บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ขึ้นโรงพักไม่ต้องกลัว
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ขึ้นโรงพักไม่ต้องกลัว
ท่านเคยขึ้น “โรงพัก”บ้างไหม คำตอบก็คือไม่จำเป็นไม่อยากขึ้น บางคนบอกว่าขึ้นแล้ว “ซวย” ยิ่งถ้าเป็นคนจีนถือมาก วันตรุษวันสารทถ้าถูกตำรวจเรียกตัวหรือถูกจับไปโรงพักจะโกรธที่สุด ถ้ามีความจำเป็นจริงๆต้องขึ้นโรงพักหรือสถานีตำรวจก็ต้องหาคนรู้จักหรือผู้หลักผู้ใหญ่ฝากไปยังผู้บังคับบัญชาของตำรวจโรงพักนั้นๆ (โรงพักในที่นี้ผมหมายถึงสถานีตำรวจ) ดูเหมือนสถานีตำรวจจะไม่ค่อยเป็น “มิตร”กับผู้คนเอาเลย ผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่กำหนดนโยบายหรือกำกับดูแลบริหารงานตำรวจพยายามแก้ความรู้สึกนี้ เช่นพยายามใช้คำ “โรงพักของเรา” คำนี้ไม่สำเร็จกลับโดนด่าหาว่า “เรา”ในที่นี้หมายถึงพวกตำรวจ ความหมายก็คือ “กูเอาแต่พวกของกู” ยิ่งไปกันใหญ่ ปัจจุบันเป็น “โรงพักเพื่อประชาชน”หรือ “สถานีตำรวจเพื่อประชาชน” ผู้บังคับบัญชาส่วนใหญ่พยายามจะแก้ไขปัญหาเรื่องที่ไปโรงพักต้องมีการฝาก ผมเคยบอกพรรคพวกที่จะไปติดต่อกับสถานีตำรวจว่าให้ไปได้เลยไม่ต้องมีการฝากฝังเดี๋ยวนี้ตำรวจให้บริการ “เสมอภาค”แบบ “one stop service” บางครั้งผมต้อง “ลุ้น”แทบแย่กลัวตำรวจโรงพักที่พรรคพวกผมไปติดต่อทำขายหน้า ดังนั้นถ้าเป็นกรณีที่ผู้ที่จะไปติดต่อที่สถานีตำรวจเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่ผมเคารพนับถือ ผมจะต้องรีบโทรไปบอกกับหัวหน้าสถานีให้คอยดูแลอย่าให้เกิดการเสียหาย มีบางรายกลับมาแล้วชมเปาะว่าโรงพักบริการดีเยี่ยม พูดจาสุภาพ ไม่ต้องรอนาน ผมได้ยินแล้วชื่นใจ อดที่จะชื่นชมหัวหน้าสถานีตำรวจนั้นๆไม่ได้ แต่บางโรงพักก็ทำผมหน้าแตก ผมต้องอับอายขายหน้าและรู้สึกเสียชื่อตำรวจแห่งชาติด้วย เช่นให้นั่งรอนาน มีคนนั่งรอกันเป็นแถวมีทั้งเรื่องเล็กๆง่ายๆเรื่องใหญ่ๆก็มี แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้ใดเข้าไปซักถามชี้แนะ ส่วนมากจะบอกว่า “ร้อยเวรไปดูสถานที่เกิดเหตุ” ผมยอมรับว่าในเขตพื้นที่แต่ละสถานีมีคดีมีเหตุเกิดขึ้นตลอดเวลา และเมื่อเกิดเหตุขึ้นพนักงานสอบสวนที่ปฏิบัติหน้าที่เป็น “ร้อยเวร”(ผู้ที่ทำหน้าที่รับผิดชอบงานสอบสวน) ต้องออกไปสอบสวนตรวจสถานที่เกิดเหตุ เพราะมันเป็นเรื่องของกฏหมาย จะให้ผู้อื่นที่ไม่มีหน้าที่ไปแทนไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาพยายามแก้ปัญหานี้โดยให้พนักงานสอบสวนเข้าเวรครั้งละ ๓ คน ก็ยังรับมือไม่ไหว คดีเกิดขึ้นมากจริง อย่างเช่นถ้าวันไหนฝนตกถ้าเป็นช่วงกลางวันงานเลิก คดีรถชนหรือโดนกันโรงพักหนึ่งๆไม่ต่ำกว่า ๑๐ คดี แต่ละคดีใช้เวลายืดเยื้อทั้งสิ้น เรื่องปล่อยให้ผู้ติดต่อรอนานไม่น่าจะเกิดขึ้นบนสถานีตำรวจ เพราะแต่ละสถานีมีเวรอำนวยการคอยกำกับดูแลการให้บริการบนสถานี เวรอำนวยการจะออกสถานที่ทำการในระหว่างที่ตนมีหน้าที่ไม่ได้ แต่ก็อีกนั่นแหละผู้ที่ทำหน้าที่เป็นเวรอำนวยการสถานีตำรวจก็คือนายตำรวจผู้ใหญ่ของสถานีตำรวจนั้น ถ้าหากผู้ใหญ่เป็นเสียเอง มีหน้าที่ต้องอยู่กำกับดูแลการปฏิบัติบนสถานีแต่แอบ “แวบ”หลบไปทำธุระข้างนอก เวรอำนวยการบางคนเวลาจะ “แวบ”ยังเป็นห่วงหน้าที่อีก โดยบอกกำชับ “ร้อยเวร”ว่า “ฝากดูหน่อยนะ ผมไปธุระเดี๋ยว มีเหตุรีบโทรบอก” อย่างนี้ลูกน้องจะปฏิเสธได้อย่างไรนอกจากจะด่าอยู่ในใจ กรณีปล่อยให้ผู้ติดต่อนั่งรอนานจะไม่เกิดขึ้นถ้าเวรอำนวยการรับผิดชอบหน้าที่ เดินถามผู้คนที่นั่งคอยสักนิดบางเรื่องช่วยแก้ปัญหาหรือแนะนำง่ายๆนิดเดียวก็เสร็จ หรือบางโรงพักมีการบริหารจัดการดีจัดหาประชาสัมพันธ์ที่เป็นงานมาทำหน้าที่ (ประชาสัมพันธ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าตำรวจหญิงเสมอไป เพราะตำรวจหญิงบางคนก็ไม่ค่อยเอาถ่านเหมือนกัน) ประชาสัมพันธ์จะคอยสอบถาม แนะนำ และช่วยประสานว่าผู้แจ้งควรจะไปพบใครที่ใดซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นร้อยเวร

