหัวละ ๗,๐๐๐.- ถึง ๑๒,๐๐๐.- บาท ขบวนการขนคนมักจะอ้างว่า เป็นค่าใช้จ่ายในการ “เคลีย”เส้นทาง พวกพม่าไม่มีเงินจ่ายให้หรอกครับ ใครที่รับตัวไว้ทำงานเป็นผู้จ่าย แล้วพม่าก็ต้องทำงานชดใช้เงินเหล่านี้ เป็นเหตุให้มีการฆ่านายจ้างเพราะความไม่เข้าใจเรื่องค่าแรงงานนี่แหละ

ถ้าฟังตำรวจพูดจากันจะได้ยินคำว่า “เคลีย”บ่อยมาก หมายถึงเจรจาต้าอ้วยกันรู้เรื่องแล้ว อยากทำอะไรทำเลยฉันไม่ยุ่ง คนอื่นไม่รู้ ไปว่ากันเอาเอง ถ้าขบวนขนมนุษย์ “เคลีย”เส้นทางได้ แสดงว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องต้องรู้เห็นเป็นใจ ให้ความสะดวก (ไฟเขียวหมด)

ตำรวจที่เกี่ยวข้องมีหน่วยใดบ้าง

๑ ตำรวจท้องที่ เป็นหน่วยงานที่จะต้องรับผิดชอบเต็มประตู รับผิดชอบทุกเรื่องที่อยู่ในพื้นที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าตำรวจท้องที่จะรู้ไปทุกเรื่อง ใครรู้ก่อน ใครเข้าถึงก่อนก็สบายไป ไม่ได้หมายความว่าไป “รีดไถ”เขานะ ผมเชื่อร้อยเปอเซ็น และอยากให้ท่านเชื่อตามผมด้วย แต่เรื่องมันเป็นเช่นนี้ครับ

