ภัยของผู้หญิง 2 ทีเด็ดคุณนาย
คราวก่อนได้พูดถึงการแก้ไขสถานการณ์ของสาวรุ่นวิศวกรที่รับมือกับโจรหื่นกามนักถ้ำมองไปแล้ว คราวนี้มาลองศึกษาสถานการณ์ที่สอง เป็นเรื่องของสาวใหญ่วัยกลางคนมีสามีและบุตรแล้ว เมื่อเกิดเหตุคับขันเธอจะแก้ปัญหาอย่างไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเหตุเกิดเมื่อปลายปี พ.ศ. 2543 ขณะที่ผู้เขียนดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 คราวนี้เหตุในท้องที่ สน.ประเวศ
คุณนายนงนารถ อายุประมาณ 47 ปี มีธุรกิจการค้าใหญ่โต ฐานะดี บ้านอยู่แถวนถนนศรีนครินทร์ สามีเธอเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เดินทางไปต่างจังหวัดบ่อย ลูกๆ เธอมีครอบครัวแยกเรือนไปอยู่ต่างหาก คุณนายใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับสามีและหญิงรับใช้ 1 คน คุณนายนงนารถเป็นคนสวยหุ่นดี แม้อายุใกล้ 50 ปี ก็ยังดูดีมีเสน่ห์ สาวรุ่นทำอะไรไม่ได้ โดยเฉพาะเครื่องเพชรทองของประดับราวกับตู้เพชร ตู้ทองเคลื่อนที่
คืนเกิดเหตุสามีของคุณนายนงนารถ เดินทางไปราชการค้างคืนต่างจังหวัด คุณนายจึงนอนพักที่บ้านชั้นบนคือชั้นที่ 3 (บ้านเธอมี 3 ชั้น) เธอนอนอยู่แต่ผู้เดียว ส่วนหญิงรับใช้นอนอยู่ชั้นล่าง
ประมาณตีสี่ครึ่งของคืนเกิดเหตุ คุณนายนงนารถเปิดประตูห้องนอนออกมาเพื่อจะเข้าห้องน้ำปัสสาวะ (คนอายุมากมักจะต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะตอนดึก) ขณะที่คุณนายเดินงัวเงียจะไปเข้าห้องน้ำ เธอก็ต้องตกใจเพราะเห็นชายร่างใหญ่ สูงประมาณ 165 ซม. ไม่สวมเสื้อยืนอยู่กลางบ้าน เธอได้กลิ่นเหล้าจากชายคนดังกล่าว แต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจทำอะไร ชายที่มาเยี่ยมยามวิกาลก็ใช้แขนข้างหนึ่งล็อคคอเธอไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของชายดังกล่าว ถือกรรไกรตัดผ้าเอาปลายแหลมจิ้มที่คอเธอ ขู่บังคับไม่ให้เธอส่งเสียงดัง พร้อมกับบังคับให้เธอเปิดตู้เซฟ ซึ่งอยู่หน้าห้องนอนนั่นเอง คุณนายนงนารถเห็นว่าไม่มีหนทางต่อสู้ขัดขืน จึงยอมทำตามคนร้าย พอเธอเปิดตู้ออกก็พบว่ามีอาวุธปืนพกอยู่ในตู้เซฟ 1 กระบอก เป็นอาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ มีกระสุนบรรจุอยู่ คนร้ายจึงเปลี่ยนเป็นใช้อาวุธปืนจี้บังคับคุณนาย แทนกรรไกรเย็บผ้า คนร้ายได้สั่งให้คุณนายกวาดเครื่องเพชรในตู้เซฟใส่ผ้าขาวผืนใหญ่แล้วห่อเพื่อสะดวกในการนำพาหนี
