บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ล่าฆาตกรโหดฆ่าหมกศพ
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ล่าฆาตกรโหดฆ่าหมกศพ
เรื่องนี้นักอ่านไม่ควรพลาด ภัยมีอยู่รอบๆตัวท่าน จงอย่าไว้ใจใครแม้เป็นญาติก็ยังไม่สนิทใจ สุภาษิตโจร “นอกบ้านคือสมรภูมิ ไม่ใช่เพื่อนหรือญาติอาจเป็นโจร” ถ้าไม่เชื่อก็อย่านอนใจ เรื่องที่นำมาเล่านี้เป็นเรื่องจริง เป็นบทเรียนสอนใจ รักกันจะตายยังฆ่ากันได้ แต่สุดยอดของเรื่องก็คือ ฝีมือการสืบสวน ตำรวจไทยโคตรเก่ง ต้องยกให้สองนิ้วหัวแม่โป้ง เป็น case study เอาสอนกันในโรงเรียนนักสืบทีเดียว

พ่อค้าหนุ่มใหญ่วัยกลางคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ผู้ที่กระวนกระวายใจมากที่สุดก็คือคุณแม่วัย ๘๐ ปีเศษเฝ้ารอการกลับมาของลูกด้วยความห่วงใย เวลาผ่านไปเป็นเดือนลูกชายมาเข้าฝันว่าถูกฆ่าศพฝังดิน คุณแม่มีแต่ความเศร้าโศกไม่เป็นอันกินอันนอน อีกไม่กี่วันต่อมาคุณแม่ก็ตรอมใจตาย โดยที่เธอไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าแท้จริงศพของลูกถูกฝังอยู่ใต้ถุนบ้านนั่นเอง

ตราบใดที่ยังไม่พบศพก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสืบสวนตรงไหน ทำได้อย่างมากก็แค่ติดตามหาคนหาย การสืบสวนทำท่าจะมืดมน แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณของเจ้าหน้าที่กองสืบสวนตำรวจนครบาล ๔ และกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ สามารถคลี่คลายคดีนี้และจับกุมตัวผู้กระผิดได้ เหตุเพราะเอกสารหลักฐานการเก็บเงินค่าผ่านทางใบเดียวแท้ๆ

เริ่มต้นจากพลเมืองดีแจ้งไปที่ สน.ประเวศ พบรถยนต์เก๋งเบ๊นซ์ทะเบียนกรุงเทพฯจอดทิ้งไว้ริมถนนในหมู่บ้านนักกีฬาซึ่งอยู่ในท้องที่ สน.ประเวศ ลักษณะจอดทิ้งไว้หลายวันแล้ว ตำรวจตรวจสอบทะเบียนเป็นชื่อ “นายเกรียงไกร”บ้านอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา(ถ้าโจรฉลาดอีดสักนิดถอดแผ่นป้ายทะเบียนทิ้ง หรือเอารถไปทำลาย การสืบสวนจะยากเข้าไปอีก แต่นี่แหละครับเป็นทฤษฏีอาชญากรรม “อาชญากรรมทิ้งร่องรอยเสมอ”) เมื่อตรวจสอบข้อมูลจึงได้ทราบว่า “เกรียงไกร”คือผู้ที่หายตัวไป

“เกรียงไกร”อายุ ๔๐ ปีเศษมีภรรยาแล้วแต่แยกกันอยู่ เคยทำงานเป็นนายธนาคารแต่ได้ลาออกไปทำธุระกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของโรงงานผลิตอะหลั่ยรถยนต์อยู่ที่ในจังหวัดฉะเชิงเทรานั้นเอง แต่อยู่คนละอำเภอกับบ้านพัก เป็นผู้มีฐานะมีบ้านเรือนทรงไทยหลายหลังอยู่บนเนื้อที่ประมาณ ๓ ไร่เศษ “เกรียงไกร”ทำตัวเป็นคนเจ้าสำราญ มีที่พักอีกแห่งเป็นคอนโดอยู่ในซอยลาซาล ถนนสุขุมวิท ท้องที่ สน.บางนา

