บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ฤาจะถึงความเสื่อม
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ฤาจะถึงความเสื่อม
ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน หน่วยงานราชการต่างปรับตัว ลดความเป็นเจ้านาย เปลี่ยนสถานะเป็นผู้รับใช้ ให้บริการ เป็นเรื่องปกติถึงเวลาก็ควรปรับเปลี่ยน ถ้ายังช้าหรือปรับไม่ทันก็คงจะอยู่ลำบาก ตำรวจตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องส่วย ผู้เกี่ยวข้องควรปัดกวาดสระสาง ก่อนที่ประชาชนจะหมดศรัทธา
วันก่อนเจอเพื่อนสนิทคบกันมานาน คงหมุนตามกระแส พบหน้าก็ถาม “เฮ้ย... เป็นตำรวจมาจนเกษียณ มีผลงานอะไรประทับใจบ้างว๊ะ” นึกในใจ ถามแบบนี้มีเรื่องตอบเยอะ เขียนเป็นหนังสือได้หลายเล่ม ว่าแล้วก็สาธยายคดีต่างๆที่ทำมา ทั้งงานสืบสวนสอบสวน พิชิตคดีใหญ่ๆ คดีปล้น ฆ่า จับโจรเรียกค่าไถ่ คดีวิสามัญ เล่ายาวเป็นครึ่งค่อนชั่วโมง เพื่อนตั้งใจฟัง เล่าเหนื่อยจนต้องหยุด แล้วเพื่อนก็ถามกลับมา คำถามสะกดให้หยุดฝันบ้า พลิกหาคำตอบที่จะรับกับหัวคิดคนรุ่นใหม่ “ที่เล่ามา มันเป็นการปฏิบัติงานตามหน้าที่ซึ่งต้องทำอยู่แล้ว เพราะกินเงินเดือนของประชาชน เข้าจ้างมรึง” อ้าว.. ตายห่า หลงภูมิใจนึกว่าที่ทำไปสุดยอดแล้ว คนภายนอกกลับมองว่าเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่ คุ้มกับเงินเดือนที่รับทุกๆเดือนหรือไม่ วินาทีนั้นสมองเริ่มคิดหนัก ใช่ซิ ฝนตก แดดออก ร้อน หนาว สิ้นเดือนก็ได้รับเงิน ต่างกับกรรมกรรับจ้างหรือผู้ลงทุนอื่น ซึ่งพอถึงสิ้นเดือนหรือสิ้นวันอาจไม่ได้รับเงินยาไส้หรืออาจจะขาดทุน คำถามของเพื่อนยังก้องในสมอง “มีอะไรที่ประทับใจบ้าง?” ประทับใจในที่นี้น่าจะเป็นเรื่อง ประทับใจประชาชน บรรยากาศเริ่มเครียด การพูดคุยหมดสนุก เรื่องที่เราคิดว่าสุดแสนประทับใจกลายเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งคนที่มีหน้าที่พึงกระทำ คำตอบของผมในเวลานั้นคือการยิ้มรับ แล้วเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยใหม่
*คำว่า “ประทับใจ” ต้องเก็บมาคิดและทบทวน แบ่งเป็น ๑. ประทับใจตัวเอง ๒. ประทับใจคู่กรณี (ผู้เสียหาย และ ผู้ถูกกล่าวหา) ๓. ประทับใจนาย ๔. ประทับใจประชาชน และก็จะถึงบทสรุป ข้อไหนสำคัญกว่ากัน
ประทับใจตัวเอง เป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจ ฝังลึกในความทรงจำ นึกขึ้นมาก็เป็นสุข ปิติ เป็นนิมิตก่อนตายได้เลยทีเดียว
