รู้เรื่องเมืองไทย
วันก่อนมีตำรวจมาปรึกษา อยากได้ตำแหน่งทำไง มีตังแต่วิ่งไม่เป็น โถ..ไอ้น้องมันหมดสมัยแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแต่ลานซีเมนต์ ล้างสะอาดไม่มีฝุ่น วิ่งให้ตายฝุ่นก็ไม่ตลบ แถมอาจตีนพลิก มีเงินก็ควรเก็บไว้เลี้ยงครอบครัว คนไม่เป็นมันก็ไม่เป็นจริงๆ ทำให้นึกถึงสมัยเรียนที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจมีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนวิชา รู้เรื่องเมืองไทย ขอบคุณอาจารย์ จำชื่อท่านไม่ได้ ความรู้จากท่านนำมาใช้ได้จนทุกวันนี้ ตำแหน่งหน้าที่การงานมิได้ซื้อด้วยเงินทอง กฎระเบียบเขียนชัดเจน แก้แล้วแก้อีกจนได้ความเป็นธรรมที่สุดอย่างที่ใช้อยู่ปัจจุบันนี้ แต่ก็มีแหกกฎบ้างขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจขณะนั้น มึงเขียนมากูก็ลบได้ กูมีอำนาจ
ยกเรื่องจริงมาเป็นอุทาหรณ์ ตำรวจบ้านนอกคนหนึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับผู้มีอำนาจแต่งตั้ง รับราชการอยู่ไกลปืนเที่ยงได้เมียเป็นเศรษฐีชาวสวน มีเงินเป็นร้อยล้าน วันหนึ่งเข้ามาหาเพื่อนผู้มีอำนาจในเมือง เอาเงินใส่ถุงใหญ่กะประมาณสัก 10 ล้าน วางบนโต๊ะทำงาน บอกเพื่อนอยากได้ตำแหน่ง ถูกด่าสวน ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อนกูจะส่งเข้าตะราง มึงเก็บถุงของมึงออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้ ความเป็นเพื่อนขาดสะบั้นเพราะ ไม่รู้เรื่องเมืองไทย
เรื่องนี้มันสอนกันยาก ถ้ามีสมองก็คงจะคิดได้ สมัยรับราชการใหม่ๆก็เคยลืมตัวเหมือนกัน คิดว่ามีอำนาจหน้าที่ ใครทำผิดกูจับ ไม่ดูตาม้าตาเรือ ลูกน้องที่ไปด้วยกระซิบ ที่นี่เขาส่งนายนะหมวด ไม่รู้โว้ยไม่เห็นนายคนไหนบอกนี่หว่า บ้างานสถิติจับกุมสูงแต่ไม่เคยได้ขั้นพิเศษ วันหนึ่งมีพรายกระซิบ หมวดๆรู้ตัวเปล่าถูกเสนอย้าย โชคดีที่รู้จักนายระดับสูงซึ่งเป็นตนตงฉิน เข้าไปพบเลย บอกว่าถูกเสนอย้าย ขนาดเป็นเจ้านายที่คุ้นเคยยังโดนขึ้นเสียงฉุน รู้ได้ยังไง ได้ทีก็สาธยายร่ายยาว ไปจับพวกอบายมุข บ่อนการพนัน สถานบริการ ผิดเป็นจับ อ้างว่าจ่ายเงินให้นาย ผมไม่เชื่อ เจ้านายมองหน้าแล้วบอก ออกไปได้ เดือนต่อมาคู่หูที่เคยร่วมจับอบายมุขมาด้วยกันถูกย้ายเดี่ยว ตัวเรารอด ชักเริ่มได้คิด