บางสถานีตำรวจดีเยี่ยม จัดประชาชนเข้าเวรช่วยทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หมายถึงประชาสัมพันธ์ก็มีอยู่แล้วเป็นสุภาพสตรีหน้าตาดีพูดจาเพราะสุภาพ และยังจัดชาวบ้านเสริมเข้าไปอีก ๓- ๔ คนโดย กต.ตร.สน.เป็นผู้จัด (กต.ตร.สน.หมายถึงคณะกรรมการติดตามการบริหารงานของสถานีตำรวจ คัดเลือกจากประชาชนในพื้นที่ๆประสงค์ช่วยเหลือกิจการสถานีตำรวจ ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งของสถานีตำรวจเพื่อประชาชน) ประชาชนพูดกับประชาชนจะรู้เรื่องและเข้าใจกันได้ดีกว่าให้ตำรวจพูดจากับประชาชน อาจจะเป็นเพราะตำรวจไม่ดีบางคนไปเข้าใจตนเองผิดคิดว่า “กูไม่ใช่คน” หงุดหงิด สมาธิสั้น อธิบายยาวๆไม่ได้ ขี้ฉุนเฉียว เสียงไม่มีหาง การทดลองปฏิบัติงานลักษณะนี้มีขึ้นที่ สน.โชคชัยในสมัย พ.ต.อ.พินิต มณีรัตน์หรือ “ผู้กำกับแมว”เป็นหัวหน้าสถานี ได้ผลดีทีเดียวครับ ร้อยเวรไม่ต้องทำงานหนักเพราะบางเรื่องคนที่ กต.ตร.จัดไว้นี้ช่วยทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้หลายราย แต่โครงการนี้ก็เป็นอันเลิกลาไปเมื่อผู้กำกับ “แมว”ย้ายไปที่อื่น