ทรัพย์สินคนร้ายก็ได้ไปแล้ว แต่ความที่คุณนายนงนารถมีรูปโฉมหุ่นดี และอาจจะอยู่ในชุดนอนวาบหวิว ทำให้หนุ่มยามวิกาลคุมใจไม่อยู่ ว่าแล้วหนุ่มคนร้ายก็เอาอาวุธปืนจี้ข่มขืนหลับนอนกับคุณนาย คราวนี้คุณนายมือเปล่าขืนสู้กับโจรที่มีปืนคงจะไม่รอด มืออย่างคุณนายผ่านร้อนผ่านหนาวมา 47 ฝนแล้ว มันก็ต้องมีทีเด็ดบ้าง คุณนายบอกว่าจะเอายังไงก็ได้ แต่ขอร้องอย่าเอาปืนจี้มันไม่มีอารมณ์ พูดกันดีๆ อะไรมันก็ง่าย ชายผู้มาเยือนยามวิกาลก็ได้ร่วมสวาทกับคุณนายวัยดึก ท่านติดตามมาถึงตอนนี้คงจะลุ้นระทึกว่าคุณนายจะมีไม้เด็ดยังไง ก็ตามแบบของสาววัยดึกโอกาสพรรค์นี้หายากอยู่แล้ว อยากทำอะไรก็ทำไป ก็เลยปล่อยให้คนร้ายทำจนสำเร็จ แล้วคนร้ายก็ออกจากบ้านไปพร้อมอาวุธปืนและทรัพย์สิน ร้อนถึงผู้เขียนและตำรวจฝ่ายสืบสวนต้องไปทำการสอบสวนและตรวจที่เกิดเหตุ
อ้าวแล้วกัน ทีเด็ดคุณนายไม่เห็นมีอะไรเลย เดี๋ยวซิ รุ่นนี้แล้วมันก็ต้องมีทีเด็ดตามสไตล์คุณนาย คือตอนสอบสวนคุณนายบอกว่า ภายในห้องมันมืดสลัว จำหน้าจำตาคนร้ายไม่ได้ แต่คุณนายบอกว่าจำรูปพรรณสัณฐานได้คือ
1. เสียงพูดของคนร้ายคล้ายเสียงของตลก ยาว อยุธยา แต่ไม่ใช่ยาว อยุธยา
2. ที่ไหล่ข้างขวาของคนร้ายสักยันต์รูปพระพุทธรูปปางสมาธิ ท่านผู้อ่านอาจสงสัยว่าห้อง
มืดๆ แล้วเห็นรอยสักได้อย่างไร คุณนายบอกว่ารู้จากการสัมผัส นั่นคือคุณนายทีเด็ดใช้โอกาสตอนคนร้ายร่วมรัก เธอได้ใช้มือสัมผัสทั่วตัวคนร้ายจึงรู้ว่า คนร้ายมีรอยสักแห่งเดียวที่ไหล่ขวา ที่ไหล่ซ้ายและกลางหลังไม่มี และคุณนายรู้ด้วยว่าเป็นรอยสักพระพุทธรูปปางสมาธิ (คุณนายคงจะใช้เวลาลูบอยู่นาน กว่าจะจับรอยเส้นของสักยันต์ได้ คุณนายนี่ทีเด็ดจริงๆ) ชะรอยคงทำให้คนร้ายมีความสุขขณะร่วมรัก เพราะคุณนายต้องการเก็บพยานหลักฐานนี่เอง
ในวันตรวจสถานที่เกิดเหตุ ลูกน้องผมได้นำสุนัขตำรวจไปดมกลิ่นด้วย เพราะพบเสื้อและรองเท้าแตะทิ้งไว้ในบริเวณบ้าน เชื่อว่าเป็นของคนร้ายถอดทิ้งก่อนปีนเข้าบ้านชั้นที่ 2 สุนัขตำรวจนี่เก่งจริงๆ หลังจากดมกลิ่นตัวอย่างแล้ว ก็ออกไปพิสูจน์กลิ่นบริเวณภายนอกบ้านเกิดเหตุ ซึ่งบริเวณใกล้เคียงมีการก่อสร้างคนงานมีหลายสิบคน สุนัขตำรวจพาไปขุดคุ้ยที่ใต้ต้นไม้ในที่ว่างห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ตรงบริเวณใต้ต้นไม้มีรอยกลบดินใหม่ๆ พอสุนัจคุ้ยก็พบชายผ้าขาวโผล่ออกมา จึงได้ช่วยกันขุดพบว่าเป็นถุงผ้าห่อของมีค่าจากบ้านคุณนายนงนารถนั่นเอง เปิดถุงผ้าดูมีเครื่องเพชรและทองรูปพรรณหลายรายการ มูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท ไม่พบอาวุธปืน
