บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ตายอย่างหมาข้างถนน ตอนที่ 7 (หนุ่มอุดรฯ รักสลาย)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ตายอย่างหมาข้างถนน ตอนที่ 7 (หนุ่มอุดรฯ รักสลาย)
เป็นเรื่องเศร้ากินใจยิ่งกว่าภาพยนต์น้ำเน่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนที่ผมมีหน้าที่กำกับดูแลการสืบสวนสอบสวนของสถานีตำรวจนครบาลคันนายาว ในช่วงระยะเวลานั้น หากใครๆได้ยินชื่อ “โรงพักคันนายาว”ต้องร้อง “ยี้” โดยเฉพาะตำรวจไม่มีใครอยากย้ายไปอยู่ สน.นี้ เพราะสมัยก่อนมันมีแต่ทุ่งนา สิ่งก่อสร้างเจริญหูเจริญตายังไม่ค่อยมี ท้องที่กว้างขวางมาก สองข้างทางเป็นป่ามีต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ ในสมัยนั้นท้องที่ สน.คันนายาวจึงกลายเป็นสุสาน หรือสถานที่ทิ้งศพ คือไม่รู้ว่าไปฆ่ากันตายมาจากที่ใด คนร้ายก็จะเอาศพบรรทุกรถไปทิ้งในป่ารกข้างทาง กว่าจะพบศพก็เน่าเปื่อยหมดแล้ว บางรายทราบเรื่องเพราะหมาคาบชิ้นส่วนอวัยวะศพไปแทะริมถนน คนผ่านไปมาเห็นเข้า “มันท่อนแขนคนนี่หว่า” ตำรวจถึงจะได้ไปพลิกศพ ตายลักษณะนี้ถ้าสืบหาญาติไม่เจอ ก็ฝังลูกเดียว

แต่สำหรับหนุ่มอุดร ฯ ไม่เหมือนอย่างที่ผมได้กล่าวมาข้างต้น อาจจะเป็นเพราะอนุภาพแห่งความรัก จึงทำให้เกิดแรงบันดาล ให้เรื่องคลี่คลายพอสมควร แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว ผมพยายามจะส่งเขาเต็มที่ แต่แรงผมไม่พอ หนุ่มอุดร ฯจึง “ตายอย่างหมาข้างถนน”ไปอีกคน ในขณะที่ผมเขียนเรื่องนี้ ความรู้สึกมันกดดันผม น้ำตาผมซึม ผมเห็นถึงความไม่เป็นธรรมในสังคม หดหู่กับการข่มเหงรังแก ท้อแท้ต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ไม่ทุ่มเท ไม่เสมอภาคหรือเลือกปฏิบัติ ผมเห็นความรักบริสุทธิ์ของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง แต่ความรักมีอุปสรรคพรากฝ่ายหนึ่งไปสู่ความตาย ความรักของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกชายคนเดียว เก็บศพไว้ไม่ยอมเผา รอจนกว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะจับคนร้ายได้ กี่ปีก็จะรอเพื่อจะให้วิญญาณของลูกได้สงบ รอจนกระทั่งผู้พ่อต้องลาโลกไปก่อน ส่วนแม่รอไม่ไหวมาขอทราบจากปากผมว่า พอจะมีทางจับกุมคนร้ายได้ ถ้าพอมีหนทางก็จะรอ แต่ถ้าไม่มีทางก็จะเผาศพลูกก่อนที่แม่จะ “เสีย”ไปอีกคน ผมต้องตัดสินใจอย่างกล้าหาญบอกกับแม่ไปตามตรงว่า “คุณแม่ครับ เผาศพลูกชายเถอะครับ แล้วทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้มากๆ อฐิษฐานชาติหน้า ให้เขาได้เกิดมาเป็นลูกคนรวย” แม่ของหนุ่มอุดร ฯยกมือไหว้ลาผมพร้อมน้ำตาและเสียงสอึกสอื้น จากนั้นผมก็ไม่ได้ข่าวของคุณแม่หนุ่มอุดร ฯอีกเลย ไม่ทราบว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่ทุกครั้งที่ผมนึกถึงเรื่องนี้มันทำให้ผมเศร้าซึมทุกครั้ง