ได้ข้อมูลมาเพียงแค่นี้ยังเปิดเป็นคดีไม่ได้ แต่ที่แน่นอนข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับ สน.ประเวศซึ่งเป็นสถานที่ๆพบยานพาหนะของนายเกรียงไกร การสืบสวนจึงเป็นหน้าที่ของกองสืบสวนตำรวจนครบาล ๔(รับผิดชอบพื้นที่ๆพบยานพาหนะ) หน่วยงานนี้มีนักสืบฝีมือดีๆอยู่หลายคน

มีการตั้งประเด็นการสืบสวน ซึ่งเมื่อได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนายเกรียงไกรมาวิเคราะห์แล้ว มีประเด็นหนักๆ อยู่หลายเรื่อง

ประเด็นที่ ๑ มีเรื่องบาดหมางกับนายตำรวจระดับใหญ่ซึ่งเป็นมือ “อุ้ม” เนื่องจากนายตำรวจผู้นี้แอบมีสัมพันธ์กับอดีตภรรยาของนายเกรียงไกร

ประเด็นที่ ๒ มีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลจังหวัดชลบุรี นายเกรียงไกรต้องเดินทางไปขึ้นศาลบ่อยๆ ก่อนที่จะดินทางไปขึ้นศาลแต่ละครั้งก็จะไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ที่ สน.บางนาทุกครั้ง
เมื่อมีประเด็นเกี่ยวข้องกับตำรวจขึ้นมาทางญาติของนายเกรียงไกรไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจ จึงได้ไปร้องทุกข์ต่อกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ DSI ให้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ด้วย

จากการตรวจสอบเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายเกรียงไกร ทราบว่ามีบัญชีเงินฝากกับธนาคารและได้ทำบัตร เอ.ที.เอ็ม.ไว้สำหรับเบิกถอน ส่วนทรัพย์สินของมีค่าอย่างอื่นไม่สามารถตรวจสอบได้

ตรวจความเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีการพบรถพาหนะของนายเกรียงไกร ๒ วัน
มีการถอนเงินโดยใช้บัตร เอ.ที.เอ็ม.รวม ๕ ครั้ง รวมเป็นเงิน ๕๕,๐๐๐.-บาท ได้ตรวจสอบลึกลงไปถึงจุดที่มีการใช้บัตร เอ.ที.เอ็ม.ถอนเงิน ปรากฏว่าจุดที่ถอนเงินเป็นบริเวณใกล้เคียงกันทั้ง ๕ จุดคือแถวเดอะมอลล์บางกะปิ ถนนลาดพร้าว จุดถอนเงินเหล่านี้ก็อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่พบยานพาหนะ ตรวจสอบเวลาที่ถอนเงินเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน

ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของนายเกรียงไกร (แม้จะไม่ได้ตัวเครื่องโทรศัพท์แต่ก็สามารถทราบข้อมูลจากญาติๆว่านายเกรียงไกรใช้โทรศัพท์เบอร์ใด) พบว่าก่อนที่จะหายตัวไปได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังหมายเลขหนึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ การค้นหาผู้ครอบครองโทรศัพท์ที่นายเกรียงไกรติดต่อถึงทำได้ไม่ยากเพราะคนร้ายยังไม่ชำนาญ “วิชาโจร” ในที่สุดก็พบว่าโทรศัพท์ดังกล่าวนี้อยู่ที่จังหวัดลำปาง

