บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ฆ่ายัดกระสอบถ่วงน้ำ
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ฆ่ายัดกระสอบถ่วงน้ำ




เห็นชื่อเรื่องแล้วน่ากลัว แต่ถ้าท่านได้อ่านแล้วจะได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของความไม่ปลอดภัยว่ามันเกิดขึ้นได้เสมอ รู้แล้วหลีกเลี่ยงหรือหาทางป้องกัน ใครรู้มากได้เปรียบกว่าคนที่ไม่รู้ แต่ละเรื่องที่นำเสนอเป็นเรื่องจริง และท่านจะได้ทราบถึงวิธีการสืบสวนของตำรวจไทยว่าเก่งแค่ไหน ตำรวจไทยไม่ต้องใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยเหมือนตำรวจต่างประเทศก็สามารถคลี่คลายคดีอาชญากรรมสำคัญๆได้ หลายคดีผมเองก็เกิดความทึ่ง “รู้ได้ยังไง” ท่านเองก็คงจะรู้สึกเหมือนผม

ท่านมักจะได้ยินได้ฟังหรืออ่านข่าวอาชญากรรม ฆ่าหั่นศพ ฆ่าแล้วเผา ฆ่ายัดกระสอบถ่วงทิ้งน้ำ ท่านอาจจะรู้สึกว่าฆาตรกรใจคอโหดเหี้ยม ความจริงไม่ใช่ แต่เป็นเพราะต้องกำจัดศพเพื่อปิดบังซ่อนเร้น ตราบใดที่ยังหาศพไม่พบก็จะเป็นเพียงคดีคนหายธรรมดา จับกุมคุมขังใครก็ไม่ได้เพราะเรื่องคนหายไม่ใช่คดีอาญา การซ่อนเร้นศพจึงต้องมีวิธีจัดการซึ่งจะต้องศึกษานะครับ การทำลายศพเป็นศาสตร์สาขาหนึ่งเลยทีเดียว เอาไว้มีเวลาแล้วค่อยว่ากันให้ยาวไปเลย