หนุ่มอุดร ฯอายุ ๒๐ กลางๆ รูปร่างสันทัด ขาว หน้าตาดี เป็นลูกคนเดียว เกิดในครอบครัวชาวนา ฐานะพอมีพอใช้ คุณแม่เป็นครูสอนหนังสือโรงเรียนประชาบาลในท้องถิ่นนั้น หนุ่มอุดร ฯเรียนจบระดับมหาวิทยาลัย ทำท่าจะมีอนาคตเพราะโชคดีมีงานทำ ได้ทำงานเป็นพนักงานธนาคารใหญ่อยู่ที่ถนนสุขุมวิท กรุงเทพ ฯ ใกล้ซอยนานา ธนาคารแห่งนี้มีพนักงานสาวเป็นส่วนใหญ่ ต้องชมธนาคารว่าช่างคัดเลือกคนเข้าทำงานจริง พนักงานหนุ่มก็หล่อ พนักงานสาวก็สวย หุ่นดีน่ารักทุกคน กิริยามารยาทก็เรียบร้อย ความมีบุคลิกและอัธยาศัยจึงเป็นที่ดึงดูดใจลูกค้า
หนุ่มอุดร ฯทำงานอยู่ที่ธนาคารแห่งนี้เป็นปี ความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานด้วยกันย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ในที่สุดหนุ่มอุดร ฯก็พบรักกับพนักงานสาวสวยที่ทำงานอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่มักจะหาเวลาทานข้าวกลางวันในช่วงพักงานด้วยกัน แต่ตอนเย็นก็แยกกันกลับ หนุ่มอุดร ฯวาดฝันจะแต่งงาน บอกกับแม่ว่าพบหญิงที่ถูกใจแล้วกำลังเก็บเงินไว้ซื้อแหวนหมั้น พ่อกับแม่พลอยดีใจไปกับลูกที่จะมีฝั่งมีฝา แต่หนุ่มอุดร ฯหารู้ไม่ว่า มัจจุราชกำลังคืบคานเข้ามาหาตัวเขา

หนุ่มอุดร ฯเช็คข่าวแล้ว แฟนสาวของเขาโสดไม่มีพันธอะไรกับใคร วางตัวดี ไ ม่สุงสิงผู้ชาย มีรถยนต์เก๋งส่วนตัวขับขี่ กลับบ้านตรงตามเวลาไม่เถลไถล ใครจะขอนั่งรถไปกับเธอมักจะถูกปฏิเสธ สิ่งนี้เองทำให้หนุ่มอุดร ฯภาคภูมิใจในตัวแฟน ความสัมพันธ์ของหนุ่มอุดร ฯกับแฟนสาวใกล้ชิดจนเพื่อนที่ทำงานสังเกตได้ แต่หารู้ไม่ว่า มีสายตามัจจุราชจ้องมองอยู่ แฟนสาวของหนุ่มอุดร ฯเป็น “กิ๊ก”ของเสี่ยขายวัสดุก่อสร้างอยู่แถวมีนบุรี มีกิจการใหญ่โต มีเงินหมุนเวียนเป็นร้อยล้าน แต่เป็นคนมีครอบครัวแล้ว นัยว่ารถยนต์เก๋งที่แฟนหนุ่มอุดร ฯใช้ขับขี่อยู่นั้น “กิ๊ก” เป็นผู้ซื้อให้

วันหนึ่งในตอนเช้า ผมได้รับแจ้งให้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและชันสูตรพลิกศพ ในท้องที่ สน.คันนายาว ปกติศพที่พบในท้องที่ สน.คันนายาวมักจะเน่าเหม็น เพราะทิ้งไว้ให้ตายหลายวันจึงจะมีคนรู้ ที่รู้เพราะว่ากลิ่นเหม็น แต่สำหรับรายนี้ไม่ เนื่องจากในตอนกลางคืนประมาณ ตี ๓ เศษๆ มีเสียงปืนดังรัวติดๆกันประมาณ ๓-๔ นัด ผู้ที่ได้ยินเสียงปืนอยู่ห่างไกลแต่ก็พอได้ยินเสียง ในยามค่ำคืนไม่มีใครออกไปดูเพราะคิดว่า พวกวัยรุ่นคึกคนองขับรถแล้วยิงปืนเล่น รุ่งขึ้นเช้าจึงไปดูพบศพชายถูกยิงเสียชีวิต