เรื่องแรก ได้ช่วยชีวิตคนๆหนึ่งที่พยายามฆ่าตัวตาย ครั้งที่รับราชการต่างจังหวัด มีตำรวจชั้นประทวนผู้หนึ่งแต่งกายนอกเครื่องแบบ พกอาวุธปืนพกที่เอว ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามถนนสาธารณะ มองเห็นอาวุธปืนชัดเจน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงเห็นเข้าจึงเรียกตัวมา สั่งลงทัณฑ์ทางวินัย ขัง 15 วัน ตำรวจผู้นี้รู้สึกอับอายเสียหน้า ค่ำวันนั้นขณะที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นร้อยเวร เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากห้องขัง “คนผูกคอตาย ๆ” สิบเวรไขประตูห้องขัง เข้าไปตัดผ้าขาวม้าที่ผูกคอแล้วลากตัวผู้ต้องขังที่ผูกคอออกมา เป็นตำรวจที่ถูกขังเรื่องอาวุธปืน สภาพนอนหงายไม่ได้สวมเสื้อ ตัวเย็นเฉียบ ใบหน้าซีดขาว ตาปิดสนิท จับชีพจรไม่เป็นใช้หูแนบฟังที่หัวใจ หยุดเต้นแล้ว ถึงเวลาที่จะโชว์สิ่งที่ร่ำเรียนมาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นั่งคุกเข่าเหนือศีรษะ จับมือตำรวจทั้งสองข้างดึงเหยียดตรงเหนือหัว นับ 1-2 รวบมือทั้งสองข้างกดที่ลิ้นปี่ กระแทกอย่างแรง นับ 1-2-3 แล้วดึงแขนขึ้นเหนือหัวอีก ทำวนเวียนอยู่แบบนี้ประมาณ 10 ครั้ง ตำรวจเริ่มบิดตัวแล้วลืมตา ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยืนดูผมแสดงประมาณ 4- 5 คน ปรบมือ “ฟื้นแล้ว ๆ” ส่วนตำรวจที่ผมช่วยเหลือมองหน้าผมแล้วพูด “หมวด.. ช่วยผมไว้ทำไม” ผมไม่ได้โต้ตอบ เดินยิ้มออกไปพร้อมความรู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยชีวิตคน ดีใจที่วิชาที่ร่ำเรียนมาใช้ได้ผล แม้จะไม่ได้รับความขอบคุณแต่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ปิติยินดีจนทุกวันนี้
เรื่องที่สอง ช่วยชีวิตมนุษย์ให้พ้นจากขุมนรก สมัยที่ย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด ที่นั่นมีซ่องโสเภณี มีเป็นสิบๆ มีผู้หญิงขายบริการเป็นร้อย ผมนำกำลังไปทลายซ่อง สอบสวนใครถูกหลอกลวง ถูกบังคับขายประเวณี ส่งกลับภูมิลำเนา ดำเนินคดีกับเจ้าของซ่อง ญาติพี่น้องของผู้หญิงที่ได้รับการช่วยเหลือมาขอบคุณหลายสิบครอบครัว เป็นผู้ที่เรารู้จักก็มี
เรื่องที่สาม ครั้งที่รับราชการอยู่กองสืบสวนในนครบาล คดีที่เป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่งในเวลานั้นคือ โจรจักรยานยนต์ที่คอยดักตามผู้ที่เบิกเงินจากธนาคาร เมื่อผู้เสียหายเดินทางไปถึงจุดที่เปลี่ยวโจรจักรยานยนต์ก็จะเข้าไปชิงเอาเงิน คดีเกิดขึ้นแทบจะทุกวัน สืบสวนจนทราบแก๊ง หัวหน้าเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง จะไปคอยสังเกตการณ์ในธนาคาร เมื่อพบลูกค้าธนาคารรายใดเบิกถอนเงินจำนวนมากๆก็จะเดินตาม