เมื่อพูดถึงเวรอำนวยการประจำสถานีตำรวจแล้วผมต้องชม พล.ต.อ.วรรณรัตน์ คชรักษ์ สมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ท่านกำชับเวรอำนวยการต้องอยู่ที่สถานี ท่านจะโทรศัพท์ไปเช็คสอบเข้าเบอร์โทรศัพท์ “พื้นฐาน”คือโทร๐๒ ไม่โทรเข้ามือถือ เพราะโทรมือถือมันหลอกเรื่องตำแหน่งที่อยู่ได้ ถ้าท่านโทรเช็คไปที่สถานีใดแล้วพบว่าเวรอำนวยการไม่อยู่เป็น “โดน”ก็แล้วกัน

ข้อแนะนำเวลาขึ้นโรงพัก

๑ กรุณาแต่งตัวให้ดูเป็นผู้เป็นคนหน่อย อันนี้พูดยากว่าควรจะแต่งตัวอย่างไรดี แต่จะยกตัวอย่างให้ฟัง ถ้าท่านแต่งตัวแบบแม่ค้าท่านก็จะได้รับการบริการแบบแม่ค้า แต่งตัวแบบไหนก็จะได้รับการบริการแบบนั้น ไม่เชื่อท่านลองนุ่งกางเกงขาสั้นใส่แตะกับลองสวมเชิ้ตผูกเน็คไทไปสัมผัสดูแล้วเปรียบเทียบเอาเองก็ได้ สรุปว่าแต่งกายให้ดูดี ดูแล้วเป็นคนมีความรู้ เป็นเจ้านาย หรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พูดง่ายๆดูแล้วเหมือนคน “มีเส้น”

๒ อย่าลืมนำบัตรประชาชนติดตัวไปด้วย พนักงานสอบวนจะขอดูทุกครั้ง เพราะเมื่อ
มีการสอบสวนบันทึกปากคำจะต้องบันทึกเลขบัตรประจำตัว ใช้ที่อยู่ตามบัตรประชาชน แต่ถ้าหากท่านมีบ้านพักไม่ตรงกับที่อยู่ในบัตรต้องรีบแจ้งให้ทราบ ทั้งนี้หากเกิดเหตุจำเป็นต้องติดตามตัวท่านในภายหลังจะได้ติดต่อได้ (เคยมีเหตุพนักงานสอบสวนถูกต้องกรรมการสอบทางวินัยกรณีติดตามตัวพยานไม่ได้)