ตำรวจพบการกระทำผิดก็จะจับกุมลูกเดียว ท่านมักจะเห็นว่า ทำไมตำรวจ “ตรวจค้น”นานจริง ก็มันยังไม่เจอจุดที่จะเอาความผิดได้นะซี พอเจอเข้ารับรอง จับกุมร้อยเปอเซ็น ไม่มีการเรียกเงินเด็ดขาด แต่ไอ้คนที่ถูกจับนี่ซิ มันทำให้ตำรวจเสียนิสัย มันเสนอก่อนเลยครับ มันดูตาม “ยศ” ดูตาม “จำนวน” ดูตามความสำคัญของสินค้า เมื่อมันดูสถานการณ์แล้วเห็นว่า น่าจะพูดกันรู้เรื่อง เพราะมันรู้จุดอ่อนตำรวจว่าไม่ได้เป็นคนร่ำรวยอะไร คำพูดเริ่มต้นก็จะออกมา“พี่ๆ เรื่องนี้พอช่วยได้ไหมครับ ผมจัดให้ท่าน ๒ คนๆละ…………”พอเจออีแบบนี้เข้าลูกน้องผมก็เขวหมด มันลังเลใจครับ ใจหนึ่งอยากจะจับกุมเอาผลงาน อีกใจหนึ่งก็อยากได้เงินไปเป็นค่าใช้จ่าย สมมุติว่ามีตำรวจอยู่แค่ ๒ คน มันก็คิดกันอยู่แค่ ๒ หัวคิด ถ้าเป็นกรณีที่ทั้งคู่กำลังต้องการเงินอยู่ อุดมการณ์ตำรวจก็ไม่เหลือ จึงไม่แปลกอะไรที่นักขนยาเสพติดจำเป็นต้องมีเงินสดใส่ถุงจำนวนหลักหมื่นหลักแสนติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อตำรวจตรวจค้นมันก็ใช้วิธีเจรจาตามที่ผมกล่าวไปแล้ว มันทำให้ยาเสพติดส่วนหนึ่งยังคงเล็ดลอดไปจำหน่ายได้ ปราบกันไม่รู้จบรู้สิ้น ที่มันร้ายไปกว่านั้นก็คือ ยึดไปทั้งเงินสดและยาเสพติดของกลาง จึงมักจะมีข่าวอยู่เสมอว่า “เจ้าหน้าที่ค้าเสียเอง” ( ก็ยาเสพติดที่ยึดไปมันก็ต้องหาทางไปจำหน่าย เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด )“มีพิรุธ” อาจเป็น “มือใหม่”ยังไม่เคยผ่านงานเสี่ยงๆมาก่อน เจอตำรวจเข้ามีอาการสั่นๆ พูดจาปากคอสั่นไปหมด ลูกน้องผมยังค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอะไรเลย คนขับรถก็พูดว่า “พี่ ๆ พอดีผมจะรีบส่งของ ผมจัดให้พี่คนละหมื่น มันง่ายเกินไปและก็ดันเสนอเยอะไปหน่อย เลยเป็นพิรุธ ลูกน้องผมเริ่มสงสัยว่ามันต้องมีอะไรแน่เพราะตามปกติถ้าเป็นรถที่ถูกต้อง คนขับรถจะหัวหมอ เช่นทำท่าหงุดหงิด บางทีว่าตำรวจเข้าให้อีก พอเห็นคนขับรถออกอาการเช่นนั้นลูกน้องผมจึงเริ่มค้นละเอียดและถามว่า“คุณขนอะไร” คนขับรถไม่ยอมบอกว่าสิ่งของที่บรรทุกมีอะไรบ้าง แต่กลับเสนอยอดเงินสูงขึ้นไปอีก คราวนี้นอกจากจะสั่นแล้วยังมีทีท่าจะโดดหนีอีก ลูกน้องผมคนหนึ่งจึงต้องเข้าจับตัวผู้ขับขี่รถไว้ ตำรวจอีกคนเริ่มค้นละเอียด รถบรรทุก ๑๐ ล้อที่บรรทุกของมาเต็มคันไม่ใช่ค้นกันง่ายๆ แต่ตำรวจเขามีวิธีครับ มีคำพูดประโยคหนึ่งที่ทำให้คนขับรถต้องคายความจริงออกมา เช่น “บอกมาเลยว่ามีอะไร อย่าให้ต้องเสียเวลา ถ้าค้นเจอแล้วไม่ต้องมาพูดกัน ถ้าบอกมาแล้ว คุยกันได้ พอได้ยินคำว่า “คุยกันได้” คนขับรถก็บอกหมดครับไม่มีใครอยากติดคุก สำหรับรายนี้บอกกับลูกน้องผมว่า “ผมมี “> ของ มานิดนึง<” ตำรวจผมต้องซักอีก “ของ” นั่นมันเป็นอะไร และที่ว่า “นิดนึง”น่ะมันจำนวนเท่าไร จึงได้รู้ว่า คำว่า “ของ” ก็คือ “เฮโรอิน”พอตำรวจผมค้นพบก็ตะลึง เฮโรอินประมาณ ๕๐ กิโลกรัม คนขับรถบรรทุกคิดว่าชัวร์คุยได้แน่ก็บอกกับลูกน้องผมว่า “เถ้าแก่กำลังเอาเงินมาให้อีก ๕ แสน” ตำรวจทุกคนรู้ดีว่า ขบวนการขนเช่นนี้จะมีคนคุ้มกัน คน “เคลีย”จะขับรถตามมาคอยดูอยู่ห่างๆ ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง สินค้าผิดกฎหมายจำนวนมากอาจมีการใช้กำลัง มีข่าวบ่อยๆว่าตำรวจถูกยิงตาย ลูกน้องผมรีบบอกว่า “คุยกันได้ แต่ขอปรึกษานายก่อน” ลูกน้องผมรีบโทรบอกสารวัตร จากสารวัตรถึงผู้บังคับการ จากผู้บังคับการถึง ผบ.ตร. ขณะนั้น พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ เป็น ผบ.ตร. ระหว่างนั้นคนขับรถบรรทุกซึ่งอยู่ในสภาพถูกใส่กุญแจมือแต่ยังมีความหวังว่าจะคุยกับตำรวจได้ ก็โทรหาเถ้าแก่ให้เอาเงินมาให้ สักพักเดียวรถตำรวจทางหลวงประมาณ ๓ คันก็มาถึงที่เกิดเหตุ คนขับรถบรรทุกเห็นสภาพเช่นนี้ก็รู้อนาคตว่า ติดคุกลูกเดียว รอเถ้าแก่ก็ไม่เห็นมา(เถ้าแก่ก็คงจะนั่งรถยนต์ขับตามหลังมา แต่ไม่กล้าลงไปยุ่ง หนีเลยดีกว่า) สรุปคนขับรถบรรทุกรายนี้ถูกจับพร้อมเฮโรอิน ๔๐ กิโลกรัม และลูกน้องผมผู้จับกุมได้รับรางวัลจาก ผบ.ตร. ๒ แสนบาท นับว่าเป็นตัวอย่างตำรวจดีที่ไม่ยอมรับสินบนจากผู้กระทำผิด เท่าที่ผมรับราชการอยู่ที่กองบังคับการตำรวจทางหลวง มีการจับกุมผู้ขับรถที่กระทำผิดเช่นนี้หลาย ๑๐ ราย ส่วนที่ถูกลูกน้องผมปล่อยไปจะมีบ้างหรือไม่ มิอาจทราบได้
แต่ตำรวจดีๆที่น่าชมเชยก็มีไม่น้อย มีตำรวจทางหลวงลูกน้องผม ๒ นายเรียกตรวจรถบรรทุกบนเส้นทางถนนพหลโยธินตามปกติ คนรถออกอาการ