กลางดึกคืนหนึ่งมีเพื่อนนักเล่นการพนันโทรศัพท์มาบอก หมวดกล้าจับบ่อนไหม อยู่กลางเมืองใหญ่มากไม่มีใครกล้าจับ เรื่องพรรค์นี้ไม่กลัวอยู่แล้ว ขอให้รู้ที่ไหนไปทันที รวบรวมลูกน้องได้ 2-3 คน ไปตามที่ชี้เป้า บ้านใหญ่ รั้วกำแพงสูง มียามเฝ้าอยู่ข้างใน ความที่รีบไม่ได้เตรียมอุปกรณ์ตัดโซ่ตัดกุญแจ เขย่าประโตเหล็กโครมๆ เสียงอื้ออึงดังในบ้านที่เล่นการพนัน เข้าใจว่าขาพนันพากันหนี ทันใดก็มีชายร่างท้วมวิ่งมาหา พอเข้ามาระยะใกล้ อ้าว..เป็นนายตำรวจรุ่นพี่ที่นับถือ ทันทีที่เจอหน้าก็ได้ยินเสียง ไอ้ห่า วิ่งกันแข้งราขาหัก มึงมาทำเชี่ยไรว๊ะ อ้าวพี่เองรึ ผมยกมือไหว้แล้วพาลูกน้องกลับ เช้าวันรุ่งขึ้นนายใหญ่เรียกพบ เฮ้ย..มึงทำไมไม่ไปจับโจรว๊ะ จะได้ 2 ขั้นกับเขาบ้าง คนโบราณแค่จิ้งจกทักยังต้องระวัง จุดนี้เองทำให้กลับมาทบทวนที่อาจารย์สอน รู้เรื่องเมืองไทย เริ่มเข้าใจบ้างแล้ว จากนั้นเปลี่ยนแนวจากการจับอบายมุขเป็นจับโจร พวกคดีลักวิ่งชิงปล้น พวกมือปืนแทนที่จะไปจับบ่อนจับบาร์ ปีนั้นก็ได้ 2 ขั้นจริงๆ
มีเพื่อนถาม เคยพาเจ้านายไปเลี้ยงข้าวบ้างไหม ต่อมสมองถูกกระตุ้น เออจริง..มัวคิดแต่ว่าเจ้านายรวยรับเละน่าจะเลี้ยงเรา สมองคนไม่ใช่สมองหมา คิดผิดคิดใหม่ได้ การดิวกับนายต้องเป็นมวย มีศิลปะ เข้าไปทื่อๆเดี๋ยวไหว รู้เรื่องเมืองไทยช่วยได้ นายครับ เพื่อนผมมันเศรษฐี เปิดร้านขายหูฉลาม อร่อยสุดในเมือง อยากเชิญเจ้านายไปทานเป็นเกียรติ.... (อย่าให้นายรู้ว่าจะพาไปเลี้ยง ไม่ยาก ให้คนแอบไปจ่ายตัง) หลังจากมื้อแรกผ่านไปแล้ว มื้อต่อๆไปจะตามมาเอง ความสัมพันธ์เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ มื้อหลังๆเจ้านายขอเลี้ยง (บทเรียนข้อแรก เสือดุต้องเข้าใกล้)
หาจุดที่เหมาะสม ศึกษาว่าเจ้านายชอบอะไร คุยกันบ้าง ไปเยี่ยมบ้านบ้างเดี๋ยวก็รู้ เจ้านายชอบสะสมของเก่า เครื่องลายคราม อาวุธปืน รถยนต์ พระเครื่อง (สะกิดต่อมตัวเองให้ชอบเหมือนเจ้านาย) ลองถามดู นายจะปล่อยไหม ถ้าปล่อยใส่เลย อยากได้จริงๆหามานานเพิ่งเจอ พอนายบอกราคามาแถมให้ไปเลยอีกครึ่ง ถ้านายบอกไม่ขายสะสมอย่างเดียว เสร็จเราอีก ปีใหม่ยกเอาของเด็ดๆที่นายยังไม่มีให้เป็นของขวัญ แล้วเจ้านายจะคุยกับคนอื่นลับหลังว่า ลูกน้องคนนี้มันน่ารัก (บทเรียนที่สอง กุ้งฝอยตกปลากะพง)