๓ เมื่อขึ้นไปสถานีตำรวจ ด่านแรกที่จะพบก็คือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ บางโรงพักเป็นผู้ชาย บางโรงพักเป็นผู้หญิง บางโรงพักเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์แต่งเครื่องแบบตำรวจ บางโรงพักแต่งไปร์เวทสุภาพ เจ้าหน้าที่จะถามท่านว่ามาติดต่อเรื่องอันใด ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่เข้ามาถามท่านๆก็เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ได้เลยบอกว่า ท่านมีความประสงค์จะมา “ร้องทุกข์”(ภาษากฎหมายใช้คำ “ร้องทุกข์”แต่ภาษาชาวบ้านชอบใช้คำว่า “แจ้งความ”) เจ้าหน้าที่จะถามต่อไปอีกว่าร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องใด เหตุเกิดที่ไหน ท่านที่มีความรู้กฎหมายจะนึกในใจว่า “เองถามข้ามากมายนัก มันเรื่องอะไรกัน ฉันรู้นะว่าเองไม่ใช่พนักงานสอบสวน” ที่ท่านนึกเป็นเรื่องถูกต้อง แต่ทางโรงพักต้องการให้มีการกรองงานชั้นหนึ่งก่อน บางทีคดีหรือเหตุไม่ได้เกิดในท้องที่จะได้แนะนำให้ไปร้องทุกข์ให้ถูกต้อง ผลจากการร้องทุกข์ผิดท้องที่ทำให้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวน (ความจริงเรื่องร้องทุกข์ไม่ตรงกับท้องที่ๆเกิดเหตุนั้น กฎหมายให้เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่ได้รับแจ้งเป็นครั้งแรก บันทึกปากคำแล้วจัดเจ้าหน้าที่นำไปส่งยังสถานีตำรวจที่มีอำนาจสอบ ผู้ร้องทุกข์จะเสียเวลามากคือจะต้องถูกซักถามสอบสวนถึง ๒ ครั้ง สู้แนะนำให้ไปเสียให้ถูกต้องแต่แรกจะสะดวกกว่า) เมื่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ชักถามเบื้องต้นแล้วก็สามารถแนะนำท่านไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ๆรับผิดชอบงานนั้นๆได้ถูกต้อง

๔ บางท่านที่ “มาด”ดีๆหน่อยก็จะบอกกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ หรือเจ้าหน้าที่ผู้ใดผู้หนึ่งบนโรงพักว่า “ขอพบร้อยเวร” ลองวัดกันดู หากท่านเชื่อว่า “มาด”ท่านดี ดูแล้วเหมือนข้าราชการผู้ใหญ่ นักการเมือง ทนายความที่มีระดับ ตำรวจระดับล่างยศน้อยๆจะไม่ค่อยซักถามเซ้าซี้ จะพาไปพบร้อยเวรเลยทีเดียว ถ้าร้อยเวรไม่อยู่ก็จะเชื้อเชิญให้คอยโดยบอกเหตุผลหรือแนะนำให้พบเวรอำนวยการประจำโรงพัก หรือผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่อยู่ ณ โรงพักในขณะนั้น (ตำรวจผู้น้อยโดนขังมาเสียมากต่อมากแล้ว เรื่องผู้บังคับบัญชาระดับสูงขึ้นโรงพักโดยไม่ได้แต่งเครื่องแบบ ตำรวจผู้น้อยไม่รู้จัก ไปแสดงกิริยาวาจาไม่สมควรเข้าเลยโดน หนำซ้ำหัวหน้าสถานีถูกตำหนิอีกฐานไม่ได้อบรมสั่งสอนให้รู้จักผู้บังคับบัญชา)

๕ การร้องทุกข์นั้นทำเป็นหนังสือก็ได้ บางเรื่องที่ค่อนข้างจะลึกลับซับซ้อน มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ต่างกรรม ต่างเวลา ต่างสถานที่ เป็นการยากที่จะเล่าให้พนักงานสอบสวนฟังแล้วเข้าใจในเวลาอันสั้น อย่างนี้ทำคำร้องทุกข์เป็นหนังสือไปด้วยได้ โดยหนังสือนั้นถึงพนักงานสอบสวนบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร มีใครรู้เห็น มีร่องรอยพยานหลักฐานอย่างไร ความเสียหายที่ได้รับมีมากน้อยประการใด ข้อสำคัญต้องลงชื่อผู้ร้องทุกข์และผู้ร้องทุกข์ต้องไปร้องด้วยตนเองด้วย (ไม่ใช่ทำคำร้องเป็นหนังสือแล้วฝากเด็กส่งหนังสือไป) ที่แนะนำเช่นนี้จะเป็นการสะดวกแก่พนักงานสอบสวนที่จะตั้งประเด็นซักถามท่านซึ่งส่วนมากก็จะเป็นไปตามคำร้องที่ปรากฏเป็นหนังสือ และยังไงๆพนักงานสอบสวนก็ต้องสอบสวนปากคำท่านอยู่ดี การทำคำร้องเป็นหนังสือมีข้อดีที่ประเด็นสำคัญๆจะไม่ขาดตกบกพร่อง ความสำคัญอยู่ที่คำร้องของท่านทำไปดีหรือไม่ การร้องทุกข์เป็นหนังสือนี้ส่วนมากธนาคารหรือบริษัทห้างร้านใหญ่ๆจะใช้วิธีนี้ เพราะเมื่อทำเป็นหนังสือแล้วฝ่ายกฎหมายจะตรวจสอบก่อน แล้วมอบให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ เป็นการป้องกันมิให้เกิดการร้องทุกข์หรือให้รายละเอียดไม่ครบถ้วน

