บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ยอดนักฉกกลางเวหา
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ยอดนักฉกกลางเวหา
เห็นชื่อเรื่องแล้วเหมือนกับภาพยนตร์แอ๊คชั่นสไตล์มิชชั่นอิมพอสซิเบิลอะไรทำนองนั้น เป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน คนที่เคยโดนมามักจะฉงนสนเท่ห์ ค้นหาคำตอบไม่ได้ ปล่อยให้เป็นปริศนาลึกลับดำมืด หากไม่ใช่นักสืบมืออาชีพจริงก็ยากที่จะคลี่คลาย

ท่านทั้งหลายคงจะพอทราบว่าบรรดาหนี้เสียของประเทศเรานั้น เป็นหนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตมิใช่น้อย จำนวนหนี้เสียเป็นหมื่นๆล้าน หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องเสียหาย แต่ผมกลับมองเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่หนี้จำนวนดังกล่าวกระจายไปยังผู้ถือบัตรเป็นล้านๆคน ดีกว่าบริษัทใหญ่ๆบริษัทเดียวก่อหนี้เสียหลายหมื่นล้าน เรียกได้ว่าสินเชื่อบัตรเครดิตกระจายไปยังประชาชนทั่วประเทศ ทำให้เกิดกำลังซื้อกันถ้วนหน้า ผมเคยบอกกับคนหลายคนที่บ่นจนไม่มีตังค์ ผมแนะให้ไปทำบัตรเครดิตซึ่งค่อนข้างจะทำง่าย เพราะฝ่ายเซลล์ของแต่ละค่ายพยายามหาสมาชิกให้ได้มากที่สุด ชนิดหลับหูหลับตาหา หลักฐานใบรับรองรายได้ก็ยกเมฆทำปลอมขึ้นมา บางคนทำบัตรเครคิตตั้งหลายค่าย ได้บัตรมาแล้วจะคิดเปลี่ยนให้เป็นเงินสดได้ยังไง ผมบอกเพื่อนว่าไม่ยาก ก็เอาบัตรไปรูดชื้อทองคำเข้าซิ รูดซื้อทองจากร้านนี้แล้วเอาไปขายอีกร้านก็กลายเป็นมีเงินสดในมือแล้ว พอถึงกำหนดชำระเงินก็ค่อยๆผ่อนชำระเพียงแค่ 10 % แค่นี้ก็พอประทังชีวิตอยู่ได้ เพียงแต่หมุนให้เป็นเท่านั้น

สมัยก่อนผมชอบไปทานอาหารจีนตามภัตตาคารหรูราคาแพงกับพวกเสี่ยๆ พอเวลาจ่ายเงินผมชอบที่จ่ายด้วยบัตรเครดิตของผม แล้วผมก็เก็บเงินสดจากเสี่ยไว้หมุน พอถึงเวลาที่บริษัทหรือธนาคารเจ้าของบัตรเรียกเก็บเงิน ผมก็ผ่อนชำระเดือนละ 10 % ทำให้ผมมีเงินสดใช้ตลอด และยังทำให้ผมเป็นคนมีเครดิตอีกด้วย

พรรคพวกผมเปิดร้านค้าขายอัญมณีแถวๆสีลม กิจการทำท่าจะไปไม่ไหว เจ้าของร้านก็เที่ยวป่าวประกาศให้พรรคพวกที่มีบัตรเครคิตให้ช่วยเอาบัตรไปรูดโดยไม่มีการจำหน่ายสินค้า วางสลิปได้เงินสดมาหมุนชั่วคราว(แต่ต้องจ่ายหนี้ให้กับเจ้าของบัตรเขานะ) พอครบกำหนดชำระเงินค่าบัตร ก็ป่าวประกาศให้พรรคพวกอีกกลุ่มมาช่วยกันรูดให้ได้วงเงินสูงขึ้นไปอีก จำนวนเงินเพิ่มพูนเหมือนดินพอกหางหมู ในที่สุดก็เอาบัตรผีมาลงแล้วปิดร้านหนี
พวกบัตรผี (บัตรเครดิตปลอม)ในกรุงเทพฯมีจำหน่ายกันเกร่อ ส่วนมากมาจากประเทศมาเลเซีย พวกค้าบัตรผีขนบัตรเข้าประเทศครั้งหนึ่งจำนวนหลายสิบบัตร ราคาจำหน่ายบัตรผีบัตรละประมาณสองหมื่นบาท เป็นบัตรที่ยังไม่มีลายเซ็น คนซื้อบัตรปั้นลายเซ็นต์เอาเองตามที่ตนถนัด คนที่จะใช้บัตรผีจะต้องคัดเลือกหาคนที่เหมาะสม เช่นถ้าบัตรชื่อเป็นฝรั่งก็ต้องหา “ฝรั่ง” ถ้าเป็นชื่อจีนก็ต้องหาคน “จีน” เลือกเอาคนที่หุ่นดีๆถ้าหุ่นไม่ดีก็ต้องเอาไปแต่งตัวแต่งหน้าใส่เสื้อผ้าดีๆ เอามาฝึกวิธีใช้บัตรเสียก่อน คนที่จะใช้บัตรผีเราเรียกกันว่า “ม้า” มีทั้งม้าไทยและม้าฝรั่ง บางทีก็ม้าจีนจากจีนแผ่นดินใหญ่

