บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ปริศนาผู้กองหนุ่ม
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ปริศนาผู้กองหนุ่ม
บางครั้งคำพูดของคนใกล้ชิด ทำให้เกิดกำลังใจ เกิดความกล้า ฮึกเหิม รู้สึกมั่นใจ กล้าตัดสินใจ แม้ภายหลังจะรู้ว่ามันไม่ได้มีอยู่จริงแต่ทุกอย่างก็สำเร็จไปด้วยดี เป็นจิตวิทยาอันล้ำลึก
ระหว่างปี 2525-2530 ผมออกจากราชการ ไปทำงาน เป็นชุดสืบสวนให้กับธนาคารมีชื่อแห่งหนึ่ง รวบรวมเอาตำรวจมีฝีมือที่ถูกออกจากราชการไปทำงานด้วยประมาณ 10 คน สืบสวนคดีที่ธนาคารฯถูกฉ้อโกง ส่วนใหญ่จะมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารฯร่วมด้วย สามารถคลี่คลายคดีความเสียหายมากๆ จับกุมผู้กระทำผิดได้นับสิบราย เป็นผลดีต่อธนาคารฯจนได้รับรางวัล
ต่อมาปี 2530 กลับเข้ารับราชการอีกครั้ง มองเห็นช่องทางทำเงินได้ผลงาน ตั้งบริษัทนักสืบ รับงานสืบสวนจับกุมตามหมายจับ ได้ผลงานและได้เงินช่วยค่าใช่จ่ายในการสืบสวนด้วย เพราะหมายจับส่วนใหญ่จะมีเงินสินบนรางวัล “หนุ่ม” (ณัฐภาส ปิติสานต์) เข้ามาทำงานโดยการแนะนำของลูกน้อง ข้อมูลเบื้องต้นของหนุ่มฯทราบเพียงว่าเคยเป็นนักเรียนนายร้อยแต่ถูกออกกลางคันเพราะเกเร เป็นคนมีหลักการและมีทักษะในการสืบสวน สามารถจับกุมคนร้ายตามหมายจับได้มากมาย คดียากๆข้อมูลมีเพียงน้อยนิดก็ยังจับได้ เหลือเชื่อจริงๆ สิ่งหนึ่งที่หนุ่มฯมีคือ มีความอึด ไม่ละความพยายาม มีความอดทนเกินตำรวจธรรมดา
คดีพยายามฆ่า ผู้กระทำผิดหลบหนี ตำรวจตามจับมาเป็น 10 ปียังไม่ได้ตัว มีรางวัล 50,000.- บาท โยนให้หนุ่มทำเป็นคดีแรก ค่าใช้จ่ายผมเป็นคนลงทุน
1.ดักฟังโทรศัพท์ สมัยนั้นยังไม่มีโทรมือถือ ส่วนใหญ่จะใช้เบอร์ 02 การดักฟังง่ายแต่ลงทุนเยอะ หาเช่าบ้านใกล้ๆเป้าหมาย เลือกจุดที่ใกล้กับตู้เขียวจุดรวมโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่โทรศัพท์ให้ความร่วมมือ ช่วยเช็คหมุดโทรศัพท์แล้วโยงสายเข้าบ้านเช่า ใช้โทรแบบมี Speaker phone ได้ข้อมูลคนร้ายอยู่ต่างจังหวัด โทรหาภรรยาและลูก ภรรยาทำงานราชการโอนเงินให้สามีใช้ สามีถอนเงินโดยบัตร ATM *ข้อมูลแค่นี้ก็สบายผู้กองหนุ่มแล้ว
2.ตรวจสอบหาเบอร์ที่โทรเข้าเพื่อทราบตำแหน่ง ตรวจสอบยาก จะตรวจสอบได้ต้องทำหนังสือราชการ ขอ monitor เครื่องเป้าหมาย ยุ่งยาก
3.ตรวจหาบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหา ทำหนังสือราชการขอตรวจสอบไปยังธนาคารใหญ่ๆ ในที่สุดก็พบ
4.ตรวจสอบการใช้บัตร ATM ของผู้ต้องหา พบว่าใช้ในการถอนเงินจากสาขาของธนาคารแห่งหนึ่งที่นครศรีธรรมราช
5.ผู้กองหนุ่มฯต้องย้ายฐานไปอยู่นครศรีธรรมราช เพื่อดักเฝ้าตู้ ATM ที่ผู้ต้องหาเคยมาถอนเงิน
*เพียง 5 ขั้นตอนนี้ผมก็หมดเงินไปหลายหมื่นแล้วนะครับ
การจับกุมคนร้าย เอกสารที่นักสืบทุกคนต้องมีติดตัวไปคือ หมายจับและภาพถ่ายคนร้าย
ผู้กองหนุ่มฯมีหัว แทนที่จะเฝ้าตู้ ATM รอเวลาผู้ต้องหามาเบิกเงิน กลับคิดอีกแบบนึง ไปสร้างความคุ้นเคยกับร้านค้าที่อยู่ใกล้เคียงกับสาขาธนาคาร เอารูปผู้ต้องหาให้ดูพร้อมสร้างเรื่องโกหกสารพัด ในที่สุดก็พบคนที่สามารถให้ข้อมูล พบว่าผู้ต้องหาไปทำไร่อยู่ห่างไกลจากสาขาธนาคารไปประมาณ 10 กม.
