บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ล่าข้ามโลก




ฝ่ายหนึ่งทิ้งลูกทิ้งเมียหนีแบบไม่คิดชีวิต อีกฝ่ายหนึ่งตามล่าพลิกแผ่นดินหา แบบทุบหม้อข้าว ไม่ได้ตัวไม่กลับเข้าบ้าน ยุทธการไล่ล่า เสียเท่าไรเท่ากัน นอกวงการไม่รู้ว่าสืบคดีแต่ละเรื่องยากลำบากแค่ไหน เสียทั้งเงินและเวลา ผู้เสียหาย,ผู้บังคับบัญชา(บางคน)เอาแต่ด่า,สั่ง เมื่อไรจะจับได้ซะที เงินไม่เคยโยนให้ เรื่องนี้หมดเป็นแสน เสียเงินยังไม่เท่าความทุ่มเทที่ต้องใช้ไป เคยถอดใจคิดยอมแพ้ก็หลายครั้ง แต่ยังมีลูกน้องเลือดหมาบ้าที่สาบานว่า ถ้าจับคนร้ายรายนี้ไม่ได้ จะไม่กลับมาให้เห็นหน้า เค้าทำได้จริงๆ เหลือเชื่อ ยังกับหนัง “ล่าข้ามโลก” ทีเดียว
ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตราชการต้องมี 3 อย่าง เพื่อนดี ลูกน้องเก่ง นายดัน เพื่อนต้องไม่ใส่ไข่ ไม่เลื่อยขาเก้าอี้ ลูกน้องเก่งทำงานถวายชีวิตและมีสมองต้องซื้อใจไว้เลย ส่วนนาย..เมื่อเราทำงานให้หน่วยมีชื่อเสียงก็ควรจะตอบแทน แต่เดี๋ยวนี้ใช้เงินดันอย่างเดียวจบ
ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่อง
1.ตัวผมขณะนั้นรับราชการเป็นรอง ผบก.น.2 กำกับดูแล สน.บางซื่อและ สน.อื่นๆอีก 11 สน. ก่อนหน้านั้นเคยรับราชการที่กองปราบปราม ตำแหน่ง รอง ผบก.ป.
2.เสถียรฯ เพื่อนสมัยเรียนหนังสือ ตอ.รุ่น 23 เป็นพี่ชายของผู้เสียหาย เป็นผู้จุดประกายให้ผมกับทีมงานต้องฮึดสู้
3.สุนัยฯ น้องชายของเสถียรฯ เป็นผู้เสียหาย ถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้กระทำผิดหลบหนี
4.เจนฯ มือปืนจำเป็น หลังจากกระหน่ำยิงสุนัยฯแล้วหลบหนีไปสุดโลก ไม่คิดว่าจะมีใครพลิกแผ่นดินพบ
5.หนุ่มฯ อายุน้อยแต่หัวหงอก ผู้กัดไม่ปล่อยจนผมชอบเรียกมันว่า “ไอ้หมาบ้า” เคยสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้ เข้าไปเรียนอยู่แค่ 3 เดือนทะเลาะกับรุ่นพี่เรื่อง “ซ่อม” เลยถูกออกแต่เลือดและวิญญาณของความเป็นคนในเครื่องแบบยังมี ทุกคนจึงเรียก “ผู้กองหนุ่ม”
6.จ.ส.ต.อุทิศฯ (ปัจจุบัน พ.ต.ท.), ส.ต.ท.เกรียงไกรฯ (ปัจจุบันไม่เห็นหัว) ตำรวจกองปราบที่ร่วมทีมกับผู้กองหนุ่ม
7.พระแก้วฯ อดีตนักล้วงที่มาสมัครเป็นสายลับช่วยหาข่าว ภายหลังมีความจำเป็นเรื่องการเลี้ยงดูสายลับ ผมจึงให้แก้วฯไปบวชพระ ได้อาศัยข้าวก้นบาตรเลี้ยงดูบรรดาสายลับทั้งหลาย แต่พระแก้วฯก็ยังทำหน้าที่สายลับให้กับผม
