บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ฝากบ้าน งานเข้า







เคยลงเรื่องโจรไม่มีวัฒนธรรมไปแล้วเพราะมันขโมยแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่เลือกวันพระวันโกน สงสารตำรวจต้องรับงานหนักในช่วงหยุดเทศกาล “โครงการฝากบ้านกับตำรวจ” ความจริงไม่ต้องฝากตำรวจก็ต้องตรวจดูแลอยู่แล้ว ถ้ามีการฝากคนฝากได้เปรียบ ส่วนตำรวจ “งานเข้า” ได้เปรียบยังไง อาจเข้าลักษณะฝากทรัพย์ตามกฎหมายแพ่งฯ ไม่อยากชี้โพรงเดี๋ยวเพื่อนตำรวจเดือดร้อน ปรึกษาทนายเอาละกัน

ที่ว่าโจรไม่มีวัฒนธรรม สมัยก่อนพวกโจรมันเว้นบ้านพวกข้าราชการผู้ใหญ่ นักการเมือง นายทหาร นายตำรวจ โจรจะไม่ค่อยย่างกรายเข้าใกล้ แตะเข้าก็เหมือนแหย่รังแตน จับได้เป็นน่วม แต่เดี๋ยวนี้พวกโจรไม่สน ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนถ้ารู้ว่ามีของมีค่ามันก็จะเอา สมัยก่อนโจรมีวันหยุด วันเสาร์อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ พวกโจรจะหยุดขโมย โจรก็มีวันครอบครัว ต้องพาลูกพาเมียไปเที่ยวไปพักผ่อน วันธรรมดาพอตกค่ำก็จะบอกลูกบอกเมียว่าไปทำงาน เข้าเวรกะกลางคืน งานมันคือขโมยของชาวบ้าน ไม่บอกความจริงให้เมียให้ลูกรู้ ในยุคข้าวยากหมากแพงโจรไม่รักษาวัฒนธรรมอีกต่อไป ไม่เลือกวันโกนวันพระขโมยหมดไม่เหลือ

โครงการฝากบ้านกับตำรวจในช่วงวันหยุดเทศกาล ตอนแรกๆก็ดูดี ประชาชนชื่นชอบบริการ นิยมฝากบ้านในช่วงหยุดเทศกาลมากขึ้นทุกปี ตอนหลังๆถูกโจรลองดี ก็ไอ้พวกโจรที่ไม่มีวัฒนธรรม งัดบ้านขโมยรถในโครงการฝากบ้านกับตำรวจ ทำให้ตำรวจต้องทำงานหนักมากขึ้น

กรรมของตำรวจแท้ๆ ช่วงเทศกาลไม่ได้ไปพักผ่อนกับครอบครัว ต้องไปเฝ้าบ้านเฝ้าช่องให้ชาวบ้านไม่ผิดกับพวกยาม ในช่วงรับฝากบ้านเทศกาลวันหยุด ตำรวจต้องแบ่งถนน แบ่งซอยกันเฝ้า บางสถานีต้องลงทุนจ้างพวกมอเตอร์ไซด์รับจ้างมาช่วย เรียกว่าเหมาซอยกันไปเลย ซอยไหนใครรับผิดชอบว่ากันเป็นซอยๆไป หากบ้านในซอยที่ตนรับผิดชอบโดนขโมยขึ้น ก็รับไปเต็มๆ

สมัยที่ผมเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 ผมมีลูกน้องที่มีฝีมือด้านสืบสวนอยู่หลายคน รวมกันอยู่ที่กองสืบสวนนครบาล 4 หรือที่พวกตำรวจเรียกชื่อกันสั้นๆว่า “สืบ 4” หัวหน้าในตอนนั้นคือ พ.ต.อ.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ รูปร่างสูงใหญ่ รวบผมหางเปียสั้นๆ คนนี้แหละที่พวกโจรกลัวหัวหดเพราะเป็น “ของจริง” ส่วนลูกน้องฝีมือดีๆอีกหลายคน เช่นรองทวีป, รองเอนก,รองปกรณ์, รองไพศาล พวกระดับสารวัตร รองสารวัตรและชั้นประทวนอีกเยอะ แต่ละคนฝีมือใช้ได้เลย แต่แปลก ผมเกษียณไปหลายปีแล้วลูกน้องผมที่ว่าฝีมือดีๆยังอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม ไม่ได้ขยับไปไหน พวกนี้ทำงานอย่างเดียว ประจบสอพลอไม่เป็น ตังส์ก็ไม่มีซื้อตำแหน่ง น่าเห็นใจตำรวจเหล่านี้จริง

เมื่อปี 46 โครงการฝากบ้านกับตำรวจกำลัง HOT ปีใหม่ปีนั้นมีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน แต่ละโรงพักในนครบาลรับฝากบ้านจากประชาชนเป็นร้อยๆหลัง โฆษณาประชาสัมพันธ์กันมากโจรเลยรู้แกว ปีใหม่ปีนั้นเลยโดนลองของไปหลายท้องที่ จำได้ว่าเป็นของ สน.บางนา 1 ราย ในหมู่บ้านลาซาลนิเวศ ถูกโจรงัดบ้านขโมยของ แถมเอารถยนต์เก๋งไปด้วย เหมือนตบหน้าตำรวจแห่งชาติฉาดใหญ่ นักสืบนครบาลถูกไขก๊อก ต้องออกอาละวาดกวาดล้างมิจฉาชีพกันครั้งใหญ่ ลูกน้องผมที่ “สืบ 4” ต้องออกแรงกับเขาด้วย

