ทุกอย่างมีที่มาที่ไป
ชีวิตไม่ได้เดินตามพรหมลิขิต เป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า หลายคนงงว่าผมเป็นตำรวจแล้วไปเล่นหนังประกบพระเอกดังอย่าง สรพงษ์ ชาตรี ได้ยังไง ตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายไม่ดัง คนยังไม่ค่อยรู้จัก เรียกว่า หนังไม่ทำเงิน เอาที่ชื่อเรื่องก่อนละกัน 1+1 ฉึ่งแหลก ฟังชื่อเรื่องแล้วรู้สึกว่าเชยๆ เอาเถอะมันเป็นเรื่องของผู้อำนวยการสร้าง เงินของเขาเราไม่เกี่ยว ฉายครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์เพชรรามา ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อยู่ได้แค่สัปดาห์เดียวก็ถูกถอดออกจากโปรแกรมเพราะไม่ทำเงิน ผมมีโอกาสเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ รอบนั้นมีคนดูประมาณ 15 คน เป็นครอบครัวของผมซะ 4 คน นึกในใจว่าเจ๊งแน่ แต่ปรากฏว่าออกฉายโรงหนังต่างจังหวัดพอทำเงิน คนดูหนังก็ยังงง อังกูร เป็นใครกันว๊ะ (ภาพยนตร์ไทยสมัยนั้นขายดารา พอเห็นชื่อหนังแล้วจะดูว่าดาราแสดงนำเป็นใคร) ชื่อหนังก็เฉิ่มๆ ผู้แสดงนำ สรพงษ์ ชาตรี คุณวรรณิศา ศรีวิเชียร ลินดา ค้าธัญเจริญ เกชา เปลี่ยนวิถี ฤทธิ์ ลือชา ลักษณ์ อภิชาติ เป็นนักแสดงมีชื่อ มีผลงาน หรือว่าผมเป็นตัวถ่วง หน้าใหม่นอกวงการ ไม่มีผลงานปรากฏ แต่เพราะผมแสดงหนังเรื่องนี้ทำให้สามารถคลี่คลายคดีดังสำเร็จได้ (คดีลักทรัพย์สลากกินแบ่งที่ถูกรางวัลที่ 1 มูลค่า 12 ล้านบาท เหตุเกิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คดีค้างคาอยู่ที่กองปราบปรามหลายปีไม่จบ หาประจักษ์พยานไม่ได้ พอผมย้ายไปอยู่กองปราบฯทำคดีนี้ต่อ หนังสือพิมพ์ประโคมข่าว มีพลเมืองดีจากหาดใหญ่โทรหา บอกว่ารู้จักผมจากภาพยนตร์ 1+1 ฉึ่งแหลก และได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคดี ทำให้สำนวนนี้สำเร็จสามารถสรุปส่งอัยการฟ้องคดีได้)
ผมโดดไปเล่นหนังได้ยังไง ปกติถ้ารับราชการอยู่จะไปแสดงหนังต้องขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ไม่งั้นผิดวินัยถึงขั้นถูกตั้งกรรมการสอบสวนทีเดียว *เรื่องมันมีที่มาที่ไป ตอนปี พ.ศ.2525 ผมถูกให้ออกจากราชการ เรื่องถูกกล่าวหาว่าพาผู้ต้องหาคดีอาญาสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ ผลการสอบสวนวินัยไปผิดที่ ออกนอกประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงถูกให้ออกอย่างเดียว ถ้าฟังได้ว่า พาผู้ต้องหาคดีอาญาหลบหนี จะต้องถูกดำเนินคดีขึ้นโรงขึ้นศาลด้วย พอถูกให้ออกจากราชการไม่ถึงเดือน คุณชาตรี โสภณพนิช ก็เชิญให้ไปทำงานที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด เป็นตำรวจแบ๊งค์โก้ไปเลย ผมไปตั้งหน่วยสืบสวนขึ้นที่ธนาคารกรุงเทพ รับลูกน้องตำรวจมีฝีมือที่ถูกกรมตำรวจไล่ออก (เพราะมีฝีมือมากเกินไป) ไปไว้ 10 กว่าคน สืบสวนจับกุมคนร้ายคดีฉ้อโกงทรัพย์ที่ธนาคารเป็นผู้เสียหายได้หลายสิบคดี มีโอกาสเดินสายบรรยายวิธีการสืบสวนให้กับสมาคมธนาคารไทยและบุคลากรของธนาคารต่างๆ นับว่าได้ไปสร้างชื่อเสียงของตำรวจในแวดวงธนาคาร พอปี พ.ศ.2530 ผมก็ขอกลับเข้ารับราชการตำวจอีกครั้ง