๖ เรื่องหนังสือมอบอำนาจ บางคดีมีความจำเป็นที่ “ผู้เสียหาย”จะต้องไปร้องทุกข์ด้วยตนเอง ได้แก่ “คดีความผิดต่อส่วนตัว” หรือ “คดีความผิดอันยอมความกันได้”ถ้าผู้เสียหายไม่ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเสียก่อนพนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจทำการสอบสวน เป็นข้อบังคับโดยกฎหมาย และเมื่อผู้เสียหายได้ไปร้องทุกข์แล้วพนักงานสอบสวนจะทำบันทึกให้ผู้เสียหายมอบคดีให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินคดีจนถึงที่สุด บางสถานีก็จะจัดทำบันทึกขึ้นอีกฉบับ บางสถานีก็ไม่ต้องเพราะในคำให้การของผู้เสียหายได้ระบุไว้แล้ว

แต่เรื่องหนังสือมอบอำนาจที่ผมจะพูดถึง เป็นกรณีผู้เสียหายไม่สามารถไปร้องทุกข์ด้วยตนเองได้ ส่วนมากผู้เสียหายเป็นนิติบุคคล เช่นธนาคารก็ดี บริษัทใหญ่ๆก็ดี คณะกรรมการนิติบุคคลจะทำหนังสือมอบอำนาจให้ทนายหรือฝ่ายกฎหมายไปร้องทุกข์ หนังสือมอบอำนาจลักษณะนี้จะต้องทำขึ้นเป็นเฉพาะเรื่องไป หนังสือมอบอำนาจที่ทำไว้ล่วงหน้าเป็นการถาวรไม่สามารถนำไปใช้ได้ เหตุผลง่ายๆถ้าทำหนังสือมอบอำนาจไว้ล่วงหน้าขณะที่ทำหนังสือความผิดยังไม่เกิด ความเสียหายยังไม่มี ผู้มอบอำนาจยังไม่ได้เกิดการเสียหายแล้วจะไปมอบอำนาจอะไร เรื่องนี้ตอนผมเป็นพนักงานสอบสวนโดนอัยการสอนมวยมาแล้ว หากไม่เชื่อขืนทำไปอัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือถ้าทนายความฝ่ายตรงข้ามรู้เข้ายกเป็นประเด็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลๆก็ยกฟ้อง

๗ เมื่อท่านได้ปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นแล้วยังไม่สะดวก พนักงานสอบสวนยังไม่ดำเนินการให้ (บางครั้งพบพนักงานสอบสวนที่แก่วิชาก็พยายามโยกว่าเรื่องที่นำไปร้องทุกข์ไม่ใช่ความผิดอาญา แนะนำให้ไปฟ้องคดีทางแพ่ง) คดีเช่นนี้พบบ่อย บางเรื่องก้ำกึ่งระหว่างความผิดฐานฉ้อโกงกับผิดสัญญาทางแพ่ง ให้ดูที่เจตนาครับ ถ้าเจตนาทุจริตหรือเจตนาโกงเกิดขึ้นก่อนเป็นเรื่องของการฉ้อโกง เจตนาเป็นเรื่องจิตใจจะรู้ได้อย่างไร ก็ให้ดูที่การกระทำ กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา เรื่องพรรค์นี้ทั้งตำรวจและทนายเขาเก่งเพราะเป็นเรื่องพื้นฐานใครเรียนกฎหมายก็ต้องรู้