สนใจนายต้องรักครอบครัวของนายด้วย ต้องรู้ลูกนายเรียนอะไร ขวนขวายหาสถานที่เรียนให้ ถ้าลูกๆโตๆเรียนจบมีงานการทำแล้ว ต้องดีลอีกแบบ (ถ้าไม่สมองหมู จะคิดออก) ลองซื้อทัวร์ให้ครอบครัวนายไปเที่ยวยุโรปหรือไปล่องเรือสำราญแถวเมดิเตอร์เรเนียนสัก 2 สัปดาห์ ในช่วงพักร้อนหรือปิดภาคการศึกษา แค่นี้นายก็รักตายห่า (บทที่สาม เข้าหลังบ้าน)
ถ้าจะจับนายใหญ่ซึ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อน ไม่ยากเคยทำมาแล้ว ถึงฤดูการแต่งตั้งระดับสูงโผจะต้องผ่านตานักการเมืองเจ้ากระทรวง ถ้านายใหญ่ไม่รู้จักยากที่จะผ่านด่าน มักจะมีคำถามเกิดขึ้น ไอ้นี่มันใครว๊ะเราไม่รู้จัก แล้วก็จะถูกขีดชื่อออก เพราะคนรู้จักคุ้นเคยมีเยอะรอเสียบ ถ้าจะเข้าทางหัวคะแนนคุณเจ็บตัวแน่เพราะการเลือกตั้งทีนึงใช้เงินเยอะ สมองมีไว้ให้คิด พอดีเข้าจังหวะ แม่บ้านนักการเมืองถูกอุปโหลกเป็นประธานจัดงานคอนเสิร์ทการกุศลหาเงินช่วยงานสาธารณะ หนีไม่พ้นจัดลีลาศร้องเพลงหารายได้ ต้องขวนขวายหาตัวช่วยร้องเพลงในระยะสั้น ครูสอนดีๆมี เข้าให้ถูกช่อง ร้องเพลงการกุศลต้องบริจาคเงินเป็นหลักแสน ร้องทั้งทีจะเอาแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องเพลงเดียวประทับใจจนตาย สมองมีให้ไว้คิด งานนี้ต้องมี Surprise วงดนตรีสุนทราภรณ์ปกติเล่นเพลงลีลาศลูกกรุง แต่ด้วยฝีมืออาจารย์ดำผู้ควบคุมวงจัดทำโน้ตเพลงลูกทุ่งเตรียมไว้ครบชุด ฝึกร้องเพลงลูกทุ่งและท่าเต้นอยู่วันเต็มๆ มี Dancer ประกอบ เป็นสาวสวยจากโรงเรียนอินเตอร์ 6 คน หาชุดเซิ้งสวยงาม ถึงวันงาน Surprise ทั้งงาน เหลือเชื่อจริงๆ ถูกร้องขอให้แสดงซ้ำ เจ้ากระทรวงเข้ามาตบไหล่ แน่จริงๆ ตั้งแต่นั้นเจอกันในงานที่ใดท่านเห็นเป็นต้องเข้ามาทักแล้วพูดชมตลอดเวลา งานสำเร็จแต่การแต่งตั้งก็พลาด แต่ก็ได้ความรู้จักคุ้นเคย (บทที่สี่ สร้างปมเด่น) ต้องขอบคุณ Jonas Anderson และคุณ Christy Gibson พร้อมคณะ
การสร้างปมเด่นเป็นเรื่องจำเป็น ขึ้นอยู่กับความสามารถ ความถนัด คนเรามันต้องมีทีเด็ดอะไรสักอย่าง ค้นหาให้พบ ถ้าได้มาโดยกำเนิดเรียกพรสวรรค์ถือว่าพอมีต้นทุน ถ้าไม่มีเลยก็ต้องใช้พรแสวง นำมาใช้ให้ถูกตามกาลเทศะ ต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Hit the target) ผมได้เปรียบที่ภรรยาเป็นนักจัดงานการกุศล ผมจะเป็นนักร้องประจำ ไม่ได้ร้องอย่างเดียวต้องบริจาคเงินสนันสนุนด้วย เริ่มจากเพลงละหลักหมื่นจนถึงหลักแสน นักร้องอาชีพไม่มีสิทธิ์เพราะต้องมีค่าตัว การร้องก็ต้องให้เข้าท่าด้วยไม่งั้นเสียงาน ผมก็มีครูคือ ครูอ้วน ครูโรจน์ ครูกฤษฎา ครูโจ้ ครูองอาจ ฯลฯ เสียงก็ธรรมดาๆแต่ร้องการกุศลทุกคนให้อภัย ร้องเพลงหน้าพระที่นั่งหลายครั้ง ทุกครั้งออกสื่อจนชื่อติดตลาด งานกุศลต่างๆติดต่อเข้ามาไม่ขาดสาย ต้องปฏิเสธไปบ้างเพราะรายจ่ายเริ่มสูง