ผมพร้อมกำลังส่วนหนึ่งเดินทางไปนครศรีธรรมราช ขอความร่วมมือจากตำรวจท้องที่ เข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ที่กระท่อมบ้านพักในสวน นำส่งดำเนินคดีที่ สน.บางซื่อ ท้องที่ๆเกิดเหตุ
*นี่เป็นเพียงการสืบสวนจับกุมคนร้ายเพียงคดีเดียว ต้องใช้มันสมอง ใช้เงิน มากมาย สำหรับหนุ่มฯ สืบสวน จับกุมคนร้ายอีกเป็นสิบๆคดี แต่ละเรื่องใช้เล่ห์เหลี่ยมและเทคนิคแตกต่างกันไป นี่คือความสามารถและความพยายาม จนตำรวจลูกน้อง (ตำรวจจริงๆ) ให้สมยา “ผู้กองหนุ่ม”
*วันหนึ่งก็มีโทรศัพท์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งถึงผม บอกว่ามีญาติป่วยรอรับความช่วยเหลือที่โรงพยาบาล ผมรีบไป พบผู้กองหนุ่มฯนอนหมดสติอยู่บนเตียง (ฟุบไปเนื่องจากหลอดเลือดหัวใจตีบ พลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาล) สมัยนั้นต้องมีญาติแสดงตัวและจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนหนึ่งก่อน ผมรับรองเป็นเจ้าของคนไข้รูดบัตรเครดิตเป็นค่ารักษาพยาบาล ไอ้หนุ่มฯรอดตาย จากนั้นไอ้หนุ่มฯรักนับถือผมเหมือนพ่อ (พ่อจริงของหนุ่มฯตายและต่อมาแม่ก็ตายตาม) หนุ่มฯอาศัยอยู่กับน้อง เป็นตึกแถว 1 คูหา ย่านใกล้เคียงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผมซื้อรถจักรยานยนต์ให้หนึ่งคัน หนุ่มพึงพอใจมาก เขาใช้รถจักรยานยนต์คันนี้ไปทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศ เป็นที่น่าอัศจรรย์ ไปใช้ชีวิตที่หาดใหญ่ ที่นราธิวาส ไปอาศัยกับพระที่วัดแห่งหนึ่งที่ขอนแก่น ใช้ชีวิตเร่ร่อนไปกับมอเตอร์ไซด์
เรามีความสนิทสนมกันมากขึ้นๆ หนุ่มฯมักจะหาโอกาสมาพบผมเสมอๆ ทุกครั้งจะมีเรื่องเล่าสนุกๆให้ผมได้สบายใจ คลายความเหงา เคยเล่าถึงเรื่องที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกา ต้องทนต่อสู้กับความยากลำบาก สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ภรรยาเป็นแหม่ม มีลูกด้วยกัน 1 คน หนุ่มฯอยากจะตามหาภรรยาและลูก เรื่องเหล่านี้ทำให้คนสูงวัยอย่างผมสงสารและอยากจะช่วย ทุกวันจะมาชวนคุยให้คลายเหงาแล้วลากลับไปพร้อมกับขอเงินค่ากินค่าน้ำมันรถ
หนุ่มฯมีจิตวิทยาขั้นสูง จะชวนพูดคุยให้เกิดกำลังใจ ทุกอย่างมีแต่คิดบวกและสามารถทำได้ บางอย่างเป็นปรัชญาให้คิด หนุ่มฯบอกว่า “สักวันหนึ่งท่านจะต้องใช้ชีวิตเดี่ยว ความเหงาความเศร้าจะเข้ามาเกาะกินจิตใจ เมื่อถึงวันนั้นท่านต้องเข้มแข็ง และผมจะอยู่เป็นเพื่อนท่าน” (ไอ้หนุ่มจับจุดคนแก่ถูก ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอยู่กับภรรยา รักใคร่กันดีแบบเพื่อนตาย ไปไหนไปด้วยกัน แต่สักวันหนึ่งก็คงไม่พ้นต้องใช้ชีวิตเดี่ยว) ไอ้หนุ่มฯมาพูดให้เศร้า ไอ้หนุ่มยังพูดต่อ “ก่อนพ่อจะตาย เห็นพ่อนอนหนุนตักแม่ แม่เอามือโอบกอบแล้วลูบผมพ่อ” ผมบอก “ไอ้หนุ่ม มึงหยุด” แต่ในใจผมอยากจะร้องไห้