เมื่อปี พ.ศ.2541 ขณะที่เป็น รอง ผบก.น.2 เสถียรฯเพื่อนมาบ่นอ่อนใจกับตำรวจตามจับคนรา้ยที่ยิงน้องชายไม่ได้สักที เวลาผ่านไปเป็นปีทั้งๆที่รู้ตัวผู้กระทำผิดและออกหมายจับแล้ว บอกกับเพื่อนว่าการสืบจับคนไม่ได้ทำกันง่ายๆ คนมันมีตีนมีหูมีตา ตำรวจตามมันก็หนี เพื่อนผมสวนกลับ “ก็คุณเป็นตำรวจ..มีหน้าที่..เค้าจ้างมาให้ทำหน้าที่..คุณต้องทำให้ได้ซิ” พูดยังงี้..ถ้าไม่ใช่เพื่อนโดนแน่..แต่นี่เป็นเพื่อนสนิท นิ่งแล้วถามต่ออีกข้อ “มึงเคยให้ค่าใช้จ่ายตำรวจบ้างเปล่า”... “อึ..ไม่เคย กรมตำรวจไม่มีให้รึว๊ะ” ขนาดเพื่อนผมจบปริญญาตรีมันยังคิดแบบนี้ เลยตัดบท เดี๋ยวกูทำเอง..ถ้ากูทำไม่สำเร็จมึงค่อยด่าตำรวจ แถมท้าย..เรื่องคดีน้องมึงนี่..ดูค่าใช้จ่ายแล้วไม่ต่ำกว่าแสน เพื่อนผมผงะตาเบิกกว้างเหมือนเห็นผี ผมไม่รอเสียโอกาส “มึงไม่ต้องจ่าย..จับได้แล้วจะแสดงค่าใช้จ่ายให้ดู..ถึงตอนนั้นมึงจะช่วยหรือไม่ช่วยเรื่องของมึง” เพื่อนกลับไป ผมสบายใจที่อย่างน้อยชาวบ้านจะได้รู้เสียบ้างถึงปัญหาและอุปสรรคของตำรวจ
ผมรวบรวมข้อมูลและรายละเอียดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดี ทราบว่า ผู้บาดเจ็บและผู้กระทำผิดอาศัยอยู่ในซอยเดียวกันคืออินทามระ 2 หน้าบ้านชนกัน เคยเห็นหน้าแต่ไม่เคยพูดจาจึงไม่รู้จักสนิทสนม ถนนอินทามระ 2 ค่อนข้างแคบ ผู้บาดเจ็บเป็นคนรักต้นไม้เอาไม้กระถางวางริมถนนหน้าบ้าน ผิวการจราจรเลยยิ่งน้อยลง ผู้กระทำผิดถอยรถยนต์เข้า-ออกบ้านโดนกระถางแตกเป็นเหตุให้ทะเลาะกัน ผู้กระทำผิดใช้อาวุธปืนพกยิงผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วหลบหนีไป
สน.บางซื่อรับผิดชอบทำสำนวนการสอบสวน ออกหมายจับนายเจนฯผู้กระทำผิด สืบสวนเป็นปียังจับไม่ได้ ไม่ทราบว่าหลบหนีไปอยู่ที่ใด
ทีมหมาบ้าจะต้องทำให้ได้ รับปากกับเพื่อนไว้ เราจะไม่ยุ่งกับฝ่ายสืบสวนท้องที่เลย เป็นหยิ่งไง เดี๋ยวจะหาว่าไม่มีฝีมือ รายละเอียดเกี่ยวกับผู้กระทำผิดถูกรวบรวม ทราบว่านายเจนฯมีลูกชายอายุ 5-6 ขวบเรียนอยู่ที่โรงเรียนเรวดี สะพานควาย หลังเกิดเหตุภรรยานายเจนฯพาลูกไปอยู่ที่ซอยอินทมระ 20 กว่า หาบ้านใหม่จนเจอ สมัยนั้นยังไม่มีโทรศัพท์มือถือ มีแต่โทรพื้นฐานเบอร์ 02 ดักฟังโทรศัพท์โดยวิธีโจร จ้างช่างโทรศัพท์ฝีมือดีลากสายจากชุมสายย่อยไปยังห้องเช่า หาเช่าห้องก็ลำบากเพราะจะต้องเลือกจุดที่มองเห็นบ้านผู้กระทำผิดด้วย เงินซะอย่างไม่ช้าก็ได้ห้อง อุปกรณ์ดักฟังพร้อมเทปบันทึกเรียบร้อยและยังต้องจ้างคนมานั่งส่องกล้องดูการเข้าออกบ้านของผู้ต้องหาอีกด้วย เพียงแค่เริ่มต้นคิดเป็นเงินก็หลายหมื่นแล้ว