ผมเคยเดินทางไปดูการปฏิบัติงานของแก๊งค์บัตรผีที่ไปลงงานที่ต่างประเทศ เราไปกันหลายคน พากันดูสินค้าตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ แล้วจดจำยี่ห้อ ชนิดสี และเบอร์สินค้าไว้ แล้วออกเป็นใบสั่งให้ “ม้า”เอาบัตรไปรูด โดยพวกเราคอยดูการปฏิบัติงานอยู่ห่างๆ พวก“ม้า”จะปฏิบัติงานอย่างใจเย็น พวกเราคนดูต่างหากที่ใจระทึกลุ้นกันแทบแย่

สมัยก่อนที่ยังใช้เครื่องรูดบัตรแบบ ZIPZAP คือเครื่องแบบโบราณที่ใช้บัตรวางบนเครื่องรูดแล้วเอาแผ่นสลิปวางทับ แล้วค่อยๆรูดไป-มา เวลารูดขาไปจะติดชื่อเจ้าของบัตร เวลารูดขากลับจะติดยี่ห้อร้านค้า ปรากฏว่าผู้ถือบัตรถูกร้านค้าโกงก็มี กล่าวคือเวลาส่งบัตรให้เจ้าหน้าที่ร้านค้าไปเพื่อปฏิบัติการรูดบัตร เจ้าหน้าที่จะรูดสลิปเที่ยวเดียวแค่ขาไปให้ติดชื่อเจ้าของบัตร โดยวางสลิปหลายใบ รูดแค่ขาไปซ้ำซากหลายครั้ง แล้วเอาสลิปเหล่านี้ไปขายให้กับร้านค้าขี้โกงทั้งหลาย ร้านค้าที่ซื้อสลิปเหล่านี้ไปแล้วก็จะนำสลิปไปใช้กับเครื่องรูดของตน โดยรูดเฉพาะขากลับ ทำให้เห็นว่าผู้ถือบัตรได้มาซื้อสินค้าที่ของร้านตน และชำระค่าสินค้าด้วยบัตรเครดิต แล้วทางร้านที่ขี้โกงจะกรอกจำนวนเงิน และปลอมลายเซ็นต์บนแผ่นสลิป วิธีการนี้พวกฝรั่งมังค่าที่มาเที่ยวเมืองไทยโดนกันเป็นระนาว พวกฝรั่งเหล่านี้มาพักโรงแรมเมืองไทยแค่คืนเดียวแล้วบินกลับ แต่ปรากฏว่ามีสลิปที่เกิดจากการรูดบัตรที่ร้านจิวเวลลี่ตามหัวเมืองต่างๆหลายรายการ เดี๋ยวนี้เครื่องรูดแบบ ZIPZAPไม่มีใช้แล้วนะครับ ปัจจุบันเป็นเครื่องรูดแบบอีเล็คโทรนิค โดยเมื่อรูดแล้วข้อมูลที่บรรจุในแถบแม่เหล็กในบัตรจะปรากฏบนแผ่นสลิป แต่ก็ยังไม่วายที่บัตรถูกปลอมอยู่ดี

มาถึงพวกใช้บัตร ATM บ้าง โดนโกงมาเยอะแล้ว พวกโกงโดยบัตร ATM นี้ฉลาดมาก โดยก่อนจะโกงจะเช็คยอดในบัญชีก่อนว่ามีเท่าใด แล้วจึงกดถอนเพียงบางส่วน ให้มีเงินเหลือติดบัญชีไว้บ้าง เจ้าของบัญชีหลายรายไม่ค่อยได้เช็คยอดเงินในบัญชีว่ามีรายการอะไรมาตัดบัญชีไปบ้าง เพราะมีการให้ตัดบัญชีชำระค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า จิปาถะ 2-3 เดือนจึง UP-DATE ยอดบัญชีสักที อาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเงินในบัญชีหายไปบ้างหรือไม่ อย่าคิดนะว่าจะปลอมบัตร ATM ไม่ได้ ปลอมอย่างไรอย่ารู้เลย มันเป็นวิชาโจร เอาแค่ตัวเองคอยระมัดระวังคอยเช็คยอดเงินในบัญชีไว้บ้างก็แล้วกัน