ส่งสัญญาณให้แก๊งรถจักรยานยนต์ที่คอยหน้าธนาคารสะกดรอยตามไปชิงทรัพย์ เมื่อการสืบสวนได้ความแน่ชัดก็เริ่มปฏิบัติการ โดยสะกดรอยตามสามีภรรยาหัวหน้าแก๊งไปจนถึงธนาคาร ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของคนร้าย ชุดสืบสวนแยกประกบ ชุดหนึ่งติดตามผู้เสียที่เบิกเงินซึ่งคนร้ายชาย 2 คนขับจักรยานยนต์ตาม จนกระทั่งคนร้ายลงมือใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ผู้เสียหายซึ่งเดินทางด้วยรถยนต์ ชุดสืบสวนที่ติดตามไปวิสามัญคนร้ายไป 2 ศพ ส่วนผมนำทีมเข้าจับกุมหัวหน้าแก๊ง ได้รับรายงานทางวิทยุว่าทีมแรกวิสามัญคนร้ายไปแล้ว สองสามีภรรยารู้ตัวจะถูกจับ วิ่งหนี ผู้หญิงล้ม ลูกน้องผมไวมากกระชากปืนจ่อจะยิง ผมรีบคร่อมตัวผู้หญิงไว้แล้วร้องห้าม ผู้หญิงรอดตาย พบว่าผู้หญิงหัวหน้าแก๊งกำลังมีท้อง เท่ากับผมได้ช่วยไว้ 2 ชีวิต (สองสามีภรรยาถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่น ต่อมาเมื่อพ้นโทษพบกันโดยบังเอิญ ผมเข้าไปทักว่าจำได้ไหมครั้งนั้นเคยช่วยชีวิตไว้ เธอจำได้ ยกมือไหว้แล้วกล่าวคำขอบคุณ ส่วนรายอื่นๆไม่เคยได้รับความขอบคุณ แต่ผมก็รู้สึกเป็นสุขที่ได้ช่วยชีวิตคน)
ช่วยชีวิตคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันเรียกค่าไถ่ สมัยที่รับราชการอยู่กองสืบสวนตำรวจนครบาลใต้ พวกเราทำงานกันเป็นทีม แต่ละทีมทำงานสอดประสานอย่างมีทักษะ ถึงลูกถึงคน รวดเร็วแม่นยำ ถ้าทำงานช้าหรือผิดพลาดย่อมหมายถึงชีวิตของตัวประกัน ที่จำได้มี ๔ คดี พลาดไป ๑ ตัวประกันเป็นเด็กอายุ ๖ ขวบถูกฆ่า ผู้ต้องหาถูกจับได้ ๒ คน ถูกยิงเป้า อีกคนหลบหนียังจับไม่ได้ ส่วนอีก ๓ คดีตัวประกันรอดปลอดภัย
*คดีช่วยตัวประกันที่ประทับใจ ราย ด.ช.ตี๋ วรวิทย์ฯ ทีมปฏิบัติงานชุดใหญ่ ประมาณ ๒๐ คน ภายใต้การควบคุมของ พ.ต.อ.โสภณ วาราชนนท์ (ผกก.สส.น.ใต้) ยศและตำแหน่งขณะนั้น เป็นคดีที่ยุ่งยากซับซ้อนเพราะคนร้ายแบ่งหน้าที่กันทำและคนร้ายจะรู้เฉพาะงานในหน้าที่ของตนเท่านั้น ในที่สุดก็สามารถช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างปลอดภัย *ความภูมิใจอยู่ที่วันหนึ่งมีข้อความเข้ามาใน web site http// www.angkul007.com ด.ช.