เห็นไหมความใจเย็นในการรับสถานการณ์ของคุณนาย ทำให้โจรตายใจไม่ได้นำทรัพย์สินไปซุกซ่อนห่างไกลเลย คนร้ายคงนึกว่าคุณนายใจบุญให้เป็นของแถม
ถึงทีพนักงานสอบสวนต้องวิเคราะห์ เพื่อสืบหาตัวคนร้าย
1. คนร้ายดื่มสุรากลางดึก ถอดเสื้อปฏิบัติการณ์ ดูสภาพเสื้อและรองเท้าแล้ว ฟันธงเลยว่า
ต้องเป็นคนงานก่อสร้าง
2. รอยสักที่ไหล่ขวารูปพระพุทธรูป แสดงว่าต้องเป็นชนชั้นกรรมกร รับจ้าง และเป็นไทยพุทธ
3. ทรัพย์สินของมีค่านำติดตัวเข้าที่พักไม่ได้ แสดงว่าต้องอยู่ร่วมกันหลายคน ถ้านำของมีค่า
เข้าไปจะเป็นที่ผิดสังเกต จึงจำต้องเอาฝังดิน
อย่างนี้มันต้องเป็นกรรมกรหรือคนงานอย่างแน่นอน ว่าแล้วบรรดาตำรวจฝ่ายสืบสวนก็ระดม
ตรวจสถานที่ก่อสร้างบริเวณใกล้เคียงทั้งหมด เจอคนงานชายก็ต้องขอให้ถอดเสื้อดูว่าที่ไหล่ขวามีสักยันต์รูปพระพุทธรูปหรือไม่ ถ้าพบแล้วก็ซักถามแล้วสังเกตเสียงพูดว่าเหมือนตลก ยาว อยุธยา หรือไม่
ตำรวจไทยนี่ก็เก่ง ควานหาตัวคนงานที่รอยสักยันต์รูปพระพุทธรูปที่ไหล่ขวา 1 คน นำไปให้คุณนายนงนารถดู โดยเฉพาะเสียงพูดอย่างไร ถึงจะเหมือน ยาว อยุธยา ต้องให้คุณนายฟังเอง
พอนำตัวคนร้ายมาถึง คุณนายเธอก็บอกว่าดูหน้าจำไม่ได้ ต้องลองสัมผัส ว่าแล้วคุณนายก็หลับตาเอามือคลำที่ไหล่ขวาคนร้าย (ซึ่งขณะนั้นคนร้ายถอดเสื้อ) สักพักคุณนายก็ลืมตาขึ้นบอกกับตำรวจว่า คุณตำรวจขา ลักษณะคนร้ายใกล้เคียง เสียงพูดก็คล้าย แต่รอยสักรูปพระพุทธรูปเล็กไป คนร้ายตัวจริงรอยสักใหญ่กว่า เอาแล้วซี ทีเด็ดคุณนาย ก็หลักฐานอยู่ที่ความรู้สึกของคุณนายเพียงอย่างเดียว หลักฐานอย่างอื่นไม่มี แล้วมันจะพอฟ้องอย่างไรถ้าผู้ต้องหาปฏิเสธ
ตอนนี้ก็เลยจับตัวคนร้ายไม่ได้ หากผู้อ่านจะช่วยสืบสวน ถ้าพบว่าชายใดมีรอยสักยันต์รูปพระพุทธรูปที่ไหล่ขวาก็ช่วยติดต่อมายังผม จะได้เอาไปให้คุณนายแกลองคลำดู
เทคนิคการแก้ปัญหาของสาวใหญ่ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ละมุนละมัยใช้ความใจเย็นเข้าแก้ไขสถานการณ์ ชนิดเรียกว่า เสียอย่างได้หลายอย่าง ท่านผู้อ่านทราบไว้ประดับความรู้ ส่วนเมื่อท่านอยู่ในสถานการณ์จะแก้ไขอย่างไรแล้วแต่ท่าน ขอให้ยังมีชีวิตรอดอยู่ก็พอ ยังมีตัวอย่างการรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าอีกมาก คอยติดตาม