อ้าว! แล้วเขียนมาตั้งนานไม่เห็นเกี่ยวกับ “ยอดนักฉกกลางเวหา”ตรงไหน ใจเย็นๆ ท่านจะนึกไม่ถึงว่านักธุรกิจการค้าใหญ่ๆจะมีพฤติกรรมเป็นโจร ที่เรียกว่า“โจรผู้ดี” (WHITE COLLAR CRIME) เขาผู้นั้นมีกิจการค้าใหญ่โต รู้จักคบค้ากับผู้ใหญ่ในวงการนักการเมือง ทหาร ตำรวจ แต่งกายดีสวมเสื้อนอกประจำ เป็นสมาชิก CLUBหรูๆที่มีเซาว์น่า มีการออกกำลังกายและมี LOCKERให้สมาชิกเก็บของมีค่าเวลาที่ไปใช้บริการ เมื่อเขาใช้ LOCKERตัวไหนแล้วก็จะแอบปั๊มกุญแจ LOCKERนั้นไว้ เขาไปใช้บริการหลายครั้งก็จะปั้มไว้หลาย LOCKER แน่นอนที่สุดสมาชิกที่เข้าห้องเซาว์น่าจะต้องถอดนาฬิกา แหวน สร้อยคอและบัตรเครดิตไว้ใน LOCKER ก็จะถูกโจรผู้ดีฉกเอาไป ดังนั้นจะเห็นว่ามีหลาย CLUB ให้ลูกค้าหากุญแจส่วนตัวมาล็อคเอง ก็เพื่อป้องกันการปั๊มลูกกุญแจ

คดีเรื่องนี้เป็นความลับเฉพาะผู้เดินทางโดยเครื่องบินชั้น FIRST CLASS หรือ BUSINESS CLASS พวกนี้ชอบสวมเสื้อนอกเดินทาง และก็แน่นอนต้องเก็บเงินสดและบัตรเครดิตใส่ในซองหนังไว้ในกระเป๋าเสื้อนอก (ไม่มีใครเก็บบัตรเครดิตไว้ในกระเป๋ากางเกงเพราะตนอาจจะนั่งทับบัตรหัก หรืองอใช้การไม่ได้) พอนักเดินทาง FIRST CLASS หรือ BUSINESS CLASS นั่งบนเครื่อง แอร์โฮสเตสก็จะมาขอเสื้อนอกไปแขวน กระเป๋าเอกสารรวมบัตรเครดิตก็จะติดไปกับเสื้อ รวมทั้งยอด“นักฉก” ก็จะโดยสารไปในชั้น FIRST CLASS ด้วย เสื้อนอกของนักฉกก็จะถูกนำไปแขวนปะปนกันกับเสื้อนอกของผู้โดยสารอื่นๆ นักฉกจะหาโอกาสไปหยิบสิ่งของจากกระเป๋าเสื้อนอกในระหว่างที่กำลังเดินทาง และเขาจะใช้ความไวและแนบเนียนฉกเอาบัตรเครดิตจากเสื้อนอกของผู้อื่นไป สิ่งของอย่างอื่นไม่แตะต้อง “นักฉก” ผู้นี้หยิบบัตรเครดิตไปครั้งละหลายใบจากผู้โดยสารหลายคน และเมื่อเครื่องบินล้อแตะพื้น ณ.ประเทศปลายทาง ทุกคนสาระวนที่จะลงจากเครื่อง ไม่มีใครเช็คว่าบัตรเครดิตอยู่หรือไม่ นักฉกของเราก็เอาบัตรเครดิตของผู้อื่นไปใช้ รูดสินค้า ณ.ประเทศที่เครื่องลงจอด มาถึงตอนนี้ผมยังแปลกใจว่า “นักฉก”ผู้นี้เอาบัตรผู้อื่นไปรูดได้อย่างไร ผมว่าต้องรู้จักกับทางร้านค้าแน่ เพราะนักฉกจะใช้บัตรรูดซื้อสินค้าแพง ๆ เช่น นาฬิกาโรเล็กซ์ เป็นต้น “นักฉก” ผู้นี้ปฏิบัติการ “ฉกกลางเวหา” หลายครั้ง จนมีเงินฝากในบัญชีหลายสิบล้านบาท

ท่านผู้เดินทางรู้แล้วโปรดระมัดระวังอย่าให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับตัวท่าน ไม่ต้องห่วงหรอกครับเพราะปัจจุบันนี้แอร์โฮสเตสจะเป็นผู้ไปหยิบเสื้อนอกให้เอง แต่ถ้าเป็นการทางสายยาวที่จะต้องพักหลับนอนบนเครื่อง อันนี้ผมไม่ทราบว่าผู้โดยสารจะไปเอาสิ่งของที่เสื้อนอกด้วยตนเองได้หรือไม่ ยอดนักฉกจะฉกเอาบัตรเครดิตของผู้โดยสารอื่นตอนที่เครื่องใกล้จะลงเท่านั้น เพราะช่วงนั้นผู้โดยสารจะชุลมุลตื่นเต้นกับการเดินทาง และก็ลำบากนะครับที่แอร์คนไหนจะตามไปดูละว่า“นักฉก”หยิบของจากกระเป๋าเสื้อตัวไหน และจากเสื้อของใคร และด้วยความเกรงใจที่ถือว่าผู้โดยสารFRIST CLASSเป็นลูกค้าคนสำคัญก็เป็นอึกประการหนึ่ง ทำให้นักฉกผู้นี้หากินด้วยวิธีนี้จนร่ำรวย
สำหรับ “นักฉก” ถ้าคุณได้อ่านบทความเรื่องนี้แล้ว ติดต่อกับผมบ้างนะครับ ผมยังเป็นเพื่อนที่ดีของท่านอยู่เสมอ
พล.ต.ต.อังกูร อาทรไผท
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์