จุดทีเกิดเหตุ (พบศพ) อยู่ข้างทาง ห่างจากถนนซอยประมาณ ๓๐ เมตร เป็นบริเวณพงหญ้ารกแต่พื้นดินแข็ง มีร่องรอยล้อรถยนต์เข้าไปกลับบริเวณเหยียบย่ำหญ้าราบ สังเกตดูรอยแล้วน่าจะมีรถยนต์ไม่ต่ำกว่า ๒ คัน ศพหนุ่มมีร่องรอยฟกช้ำที่ใบหน้าและลำตัวหลายแห่ง เห็นแล้วฟันธงได้เลยถูกซ้อมมาก่อน การแต่งกายศพอยู่ในชุดทำงาน กางเกงขายาวสีดำเสื้อเชิ๊ตขาวแขนสั้น ไม่ได้ผูกไทด์ เดาได้อีกเช่นกันว่า พอเลิกงานก็โดน “ช้อน”หรือ “อุ้ม”เอาตัวไปก่อนถึงที่พัก ตรวจพบบาดแผลถูกกระสุนปืน ๔ แห่ง ที่บริเวณลำตัว หน้าอก และที่บริเวณอวัยวะเพศ ตรวจดูเอกสารในตัวศพพบว่าอยู่ครบถ้วน คนร้ายประสงค์ต่อชีวิต ไม่ได้แตะต้องทรัพย์สิน ดูบัตรประจำตัวและเอกสารที่พบในศพทราบทันทีว่า เป็นหนุ่มอุดร ฯนั่นเอง แล้วมันเรื่องอะไรถึงต้องมานอนตายอยู่ที่ท้องที่ สน.คันนายาว เป็นเรื่องที่ผมและทีมงานสืบสวน สน.คันนายาวจะต้องสืบเสาะค้นหาความจริง

จุดแรกที่ไปสืบสวนหาข่าวก็คือที่ๆทำงาน ไม่ได้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ที่จะเชื่อมโยงไปถึงตัวคนร้ายเลย เป็นเรื่องแปลกผิดปกติธรรมดา คือคดีทั่วๆไปถ้าหากเกิดขึ้นในชุมชนหรือหมู่บ้าน คนจะโจทย์กันให้แซด คนโน้นรู้เห็นอย่างนี้ คนนี้รู้เห็นอย่างนั้น จริงไม่จริงไม่รู้เม๊าท์กันไว้ก่อน แต่ที่ธนาคารแห่งนี้เงียบกริบ เพื่อนๆทุกคนทำงานตามปกติ สอบถามได้ความเพียงคนตายเป็นพนักงาน เรื่องส่วนตัวไม่มีใครรู้ เป็นหน้าที่ของหัวหน้างานที่จะให้รายละเอียด สิ่งที่ได้จากหัวหน้าก็เพียงผู้ตายเป็นพนักงานที่เป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยมีสาเหตุเรื่องใดกับใคร

นักสืบปวดหัวที่จะต้องตีโจทก์ให้แตก ค้นหาสาเหตุให้พบ ไม่ช้าพ่อกับแม่ของผู้ตายก็มาให้ปากคำ จึงได้ทราบว่าผู้ตายมีแฟนเป็นพนักงานที่ทำงานเดียวกัน ดูซิเรื่องแค่นี้ไม่มีใครบอก ไม่มีใครพูดถึงเลย แม่บอกชื่อเล่นของแฟนผู้ตายที่หมายจะแต่งงาน ชื่อจริงไม่ทราบ ผมกลับไปคุ้ยเรื่องนี้ที่ธนาคารอีก ขอคุยกับคนที่มีชื่อเล่นตรงกับแฟนของผู้ตายซึ่งมีอยู่คนเดียว เธอปฏิเสธว่าผู้ตายไม่ได้เป็นแฟน เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ การสอบสวนไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย แต่เพียงแค่นี้ผมก็พอจะมองเห็นจุดเริ่มต้นแล้ว

ผมเคยบอกท่านผู้อ่านแล้วว่า การสอบสวนกับการสืบสวนมันคนละเรื่องกัน บางเรื่องสืบสวนมาค่อนข้างจะแน่ชัดว่าเรื่องใดใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนบงการ แต่การสอบสวนปากคำพยานที่จะมายืนยันในสำนวนไม่มี รับประกันหัวเด็ดตีนขาด ไม่มีใครที่จะยอมเป็นพยานให้ข้อมูลหากไม่ใช่ญาติพี่น้องหรือจ้างมา ก็พยานเขากลัวตาย และมันก็ตายจริงๆด้วย ไม่มีใครที่ไหนที่จะมาคุ้มครองพยานให้จริงๆจังๆ หากหน่วยงานไหนมาพูดยืนยันจะให้ความปลอดภัย บอกไปเลยว่าอย่ามาพูดให้เหม็นขี้ฟันเลย การพิจารณาคดีของไทย ต้องการพยานหลักฐานยืนยัน ประจักษ์พยานเป็นอันดับหนึ่ง รองลงไปคือพยานแวดล้อม พยานดังกล่าวพอมี แต่ไม่มีใครยอมเป็น รัฐบาลเห็นจุดอ่อนเรื่องนี้จึงได้เน้นหนักไปที่หน่วยงาน นิติวิทยาศาสตร์ ตรวจหาร่องรอยพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แทน
หนุ่มอุดร ฯมีรถยนต์เก๋งเป็นพาหนะ ในวันเกิดเหตุหนุ่มอุดร ฯขับรถไปทำงานและใช้ขับกลับ แต่วันที่พบศพหนุ่มอุดร ฯไม่พบรถ ผมเคยบอกไว้ก่อนแล้วว่า จุดอ่อนของการสืบสวนตำรวจไทยคือ ไม่มีศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในแต่ละเรื่อง ว่าขณะนี้มีคดีอะไรเกิดขึ้นที่ไหน ต้องการข้อมูลร่องรอยพยานหลักฐานเรื่องอะไรบ้าง เรื่องมันเกิดขึ้นหลายท้องที่ อยู่ห่างไกลกัน แต่เมื่อนำมาปะติดปะต่อกันแล้ว จะทราบรายละเอียดที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทุกสถานีฯก็ไม่ไหว คดีมันเกิดขึ้นเกือบจะทุกชั่วโมง สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ internet แต่ทุกวันนี้อาศัยข่าวทางหนังสือพิมพ์บ้าง ทีวีบ้าง พอทราบว่า สน.ไหนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ใครพอมีข้อมูลเกี่ยวข้องก็จะส่งให้กัน