ชุดสืบสวนรีบเดินทางไปที่จังหวัดลำปาง ใช้เวลาไม่นานก็พบตัวผู้ครอบครองโทรศัพท์เป็นผู้หญิง ซักถามได้ความว่าที่จริงแล้วเป็นโทรศัพท์ของนายอังคาร อายุ ๒๔ ปีสามีของเธอ นายอังคารทำงานเป็นพนักงานขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ที่จังหวัดลำปาง เธอเล่าว่าสามีของเธอได้ออกจากบ้านไปประมาณ ๒-๓ วัน ไม่ทราบว่าไปที่ใด พอกลับมาก็เอาโทรศัพท์มาเปลี่ยนกันใช้ โดยนายอังคารเอาโทรศัพท์ของเธอไปใช้แทน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ฟังดูแล้วเหมือนง่ายๆ แต่ความจริงมิได้เป็นอย่างที่คิด ทุกอย่างต้องมีการวิเคราะห์ต้องมีการวางแผน เพราะไม่ทราบว่าผู้ที่เราเข้าไปสัมผัสนั้นเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ ถ้าหากว่าเกี่ยวข้องโดยตรงก็อาจจะทำให้ผู้กระทำผิดรู้ตัวก่อน เรื่องง่ายๆก็จะกลายเป็นเรื่องยาก จึงต้องมีการสำรวจลาดเลาก่อนที่จะติดสินใจเข้าถึงแหล่งข่าว ผู้ปฏิบัติจะต้องเป็นมืออาชีพ มีความแนบเนียน การทำงานเป็นทีมแบ่งหน้าที่กันทำ จะต้องมีความรวดเร็วและประสานงานกันตลอด

ขณะที่ชุดสืบสวนขึ้นไปหาข่าวที่จังหวัดลำปาง ชุดสืบสวนที่กรุงเทพฯก็ได้ตรวจสอบหาร่องรอยหลักฐานโดยเฉพาะที่รถยนต์พาหนะของนายเกรียงไกร ร่องรอยลายนิ้วมือตามชิ้นส่วนรถที่คาดว่าน่าจะมีลายนิ้วมือแฝงก็ถูกปัดฝุ่นลอกลายเก็บไว้หมด แต่เชื่อหรือไม่ว่าจากวัตถุพยานชิ้นเล็กๆสามารถไขปัญหาคดีนี้ได้ นั่นคือเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนผู้หนึ่งพบเอกสารชำระค่าผ่านทางของถนนมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-บางนา ช่วงขาเข้า กทม. ในเอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดบอกให้ทราบถึงวันเวลาที่รถขับขี่ผ่าน ถ้าหากเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมา หรือไม่มีไหวพริบหรือขาดประสบการณ์ไปขยำทิ้งเสียก่อน เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องยากไปทันที

จากเอกสารดังกล่าว ชุดสืบสวนได้ประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานด่านเก็บเงิน ขอดูภาพที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งจะบันทึกภาพผู้ขับขี่รถทุกคันที่ขับผ่านในขณะที่ชำระเงินค่าผ่านทาง โดยตรวจสอบภาพที่บันทึกไว้ตามวันเวลาที่ระบุอยู่ในเอกสารชำระค่าผ่านทาง การค้นหาภาพไม่ยากเพราะมีลักษณะรถและหมายเลขทะเบียนชัดเจนอยู่แล้ว ไม่น่าเชื่อเราพบภาพของเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีขับขี่รถของนายเกรียงไกรผ่านด่านไปแต่ผู้เดียว ภาพที่ได้ชัดเจนมาก และแล้วภาพดังกล่าวนั้นก็ถูกส่งไปให้ชุดสืบสวนที่จังหวัดลำปางทันที (สมัยนี้ระบบเทคโนโลยีช่วยได้เยอะ) ภรรยาของนายอังคารดูภาพแล้วยืนยันว่าเป็นสามีของเธอ ชุดสืบสวนที่จังหวัดลำปางมีงานต้องทำต่อคือระดมตามหาตัวนายอังคารที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยทำงาน ปรากฏว่านายอังคารได้ออกจากงานไปแล้ว ไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ที่ใด หลักฐานสำคัญที่จะติดตามหาตัวนายอังคารก็คือโทรศัพท์ที่เปลี่ยนเอาของภรรยาไปใช้ ขณะนั้นนายอังคารตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาจะเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ต้องเอาตัวมาสอบสวน การตรวจสอบว่าผู้ต้องสงสัยหลบไปอยู่ที่ใดทำได้ไม่ยาก โดยการตรวจหา “เบส”การใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัย เรื่องนี้ตำรวจชำนาญมาก บอกละเอียดไปเดี๋ยวพวกโจรจะจับทางถูก

ผลการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่าโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวใช้อยู่ที่ภูเกต กำลังชุดสืบสวนอีกส่วนหนึ่งจึงต้องเดินทางไปที่ภูเกต มีการประสานขอกำลังจากตำรวจท้องที่เพราะต้องใช้กำลังมากปิดล้อมจังหวัดภูเกต การปิดล้อมทำไม่ยากก็แค่ตรวจทางเข้า-ออกเกาะตรวจค้นยานพาหนะที่ผ่าน คอยตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางโดยอากาศยาน สถานีขนส่ง ท่ารถทัวร์ รูปใบหน้านายอังคารถูกก๊อปปี้แจกให้กับผู้ปฏิบัติ พวกที่ค้นหาตามสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักบนเกาะภูเกตก็ทำไป ส่วนการเช็คสัญญาณโทรศัพท์ก็จะต้องตรวจสอบตลอดเวลาว่ายังอยู่บนเกาะภูเกต ในที่สุดก็พบนายอังคารที่บริเวณท่ารถขนส่งจังหวัดภูเกต

นายอังคารถูกนำตัวไปสอบสวน แค่ถามไม่กี่คำถามก็รับหมด หลักฐานยืนยันชัดเจน ลืมบอกอีกว่าตอนที่นายอังคารนำบัตรเอ.ที.เอ็ม.ของนายเกรียงไกรไปกดถอนเงินก็ถูกกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพไว้อีก หลักฐานแน่นหนามาก และโดยเฉพาะนายอังคารไม่ได้เป็น คนร้ายอาชีพ เขาเป็นบุคคลผู้น่าสงสารผู้หนึ่ง เพราะความจำเป็นบังคับเขาจึงต้องกลายเป็นอาชญากร คุณเอ๋ย….การเป็นตำรวจนี่….ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งจริง อย่าเป็นดีกว่า ต้องพบกับนิยายเรื่องเศร้าเป็นประจำ

คำรับสารภาพของนายอังคาร

รู้จักกับนายเกรียงไกรที่จังหวัดลำปางโดยขณะนั้นตนเองเป็นพนักงานขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ส่วนนายเกรียงไกรเป็นนายธนาคารอยู่ที่ลำปาง ทั้งคู่สนิทสนมกัน นายอังคารเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี จากความสนิทสนมกลายเป็นความรักแบบต้องห้าม(พวกนิยมไม้ป่าเดียวกัน) นายอังคารต้องทำหน้าที่เป็นฝ่ายชายทั้งๆที่ตนเองก็มีครอบครัวและมีบุตรแล้ว แต่เพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้ “อังคาร”ต้องฝืนใจทำ ต่อมาเกรียงไกรได้ออกจากงานธนาคารไปประกอบอาชีพส่วนตัว เวลาเดียวกันกับ “อังคาร”ก็ต้องออกจากงานหางานใหม่ยังไม่ได้ จึงต้องกล้ำกลืนบากบั่นขอยืมเงินจากเกรียงไกร ๓๐,๐๐๐.-บาท โดยทำสัญญากู้เงินไว้ยอดเงิน ๔๐,๐๐๐.-บาท

