ขอตำรวจเป็นนายกอีกสักครั้ง
ปกติไม่ค่อยออกความเห็นเรื่องการเมือง ออกทีไรโดนสวนแรง ครั้งนี้ทนไม่ไหว ถ้าไม่เขียนก็หมดโอกาส ใกล้เวลาจะเลือกตั้ง ยุคนี้ต้องเอาพวก สังคมปัจจุบันเล่นพวกทั้งนั้น ถ้าไม่มีพวกหลายคนต้องเข้าคุก มีพวกซะอย่าง หนักก็เป็นเบา ถ้าเบาอยู่แล้วก็หายไปเลย ทำไมตำรวจจะเป็นนายกไม่ได้ ทหารเป็นมาแล้วกี่คน นักการเมืองก็ผูกขาดเป็นแล้วเป็นอีก ก็เพราะพวกเขาช่วยกันไง หาเสียงอยู่ทุกวันมันก็คือหาพวกนั่นเอง หลายคนมาถามว่า"เลือกใครดี" ถามผมก็จะบอกไปว่า"เลือกคนที่รู้จัก" ถ้าคุณมีเรื่องจะไปขอคำแนะนำ คุณจะไปหาใครเมื่อคุณไม่รู้จัก เวลาหาเสียงเขามาไหว้คุณ พอคนที่ไหว้คุณได้รับเลือกไปแล้วคุณต้องไปไหว้เขา และต้องตามไหว้เขาเป็นเวลานานกว่าเขาไหว้คุณ เข้าพบเขาได้หรือเปล่า จะเลือกพรรคที่มีอุดมการณ์รึ ประเทศมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆ มีทั้งคนหัวใหม่ หัวโบราณ เอาตัวบุคคลไปก่อนดีกว่า ไม่ต้องกลัวเข้าไปแล้วจะบริหารไม่ได้ ไม่เป็น ระบบการปกครองของประเทศไทยมีข้าราชการประจำเก่งๆบริหารจัดการอยู่แล้ว ไล่กันเป็นลูกระนาดตั้งแต่อธิบดีลงไปถึงนักการภารโรง ไม่มีนายก ไม่มีรัฐมนตรี ประเทศชาติก็อยู่ได้ แต่ละกระทรวง กรม กอง บริหารงานราชการ พัฒนาประเทศมาเป็นร้อยๆปี *ที่ต้องเลือก นายกฯ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงเข้าไปก็เพื่อให้ไปควบคุมการปฏิบัติงาน ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่โกง คนเป็นนายกไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ควรเป็นคนที่บริหารคนเป็น มีจิตวิทยาในการใช้คน ให้คนเก่งทำงาน ไม่ใช่ให้ไปทำงานซะเอง คนที่มีมันสมอง มีแนวคิดดีๆมีเยอะเรียกมาใช้ สำคัญที่สุดคืออย่าปล่อยให้มี "การโกง" มี "การทุจริต" ทั้งตามน้ำและทวนน้ำ จับได้ หลักฐาน ลงโทษให้หนักและต้องรีบจัดการทันที
ตำรวจเคยเป็นนายกมาแล้ว ๑ คน มีทั้งคนรักและคนเกลียด คนที่รักไม่ต้องพูดถึง มาจากหลายสาเหตุ ญาติพี่น้อง พรรคพวก สถาบันเดียวกัน เมื่อรักแล้วต่อให้คนที่รักจะชั่วอย่างไรก็ยังรัก เหมือนพ่อแม่รักลูกเช่นนั้น ส่วนคนเกลียดนี่ซิ ๑.ไม่รู้จัก ๒.เข้าไม่ถึง ๓.ไม่รู้จริง ๔.เชื่อตามที่มีคนเล่า ๕.อิจฉา ไม่ขอสาธยายมาก ขนาดคุยกันในบ้านบนโต๊ะทานอาหารยัง "บ่อนแตก" เสียบรรยากาศ ในLineกลุ่มมีทะเลาะกันให้เห็นทุกLine จน admin ต้องห้ามคุยการเมือง *แต่ครั้งนี้รอไม่ได้ เป็นไงเป็นกัน เพราะใกล้เวลาเลือกตั้งแล้ว ถ้าหากมีโอกาสได้เลือกตั้ง พวกตำรวจและครอบครัว เลือกพรรคที่มีตำรวจเป็นนายก ไหนๆก็ไหนๆ ลองอีกสักครั้งเป็นไร หนุนเข้าไปก่อน ดูซิว่าจะไปล้างบางในสภาได้นานแค่ไหน ไม่ลองก็ไม่รู้ อย่าไปคิดมาก ใครๆที่ไหนเขาก็เอาพวกทั้งนั้น กระบวนคิดพวกตำรวจเก่งไม่น้อยหน้าใคร ไม่งั้นจับโจรไม่ได้ เพียงแต่ตำรวจขาดความมั่นใจ กลัวโน่นเกรงนี่ คิดใหม่ ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่าได้ไปกลัวอะไร 24มีนาคมนี้ เข้าคูหาเลือก "พรรคเสรีรวมไทย" เลือก "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส" เป็นนายกรัฐมนตรี รับรองมันส์เหมือนดู"บัวขาว"ขึ้นชก