คดีของหนุ่มอุดร ฯวันต่อมาจึงได้ทราบว่า รถยนต์ของหนุ่มอุดร ฯถูกนำไปจอดทิ้งไว้ข้างถนน ในท้องที่ สน.ทองหล่อ ลักษณะการจอดรถไม่เรียบร้อย ประตูรถไม่ได้ล๊อค พบรถในลักษณะนี้ฟันธงได้เลยว่า มีการขับรถปาดหน้าบังคับให้หยุดรถ แล้วอุ้มเอาตัวผู้ขับขี่ไป ตำรวจ สน.ทองหล่อนำรถไปเก็บรักษาไว้ที่ สน.

ณ.ที่สน.ทองหล่อนี้เองทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ กล่าวคือเจ้าหน้าที่ ร.ป.ภ.เฝ้าบ้านเจ้าสัวเจ้าของธนาคารแห่งหนึ่ง แจ้งความตำรวจ สน.ทองหล่อว่า ในตอนหัวค่ำของคืนเกิดเหตุ มีรถยนต์ ๒ คันขับขี่ตามกันมาด้วยความเร็วสูง รถคันหนึ่งเสียหลักปีนขึ้นไปบนบาทวิถีหน้าบ้านเจ้าสัว ถูกกระถางต้นไม่พังเสียหาย รถที่ขับขี่แข่งกันมาไม่ได้หยุดรถ ซิ่งต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ร.ป.ภ.อยู่ในซุ้มภายในรั้วบ้าน โผล่ออกมาดูหลังจากได้ยินเสียงชน เห็นรถในระยะไกลไม่เห็นทะเบียนรถ ทราบแต่ว่ารถปิคอัพไล่ขับรถยนต์เก๋ง จำสีและยี่ห้อรถทั้งสองคันได้

ให้ ร.ป.ภ.ดูลักษณะรถของหนุ่มอุดร ฯแล้ว ยืนยันลักษณะตรงกับคันที่ถูกไล่ล่า เช็คเรื่องเวลาแล้ว เวลาที่รถยนต์สองคันไล่ล่ากันเป็นเวลาหลังจากที่หนุ่มอุดร ฯเลิกงาน ความเป็นไปได้ที่คนร้ายติดตามหนุ่มอุดร ฯจากธนาคารที่ทำงาน หนุ่มอุดร ฯรู้ตัวขับรถหนี จึงมีการแซงปาดหน้ากัน สิ่งที่ผู้สืบสวนต้องการก็คือรถคันที่ไล่ล่าเป็นรถใคร ทะเบียนอะไร การสืบสวนมันไม่ได้ง่ายไปเหมือนกับเรื่องในภาพยนต์แนวสืบสวน ของจริงจะหาร่องรอยวัตถุพยานสักชิ้น พยานซักคน แสนยาก มันก็เลยต้องนำข้อมูลเท่าที่หาได้มาวิเคราะห์ หาตัวผู้กระทำผิดและผู้เกี่ยวข้อง
ทีมสืบสวนของผม “ฟันธง”ว่า สาเหตุการฆ่ามาจากประเด็น “ชู้สาว” ผู้กระทำน่าจะเป็นเสี่ยขายวัสดุก่อสร้าง “กิ๊ก”ของแฟนหนุ่มอุดร ฯ แต่จะเอาพยานหลักฐานอะไรที่ไหนเพียงพอจะออกหมายเรียกหมายจับได้ มีทางเดียวคือต้อง “อุ้ม”

