ตายอย่างหมาข้างถนน ตอนที่ 4 (บนดินเล่นไม่ได้ก็ต้องเล่นกันใต้ดิน)
เมื่อรู้ว่าคดีต้นเรื่องของมอเตอร์ไซด์ตัวไขปัญหาของคดีฆ่าเกิดที่ สน.ใดแล้ว ผมตามเช็คข้อมูลคดีนี้โดยละเอียด ทราบว่านายไพวัลย์ฯเจ้าของรถมอเตอร์ไซด์ถูกจำคุกในคดีลักทรัพย์-รับของโจร ตัวอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพ ฯ ผมส่งตำรวจไปสอบสวนปากคำนายไพวัลย์ฯที่เรือนจำ ยืนยันว่าถูกตำรวจนครบาลจับกุมตัวพร้อมยึดรถมอเตอร์ไซด์ซูซูกิป้ายแดงไปด้วย ๑ คัน นำรูปถ่ายตำรวจที่เกี่ยวข้องไปให้นายไพวัลย์ฯดู แต่เจ้าประคุณเอ๋ย รูปถ่ายตำรวจจากสมุดประวัติดูหน้าตาแล้วเหมือนไม่ใช่หน้าคน เพราะรูปติดสมุดประวัติถ่ายตั้งแต่ครั้งเริ่มรับราชการ เวลาผ่านไป ๑๐ กว่าปียังไม่ได้เปลี่ยนรูป ดูรูปแล้วก็ยืนยันไม่ได้ ตกลงกันว่ารอให้พ้นโทษก่อนแล้วค่อยไปสุ่มดูตัวจริงๆกัน ไพวัลย์ฯจะพ้นโทษอีกประมาณเดือนครึ่ง
การสืบสวนเกี่ยวกับมอเตอร์ไซด์คันดังกล่าวนี้ไม่ยาก ผมมีลูกน้องเป็นตำรวจอยู่ที่โรงพักนี้หลายคน คดีลักทรัพย์งาช้างบ้านนายธนาคารตำรวจทั้ง สน.รู้กันหมด เมื่อจับกุมตัวคนร้ายได้ก็เป็นข่าวใหญ่พอสมควร ส่วนรถมอเตอร์ไซด์ฯของคนร้ายที่ถูกจับมาฝ่ายสืบสวนของ สน.นี้รู้กันดี ผู้เสียหายที่เป็นนายธนาคารไม่ติดใจ เมื่อจับกุมคนร้ายได้แล้วก็พอใจ ส่วนคนร้ายยิ่งไม่สนใหญ่ เพราะเงินที่ซื้อมอเตอร์ไซด์ ไม่ใช่เงินของมัน รถมอเตอร์ไซด์จึงถูกยึดไว้ใช้เป็นส่วนกลางของฝ่ายสืบสวน ส่วนป้ายทะเบียนไม่มีก็ไม่ใช่เรื่องยาก มีตำรวจฝ่ายสืบสวนระดับจ่านายหนึ่งไปเอาป้ายทะเบียนรถยนต์ที่ไหนมาก็ไม่ทราบ ติดเข้าไป ตำรวจขับซะอย่างจะเป็นไร ถ้าขับไปเจอด่านตรวจท้องที่อื่น เขาก็พูดกันรู้เรื่อง เป็นเรื่องธรรมดาที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจะต้องพรางตัว หรือทำตัวให้ไร้ร่องรอย ฉนั้นรถที่ฝ่ายสืบสวนใช้ปฏิบัติการมักจะติดป้ายทะเบียนปลอม แต่ที่แน่ๆก็คือป้ายทะเบียนแผ่นที่ติดอยู่กับรถมอเตอร์ไซด์ฯ ที่สงสัยว่าใช้เป็นพาหนะขับขี่ยิงศุภมินทร์ฯ และยึดไว้ที่ สน.โชคชัย เป็นป้ายทะเบียนและรถคันเดียวกันกับที่สายสืบ สน.ย่านถนนสุขุมวิทใช้กันอยู่