สร้างปมเด่นต้องให้ถูกกาลเทศะ มีครั้งหนึ่งผู้นำต้องการปราบปรามยาเสพติด ยกเป็นวาระแห่งชาติ รูปแต่งเครื่องแบบถือปืนท่าทางดุดันขึ้นตามสี่แยกพร้อมด้วยคำเผ็ดๆ มีกูต้องไม่มีมึง สื่อนำไปลงเกรียวกราว บ้างว่าไม่เหมาะสม ปัญหาอุปสรรคตกไปเพราะการปราบปรามยาเสพติดต้องรุนแรง เป็นนโยบายผู้นำ มีคนเล่นผิดจังหวะ มาขึ้นป้ายหลังจากที่ผู้นำท่านนี้หมดอำนาจ ป้ายถูกสอยลงหมด
ยังสร้างปมเด่นไปเรื่อยๆ เช่าสถานีวิทยุกระจายเสียงออกอากาศ รายการคนจริง คุยกับโจร เป็นพิธีกรโทรทัศน์รายการสุขภาพ เริ่มมีแฟนคลับทั่วประเทศ แต่ทุกอย่างนี้ต้องมาจบเมื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิก ผลประกาศคะแนนได้เพียงสี่พันกว่าคะแนน สอบตก เลิกๆ ทำในสิ่งที่ชอบดีกว่า
*ผลที่ได้มาทุกวันนี้คือ ทักษะการพูดภาษาไทย ต้องพูดให้ถูกต้องตามหลักภาษา เน้นคำควบคำกล้ำ การออกเสียงคำที่มีตัว ว, ร, ล, ฤ ต้องให้ชัด ไปเรียนไปฝึกที่กรมประขาสัมพันธ์เป็นเดือนๆกว่าจะสอบได้ ใบประกาศ ทุกวันนี้ฟังพิธีกรสถานีโทรทัศน์, วิทยุ บางช่องแล้วหงุดหงิด พูดภาษาไทยอักขระไม่ถูกต้อง ผู้บริหารน่าจะใส่ใจเข้มงวดตรวจสอบว่ามี ใบประกาศ หรือไม่ ถ้าไม่มีผู้บริหารปล่อยให้ดำเนินรายการน่าจะมีความผิดนะ
*ฟังนักการเมืองอภิปราบในสภาฯแล้วยิ่งหงุดหงิดหนัก ใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง คำควบ คำกล้ำไม่มี แถมยังมีคำซ้ำซากออกมาอย่างน่ารำคาญ เช่น ใช่ไหม, นะครับ, อ้า, เนี่ย, เน๊าะ ฯลฯ หัวหน้าพรรคควรดูแลสอดส่องลูกพรรคตนเอง หรือไม่ ประธานสภาฯควรมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ๆมีความรู้ด้านนี้ คอยตรวจสอบแล้วแนะนำให้ปรับปรุง
*อีกประการหนึ่ง การพูดต้องพูดให้คนฟังๆรู้เรื่อง คำพูดที่พูดออกไปแล้วคนฟังตีความเป็นอย่างอื่น ต้องแก้ไข การพูดต้องพูดให้จบคำ อย่าพูดแบบครึ่งคำ พูดให้ช้าๆ ชัดๆ เอาแต่ที่เป็นสาระ อย่าใช้คำฟุ่มเฟือย
*เป็นความรู้เรื่องเมืองไทยที่เคยได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๙ อาจจะล้าสมัย แต่ก็ยังเอาไปใช้ได้นะครับ.