ทำไมต้องเป็น"เสรีพิศุทธ์" ต้องตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็มีตำรวจที่เสนอชื่อเป็นนายกอยู่คนเดียว แล้วจะให้ไปเลือกใคร ฝากตำรวจและครอบครัวตำรวจให้คิด จะไปเลือกคนอื่นหรือ? อย่าเห็น "ขี้"ดีกว่า"ไส้" ฝากไปยังท่านเสรีฯ ผมเป็นรุ่นพี่ขอเตือน ขอให้เข้าไปได้ก่อน การเมืองไทยไม่มีใครใหญ่จริง เหนือฟ้ายังมีฟ้า เข้าไปให้ได้ก่อนแล้วใช้จิตวิทยาขั้นสูง ให้กลไกข้าราชการทำงาน เห็นประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน ไม่ทุจริต คอรัปชั่น แล้วอย่างอื่นค่อยแก้ ลดจำนวนคนที่ไม่จำเป็นออกไป ทุกส่วนงาน เปลืองงบประมาณ เอาไว้แต่หัวกระทิ มีสาระ เชื่อว่าเรื่องนี้ท่านเข้าใจ
การันตีท่านเสรีฯเพราะเคยทำงานร่วมกันสมัยกองปราบปรามอยู่ที่ สามยอด ปี พ.ศ.๒๕๓๓-๒๕๓๔ ท่านเสรีฯเป็นผู้บังคับการ ผมเป็นรองผู้กำกับการ ถามว่าทำไมช้าให้รุ่นน้องแซงขึ้นหน้า ตอบก็เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ คึกคะนอง พาเฮีย ส.กับเสี่ย ต.คนดัง หนีออกนอกประเทศ กรมตำรวจเลยเชิญให้ออกแบบได้บำนาญ ออกแล้วก็ยังมีงานทำ เงินเดือนมากกว่าตำรวจ เจ้าสัวชาตรีฯแห่งธนาคารกรุงเทพจำกัดเชิญไปทำงานด้วย อยากได้เงินเดือนเท่าไรให้บอก อยู่ธนาคารกรุงเทพจำกัด ๕ ปี มีความสุข แต่เมื่อถึงเวลาต้องกลับ (อ่าน "ออกได้ก็ต้องเข้าได้") หวนคืนถิ่นจนได้มาอยู่ที่กองปราบปราม
ปี ๒๕๓๓ ท่านชาติชายฯเป็นนายกรัฐมนตรี ส่งท่านเสรีฯมาเป็นผู้บังคับการกองปราบ เป้าหมายสำคัญคือ สะสางคดี "ลอบปลงพระชนม์" และสำนวนคดีนี้เองมีส่วนให้เกิดการปฏิวัติ ยุทธการ"หักกัน"มันหยด เอาไว้เล่าทีหลัง พูดถึงท่านเสรีฯก่อน
ท่านเสรีฯมาเป็นผู้บังคับการกองปราบ มีการปฏิวัติการทำงานของหน่วยงานครั้งใหญ่แบบทันทีทันใด
๑.ข้าราชการสังกัดกองปราบที่ไม่ได้ออกไปทำงานสืบสวน ต้องเข้าทำงานก่อน ๐๘.๓๐ น. ลงชื่อทำงาน เมื่อถึงเวลาจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ขีดเส้นแดง ใครเข้าทำงานช้าต้องชี้แจง เมื่อเข้ามาแล้วใครจะออกไปทำงาน ที่ไหน อย่างไร ก็ลงหลักฐานไว้ (ข้อนี้ทำให้ตำรวจบางคนที่เคยสบายๆ รู้สึกอึดอัด)
๒.ให้ข้าราชการตำรวจที่ไม่ได้ออกไปทำงานสืบสวนต้องแต่งเครื่องแบบ