๒ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง มีหน้าที่ดูแลเฉพาะคนเข้าเมืองอย่างเดียว มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตราตามด่านซึ่งเป็นช่องทางเข้า-ออกประเทศ ถ้าไปเข้า-ออกจุดอื่นซึ่งไม่ใช่ช่องทางที่กำหนด ถือว่าลักลอบเข้าเมือง เมื่อจะเข้าเมืองก็ต้องมีการตรวจเอกสารหนังสือเดินทาง ไม่มีหนังสือเดินทางเข้าไม่ได้ นอกจากจะมีหนังสือเดินทางแล้วยังจะต้องมีการอนุญาตให้เข้าเมืองหรือ “วีซ่า”อีก ทุกด่านมีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกนี้เข้าประเทศมาได้อย่างไร

๓ ตำรวจสันติบาล เป็นหน่วยสืบสวนเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ เกี่ยวกับการข่าว รวมทั้งเกี่ยวกับบุคคลต่างด้าวทุกสันชาติที่เข้ามาในประเทศไทย ก็ยังแปลกใจเหมือน หน่วยงานนี้จะรู้บ้างไหมหนอว่ามีต่างด้าวพวกนี้เข้ามามากน้อยขนาดไหน

๔ กองปราบปราม เป็นหน่วยงานสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดทุกประเภท ทั่วราชอาณาจักรคงจะมีงานล้นมือกระมัง

๕ ตำรวจทางหลวง รับผิดชอบตรวจตรายวดยานพาหนะและทุกสรรพสิ่งที่ผ่านไปมาบนถนนหลวง อาจจะถูกรถบรรทุกหินดินทรายบดบังจึงไม่เห็นรถที่บรรทุกคนหนีเข้าเมือง

๖ รัฐบาล รู้เห็นเป็นใจด้วย วันดีคืนดีก็เปิดให้ขึ้นทะเบียนเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ได้เงินเข้าประเทศเป็นร้อยๆล้าน นี่ก็ใกล้จะมีการเลือกตั้ง หากว่ารัฐบาลปัจจุบัน เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คงให้บุคคลพวกนี้ทำบัตรประชาชน ลงชื่อในทะเบียนบ้าน เพื่อจะได้มีสิทธิ์มีเสียงลงคะแนเลือกตั้งได้