๘ บางทีเรียนกฎหมายเล่มเดียวกันแต่ตีความไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ศาลยุติธรรมเองสามศาลยังมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่กรณีไปร้องทุกข์แจ้งความที่สถานีตำรวจนั้นพนักงานสอบสวนจะปฏิเสธไม่รับแจ้งความไม่ได้ เรื่องทำนองนี้พนักงานสอบสวนถูกพิจารณาทางวินัยและถูก “ขัง”มาแล้ว ในทางปฏิบัติถ้าหากผู้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องที่ร้องทุกข์ ในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวน ต้องรับแจ้งบันทึกปากคำผู้ร้องทุกข์ไว้

แล้วทำความเห็นเสนอผู้บังคับบัญชา ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นตรงกันกับพนักงานสอบสวน จะต้องแจ้งให้ผู้เสียหายทราบโดยด่วนเพื่อผู้เสียหายจะได้ไปฟ้องคดีเอง

ที่กล่าวข้างต้นเป็นกรณีที่จะต้องวินิจฉัยว่าเป็นแพ่งหรืออาญา แต่ถ้าเป็นอาญาอย่างชัดแจ้ง พนักงานสอบสวนปฏิเสธไม่รับแจ้งไม่ได้เลย เมื่อรับแจ้งแล้วต้องรีบดำเนินการตามกระบวนการทันที สำหรับเรื่องที่เป็นคดีอาญาชัดๆนี้ก็มีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือพนักงานสอบสวนต้องซักให้ได้ความชัดเจนว่า มีคดีอาญาเกิดขึ้นจริง และใครเป็นผู้กระทำผิด มีอยู่บ่อยครั้งที่มีการแจ้งความเท็จ เช่นนายจ้างให้ลูกจ้างเอาเงินจำนวนมากๆไปเข้าบัญชีธนาคาร เจ้าหน้าที่นำเงินเดินทางออกจากบริษัทไปซักพักกลับมาหานายจ้างที่ศรีษะมีเลือดโชก บอกว่าถูกคนร้ายชิงทรัพย์เอาเงินไป สอบสวนได้ความว่าแกล้งทำตัวเองแล้วเอาเงินไปใช้หนี้ อย่างนี้ก็โดนแจ้งความเท็จเกี่ยวกับคดีอาญาโทษหนัก

๙ ถ้ายังไม่ได้รับความสะดวกอีก ให้ท่านเข้าพบเวรอำนวยการประจำสถานีนั้นๆได้เลย เวรอำนวยการเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ผ่านงานสอบสวนมามากประสบการณ์เยอะ และมีหน้าที่คอยกำกับดูแลการปฏิบัติงานภายในสถานีให้เรียบร้อย พบเวรอำนวยการแล้วยังไม่พอใจก็ขอพบหัวหน้าสถานี ผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าสถานีได้ต้องผ่านการคัดเลือกมากมาย เรียกได้ว่ามาถึงระดับนี้แล้วต้องครบเครื่อง พบหัวหน้าสถานีก็แล้วยังข้องใจอยู่อีกก็ให้เข้าพบผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ตั้งแต่ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ จนสุดท้ายผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าถึงอันดับสูงสุดแล้วท่านยังเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอีก แนะนำให้หาทนายดีๆฟ้องศาลเลยครับ ฟ้องตำรวจเป็นจำเลยฐานละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย

อย่างไรก็ตามปัจจุบันหน่วยงานตำรวจมีการปรับปรุงไปมาก มีการดึงประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆ ส่วนมากจะเน้นการให้บริการประชาชน เว้นแต่บางที่บางแห่งมีการแต่งตั้งคน “ห่วยๆ”ไปเป็นนาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อยครับ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์