ในช่วงที่ผมรับราชการอยู่ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาลใต้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบทำการสืบสวนคดีอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.พระโขนง,ทองหล่อ,คลองตัน,บางนา,บางรัก,บางโพงพาง, ทุ่งมหาเมฆและอีกหลายๆ สน. วันหนึ่งก็ได้รับรายงานว่า พบศพชายวัยกลางคนสภาพเปลือย ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีขาวยัดใส่กระสอบทิ้งน้ำ ลอยอืดส่งกลิ่นเหม็น มาติดที่ท่าน้ำวัดปริยวาส กทม.ตำรวจต้องไปทำการชัณสูตรพลิกศพร่วมกับแพทย์ การตรวจสภาพศพในเบื้องต้นบางอย่างต้องทำในที่เกิดเหตุ(สถานที่ๆพบศพ) ทั้งนี้เพื่อหาร่องรอยพยานหลักหลักฐานนำไปใช้ในการสืบสวนหาตัวคนร้าย สำหรับศพรายนี้สันนิษฐานว่าตายมาแล้วประมาณ ๓ วัน ศพเน่ามีหนอนขึ้น นัยตาถลน มือและเท้ากาง ชนิดมองหน้าศพแล้วจำไม่ได้เลยว่าเป็นใคร การสืบหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครนี่สำคัญมาก ถ้าไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใครจะไม่มีทางสืบหาตัวคนร้ายได้เลย หนทางหนึ่งที่จะพิสูจน์ทราบว่าผู้ตายเป็นใครก็โดยการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ ท่านลองนึกภาพดูศพที่กำลังเน่าจับถูกตรงไหนผิวหนังตรงนั้นก็หลุด แต่การพิมพ์ลายนิ้วมือศพแบบนี้เขามีวิธีครับ เริ่มแรกจะใช้มีดคมๆควั่นที่โคนข้อนิ้วส่วนปลายของศพทั้ง ๑๐ นิ้ว แล้วค่อยๆลอกผิวหนังข้อนิ้วส่วนปลายจากนิ้วศพทีละนิ้วๆ ระวังอย่าให้ด้านหน้านิ้วที่มีลายนิ้วมือหลุดขาด คนที่ทำนี่ชำนาญจริงๆครับพี่แกดึงนิ้วศพออกมาเป็นปลอกเลยทีเดียว และเมื่อดึงเอาปลอกผิวหนังจากนิ้วศพนิ้วใดออกมาก็จะต้องนำไปสวมกับนิ้วของเจ้าหน้าที่ชนิดนิ้วต่อนิ้ว คือถ้าเป็นนิ้วหัวแม่มือก็ต้องสวมลงบนนิ้วหัวแม่มือ ถ้าเป็นปลอกจากนิ้วชี้ก็สวมบนนิ้วชี้ สลับนิ้วกันไม่ได้เพราะจะทำให้ผลการตรวจพิสูจน์คลาดเคลื่อนทันที เมื่อได้ครบ ๑๐ นิ้วแล้วเจ้าหน้าที่ผู้นั้นก็จะสวมปลอกนิ้วของผู้ตายกดบนแท่นหมีก แล้วพิมพ์ลงบนแบบพิมพ์ ส่งไปตรวจที่กองทะเบียนประวัติต่อไป สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือต้องถ่ายภาพศพหน้าตรงไว้หลายๆมุมเพื่อให้ญาติของผู้ตายได้ดู
การตรวจพิสูจน์จากกองทะเบียนประวัติไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใครเพราะผู้ตายไม่เคยมีประวัติมาก่อน เชื่อไหมครับสิ่งที่ช่วยในการคลี่คลายคดีก็คือสื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ คดีนี้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวพาดหัว แน่นอนครับญาติของคนตายเขาออกติดตามหาตัวตั้งแต่ที่ผู้ตายหายตัวไปในวันแรกๆแล้ว พอได้ทราบข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์พวกญาติก็จะกรูกันไปที่สถานีตำรวจที่เกี่ยวข้อง ขอดูภาพถ่ายศพ สำหรับศพรายนี้ถึงแม้จะเน่าใบหน้าเปลี่ยนสภาพแต่ญาติสนิทใกล้ชิดจำได้ครับ จึงได้ทราบว่าผู้ตายเป็นชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่เข้ามาหากินในเมืองไทยประมาณ ๓๐-๔๐ ปีแล้ว อาชีพรับเหมาทำประตูหน้าต่างเหล็กดัดอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ผู้ที่มายืนยันว่าผู้ตายเป็นใครก็คือชายผู้เป็น “หุ้นส่วน”ทำธุระกิจเหล็กดัดอยู่กับผู้ตาย และ “หุ้นส่วน”ผู้นี้ให้การว่าพบเห็นผู้ตายครั้งสุดท้ายก่อนหน้าที่จะพบศพ ๓ วัน โดยผู้ตายได้ไปรับเหมาทำงานติดตั้งประตูหน้าต่างเหล็กดัดที่ร้านค้าใกล้ๆกับ สภ.อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

เมื่อทราบว่าผู้ตายเป็นใครแล้วข้อมูลอื่นๆก็ติดตามมาจากการสอบสวนญาติๆและผู้อยู่ใกล้ชิด จากปากคำญาติๆทราบว่าผู้ตายเป็นคนทำงานทำการ มีภรรยาแล้วและเลิกกับภรรยาไปหลายปี ไม่ปรากฏว่ามีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นใดอีก ผู้ตายไม่ค่อยพกทรัพย์สินติดตัว มีรถยนต์ปิคอัพใช้เป็นพาหนะ ๑ คัน เป็นรถมิตซูบิชิป้ายแดง จากการสอบสวนได้ความว่าผู้ตายได้หายตัวไปพร้อมกับรถยนต์ปิคอัพพาหนะ

ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ตายส่วนมากได้จาก “หุ้นส่วน” และจากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายกับ “หุ้นส่วน”รักกันมาก ทำธุระกิจร่วมกันมาเป็นเวลา ๑๐ กว่าปี พักอยู่ด้วยกัน ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งหรือบาดหมาง “หุ้นส่วน”ผู้นี้จะเป็นญาติคนเดียวของผู้ตายและคอยเป็นธุระผู้จัดการเกี่ยวกับศพ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ “หุ้นส่วน”มีความเศร้าโศกเสียใจมาก