ท่านผู้อ่านคงสงสัย ถ้าตำรวจจะทำงานใหญ่เช่นนี้ ทำไมจึงต้องทิ้งพยานหลักฐานอย่างโจ๋งครึ่ม มันก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา หลักอาชญวิทยา อาชญากรรมทิ้งร่องรอยเสมอ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สืบสวนจะค้นพาเจอหรือไม่ รถมอเตอร์ไซด์คันนี้ผู้ปฏิบัติงานก็คงจะคิดไม่ถึง ได้ความว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้เอารถจักรยานยนต์ไว้ใช้งานที่โรงพักอยู่ระยะหนึ่ง แล้วรถคันนี้ก็หายไป ได้ความว่าถูกนำเอาไปใช้ในคอกม้าที่ต่างจังหวัดเป็นปี คนที่ใช้รถเข้าใจว่าเป็นรถผีเช็คหาต้นทะเบียนไม่ได้ นานวันเข้าก็เลยลืมประวัติความเป็นมาของรถดังกล่าว มาโผล่เป็นเรื่องอีกทีตอนที่นำมาใช้ขับขี่ยิงศุภมินทร์ ซึ่งเป็นเวลาล่วงเลยไปประมาณ ๓ ปี ถ้าไม่มีใครตามแคะกันจริง ๆเรื่องก็จะขาดตอน
การตายของศุภมินทร์ฯโยงกับตำรวจ สน.นี้แน่นอน แต่จะเป็นใครต้องสืบกันต่อไป ข้อมูลว่าใครชอบใช้รถมอเตอร์ไซด์ฯคันนี้ ใครเป็น มือยิง (ทั้งคดีวิสามัญและยิงทิ้ง) พอจะสืบเสาะหาตัวกันได้ไม่ยาก ผมมีพยานอยู่ในมือ ๔ คน ผมพาไปสเก็ตภาพใบหน้าคนร้ายแล้ว คราวนี้ผมพาพยานทั้ง ๔ คนซุ่มดูตัวตำรวจที่ สน.แห่งนี้ ดูกันหลายวัน หลายครั้ง ดูกันอย่างใกล้ชิด พยานทั้ง ๔ คนยืนยันตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่ง เป็นผู้มีฝีมือ ใจถึง ยิงมาแล้วหลายราย
ผมรายงานให้ผู้บังคับการกองปราบในขณะนั้นทราบ ผู้บังคับการกองปราบบอกกับผมว่า เรื่องนี้เดี๋ยวอั๊วจัดการเอง ผมได้ยินผู้บังคับการกองปราบซึ่งเป็นนายผมโดยตรง พึมพำด้วยสีหน้าไม่สบายใจว่า นาย เคยใช้งานมันอยู่ แค่นี้ผมก็พอรู้ปัญหาหนักอก เหมือนลูบหน้าปะจมูก นาย ในที่นี้ต้องเป็นนายของผู้บังคับการกองปราบอีกที มีหลายรายครับที่ เจ้านายโดนลูกน้อง ขี่ ก็เพราะ เจ้านายเคยใช้ให้ลูกน้องไปฆ่าคน พอลูกน้องทำงานสำเร็จก็เลยเป็นหนี้บุญคุณ ต้องอุ้มชูกันเรื่อยไป มีเหมือนกันที่ลูกน้องเรียกร้องมากจน นายทนไม่ไหว หรือบางทีลูกน้องปากเสีย พอเหล้าเข้าปากแล้วพูดมาก เปิดเผยความลับ นายก็เลยจำใจต้อง เก็บลูกน้องปากเสีย
พ่อของศุภมินทร์ฯพร้อมด้วยญาติๆ เดินทางมาพบผู้บังคับการที่กองปราบ สอบถามความคืบหน้าของคดี ผู้บังคับการกองปราบยืนยันกับพ่อของศุภมินทร์ฯอย่างหนักแน่น ผมเองก็ได้ยิน ผมต้องทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อยครับคุณพ่อ ไม่ต้องห่วง