การ “อุ้ม”ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ไม่ใช่ว่าใครอยากทำก็ทำ มันเป็นเรื่องผิดกฏหมาย “เจ้านาย”ต้องรับรู้ แต่ไม่ต้อง “รับผิดชอบ” การ “อุ้ม”ต้องทำอย่างมืออาชีพ ไร้ร่องรอย สิ่งที่สำคัญประการหนึ่งคือ จะเลือก “อุ้ม”ใครดี มันต้องเลือก “อุ้ม”คนที่รู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องกับคดี และต้องไม่ใช่ตัว “ใหญ่”หรือ “ผู้บงการ” จะต้อง “อุ้ม”เจ้าตัว “เล็ก”หางแถว ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยมีน้ำยา เมื่อ “อุ้ม”มาได้แล้วต้องเอามา “รีด”เอาข้อมูล นี่แหละจึงเป็นที่มาของการได้ “ร่องรอย,พยานหลักฐาน” เช่นเอาอาวุธที่ใช้กระทำผิดไปเก็บหรือซ่อนไว้ที่ไหน ก่อนฆ่าเอาไปทรมานที่ใด เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วก็เปิดแถลงข่าวได้ อ้างว่า “จากการสืบสวน” (ตำรวจไทยสืบเก่งเป็นบ้า) ทีนี้ไอ้คนที่ถูก “อุ้ม”มาแล้ว เมื่อ “รีด”จนได้ข้อมูล เสร็จแล้วจะเอามันไปไว้ที่ไหน ถ้าพูดกันรู้เรื่อง ไม่หักหลังโวยวาย ก็จะเก็บตัวไว้ในที่ปลอดภัยจนกว่าคดีเรียบร้อย คือผู้กระทำผิดถูกจับหมดทั้งยวง จึงจะปล่อยตัว แต่ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่า หากปล่อยตัวไปแล้วอาจเกิดอันตราย ก็ต้องแทงบัญชีจำหน่ายชนิดตามหาตัวไม่เจอ

แม่ของหนุ่มอุดร ฯได้ทราบถึงการวิเคราะห์แนวทางการสืบสวนเรื่องหนุ่มอุดร ฯถูกฆ่าทั้งหมดนี้โดยละเอียด คุณแม่ทราบปัญหาอุปสรรคของการสอบสวน แต่ด้วยความรักลูก คุณแม่อยากให้มีการ “อุ้ม” ทีมงานผมบอกว่าถ้าผู้ใหญ่ไม่รับรู้หรือเรียกไปสั่ง ไม่มีใครกล้าทำ คุณแม่รับอาสาที่จะติดต่อกับผู้มีอำนาจสูงสุดของกรมตำรวจในขณะนั้น อ้างว่าเป็นคนจังหวัดเดียวกันและรู้จักกัน เข้าใจว่าคุณแม่ได้ใช้ความพยายามที่จะพบผู้มีอำนาจของกรมตำรวจ หลังจากนั้นคุณแม่โทรมาถามผมว่า ดำเนินการกันหรือยัง ผมบอกว่าไม่เห็นเจ้านายสั่งการอะไร คุณแม่ยืนยันว่าได้เขียนหนังสือและไปขอพบผู้มีอำนาจที่กรมตำรวจ แต่ได้พบเพียงนายเวรซึ่งรับปากว่าจะเรียนให้ผู้มีอำนาจทราบ ผมก็อยากจะช่วยคุณแม่เพราะสงสาร เพราะท่านต้องเดินทางขึ้นล่องกรุงเทพฯอุดรเป็นสิบๆเที่ยว ผมเลยหมุนโทรศัพท์ถาม “นายเวร”ของผู้มีอำนาจ นายเวรบอกว่า “ท่าน”ทราบแล้ว “ท่าน”บอกว่า รู้จักกับ “คุณแม่”เพียงผิวเผิน “ท่าน”ให้ดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ได้ เห็นไหมครับ การ “อุ้ม”มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่คิด นี่แหละครับ ผมจึงได้บอกกับคุณแม่ของหนุ่มอุดร ฯว่า “เผาศพลูกเสียเถอะครับ แล้วทำบุญอธิษฐาน ชาติหน้าขอให้เกิดมารวย” ( ก็เพราะคนรวยมันมีอำนวจ ไปไหนคนอยากรู้จัก อยากรับใช้ อยากบริการ )และรับรองไม่ตายอย่างหมาข้างถนนด้วย หรือว่าไม่จริง.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์