วรวิทย์ฯผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ เติบโตเป็นใหญ่ ทำธุรกิจ พบเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเขาในบทความ “รู้ไม่ไม่ตายโหง” ซึ่งผมเขียนลงใน Internet คุณวรวิทย์ฯบอกว่า ตัวเขางงไปหมดไม่ทราบว่าอะไรได้เกิดขึ้นกับชีวิตของเขา คุณพ่อคุณแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว เขาอยากจะฆ่าตัวตาย ผมบอกว่าอย่าทำเลยชีวิตคุณเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ และได้บอกให้ไปค้นรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ฉบับใหญ่ๆที่หอสมุดแห่งชาติ แล้วจะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับคุณ (บอกวันเดือนปีไป) ต่อมาผมก็ได้รับคำขอบคุณจากคุณวรวิทย์ฯ
๒. เรื่องที่ประทับใจคู่กรณี ตำรวจแต่ละคนมีเรื่องสร้างความประทับใจและความเกลียดชังให้กับคู่กรณีทุกวัน ตั้งแต่เริ่มรับราชการจนถึงวันเกษียณอายุ ทุกเรื่องที่เข้ามามีคู่กรณีทั้งนั้น ตำรวจคือกรรมการ การตัดสินก็ต้องว่าไปตามหลัก ตามระเบียบ ตามกฎหมาย ทุกคนต่างเข้าข้างตนเอง ไม่เคยมีใครที่จะรับว่าตนผิด ถึงแม่จะผิดจริงก็ยังแค้นอยู่ดี *มักจะพบอยู่เสมอว่าตำรวจถูกลอบฆ่า บางรายเก็บความแค้นรอจนกว่าเกษียณแล้วถูกฆ่าก็มี *ฉะนั้น ท่านที่เป็นตำรวจอยู่ จงทำงานในหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ยึดความถูกต้องเป็นธรรมเป็นหลักและต้องสร้างความเข้าใจให้กับคู่กรณี อย่าปล่อยให้ค้างคาใจเด็ดขาด
๓. เรื่องประทับใจนายนี่สำคัญ ถ้าหวังเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานต้องศึกษา อ่านนายให้ออก นายบางคนชอบเรื่องงาน จัดงานใหญ่ๆให้ไปแล้วเอานายออกหน้า ให้นายได้แถลงข่าว มีชื่อในหนังสือพิมพ์ อย่าได้เป็นพระเอกเสียงเอง นายบางคนชอบเงิน ชอบหญิง ก็จัดคละๆกันไปให้ดูแนบเนียนเป็นธรรมชาติ อีกเรื่องที่สำคัญ อย่าไปขัดผลประโยชน์ของนาย
ครั้งหนึ่งเคยคึกคะนอง อะไรผิดกูจับ แม้จะมีคนกระซิบ เฮ๊ย เขาส่งนาย ไม่สนจับลูกเดียว วันหนึ่งมีลูกน้องกระซิบ “สารวัตรถูกเสนอชื่อย้ายนะ” เราก็ไวเหมือนกัน เข้าหานายใหญ่ที่มีอำนาจเหนือกว่า เล่าความจริงให้ฟัง รอดย้ายแต่เข็ดเลย มีเพื่อนๆมากระซิบ พานายไปทานอาหารดีๆบ้างซี อือ...เรานี่ขาดความรู้เรื่องการเมืองไปจริงๆ จากนั้นความสัมพันธ์กับนายก็เกิด สังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้กับนายเมื่อมีโอกาส ปีใหม่ วันเกิด ของขวัญของฝากไม่เคยขาด
๔. เรื่องประทับใจประชาชน สมัยนี้ต้องดูกระแสแล้วจับให้ถูก มีกองทัพสื่อหนุนโดยเฉพาะ social media ทำให้เนียน ให้ดูเป็นธรรมชาติ ขนาดช่วยลูกหมาตกน้ำยังดังไปทั่วประเทศ ดูให้พอดีๆ อย่าบ่อยซ้ำซาก คนจะหมั่นไส้
*สรุปท้าย อ่านมาตั้งนานแล้วได้อะไร? มีสมองก็คิดเองบ้างซี ที่พูดมาทั้งหมดล้วนเป็น ปริศนาธรรม ใครเข้าถึงก็บรรลุ ใครไม่รู้เรื่องก็จงไถนาต่อไปละกัน.

"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์