การตั้งประเด็นการสืบสวนเหลืออยู่เพียงประเด็นเดียวคือ ฆาตรกรประสงค์ต่อทรัพย์(ทรัพย์ในที่นี้ก็คือรถยนต์เพิ่งซื้อมาใหม่) ความขัดแย้งด้านธุระกิจหรือประเด็นทางชู้สาวไม่มี ถ้าท่านเป็นนักสืบท่านจะเริ่มสืบสวนอย่างไรครับ อย่าลืมนะครับ จุดที่พบศพนั้นอาจไม่ใช่จุดที่ฆ่า ศพถูกยัดใส่กระสอบทิ้งน้ำ แรกๆศพก็อาจจะจมน้ำแต่ประมาณ ๒ วันก็ลอยอืดขึ้นสู่ผิวน้ำ (คนร้ายไม่มีความรู้ในเรื่องของการทำลายศพ) จุดที่เกิดเหตุฆ่าไม่ทราบว่าเป็นที่ใด จึงไม่สามารถตรวจหาร่องรอยและสอบสวนพยานแวดล้อมเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการติดตามหาตัวคนร้ายได้
จากรายงานการตรวจชัณสูตรศพของแพทย์ไม่พบร่องรอยการฆ่าเพราะศพเน่าเปื่อยจนหลุดเป็นชิ้นๆ จากการที่พบศพได้หลักฐานคือผ้าที่ใช้ห่อศพ เป็นผ้าขาวผืนใหญ่มีอักษรเป็นภาษาอังกฤษ TULIP ส่วนกระสอบที่ใส่ศพเป็นกระสอบสีน้ำตาลชนิดที่ใช้ใส่ข้าวสาร ๑๐๐ กิโลกรัม ที่กระสอบไม่มียี่ห้อใดๆติด ลักษณะเป็นกระสอบเก่า และหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งคือเชือกไนลอนสีเหลืองที่คนร้ายใช้มัดปากกระสอบ หลักฐานมีเพียงแค่ ๓ สิ่งนี้เท่านั้น ท่านผู้อ่านช่วยสืบสวนหาตัวคนร้ายทีเถอะครับ

บอกแล้วไงตำรวจไทยโคตรเก่ง เขาทำการสืบสวนกันยังไงท่านลองคิดตาม อาจจะเป็นในแนวทางเดียวกันกับความคิดของท่านก็ได้

เรื่องแรกเลยก็คือต้องระดมกำลังสืบหารถยนต์ปิคอัพของผู้ตายที่หายไป แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่หมูๆนะครับ เพราะรถใหม่ป้ายแดงคนร้ายอาจจะนำไปติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอม รถก็เหมือนรถใครจะจำได้ โดยเฉพาะรถยนต์มีล้อมีเครื่องยนต์จะเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้ จะไปตามที่ไหนกันดี

เรื่องต่อไปคือผ้าที่ใช้ห่อศพเป็นผ้าขาวผืนสี่เหลี่ยม ต้องนำมาวิเคราะห์อีกว่ามันเป็นผ้าอะไร อาจจะเป็นผ้าปูโต๊ะอาหาร(โต๊ะจีน) หรือผ้าปูเตียง แต่เมื่อพิจารณาดูลักษณะผ้าแล้วขาวสะอาด ไม่มีรอยสกปรก น่าจะเป็นผ้าปูเตียงมากกว่า ถ้าเป็นผ้าปูโต๊ะอาหารจะต้องมีรอยเลอะเทอะเปลอะเปลื้อนเศษอาหารแต่นี่ไม่มี จึงตัดประเด็นผ้าปูโต๊ะอาหารออกไป แล้วทำไมจึงเป็นผ้าสีขาวประเด็นนี้ก็ต้องขบคิดต่อ ท่านลองหลับตานึกภาพจะพบว่าตามโรงพยาบาลก็ดี ตามโรงแรมหรืออพ๊าตเมนท์ให้เช่าก็ดีผ้าปูเตียงจะใช้สีขาวทั้งสิ้น ต่างกับตามบ้านทั่วๆไปจะใช้ผ้าปูเตียงเป็นสีๆ บางทีก็เป็นชนิดที่มีลวดลาย ในที่สุดก็ตัดประเด็นผ้าปูเตียงตามบ้านออกไป เหลือจุดที่น่าสืบสวนต่อไปคือโรงแรมหรืออพ๊าตเมนท์ให้เช่า โรงพยาบาลตัดไปได้เลย เมื่อมาพิจารณาถึงโรงแรมหรืออพ๊าตเมนท์ให้เช่าที่จะมีการฆ่าแล้วเอาศพใส่กระสอบนำออกไปทิ้งในลักษณะนี้ได้ ต้องเป็นอาคารมิดชิดเตี้ยชั้นเดียว นั่นก็คือโรงแรมม่านรูดเท่านั้น บรรดานักสืบก็ออกระดมหาโรงแรมม่านรูดที่ใช้ผ้าปูที่นอนสีขาวมีตัวหนังสือ TULIP ความลำบากเกิดขึ้นครับ โรงแรมม่านรูดในกรุงเทพฯมีเป็นร้อยๆ และก็มิได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯเท่านั้น อาจเป็นแถวพระประแดงหรือสมุทรปราการก็ได้ ลำบากยังไงก็ต้องทำ