เฝ้าบ้านผู้ต้องหาเป็นเดือนไม่มีอะไรเป็นที่ผิดสังเกต โทรศัพท์ก็ไม่ค่อยมีการใช้ ผู้ซุ่มดูขอภาพถ่ายผู้ต้องหาชัดๆซึ่งความจริงคัดมาจากกองบัตร หน้าตาดูแล้วเหมือนไม่ใช่คน จึงต้องนิมนต์อาจารย์แก้วให้ไปภิกขาจารที่หน้าบ้านของผู้ต้องหา บอกโจทก์ไปว่า หาทางเข้าบ้าน พยายามหารูปถ่ายผู้ต้องหาแล้วจิ๊กมาให้ได้ บุคลิกอาจารย์แก้วฯเป็นคนพูดโกหกได้เหมือนจริง หน้าตาย ยิ่งพูดขณะเป็นพระยิ่งสนิท ในที่สุดอาจารย์แก้วฯก็สามารถเอารูปถ่ายของนายเจนฯมาได้
แผนเฝ้าดูประกอบการฟังโทรศัพท์บ้านผู้ต้องหาไม่ได้เรื่อง เปลี่ยนวิธี หาข้อมูลว่าลูกชายของนายเจนฯเรียนอยู่ชั้นอะไร คราวนี้จะขอชนกับครูประจำชั้น ไม่ง่ายเลยเพราะทางโรงเรียนระมัดระวังเรื่องคนแอบอ้างมาลักพาตัวเด็ก ต้องวิ่งประสานหลายทิศกว่าจะเข้าถึงครูประจำชั้น ในที่สุดก็ได้คุยกับครูซึ่งเป็นผู้หญิง อธิบายอยู่หลายวันกว่าเธอจะใจอ่อนร่วมมือ ก็เพียงให้พูดกับเด็กว่า “คุณพ่อหนูไปอยู่ไหน ไม่เห็นมารับหนูบ้างเลยนะ งานโรงเรียนครูอยากให้คุณพ่อกับคุณแม่มาพร้อมกัน” ไม่เวิร์คอีก หลังจากครูป้อนคำถามไปเราหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับการโทรศัพท์บ้าง แต่ไม่มี (ทราบทีหลังว่า นายเจนฯพ่อของเด็กไปมีเมียใหม่ ไม่ติดต่อหาเมียเก่าเลย) ดีนะที่ครูพูดกับเด็ก ถ้าหากพูดกับแม่เด็กสงสัยโดนตอกกลับแน่
ทีมงานเรากัดแล้วต้องไม่ปล่อย ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์เพื่อหาเบอร์ต้นทางที่โทรเข้าและเบอร์จุดหมายปลายทาง ปกติแล้วการตรวจสอบแบบนี้ทำไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่ทีมเราอาศัยความสัมพันธ์พิเศษลูกเดียวถึงได้ และยังตรวจสอบหลักฐานการเงินของนายเจนฯผู้ต้องหา มีบัญชีเงินกับธนาคารใดบ้างและมีบัตร เอ.ที.เอ็ม.หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องทำกันง่ายๆ ต้องอาศัยบารมีมากโขกว่าจะรู้ว่านายเจนฯมีบัญชีเงินฝากกับธนาคารมีชื่อแห่งหนึ่งและใช้บริการบัตร เอ.ที.เอ็ม.ด้วย
เวลาผ่านไป 3 เดือนกว่า เงินหมดไปเท่าไร เพื่อนเสถียรฯรู้บ้างรึเปล่า เราไม่หมดความพยายาม อึดเท่านั้นถึงจะชนะ รอแบบลมๆแล้งๆจนเข้าเดือนที่ 7 มีโทรศัพท์เสียงผู้ชายพูดกับลูก พูดสั้นๆเหมือนระวังตัว แค่นี้นักสืบก็ดีใจจนเนื้อเต้น เช็คหาเบอร์ต้นทางที่โทรเข้า เป็นเบอร์สาธารณะอยู่ที่ จว.ภูเก็ต
ปิดศูนย์ที่อินทามระไปตั้งใหม่ที่ จว.ภูเก็ต เริ่มเห็นความหวังลางๆแต่กระเป๋าเริ่มฉีก ที่ภูเก็ตห้องเช่าถูกๆไม่มี ค่าใช้จ่ายต่างๆก็สูง ข้อมูลจากการใช้โทรศัพท์ของผู้ต้องหา เวลาเช้าประมาณ 09.00 น.ที่ตู้สาธารณะบริเวณใกล้ๆกับท่าเรือ ตอนค่ำเวลา 20.30 น.ที่ตู้สาธารณะบริเวณเขารัง ข้อมูลเพียงแค่นี้ทีมก็ต้องทำงานหนัก เจนฯจะทำงานเรือรึเปล่าหรือว่าอาจจะพักอยู่ในย่านใกล้เคียงกับตู้โทรศัพท์ทั้งสองตู้ ตรวจสอบกันอยู่หลายวันไม่ได้อะไรที่เป็นประโยชน์ในการสืบหาตัวนายเจนฯเลย