ท่านคงแปลกใจว่า บุคคลพวกนี้เข้าประเทศวันเป็นร้อยๆคน แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกัน อยู่ตามโรงงานครับ งานที่น่ารังเกียจ งานหนักๆที่คนงานไทยทำไม่ได้พวกนี้ทำได้หมด ตอนนี้รัฐบาลยังไม่เปิดให้ขึ้นทะเบียนรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงาน พวกเจ้าของโรงงานจะจัดทำบัตรประจำตัวประชาชนปลอมให้ไว้ก่อน เพราะทางโรงงานไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ คนงานต่างด้าวพวกนี้พอมีบัตรประจำตัวปลอมแล้วก็จะโดดหนีเข้าไปทำงานในกรุงเทพ หากท่านสังเกตให้ดีหรือสนใจศึกษาสักหน่อย จะพบว่าคนงานก่อสร้าง เด็กบริการตามร้านอาหารภัตตาคาร คนทำความสะอาดห้องน้ำตามศูนย์การค้า ทำงาน ร.ป.ภ. มีคนต่างด้าวปนเปเข้าไปทำงานอยู่มากพอสมควร ที่มากที่สุดจะอยู่ตามไซด์งานก่อสร้าง

พวกที่หลบหนีเข้าเมืองมาแล้วไม่ก่อปัญหาก็แล้วไป แต่ที่เข้ามาแล้วก่อปัญหาโดยเฉพาะก่ออาชญากรรมก็มีไม่น้อย ท่านอย่าได้ไว้วางใจบุคคลพวกนี้นะครับ โหดร้ายและใจเด็ดมาก เกิดคดีแล้วไม่รู้จะไปตามหาตัวที่ไหน ต่อไปนี้เป็นกรณีตัวอย่าง

ญาติทางภรรยาผมชอบจริงเชียวเด็กรับใช้พม่า เป็นหญิงสาวหน้าตาดี อ่อนหวาน เรียบร้อย ใช้ง่ายไม่ดื้อ พบหน้าญาติผู้นี้ครั้งใดก็จะชมแต่เด็กรับใช้พม่า แต่มีอยู่วันหนึ่งเด็กรับใช้ผู้นี้ดันผูกคอตายในบ้าน ได้ความว่าทะเลาะกับแฟน เห็นไหมครับ ใจเขาเด็ดแค่ไหน ปกติแล้วคนเรารักตัวเอง ขนาดตัวเองยังทำได้แล้วถ้าจะทำกับคนอื่นยิ่งง่ายใหญ่

ตอนที่ผมรับราชการอยู่ที่ บก.น.๔ เหตุเกิดในท้องที่ สน.โชคชัย เด็กลูกจ้างร้านขายของชำ ปากซอยโชคชัย ๔ เป็นเด็กผู้ชายชาวพม่า ทำงานขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ ต่อมาคืนวันหนึ่งเด็กลูกจ้างพม่างัดลิ้นชักโต๊ะเก็บเงิน ซึ่งอยู่ที่ชั้นล่างของร้านค้า พบว่าในนั้นมีเงินสดอยู่สามหมื่นบาทเศษ เตรียมหยิบเงิน คาดว่าคงจะโดดหนี พอดีนายจ้างซึ่งเป็นหญิงได้ยินเสียงผิดปกติ เดินลงมาดูจากชั้นบน พอเห็นเข้าก็ร้องโวยวาย ลูกจ้างพม่าใช้เชือกซึ่งเตรียมไว้แล้วรัดคอนายจ้าง เสียงนายจ้างร้องและดิ้นต่อสู้ เสียงได้ยินไปถึงหลานชายของนายจ้างอายุประมาณ ๗ ขวบ หลายชายรีบลงไปช่วยทุบตีลูกจ้างพม่า แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ นายจ้างถูกรัดคอตาย แล้วลูกจ้างพม่าคนนี้ก็หันไปจัดการกับเด็กอายุเพียง ๗ ขวบ โดยจับศีรษะเด็กกดลงไปในน้ำ เด็กพลอยขาดใจตายไปอีกคนเหตุเกิดขึ้นในตอนกลางคืน ในบ้านที่เกิดเหตุขณะเกิดเหตุเจ้าของบ้านอยู่ด้วยกันเพียงสองคน น้ากับหลาน ส่วนคนอื่นๆไปธุระนอกบ้าน ครั้นกลับมากลางดึกเปิดประตูบ้านเข้าไปจึงพบว่าน้ากับหลานสิ้นใจเสียแล้ว ลูกจ้างพม่าหายไปพร้อมกับเงิน หมดปัญญาไม่รู้จะไปติดตามเอาตัวคนร้ายรายนี้ได้ที่ไหน แม้แต่ชื่อแซ่ก็จำได้พยางค์เดียว บ้านหรือญาติพี่น้องอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้