ผมก็ยังสงสัยอยู่ในใจว่า เรียบร้อย หมายถึงอะไร จะจับก็จับไปเลย คำว่า จับ กับ เรียบร้อย มันคนละความหมายกัน
ครั้งหนึ่งมีการประชุมใหญ่ประจำเดือนที่กองปราบปราม มีการพูดถึงการสืบสวนจับกุมมือปืนในคดีฆ่าต่างๆ คดีค้างเก่าที่ออกหมายจับไว้ แต่ละคดีทำกันไปถึงไหน ใกล้ได้ตัวหรือยัง ไม่มีใครพูดถึงคดีฆ่า ร.ต.อ.ศุภมินทร์ฯเลย ผมเลยขออนุญาตพูดในที่ประชุม
พวกเราสืบสวนจับกุมคดีอุกฉกรรจ์ ตามล่ามือปืนมาแล้วร้อยแปด ทำไมกรณี ร.ต.อ.ศุภมินทร์ฯตำรวจกองปราบถูกฆ่า ไม่มีใครคิดจะสืบสวนติดตาม
บรรยากาศในที่ประชุมเงียบกริบ อึดอัด ไม่มีใครพูดสักคน มีแต่เสียง ฮื่อออออ
อย่างสะใจ และแล้วผู้บังคับการก็สั่งปิดประชุมทันที
ประเด็นสาเหตุการฆ่า ท่านเดาก็ถูก มีอยู่เรื่องเดียวคือความเจ้าชู้ของผู้ตาย ชอบไปมีความสัมพันธ์กับภรรยาของผู้อื่น แล้วยังเป็นภรรยาของนายตำรวจอีกด้วย เป็นที่รู้กัน เรื่องเป็นชู้กับภรรยาผู้อื่น เป็นเรื่องหมิ่นศักดิ์ศรี โทษคือ ตายสถานเดียว
วิธีการบนดินเล่นไม่ได้ มันอึดอัด ลูบหน้าปะจมูก พยานก็เปิดเผยตัวไม่ได้เพราะกลัวอันตราย มันก็ต้องใช้วิธีการใต้ดิน
ผมถ่ายทอดความในใจและข้อมูลที่ผมทราบให้กับคุณพ่อและญาติของศุภมินทร์ฯได้ทราบ ทุกคนเข้าใจถึงความประพฤติของศุภมินทร์ฯ เป็นคนหนุ่มหล่อ เจ้าชู้ แต่ถึงยังไงทุกคนก็ต้องเข้าข้างลูก ในบรรดาญาติของศุภมินทร์ฯมีพี่ชายคนหนึ่งท่าทางนักเลง นัยตาแฝงความอาฆาต เด็ดเดี่ยว พูดน้อย เวลาพูดจะจ้องตาคู่สนทนาไม่กระพริบ พี่ชายศุภมินทร์ฯบอกกับผมว่า ถ้าท่านจะกรุณา หาวิธีส่งตัวมือปืนที่เป็นตำรวจผู้นี้ ไปอยู่จังหวัดภาคใต้ทีเถอะ
. ผมรู้ว่าพี่ชายของศุภมินทร์ฯต้องการอะไร ผมมองเห็นแววตาที่แข็งกร้าว เขากัดกรามด้วยความรู้สึกเจ็บปวด พี่ชายของศุภมินทร์ฯเป็นคนกว้างขวางในมาเลเซียและจังหวัดภาคใต้ เดินทางเข้ามาเลฯประจำ
ผมกลับมาปรึกษากับผู้บริหารระดับสูงของกรมตำรวจในขณะนั้น บอกปัญหาข้อขัดข้องในเรื่องนี้ให้ทราบ ไม่ช้าก็มีคำสั่งย้ายเดี่ยวตำรวจผู้สงสัยเป็นมือปืนลั่นกระสุนปลิดชีพศุภมินทร์ฯ ให้ไปรับราชการที่จังหวัดภาคใต้ กำหนดเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ภายใน ๗ วัน ข้อมูลนี้พี่ชายของศุภมินทร์ฯรับทราบเช่นกันและคงเตรียมมือรับสถานการณ์