ประมาณ ๓ วันหลังจากที่ได้พบศพ มีพลเมืองดีโทรมาแจ้งพบรถยนต์ของผู้ตายจอดทิ้งไว้ใกล้กับโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในท้องที่ สน.บางนา โดยรถยนต์ถูกนำจอดไว้ในลักษณะเรียบร้อยชิดขอบถนน ประตูรถถูกล๊อคเรียบร้อย กระจกหน้าต่างรถทุกบานปิดสนิทแถมยังล๊อคครัชล๊อคเบรคกันขโมยไว้อีกด้วย แค่พบรถในลักษณะนี้ก็มีข้อให้ขบคิด แสดงว่าผู้ตายอาจจะขับรถไปจอดด้วยตนเองรถจึงอยู่ในลักษณะเรียบร้อย ต้องไม่ใช่การดักชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์แน่ ผู้ตายคงจะจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินทางต่อไปกับผู้อื่นก็ได้ เวลาทำการสืบสวนเรามักจะวิเคราะห์กันตลอด ถูกบ้างผิดบ้าง อย่างไรก็ตามจากจุดที่พบรถยนต์ผู้ตายอยู่ใกล้โรงแรมม่านรูด ได้ไปตรวจที่โรงแรมม่านรูดดังกล่าว (โรงแรมชื่อใดอย่าไปทราบเลยครับ เดี๋ยวธุรกิจเขาจะเสียหาย) พบว่าใช้ผ้าปูที่นอนสีขาวมีตัวหนังสือ TULIP (เป็นยี่ห้อของผ้า)

จากการสอบสวนบ๋อยโรงแรมก็ได้เรื่อง บ๋อยบอกว่าจำได้เมื่อวันก่อนเมื่อผู้พักออกไปปรากฏว่าผ้าปูที่นอนในห้องพักหาย จึงให้บ๋อยพาไปดูที่ห้องพักดังกล่าวแต่ก็ไม่พบร่องรอยอะไร สอบสวนบ๋อยได้ประโยชน์มาก บ๋อยจำได้ว่าผู้ที่มาพักเป็นชายสองคนมารถปิคอัพ เหตุที่บ๋อยจำเหตุการณ์ได้เพราะผู้พักรายนี้เอาผ้าปูเตียงไป ทำให้ตัวเขาถูกหัวหน้าตำหนิ ตำรวจเอารถปิคอัพของผู้ตายให้ดูบ๋อยจำได้อีก โดยบ๋อยยืนยันจำลักษณะรถซึ่งด้านข้างเป็นแผงลวดตาข่ายสำหรับกันสิ่งของบรรทุกตกหล่น และบ๋อยยังจำได้อีกว่าที่ลวดตาข่ายแผงข้างรถมีเชือกไนล่อนสีเหลืองผูกห้อยอยู่ มันตรงพอดีกับเชือกไนลอนสีเหลืองที่ใช้ผูกปากกระสอบที่ใส่ศพผู้ตาย แต่น่าเสียดายบ๋อยโรงแรมจำหน้าชายที่มาพักไม่ได้เลย

การสืบสวนคืบหน้าใกล้จะได้ตัวคนร้ายเข้าไปทุกที เราเริ่มตั้งประเด็นการสืบสวนใหม่ โดยเชื่อว่าผู้ตายกับคนร้ายต้องรู้จักชอบพอกัน อาจจะไปเจรจาเรื่องธุรกิจการค้าหรือเรื่องหนี้สินแล้วเกิดขัดใจกัน ตำรวจต้องกลับไปสอบญาติพี่น้องผู้ตายอีก ได้ความว่าผู้ตายเป็นคนดี ไม่มีหนี้สินและไม่มีปัญหาด้านธุรกิจ ไม่มีคู่แข่งทางการค้า