*ช่วงนั้น เสี่ยเจียงแห่งค่ายหนัง สหมงคลฟิล์ม จะสร้างหนังเรื่อง ไอ้ม้าซาดิส เค้าโครงจากเรื่องจริงที่พยาบาลสาวถูกฆ่าข่มขืน รณ ฤทธิชัย ถูกวางตัวเป็นผู้แสดงนำที่เป็นคนร้ายฆ่าข่มขืนพยาบาล ส่วนพระเอกที่เป็นตำรวจผู้สืบสวนคดีนี้ยังหาตัวไม่ได้ ทีมงานสร้างภาพยนตร์คัดดาราชายมาเล่นบทเป็นนายตำรวจ แต่ไม่เป็นที่พอใจผู้อำนวยการสร้างเพราะดูยังไงก็ไม่มีความเป็นตำรวจ มีแมวมองเสนอให้เอาตำรวจจริงมาฝึกการแสดง ผมจึงถูกเสนอตัว เป็นที่พอใจ จากนั้นก็เข้าสู่โรงเรียนการแสดงของค่ายสหมงคลฟิล์ม โดยมีอาจารย์ คิด สุวรรณศร เป็นผู้ฝึกสอนเทคนิคการแสดงต่างๆ จนจบหลักสูตร พอจะเริ่มการถ่ายทำเรื่อง ไอ้ม้าซาดิส ปรากฏว่าแม่ของพยาบาลที่ถูกฆ่าข่มขืนไม่อนุญาตให้นำเรื่องไปสร้างเป็นภาพยนตร์ โครงการก็เลยต้องพับ ผมก็เลยได้ความรู้และเทคนิคการแสดงติดตัวไป
วันหนึ่งกลับจากทำงานที่ธนาคารกรุงเทพถึงบ้าน ได้รับจดหมายจากคนที่นับถือ ให้นำเครื่องแบบตำรวจและชุดลำลองเดินทางไปเขาค้อ เพชรบูรณ์ จะให้เล่นหนังกับสรพงษ์ฯ รู้เพียงแค่นี้ก็ลางาน เดินทางเดี่ยวไปเลย กว่าจะหากองถ่ายพบเล่นเอาเหนื่อย ดูเขาถ่ายฉากอื่นๆไปพลางก่อน ตื่นเต้นและได้ความรู้มากมาย ทุกคนรับบทแล้วก็ใส่กันเลย ไม่ต้องมากำกับท่าทางเพราะทุกคนผ่านการแสดงมาโชกโชน สำหรับผมเพิ่งจบหลักสูตรการแสดงมาหมาดๆและเล่นบทที่ถนัด (ตำรวจ) ก็เลยเบาใจผู้กำกับ รับบทมาอ่านให้เข้าใจ เล่นไปตามบท แอ็กชั่นต่างๆอยู่ที่ตัวเราเพียงให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง การถ่ายทำผ่านฉลุย โดยเฉพาะฉากที่ชกต่อยกับสรพงษ์เป็นคิวสด ล่อกันม้วนเดียวจบไม่มีถ่ายซ้ำ มีพลาดฟกช้ำทั้งคู่ ผู้กำกับพอใจ เวลาถ่ายทำหนังมีชาวบ้านมามุงดูเป็นร้อย เป็นการโฆษณาหนังไปในตัว หนังเรื่องนี้จึงทำเงินเมื่อออกฉายต่างจังหวัด ถามถึงค่าตัว นิดหน่อย ความจริงไม่ต้องการด้วยซ้ำเพราะอยากดัง
พอหนังเรื่องนี้ออกฉายก็เริ่มเป็นที่หมายตาของผู้กำกับหนังค่ายอื่นๆ เรื่องไหนมีบทตำรวจจะเรียกอังกูร ไม่ใช่แสดงดีแต่เพราะไม่เรียกค่าตัว เลยได้แสดงหนังไทยอีก 4 เรื่อง คือ 1. ทะนง ประกบกับ ลิขิต เอกมงคล กรุงศรีวิไล พันนา ฤทธิไกร หม่ำจ๊กม๊ก, 2. เหตุเกิดที่ห้องไอซียู ประกบกับอภิชาต หาลำเจียก พิศมัย วิไลศักดิ์, 3. สะไภ้เถื่อน เจอกับสรพงษ์ฯเจ้าเก่าและ จารุณี สุขสวัสด์ 4. ฆ่าด้วยเสน่หา กับฉัตรชัย เปล่งพานิช และได้เข้าฉากร่วมการแสดงภาพยนตร์จีน 1 เรื่อง (จำชื่อเรื่องไม่ได้ เรื่องนี้ไปดังที่อเมริกา รับบทตำรวจสืบสวนกรณีหนุ่มสาวชาวจีนมาเที่ยวเมืองไทยแล้วหายตัวอย่างลึกลับ)
ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เพราะฟ้าลิขิต
ปล. ที่เขียนเรื่องนี้เพราะรำลึกถึงเพื่อนรักนักแสดงที่เสียชีวิต โดยเฉพาะ ลินดา ค้าธัญเจริญ เป็นเป็นนักแสดงที่มากความสามารถจริงๆ เล่นได้ถึงบท แถมสวยและหุ่นดี สงสารมากเมื่อทราบว่าเธอป่วยนอนติดเตียงอยู่หลายปี ขอให้เพื่อนจงไปสู่สุขคติ ครับ.