อีกรายหนึ่ง เหตุเกิดในท้องที่ สน.ประเวศ คุณลุงอายุประมาณ ๗๐ เศษอาชีพทำสวน เนื้อที่สวนประมาณ ๕-๖ ไร่ ปลูกต้นกล้วยผลหมากรากไม้ จ้างลูกจ้างพม่าเป็นผู้ชายไว้ ๑ คน ปลูกบ้านพักอยู่ในสวน ความที่สวนมีต้นไม้ขึ้นรก ผู้คนไม่ค่อยได้ผ่านจึงไม่ค่อยรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสวน จนกระทั่งกลิ่นเน่าโชยมา เข้าไปดูร่างคุณลุงเน่าเฟะหนอนขึ้น มีร่องรอยถูกแทงด้วยของมีคม ลูกจ้างพม่าหายไป ก็คงจะเป็นฝีมือของพม่าอีกนั่นแหละ

อีกรายเมื่อประมาณปี ๔๙ คิดว่ายังพอจะจำกันได้เพราะเป็นข่าวใหญ่ คดีฆ่าปาดคอร้อยตำรวจเอกนอกราชการ อายุประมาณ ๘๐ ปี เจ้าของหมู่บ้านอินทรารักษ์ เริ่มต้นจากเจ้าของบ้านรับเด็กรับใช้เป็นสารชาวพม่าไว้ทำงานในบ้าน เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้เพียง ๓ วัน บ้านนี้มีคนรับใช้เป็นสาวไทยอยู่แล้ว ๑ คน คนรับใช้คนเดียวไม่พอถ้างานบ้านคงจะเยอะต้องเอาพม่ามาช่วย สาวใช้พม่าตัวแสบแอบนัดแนะแฟนหนุ่มซึ่งเป็นชาวพม่าด้วยกัน เข้าไปปาดคอสาวรับใช้คนไทยแล้วเอาศพหมกไว้ในตู้เสื้อผ้า ระหว่างนั้นมีพนักงานหญิงซึ่งต้องเข้าไปทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่บ้านที่เกิดเหตุ เข้าไปพอดี พนักงานคอมพิวเตอร์เลยถูกเชือดคอไปด้วยอีกคน สุดท้ายก็เป็นคิวของร้อยตำรวจเอกนอกราชการเจ้าของบ้าน รวมเป็น ๓ ศพ รายนี้คนร้ายหนีไม่รอด ถูกมือปราบนำทีมโดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ กับลูกน้องทั้งตำรวจนครบาลและสอบสวนกลางโขยงใหญ่ ล่าตัวฆาตรกรมาได้ ชื่อ “ชัย”แซ่และนามสกุลไม่มี ได้ความว่าไอ้ชัยเป็นอดีตทหารกะเหรี่ยง เคยก่อคดีเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้มาแล้วรวม ๕ ราย
อีกรายต่อไป บิดามารดาของอดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ทำธุรกิจขายของชำอยู่แถวบางระมาด เขตตลิ่งชัน กทม. ถูกคนร้าย ๒ คน คนหนึ่งเป็นอดีตทหารกะเหรี่ยงพุทธ อีกคนหนึ่งเป็นพม่าหนีเข้าเมืองมาทำงานก่อสร้างอยู่ใกล้ๆละแวกบ้านของผู้ตาย บุกเข้าไปแทงและเชือดคอบิดามารดาอดีตนายกสมาคมนักข่าว ก่อนจะกวาดเอาทรัพย์สินไป กะเหรี่ยงและพม่าทั้งสองนี้เป็นลูกค้าขาประจำซื้อของจากร้านของผู้ตายอยู่บ่อยๆ พบว่าผู้ตายทั้งสองมีเครื่องประดับมีค่าติดตัว เกิดอารมณ์อยากได้ทรัพย์ขึ้นมาก็เลยต้องฆ่า