การสืบสวนส่อเค้ามืดมนอีกจนต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ มันเป็นไปได้ยังไงคนดีๆไม่มีศัตรูแล้วถูกฆ่า พวกนักสืบรู้กันดีว่าสาเหตุหนึ่งที่มีการฆ่ากันก็คือเรื่องชู้สาว ผู้ที่ชอบไปประพฤติผิดลูกผิดเมียมักจะถูกฆ่า จึงได้เริ่มเจาะลึกประเด็นเกี่ยวกับเรื่องชู้สาวของผู้ตาย ไม่น่าเชื่อเราได้ข้อมูลจากลูกจ้างของผู้ตายว่า ผู้ตายชอบ “ถั่วดำ”โดยผู้ที่รู้เรื่องนี้ดีคือคนใช้หญิงของผู้ตาย การซักถามเรื่องพรรค์นี้ต้องใช้จิตวิทยาสูงพอสมควรซึ่งเรามีนักสืบที่เก่งๆหลายคน ในที่สุดก็ได้ความว่า เหตุที่คนใช้หญิงเกิดสงสัยเพราะแอบไปเห็นผู้ตายเข้าห้องน้ำพร้อมกับลูกน้องผู้ชายคนโปรดเป็นเวลานานๆและทำลักษณะนี้หลายครั้งหลายหน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นคนใช้เลยเจาะรูห้องน้ำถ้ำมอง ภาพที่ไม่น่าเชื่อที่ได้เห็นคือผู้ตายร่วมเพศทางทวารหนักกับลูกน้องคนโปรด โดยผู้ตายเป็นฝ่ายทำ และลูกน้องคนโปรดที่ว่านี้ก็คือ “หุ้นส่วน”ของผู้ตายนั่นเอง

“หุ้นส่วน”ของผู้ตายตกเป็นผู้ต้องสงสัยแต่ไม่มีพยานหลักฐาน ให้บ๋อยโรงแรมแอบดูตัวแล้วบ๋อยก็จำหน้าไม่ได้ จึงต้องพลิกปูมหลังของ “หุ้นส่วน” พบว่าเป็นคนดีขยันทำมาหากิน มีภรรยาแล้วและมีบุตรสาวเล็กอายุเพิ่ง ๒ ขวบกำลังน่ารัก “หุ้นส่วน”ผู้ตายเป็นคนรักลูกรักเมียซึ่งเป็นจุดอ่อนประการหนึ่งที่นักสืบค้นพบ และยังมีจุดอ่อนอีกประการหนึ่งคือ “หุ้นส่วน”พูดไทยไม่ค่อยชัดแต่ถือบัตรประจำตัวประชาชนไทย เลยถูกจับให้ร้องเพลงชาติ ปรากฏว่าร้องไม่จบเพลงและเสียงร้องไม่ชัด ในที่สุดก็ตรวจพบว่าเป็นจีนจากแผ่นดินใหญ่ซึ่งผู้ตายเป็นผู้ชักชวนเข้ามาทำงานและจัดทำบัตรประชาชนปลอมให้

จากจุดอ่อนดังกล่าวนี้เองนักสืบใช้จิตวิทยาซักถาม ไม่นาน “หุ้นส่วน”ก็รับสารภาพว่าเป็นผู้ฆ่า “ผู้ตาย”พร้อมกับร้องไห้โฮก่อนที่จะระบายออกมาว่า ผู้ตายไปรับตนมาจากเมืองจีนให้มาช่วยทำงานที่ร้าน โดยผู้ตายทำบัตรประชาชนปลอมให้ ตอนแรกให้เป็นลูกจ้างแต่ตนทำงานดีจึงยกให้เป็นหุ้นส่วน ด้วยเห็นว่าผู้ตายเป็นผู้มีพระคุณตนจึงยอมให้ผู้ตายเล่น “ถั่วดำ”โดยทั้งที่ตนเองไม่ชอบ ในวันเกิดเหตุผู้ตายพาตนไปเสพ “ถั่วดำ”ที่โรงแรมม่านรูดแล้วบังคับให้ตนเลิกกับภรรยาไปอยู่กินกับผู้ตาย โดยผู้ตายจะจ่ายเงินแปลงเพศให้ ตนไม่ยอมเพราะรักลูกเมียและอยากจะเลิกไม่ยอมให้ผู้ตายเสพทวารหนักอีกต่อไป ผู้ตายไม่ยอมและขู่ว่าจะแจ้งตำรวจจับเรื่องบัตรประชาชนปลอม วันเกิดเหตุหลังจากผู้ตายได้เสพทวารหนักแล้วนอนหลับ ตนได้ไปเอาเชือกไนล่อนสีเหลืองที่ผูกตะแกลงข้างรถมารัดคอผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แล้วใช้ผ้าปูที่นอนของโรงแรมห่อศพใส่กระสอบ เอาเชือกไนลอนที่ใช้รัดคอผูกปากกระสอบแล้วนำไปโยนทิ้งแม่น้ำ

เฮ้อ…ค่อยโล่งใจที่คดีถูกปิดลงได้อีก ๑ คดี.
พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท รายงาน
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์