หันมาให้ความสนใจกับตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตัดสินใจเฝ้าสังเกต เลือกเอาตู้ที่ผู้ต้องหาใช้โทรตอนกลางคืน อากาศเย็นสะดวกต่อการเฝ้า โชคดีพบว่าบริเวณใกล้ตู้โทรศัพท์มีแม่ค้าขายข้าวแกง ทีมงานเรายกทีมกินข้าวกันที่นี่ กินเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้เป็นขาประจำ และคิดว่านายเจนฯก็น่าจะมาเป็นลูกค้าที่นี่ด้วย พอเห็นว่าถึงเวลาอันควรก็เอาภาพถ่ายของนายเจนฯให้แม่ค้าขายข้าวแกงดู บอกว่ามาตามเพื่อน ดูสีหน้าแม่ค้าเหมือนจะเคยเห็นและจำได้แต่เธอยังไม่พูดอะไรชัดเจน ถึงตอนนี้ต้องตัดสินใจวัดดวงไม่งั้นความแตก ต้องเอาแม่ค้าขายข้าวแกงเป็นพวกให้ได้ เลยบอกว่ามาทวงหนี้ ถ้าพบตัวจะจ่ายแม่ค้า 20,000.- ได้ผล แม่ค้าบอกว่าเมื่อก่อนเคยมาทานเป็นประจำแต่หายไป 2-3 เดือนแล้ว เอาละซีที่แรกเหมือนจะใกล้เป้าแต่แล้วก็ห่างออกไป ตอนนี้ก็เลยต้องฝากความหวังไว้กับแม่ค้าขายข้าวแกงพร้อมเงินสินบนก้อนโต ทีมงานต้องเช่าห้องพักที่ภูเก็ตต่อไปอีกอย่างไม่มีกำหนด
ผ่านไปอีก 1 เดือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมยอมแพ้สั่งให้ทีมงานกลับ แต่ไอ้หนุ่มหัวหน้าชุดไม่กลับ ผมจึงเรียกมันว่า “ไอ้หมาบ้า” คือมันกัดแล้วไม่ปล่อย แล้วพูดแดกแถมท้ายไปอีก “ถ้ามึงทำงานนี้ไม่สำเร็จ ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้า”
ไอ้หนุ่มกล้าวัดดวงเพราะเสถียรฯเพื่อนผมบอกว่า “ขอให้จับได้ เสียค่าใช้จ่ายเท่าไร จัดให้” หมดหนทางหันพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไอ้หนุ่มมีอาจารย์เป็นพระเกจิอยู่ที่ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น จึงเดินทางไปพบให้พระอาจารย์ทำพิธีสะกดดวง อาจารย์ขอวันเดือนปีเกิดของนายเจนฯแล้วบอกว่า มันมีดวงมหาอุตม์ทำให้แคล้วคลาด พระอาจารย์ใช้ฟางข้าวแห้งมามัดเป็นรูปหุ่นคน เขียนชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดของนายเจนฯลงไป ท่องบ่นคาถาภาวนา ให้เอาหุ่นฟางนายเจนฯติดตัวไว้ตลอดเวลาและบอกว่าเวลาจะจับให้เผาหุ่น มันจะร้อนจนอยู่ไม่ได้ต้องออกมาให้จับ
