เทศกาลสงกรานต์คนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อพบญาติ เพื่อสังสรรค์ หลายรายพากันไปตายก่อนพบญาติ บางรายไปไม่ถึงภูมิลำเนาแต่ไปถึงวัดถึงโรงพยาบาล บางคนต้องหามกันไป พบญาติเสร็จก็เผาศพไปด้วยเลย บางคนไปแล้วไม่ได้กลับ บางคนกลับมาในสภาพที่สูญเสียอวัยวะ เป็นผลจากอุบัติเหตุ รู้แล้วแก้ได้ สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุทางถนน
เหตุจากคน (ผู้ขับขี่) มีถึง 80% ได้แก่
1.ขับรถเร็วเกินอัตราที่กำหนด เมื่อมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นหยุดรถไม่ทัน การขับรถบนถนนสาธารณะเราไม่ได้ขับอยู่คนเดียว ต้องอ่านใจคนขับรถข้างๆ ข้างหน้าและข้างหลังรวมทั้งที่ขับสวนด้วย ต้องเดาใจว่าคนเหล่านั้นจะขับยังไง จะหยุด จะเลี้ยว เพราะมีผู้ไม่ปฏิบัติตามกฎกติกาจึงเกิดการชนกัน
2.ขับรถตัดหน้ารถอื่นในระยะกระชั้นชิด ไม่ตัวท่านเลี้ยวก็คนอื่นเลี้ยวตัดหน้า กฎหมายห้ามเลี้ยวรถตัดหน้ารถอื่นในระยะต่ำกว่า 100 เมตรสำหรับรถที่วิ่งสวนกัน รถออกจากซอยหรือรถเลี้ยวเข้าซอยก็จะต้องดูให้ปลอดภัยจากรถทางตรงก่อน นั่นคือรถที่เลี้ยวจะต้องใช้ความระมัดระวัง ทำให้รถทางตรงได้ใจ ถือว่ามาทางตรงก็จะไปลูกเดียว รถทางตรงก็มีส่วนประมาทหากพิสูจน์ได้ว่าขับรถใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด อย่าลืมว่ากฎจราจรให้รถทุกคันชะลอความเร็วลงขณะขับขี่ผ่านทางแยก
3.เปลี่ยนช่องทางเดินรถ ถ้ารถวิ่งไปข้างหน้าด้วยกันมันก็ไม่ชน แต่เพราะไม่ได้ไปจุดหมายเดียวกันจึงเกิดปัญหา รถทางขวาจะไปซ้าย รถอยู่ทางซ้ายจะไปขวา เรียกว่าขับรถไม่มีแผน เปลี่ยนวิธีขับรถเสียใหม่ รู้ว่าจะไปไหนแล้วเลือกช่องทางให้ถูก จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทุกวันนี้เป็นการขับขี่แบบ “ซิกแซก” เลนไหนมีช่องว่างก็จะแทรกเข้าไป พอรถข้างหน้าหยุดหรือชะลอก็หักรถออกเลนข้าง เป็นการปฏิบัติที่ผิด “เปลี่ยนช่องทางเดินรถโดยไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร” เมื่อจะเปลี่ยนช่องทางเดินรถต้องให้สิทธิ์รถที่อยู่ในช่องทางนั้นๆก่อน นั่นก็คือต้องเปิดไฟกระพริบเลี้ยวขอทาง ถ้ารถที่เดินอยู่ในช่องทางนั้นๆยังไม่เปิดช่องให้ก็ยังนำรถเข้าไปไม่ได้
4.ขับรถในขณะที่ร่างกายหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ ได้แก่
4.1 เมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น เมื่อดื่มสุราหรือเครื่องดื่มบางชนิดที่กดประสาททำให้สมองรับสัญญาณและตัดสินใจช้ากว่าปกติ ตัดสินใจช้าไปเพียงวินาทีอุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ กฎหมายไม่ได้ถือเอาความเมาหรือไม่เมาเป็นเกณฑ์แต่ใช้วัดปริมาณแอลกอฮอร์จากลมหายใจหรือจากในเลือด จำง่ายๆเพียงดื่มเบียร์ 2 แก้วก็อาจจะตรวจพบ
4.2 ง่วง หลับใน พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ขับรถที่เกิดอาการเช่นนี้มักจะไม่ยอมรับว่าตนง่วง คนนั่งไปด้วยต้องคอยสังเกต ถ้าเห็นขับรถช้าลงๆโดยไม่มีเหตุผลหรือเริ่มขับรถกระตุก ซึมไม่ค่อยพูดจา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเริ่มง่วงแล้ว
4.3 ไม่รู้เส้นทาง ไม่สนใจป้ายเตือน ทำให้รถลื่นไถล ตกถนน ตกลงเหว

เหตุจากรถ มีประมาณ 10% ของการเกิดอุบัติเหตุ เช่น ไม่ตรวจสภาพรถก่อนเดินทางไกล สภาพรถไม่มั่นคงแข็งแรง ช่วงล่างมีปัญหารถไม่ยึดเกาะถนน สภาพยางเก่า ยางแข็ง ยางหัวล้าน การเดินทางไกลต้องตรวจเช็คเพราะการขับขี่ใช้ความเร็วเป็นระยะทางยาวอาจเกิดปัญหา ขับรถในเมืองรถวิ่งๆหยุดๆย่อมไม่มีปัญหาอะไร เดินทางไกลวิ่งยาวถ้าสภาพรถเก่าไม่ตรวจเช็คความพร้อมอาจเกิดปัญหาได้

เหตุจากถนนและสภาพแวดล้อม ประมาณ 10 % เช่น ถนนมืดไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ไม่มีป้ายสัญญาณเตือนทางโค้ง ทางอันตราย สภาพอากาศมีหมอก ควัน ทัศนะวิสัยไม่ดี ฝนตก ถนนลื่น ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ น้ำขัง มีวัสดุกีดขวางทางอยู่ข้างหน้า เป็นต้น

พิจารณาจากสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ ปัญหาหลักอยู่ที่ “คน” คือผู้ขับขี่รถ หากได้ใส่ใจศึกษาและปฏิบัติตามกฎจราจร มีสติสัมปชัญญะในการขับขี่และพึงระลึกอยู่เสมอว่า แม้ท่านจะได้ระมัดระวังแล้วอุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้เพราะผู้ที่ขับขี่อื่นที่ขับรถร่วมทางมิได้ใช้ความระมัดระวังหรือหาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่ ขอให้ทุกคนที่ขับขี่รถจงมีสติในการขับขี่ พึงระลึกเสมอว่า ความประมาทคือหนทางสู่ความตาย
ตัวอย่าง ผู้ขับรถที่ว่าแน่ เชี่ยวชาญ แต่เขาได้ตายไปแล้ว
๑.เพราะมีจิตเมตตา ตำรวจลูกน้องมือขับชั้นดี รับใช้มานาน เวลาขับรถทางไกลจะบอกเสมอ “เจ้านายสบายใจ หลับได้เลย” ขับรถนิ่มมาก การห้ามล้อชะลอความเร็วจะไม่รู้สึก เจ้านายนั่งหลับได้ต่อเนื่อง ขับเร็วเป็นบางโอกาสเมื่อถนนว่าง ที่สำคัญ ไม่ง่วงขณะขับ ช่วงที่เกษียณตำรวจลูกน้องคนนี้ไม่ได้มารับใช้ ได้ข่าวว่าขับรถไถลตกจากถนนชนต้นไม้ข้างทาง ตาย เหตุเกิดประมาณตี๒ ตรวจที่เกิดพบแต่ซากรถอัดกับต้นไม้ ลูกน้องผู้ขับขี่ตายคาพวงมาลัยรถ พนักงานสอบสวนลงความเห็น เหตุเกิดจากขับรถเร็วและอาจง่วง(หลับใน) ตรวจไม่พบแอลกอฮอร์ในเลือด ความจริงไม่ใช่ แต่เพราะมีรถจักรยานยนต์ ไม่เปิดไฟ ขับขี่ ออกมาจากข้างทางด้านซ้าย ลูกน้องเห็นในระยะกระชั้น หักรถหลบออกทางด้านขวา ประกอบกับความเร็วที่ขับขี่มา รถยนต์ของลูกน้องพุ่งลงข้างทางปะทะต้นไม้ ตาย แต่ถ้าลูกน้องผมไม่หักรถหลบ ตัดสินใจชน ลูกน้องผมอาจไม่ตายแต่ผู้ขับขี่จักรยานยนต์อาจตาย
๒.อ่านใจผู้ขับขี่สวนทางไม่ออก นั่งไปในรถค้นเกิดเหตุด้วย ถนนไม่มีเกาะกลาง ทางตรง เวลากลางวัน มีรถยนต์วิ่งสวนทางมา๑คัน ขณะที่รถสวนกัน คันที่สวนพุ่งเสียบรถของเรากลางลำตัวรถ ไม่มีการตายเพียงเจ็บสาหัส ได้ความว่าผู้ขับขี่ฝ่ายตรงข้ามขับมาแต่ผู้เดียว ขณะสวนได้ละมือซ้ายจากพวงมาลัยรถ ก้มตัวลงเก็บของที่พื้นรถด้านหน้าซ้าย เหลือมือขวามือเดียวจับที่พวงมาลัย ขณะเอี้ยวตัวน้ำหนักไปตกอยู่ที่มือขวา ทำให้รถกินทางออกขวา ไปชนรถสวน ยอมรับว่าไม่สามารถเดาใจผู้ขับขี่สวนทางได้ อุบัติเหตุจึงเกิด
๓.เหิน คำนี้คงจะคุ้นหู ผมขับขี่เองเมื่อสมัยหนุ่มๆ ใช้เปอร์โยต์404 เส้นทางถนนสุขุมวิทสายเก่าช่วงบางปู เหตุเกิดประมาณบ่าย๓ ฝนกำลังตกพรำๆ ขับด้วยความเร็วประมาณ ๑๒๐ กม./ชม ความที่รีบ ขณะข้ามสะพานเล็กนูนเป็นหลังเต่าไม่ได้ชะลอความเร็ว รู้สึกเหมือนว่ารถบินได้ ตกใจมาก พอรถแตะพื้นก็เหยียบห้ามล้อ รถหมุนบนพื้นถนนโดยล้อสัมผัสพื้นประมาณ๒รอบแล้วพุ่งลงข้างทาง โชคดีที่ข้างทางด้านขวาเป็นคูน้ำต้นๆ รถจมน้ำแค่ครึ่งคัน ไม่บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุได้ความรู้ชนิดจำจนตาย (๑) อย่าขับรถเร็ว (๒) สะพานเล็กๆที่นูนเป็นหลังเต่าตัวดีนัก ถ้ามาด้วยความเร็วและไม่ได้ห้ามล้อก่อน เป็นเหินทุกราย (๓) ถนนช่วงฝนเริ่มตกลื่นชะมัดเพราะเป็นช่วงที่น้ำฝนละลายฝุ่นดินที่เคลือบผิว ทำให้ลื่น เป็นโคลน (๔) ใช้ยางหล่อดอก(ประหยัดเกินเหตุ) ถ้ารักชีวิตอย่าใช้ยางหล่อดอก ควรใช้ยางใหม่ สองปีเปลี่ยน
หวังว่า ตัวอย่างเหล่านี้คงเตือนสะตินักขับขี่รถยนต์ได้บ้าง.