อีกเรื่องหนึ่งซึ่งคงจะจำกันได้ เหตุเกิดที่หมู่บ้านธนาสนธ์วิลล่า ย่านหนองจอก กทม. ผู้เคราะห์ร้ายเป็นนายจ้างหญิงถูกสายยางรัดคอ ตายคาบ้านพัก แต่คนร้ายยังมีใจกรุณา ไว้ชีวิตลูกสาวอายุ ๓ขวบกอดร่างแม่อยู่เพียงลำพัง คดีนี้ พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ กับพวกจับตัวฆาตรกรได้ ชื่อนายโจ๊ะ กับนายทง ทั้งคู่รับสารภาพว่า ทวงค่าแรงที่ค้างอยู่แต่นายจ้างไม่ยอมให้ เลยต้องรัดคอนายจ้างแล้วค้นเอาเงินและทรัพย์สินในบ้านไป

อีกราย นางสุชาดา ฯถูกลูกจ้างชาวพม่าแทงเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าลูกชายอายุ ๑๑ ขวบโชคดีของลูกชายที่ไม่ถูกฆ่าไปด้วย สาเหตุที่ฆ่าเพราะโกรธแค้นที่ถูกนายจ้างด่าว่าเป็นประจำ

รายนี้เหตุเกิดต่างจังหวัด ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เจ้าของร้านประดับยนต์เป็นหญิงวัยกลางคนจ้างหญิงสาวชาวพม่าไว้ช่วยงานในร้านถึง ๒ คน รายนี้นายจ้างพาไปจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเรียบร้อย หลังจากที่จดทะเบียนแรงงานแล้วไม่กี่วัน สาวรับใช้พม่าก็ออกลาย ช่วยกันฆ่าปาดคอนายจ้างเกือบขาดและทุบกะโหลกศีรษะจนยุบ ตายอยู่ในร้านประดับยนต์นั้นเอง แต่ที่โหดสุดๆก็คือลูกสาวของเจ้าของร้านอายุเพียง ๑ ขวบเศษ ถูกจับกดน้ำตายคากะละมังซักผ้า รายนี้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ คือนางสาวดาอายุ ๒๐ ปีกับนางสาวทะทะอายุ ๑๖ ปี สาเหตุที่ฆ่าเพราะต้องการหาเงินกลับบ้าน และที่ต้องฆ่าเด็กด้วยก็เพราะเด็กร้องไห้ไม่ยอมหยุด

ยังมีคดีที่เกิดขึ้นจากบุคคลเหล่านี้อีกมาก ที่นำเสนอเป็นเพียงส่วนน้อย ความยากลำบากในการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายยากมาก รัฐบาลพม่าไม่สนใจอยู่แล้ว และที่สำคัญรัฐบาลพม่าไม่เคยรับว่าบุคคลพวกนี้เป็นคนสัญชาติพม่า อะไรไม่สำคัญเท่ากับความโหดเหี้ยมของบุคคลเหล่านี้ “>รู้อย่างนี้แล้วยังจ้างแรงงานพม่าอีกเหรอ.”
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์