๓.ท่านเดินสำรวจห้องทำงานที่ตึกกองปราบปราม สามยอด ทุกห้อง เพื่อจะรู้สภาพว่าเป็นอยู่กันยังไง ประเด็นนี้เองกลายเป็นเรื่องใหญ่ เป็นสาเหตุให้ระเบิดลงห้องทำงานท่านเสรีฯ ก็เพราะไปเจอห้องพักสำหรับนักข่าวสายกองปราบ ท่านบอกว่า "ที่นี่ เป็นสถานที่ราชการ คุณเป็นประชาชนมาอยู่ได้ยังไง" จากนั้นบรรดาเหยี่ยวข่าวซึ่งอาศัยพักอยู่จนเขี้ยวงอกยาวก็ต้อง "รังแตก" แยกย้ายกันออกไป ไม่ช้าก็มีระเบิดลงที่ห้องทำงานท่านเสรีฯ (นักข่าวรุ่นนั้นรู้เรื่องนี้ดี) ที่ร้ายไปกว่านั้น เมื่อมีการสอบสวนโดยคณะ รสช.ส่ง "เชอร์ล็อคนู" มาเป็นผู้สอบสวน ฟันธงแบบโหดๆ "เสรีฯสร้างสถานการณ์" (ท่านเสรีฯพูดกับผม "พี่ ผมหมดศรัทธาจริงๆ") ผมเอาหัวประกันยืนยันได้ ท่านเสรีฯไม่ได้ทำ เพราะผมรู้ว่าใครเป็นคนทำ 55
๔.ท่านเสรีฯมานั่งทำงานวันแรกๆ มีคนจีนเอาซองมาให้ ปรากฏว่าคนจีนผู้นั้นโดนไล่ "ไป เจ็กแป๊ะ ออกไป" คนจีนมานั่งร้องไห้อยู่ที่โต๊ะสิบเวร ผมเป็นคนเก่าแก่อาวุโส ถูกตำรวจตามตัวไป คนจีนผู้นั้นบอกว่า ผมเอาเงินมาให้ ไม่น่าไล่ผมเป็นหมูเป็นหมา ว่าแล้วคนจีนก็ทิ้งซองไว้แล้วออกจากกองปราบไป
๕.เรียกประชุมตำรวจกองปราบทั้งหมด อบรมเรื่องความประพฤติ เป็นที่มาของคำ "หัวไม่ส่าย หางอย่ากระดิก"
๖.ใครๆก็รู้ว่ากองปราบปรามมีสถานีวิทยุของตนเอง เรียก "เสียงสามยอด" โด่งดังมาก ให้เอกชนเช่าทำรายการ มีรายได้เพื่อใช้เป็นสวัสดิการตำรวจกองปราบ ปกติไม่มีผู้บังคับบัญชาคนไหนกล้าแตะเงินก้อนนี้ ท่านเสรีฯสั่งให้เอาไปซื้อผ้าตัดเครื่องแบบให้ตำรวจกองปราบใส่ สีจะได้เหมือนกัน ท่านกล้าทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำ เมื่อเห็นว่าไม่ผิดกฏหมายและเป็นประโยชน์
๗.มาถึงจุดแตกหัก จะต้องไปรับสำนวนคดีลอบปลงพระชนม์มาสอบสวน สำนวนคดีนี้ถูกเก็บรักษาไว้ที่ห้อง "สยบริปูสะท้าน" อยู่ภายในหน่วยคอมมานโด ซอยโชคชัย4 มีการวางกำลังคุ้มกันเข้มแข็ง ถ้าเอาไปก็ต้องนองเลือด บรรยากาศตรึงเครียดมาก ต้องรอให้มีการประกาศผ่านทางโทรทัศน์ ให้มอบสำนวนเรื่องนี้ให้ท่านเสรีฯรับไปสางต่อ
๘.ผมเป็นหนึ่งในคณะตรวจสำนวนคดีสำคัญนี้ สำนวนมีความหนามาก พยานหลายปาก แจกจ่ายคณะทำงานอ่านเก็บประเด็นของพยานคนละปาก ผมอ่านคำให้การของพยานปากเอก ไม่พบว่ามีการลอบปลงพระชนม์ มีแต่การวางแผนลอบสังหารอดีตผู้นำทหารท่านหนึ่ง ไม่เอ่ยถึงเพราะท่านเสียชีวิตไปแล้ว ผลการตรวจสำนวนได้ถูกนำเสนอต่อผู้นำ และแล้วคืนแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง ค่ำวันหนึ่งมีนายตำรวจใหญ่มาหอบลังสำนวนไป นำไปขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่ บ.น.๖ มีนายกชาติชายฯนั่งไปด้วย จุดหมายปลายทางเชียงใหม่ เครื่องบินแท็กซี่ขึ้นแล้วบินไปไม่ถึงรังสิต วกกลับพามาลง ณ จุดเดิม ท่านนายกชาติชายฯถึงกับอุทานกับนายทหารอากาศที่ไว้ใจ "อ้าว มึงก็เอากับเขาด้วยรึ" ท่านชาติชายฯก็เลยต้องถูกควบคุมตัว สูปซิกการ์อย่างมีความสุข ที่อาคารรับรองภายในกองทัพอากาศ จากนั้นประเทศไทยก็อยู่ภายใต้การปกครองของคณะ รสช.
*ยังยืนว่า ทั้งหมดนี้ เสรีฯเท่านั้นที่ทำได้ คนดี คนเก่ง มีเยอะ แต่ยามนี้ เราต้องการ คนดี คนเก่ง และต้อง "กล้า"และ"บ้าบิ่น" ด้วย ผมขอสนับสนุน พรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็นนายกรัฐมนตรี.