ก่อนเกิดเหตุเกรียงไกรโทรศัพท์ทวงเงินที่กู้ยืมจาก “อังคาร”และบอกให้ไปพบที่ กทม.แล้วจะฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้ง เมื่อพบกันที่ กทม.แล้วเกรียงไกรก็ได้พา “อังคาร”ไป “ร่วมรัก”กันที่บ้านฉะเชิงเทรา โดยเดินทางด้วยรถยนต์คันที่พบจอดทิ้งที่หมู่บ้านนักกีฬา เดินทางไปถึงเป็นเวลากลางคืน ในบริเวณบ้านของเกรียงไกรมีบ้านอยู่หลายหลัง มารดาของเกรียงไกรพักอยู่อีกหลังหนึ่งในบริเวณรั้วเดียวกัน ในช่วงกลางดึกหลังจาก “ร่วมรัก”กันเสร็จแล้ว “อังคาร”พยายามทวงถามเอาสัญญาเงินกู้คืน เกรียงไกรไม่รักษาคำพูดที่ว่าเมื่อลงมาพบแล้วจะฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้งแต่ กลับบ่ายเบี่ยงว่า “อังคาร”จะต้องเลิกกับภรรยาและไปอยู่กับเกรียงไกร บอกแล้วไงบางคนยอมเล่นไม้ป่าเดียวกันเพราะความจำเป็นบังคับเช่นเดียวกับ “อังคาร”กำลังตกที่นั่งนี้อยู่ ความรักห่วงใยลูกเมียก็มี ไอ้เรื่องไม่มีจะกินก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง “อังคาร”นอนคิดอยู่จนตีสามของคืนนั้นประสาทตาค้างนอนไม่หลับ แต่เกรียงไกรหลับสนิทเสียงกรนมันบอก หลังจากคิดไปคิดมาหลายตลบว่าแล้ว “อังคาร”ก็ประเคนด้วยไม้หน้าสามลงบนศีรษะเกรียงไกรหลายครั้ง ไม่มีเสียงร้องสักแอะ จากนั้น “อังคาร”ก็เอาผ้าห่มนอนห่อตัวเกรียงไกรแบกลงไปใต้ถุนบ้าน (บ้านของเกรียงไกรทรงไทยใต้ถุนสูง) แล้วก็ขุดหลุมอย่างลึกฝังเกรียงไกรกลบดินเรียบร้อย และไม่ลืมที่จะเช็ดเลือดดูแลความเรียบร้อยจนไม่มีร่องรอยให้เห็น กว่าจะเสร็จก็เกือบสว่าง จากนั้น “อังคาร”ก็ขับขี่รถยนต์ของเกรียงไกรเข้ากรุงเทพฯแต่ผู้เดียว ผ่านด่านชำระเงินค่าผ่านทางเรียบร้อยขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๙ โมงเศษๆ จากนั้นได้ไปค้นเอาทรัพย์สินมีค่าของเกรียงไกรที่คอนโดในซอยลาซาล แล้วขับรถไปจอดทิ้งไว้ริมถนนในหมู่บ้านนักกีฬาท้องที่ สน.ประเวศ เหตุที่นำรถไปจอดทิ้งไว้ที่นั่นก็เพราะเมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่รู้เส้นทาง แล้วจึงได้นำบัตร เอ.ที.เอ็ม.ของเกรียงไกรไปถอนเงินสดที่ตู้ เอ.ที.เอ็ม.แถวเดอะมอลล์บางกะปิ

คดีนี้ก็ปิดลงอย่างสมบูรณ์ พยานหลักฐานแน่นหนา ผู้ต้องหารับสารภาพ ที่น่าเศร้าก็คือคุณแม่ของเกรียงไกรพยายามตามหาลูก ยิ่งพอได้ข่าวว่าพบรถยนต์จอดทิ้งไว้ยิ่งวิตกกังวลกลัวลูกจะเป็นอันตราย น่าเชื่อว่าความผูกพันทางวิญญาณมีจริง เกรียงไกรจึงได้เข้าฝันคุณแม่ว่าตนเสียชีวิตแล้ว คุณแม่ของเกรียงไกรต้องตรอมใจตายด้วยความคิดถึงลูก โดยไม่รู้สักนิดว่าศพลูกชายอยู่ใต้ถุนบ้านนั่นเอง.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์