แต่เหตุการณ์กลับตาละปัดอีกครั้ง ตำรวจรายนี้ยังไม่ทันเดินทางไปรับตำแหน่งใหม่ที่ภาคใต้ ก็มีคำสั่งขอตัวไปช่วยราชการที่สถานีตำรวจ ในนครบาลแห่งหนึ่ง พี่ชายของศุภมินทร์ฯก็เลยต้องรอเก้อ
สรุปงานใต้ดินล้มเหลวอีก ผมเล่นงานบนดินต่อ ผมสั่งให้นายตำรวจลูกน้องไปรับตัวนายไพรวัลย์ฯที่เรือนจำกลางกรุงเทพเนื่องจากครบกำหนดพ้นโทษ แต่แล้วนายตำรวจลูกน้องผมกลับมารายงานด้วยความผิดหวังว่า ในช่วงก่อนที่จะถึงกำหนดปล่อยตัวเล็กน้อย มีตำรวจนครบาลชุดที่ไปจับกุมเขาที่ศีรษะเกต ไปรอรับตัวเขาที่หน้าคุก ไพรวัลย์ฯรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตน เมื่อพ้นโทษแล้วไม่ยอมออกจากคุก หลบไปอยู่บ้านผู้คุม รอจนเห็นว่าปลอดภัยไม่มีคนมาดักรับจึงได้ออกไป ผมให้ตำรวจลูกน้องไปตามหาไพรวัลย์ฯที่ภูมิลำเนาอีก พ่อแม่ญาติพี่น้องของไพรวัลย์ฯยืนยันว่า ไม่ได้กลับไปภูมิลำเนาและไม่ได้ข่าวคราวเลย ผมทิ้งช่วงห่างอีกหลายเดือนแล้วจึงให้ตำรวจไปตามตัวไพรวัลย์ฯอีก ไปตามอีกหลายครั้งไม่ใช่ครั้งเดียว ไม่พบตัว ไม่ได้ข่าว สั่งกับญาติพี่น้องไว้ได้ข่าวไพวัลย์ฯรีบแจ้งให้ผมทราบ เวลาล่วงเลยเป็นปี ไม่มีวี่แวว ผมและทีมสืบสวนแทงจำหน่ายว่า ไพรวัลย์ฯถูก อุ้มเรียบร้อย
ผมมีโอกาสคุยกับพ่อและพี่ชายของศุภมินทร์ฯ ว่าผมได้พยายามแล้วแต่มีปัญหาอุปสรรค เสมือนพ่อและพี่ชายของศุภมินทร์ฯจะเข้าใจความรู้สึกผม มันก็คงเหมือนๆกับคดีฆ่าอีกหลายคดี ที่ผู้สืบสวนพอจะรู้ต้นสายปลายเหตุ พอจะรู้ว่าใครเป็นผู้กระทำผิด แต่ไม่สามารถเปิดคดีได้ มันขาดพยานหลักฐาน มันจึงทำให้เกิดการ อุ้ม คดีของศุภมินทร์ฯแทนที่ฝ่ายคนร้ายจะถูก อุ้ม กลายเป็นฝ่ายพยานโดน อุ้ม ต่อมาผมก็ย้ายไปรับราชการที่อื่น เรื่องของศุภมินทร์ฯก็ไม่มีใครสานต่อ พ่อของศุภมินทร์ฯก็ได้แต่ร้องเรียนไปยังผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง เรื่องก็เงียบหายไป
ผู้บังคับการกองปราบผู้นั้นก็เกษียณอายุราชการไปแล้ว ผมไม่มีโอกาสคุยกับท่านเรื่องศุภมินทร์ฯอีกเลย เพราะท่านได้ปลิดชีวิตตนเอง ฆ่าตัวตาย ตามศุภมินทร์ฯไปอีกคน
ส่วนพี่ชายของศุภมินทร์ฯที่มีลักษณะท่าทางเป็นนักเลง ก็อาจจะเป็นหนึ่งในจำนวนผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ภาคใต้ เพราะครอบครัวของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เขาคงไม่ยอมปล่อยให้น้องชายของเขา ตายเหมือนหมาข้างถนน.