ท่านผู้อ่านติดตาม ตำรวจเขาสืบรู้กันได้ยังไง อ่านแล้วได้ความรู้ ฝึกสมองลองเป็นนักสืบดูนะครับ
เริ่มแรกจากจุดพบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมไปจอดทิ้งไว้แถวย่านคลองหลวงปทุมธานี แค่พบรถก็มีเรื่องให้นักสืบขบคิดมากมาย

๑. แก๊งนี้ต้องไม่ใช่แก๊งขโมยรถธรรมดา หากเป็นแก๊งขโมยรถมันต้องเอารถไปขาย มันมีที่จำหน่าย ไม่ทิ้งรถไว้ข้างถนนแน่
๒. จุดที่คนร้ายนำรถไปจอดทิ้ง ต้องมีความสัมพันธ์กับพื้นที่บริเวณนั้น

ได้ร่องรอยเพียงแค่นี้จะไปตามจับใคร ที่ไหน คนธรรมดาคงคิดว่าเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร แต่นักสืบจากสืบ 4 มองทะลุ เมื่อมีควันก็ต้องมีไฟ จุดทิ้งรถกับคนร้ายต้องมีอะไรสัมพันธ์ เป็นโจทย์ที่ต้องขบคิด X-RAY พื้นที่อยู่หลายวัน เวลาผ่านไปยิ่งเพิ่มความเครียด คุณสมบัติอย่างหนึ่งของนักสืบคือ “กัดไม่ปล่อย” เครียดนักก็พักกันหน่อย ชวนกันไปทานอาหารที่ร้านกุ้งเผาย่านคลองหลวง ร้านใหญ่โต ลักษณะเป็นสวนอาหารบรรยากาศน่านั่ง ระหว่างที่บรรดานักสืบกำลังละเมียดเบียร์สดแกล้มคอหมูย่าง พลันสายตามองเห็น“ไอ้เผือก”ขับรถเก๋งเข้าไปจอดหน้าร้านอาหาร เดินเข้าไปในร้านแบบขาใหญ่ เด็กในร้านยกมือไหว้ทุกคน แต่สำหรับนักสืบ 4 เป็นงง ไอ้นี่เคยถูกกูจับเรื่องงัดแงะย่องเบานี่หว่า มันมาอยู่ที่นี่ได้ไง สัญชาติญาณนักสืบควบคุมอาการ ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร สักพักไอ้เผือกก็ขับรถออกไป สอบถามข้อมูลจากเด็กในร้านทราบว่า ไอ้เผือกเป็นเจ้าของร้านอาหารกุ้งเผาแห่งนั้น เปิดร้านใหญ่โตแต่ไม่เคยอยู่ควบคุมร้าน ปล่อยให้ลูกน้องทำ ตัวเองท่องเที่ยวไปเรื่อยๆเพราะมีเมียหลายคน

ข้อมูลเพียงแค่นี้พวกนักสืบมองไปไกล จุดที่พบรถยนต์ในคดีลักทรัพย์ที่คนร้ายเอามาทิ้ง ถึงจะอยู่ห่างไกลหลายกิโลแต่ก็เป็นเส้นทางที่อยู่ในโซนเดียวกับร้านกุ้งเผา นักสืบโยงเรื่องเข้าหากัน แผนประทุษกรรมไอ้เผือกถูกค้นหามาเปรียบเทียบกับโจรลักทรัพย์โครงการฝากบ้าน พบว่าลักษณะตรงกัน คืองัดแงะโดยใช้ไขควง เลือกเอาแต่ของมีค่าชิ้นเล็กๆ เช่นเครื่องเพชรเครื่องทองรูปพรรณ ของใหญ่ๆหนักๆไม่เอา