ไอ้หนุ่มฯพูดให้เกิดความหวังยามที่เราแก่และเงินลดน้อยลง ไอ้หนุ่มฯบอกว่าย้อนหลังไปประมาณ 30 ปี ตอนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ภาคใต้ เขาได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งยักยอกเงินของกลางซึ่งบรรจุอยู่ในท่อ PVC เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหกนิ้ว ยาวประมาณหนึ่งวา จำนวน 5 ท่อ เอาไปฝังดินไว้ที่บ้านเพื่อนที่นราธิวาส โดยโบกซีเมนต์กันน้ำซึมเข้าอย่างดี เมื่อปีใหม่ 2566 เพิ่งขุดขึ้นมา 1 ท่อ เป็นทองคำเม็ด หนักประมาณ 10 กรัม เพื่อนเอาไปหลอมที่มาเลย์เซีย กำลังวางแผนที่จะขุดอีก 4 ท่อ
ผมเช็คข้อมูลกับเพื่อนที่เป็นอดีต สส.นราธิวาส ได้ความว่ามีการจับกุมคดียาเสพติดที่นราธิวาส มีการยักยอกเงินของกลางที่ยัดใส่ท่อ PVC ไปจริง มูลค่าที่ถูกยักยอก 95 ล้านบาท เอาละซี ที่ไอ้หนุ่มฯพูดมันของจริงนี่ เอายังไงดี จะจัดการแบบถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายดี (กำลังใช้สมอง)
*เมื่อ 25 มีนาคม 2566 ประมาณ 22.30 น. ขณะที่ผมกับภรรยากำลังร้องคาราโอเกะเต้นรำอย่างสนุกสนาน เสียงโทรศัพท์ดัง ไอ้หนุ่มโทรมา “ท่าน.. ช่วยผมด้วย ผมไม่ไหวแล้ว...” (เท่าที่ทราบไอ้หนุ่มฯเส้นเลือดหัวใจตีบ ตามมาด้วยหลอดเลือดสมองตีบ เป็นอัมพฤกษ์) อารมณ์สนุกติดพัน โทรไปยังหน่วยช่วยเหลือฉุกเฉิน (เลข 4 ตัว) แล้วยังโทรไปยังกลุ่มจิตอาสาให้ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล จากนั้นก็โทรหาไอ้หนุ่มทุก 5 นาที ประมาณ 5 ครั้ง ไม่มีคำตอบ ในใจคิดว่าหน่วยช่วยเหลือฉุกเฉินคงนำส่งโรงพยาบาลหรือไม่ญาติพี่น้องที่อยู่ด้วยกันคงนำส่ง รุ่งขึ้นผมโทรสอบถามที่หน่วยช่วยฉุกเฉินเกี่ยวกับเรื่องนำไอ้หนุ่มส่งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกไม่มีข้อมูล โทรไปตามโรงพยาบาลต่างๆเช็คชื่อผู้ป่วย ไม่มีชื่อไอ้หนุ่ม
วันที่ 2 เม.ย.2566 ตอนบ่ายมีโทรศัพท์แจ้ง ไอ้หนุ่มตายกำลังทำพิธีฌาปนกิจที่เมรุวัดมะกอก รีบไปเผาเกือบไม่ทัน ไปถึงเมรุไฟกำลังลุกโชน ไอ้หนุ่มเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
คุยกับญาติ มีน้องของแม่ ลูก และน้องชาย ปรากฏว่าพักอยู่บ้านเดียวกัน คนละชั้น คนละห้อง ไม่มีใครรู้ว่าไอ้หนุ่มตาย จนกระทั่งกลิ่นศพเน่าโชยมาจึงทราบ
ผมย้อนเวลา ไอ้หนุ่มคงขาดใจตายตอน 22.30 ของวันที่ 25 มีนาคม 2566 ได้กลิ่นและพบศพ 1 เม.ย.2566 *ปิดตำนาน ผู้กองหนุ่มไปพร้อมกับปริศนา เงิน ทอง ยัดท่อ PVC ที่ยังไม่ได้ขุดอีก 4 ท่อ *ผมจะทำยังไงดี.

"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์