เสร็จจากเรื่องเวทมนต์คาถาก็ต้องวกมาที่การข่าว ไม่พ้นแม่ค้าขายข้าวแกงซึ่งความจริงแม่ค้ารู้ว่านายเจนฯอยู่ที่ไหนแต่ไม่ยอมบอกแต่แรก มาคราวนี้เปิดปากบอกแต่ก็ทำให้ยากไปอีก บอกว่าไม่ได้อยู่ที่นี่(ภูเก็ต)แล้ว ไปอยู่กับเมียซึ่งเป็นหลานกำนันอยู่ที่ จ.กระบี่ ฟันธงว่าแม่ค้าพอจะรู้รายละเอียดแต่จะทำยังไงให้พูดออกมา เสนอเงินสิบบนแล้วก็ไม่สนใจ ไม่พ้นความสามารถของทีมงาน คุยไปคุยมาก็รู้ว่าได้เมียเป็นครูไม่รู้ว่าโรงเรียนอะไรที่ไหน เอาละได้แค่นี้ก็พอ
แหล่งข่าวธนาคารส่งข้อมูล นายเจนฯใช้บัตร เอ.ที.เอ็ม.ถอนเงินที่ กะปาง และที่ อ.ทุ่งสง ทีมงานจึงเบนเข็มไปที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไอ้หนุ่มบ่นร้อนเหงื่อกาฬไหลเพราะต้องมีหุ่นฟางอาคมติดตัวด้วย คืนก่อนจับกุมไอ้หนุ่มฝันเห็นโรงเรียนแห่งหนึ่งมีป้ายชื่อเป็นไม้แขวนอยู่ เชื่อว่าต้องเป็นนิมิตเกี่ยวกับตัวนายเจนฯแน่ จึงได้เล่าให้เพื่อนที่ร่วมเดินทางฟัง
ระหว่างเดินทางไป อ.ทุ่งสง ขับผ่านโรงเรียนแห่งหนึ่ง ความจริงขับเลยไปแล้วแต่ ส.ต.ท.เกรียงไกรฯตาไวมองเห็น บอกให้ไอ้หนุ่มหยุดรถแล้วถอยไปดู เป็นโรงเรียนบ้านปากแพรก ไอ้หนุ่มบอกใช่เลยตรงกับในฝัน ป้ายบอกชื่อโรงเรียนเป็นป้ายไม้ และใกล้ๆมีหลักกิโลเมตรบอกอีก 5 กม.ถึง อ.บางขัน ข้างทางมีร้านค้าเล็กๆแวะลงถาม เอารูปให้ดูบอกมาตามหาเพื่อนซึ่งมาแต่งเมียอยู่แถวนี้ คุณยายใจดีดูรูปแล้วรีบบอก “ไอ้เจน..เมื่อกี้เห็นนอนอยู่ที่บ้านกำนัน” เพียงแค่นี้พอแล้ว อำลาคุณยายมุ่งหน้าไป สภ.บางขันทันที ประสานตำรวจท้องที่เพื่อขอหมายค้น ด้วยความร่วมมือของตำรวจท้องที่ก็สามารถเข้าจับกุมตัวนายเจนฯได้ก่อนสว่าง โดยก่อนเข้าจับไอ้หนุ่มไม่ลืมเผาหุ่นฟางนายเจนฯ จนเป็นที่ประหลาดใจของตำรวจ สภ.บางขันที่เห็นตำรวจนครบาลบ้าไสยศาสตร์
จับกุมนายเจนฯได้พร้อมอาวุธปืนพก 2 กระบอก ออโตเมติกขนาด 9 ม.ม. กับรีวอลเวอร์ขนาด.38 นายเจนฯรับสารภาพและพูดเป็นปริศนาว่า “ผมเห็นคุณ 2 คนในความฝัน..นึกแล้วว่าจะต้องถูกจับสักวัน” (2 คนหมายถึงผมกับไอ้หนุ่ม)
เจนฯถูกนำขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลาอาญากรุงเทพฯ ต่อสู้ว่ากระทำไปเพราะบันดาลโทสะ ศาลพิพากษาจำคุก 11 ปี แต่ติดคุกจริงๆเพียง 3 ปีกว่าก็พ้นโทษ ต่อมาก็เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ส่วนสุนัยฯยังมีชีวิตอยู่แต่ร่างกายก็ไม่ปกติสมบูรณ์เหมือนคนธรรมดา นี่แหละ "อาชญากรรมไม่เคยให้คุณแก่ใคร"
เสถียรฯจ่ายรางวัลให้ ทีมงานได้รับค่าเหนื่อย ไม่เคยคิดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่เป็นความสุขอย่างยิ่งที่เพื่อนผมเรียกผมว่า “อังกูร..คุณเป็นยอดตำรวจ”

"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์