วินาทีนั้นเป็นต้นไป นักสืบชุดหนึ่งถูกวางตัวให้สะกดรอยติดตามไอ้เผือก ในที่สุดก็ทราบบ้าน ทั้งบ้านตนเองและบ้านภรรยาอีกหลายหลัง ไม่น่าเชื่อ โจรงัดแงะย่องเบามีบ้านช่องใหญ่โต เป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารซึ่งต้องใช้เงินลงทุนและหมุนเวียนเป็นสิบๆล้าน ค้าขายสุจริตไม่รวยอย่างนี้แน่ ตอนแรกนักสืบกะจะสะกดรอยตามตะครุบตัวคาหนังคาเขาขณะเข้าโจรกรรมทรัพย์สิน แต่รอไม่ได้ ถูกผู้บังคับบัญชาเร่งรัด ตัดสินใจขอหมายค้นบ้านของไอ้เผือกทุกหลัง ตำรวจที่ไปทำการตรวจค้นต้องตลึง ไอ้เผือกมีเครื่องเพชรเครื่องทองรูปพรรณชนิดเปิดร้านจำหน่ายได้สบาย นับรวมๆประมาณ ๒๐๐ ชิ้น เกินฐานะคนธรรมดาที่จะซื้อหามาไว้ใช้ ไอ้เผือกแจงไม่ได้ว่าซื้อหามาจากไหนอย่างไร ประกอบกับมีประวัติทางด้านงัดแงะย่องเบา จึงเอาตัวและเครื่องเพชรทองรูปพรรณไปแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จำได้ว่าเป็นช่วงกลางๆเดือนมกราคม หนังสือพิมพ์ถ่ายรูปของกลางลงข่าวหน้าหนึ่ง พอหนังสือพิมพ์วางจำหน่ายผู้เสียหายเฮโลแจ้งความดำเนินคดีกับไอ้เผือก เป็นอันว่าโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจปีนั้นสามารถกู้หน้าไว้ได้

มาปี 51 ยังไม่ถึงเทศกาลวันหยุด บ้านคหบดีในหมู่บ้านสินธนาถูกงัด ของมีค่าถูกขโมย บ้านผู้เสียหายอยู่ในท้องที่ สน.บึงกุ่ม เขตรับผิดชอบของสืบ 4 โจรไม่ดูตาม้าตาเรืออีก บอกแล้วว่านักสืบพวกนี้ดักดานไม่ได้ย้ายไปไหนกับเขา จะมีก็เพียง พ.ต.อ.วีระศักดิ์ฯได้ขยับขยายไปเป็นรองผู้การฯและที่สุดก็ได้นายพล คนมาแทนคือ พ.ต.อ.สรรักษ์ จูสนิท นี่ก็ฝีมือระดับพระกาฬ มาร่วมก๊วนกับลูกน้องมือดีๆ ไอ้โจรมึงตายแน่

โชคดีที่บ้านเกิดเหตุติดตั้งทีวีวงจรปิดไว้ โจรไม่รู้เรื่องเครื่องมือไฮเทค เจ้าของบ้านซ่อนกล้องไว้อย่างมิดชิด ตำรวจเอาภาพที่ถูกบันทึกไว้มาดู นักสืบเจ้าเก่าเห็นภาพคนร้ายถึงบางอ้อ นี่มันไอ้เผือกนี่หว่า พ้นคดีแล้วรึ แล้วทีมงานสืบสวนก็พลิกแผ่นดินตามไอ้เผือก เริ่มจากประวัติเก่าที่ถูกจับติดคุก รับสารภาพจึงพ้นโทษเร็ว การตามหาตัวไอ้เผือกไม่พ้นความสามารถของตำรวจ แต่ที่แปลกใจก็คือไอ้เผือกพัฒนาไปเยอะ คราวนี้เปิดร้านอาหารในเมือง อยู่ถนนรามคำแหง ในร้านอาหารมีเฟอร์นิเจอร์มุกเต็มไปหมด ได้ความว่า ตอนคุณเผือกไปติดคุกมีความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนนักโทษและผู้คุม พ้นโทษมาก็เลยอุดหนุนผลิตภัณฑ์ฝีมือนักโทษ ซื้อไปประดับตกแต่งที่ร้านอาหาร ผู้กำกับสรรักษ์ฯให้ลูกน้องไปรวบตัวคุณเผือกมาอีกครั้ง ตรวจค้นบ้านพบของกลางที่ได้มาจากการโจรกรรม 20 กว่ารายการ คุณโจรก็มีน้ำใจนักกีฬา ถูกจับได้ก็รับสารภาพว่าทำการโจรกรรมประมาณ ๑๐ กว่าครั้งในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล เอาทรัพย์สินที่ได้ไปขาย เอาเงินไปเลี้ยงดูภรรยาซึ่งมีหลายคน และเอาเงินไปใช้จ่ายในการเปิดร้านอาหาร คุณเผือกรับว่าทำงานคนเดียว เครื่องมืองัดแงะคือไขควงปากแบนอันใหญ่ทำด้วยเหล็กแข็ง ชมเชยในความมีประสบการณ์ของคุณเผือก ที่เลือกหาบ้านเป้าหมายได้เก่ง สอบถามได้ความว่าวันๆไม่ได้ทำอะไร ขับรถเก๋งตระเวนไปตามหมู่บ้านใหญ่ๆ สังเกตบ้านที่เห็นแล้วน่าเชื่อว่ามีทรัพย์โดยเฉพาะเครื่องเพชรและทองรูปพรรณซึ่งก็ไม่เคยพลาด

คุณเผือกคงจะต้องนอนในคุกอีกหลายปีเพราะต้องถูกเพิ่มโทษฐานกระทำความผิดซ้ำอีกด้วย ผมว่ายังไงๆคุณเผือกแกก็ไม่เลิกอาชีพนี้ ผมกลัวลูกน้องผมที่เคยจับคุณเผือกจะเกษียณหรือย้ายไปเสียก่อน แล้วใครจะตามจับคุณเผือกละทีนี้.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์