คดีจบแต่ความรู้สึก..ยังไม่จบ
คดีจบแต่ความรู้สึก...ไม่จบ
-เมื่อวันก่อนโทรทัศน์ช่องหนึ่งได้แพร่ภาพและเสียงคดีดังในอดีต คือคดีผู้พันตึ๋ง หรือ พ.ท.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ ถูกดำเนินคดีในข้อหา ฆ่าผู้อื่น คดีจบสิ้นไปแล้ว...แต่ในความรู้สึกของบางคนมันยังไม่จบ เหมือนมีเข็มมาสะกิดให้สะดุ้งคิด โธ่..น่าจะปล่อยให้ลืมๆไปจะดีกว่า ความรู้สึกคนมันห้ามกันไม่ได้
-คดีผู้พันตึ๋ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งเป็นคณะทำการสืบสวนสอบสวน ผมเป็นผู้หนึ่งในคณะทำงาน ผมต้องรับผิดชอบโดยตำแหน่งหน้าที่เพราะเป็นผู้บังคับการนนครบาล 4 พื้นที่ๆเกิดเหตุ คณะทำงานฝีมือระดับปรมาจารย์ ตรงฉิน เชื่อถือได้ ขอเอ่ยนาม 2 ท่าน ผู้รับผิดชอบสืบสวน คือ อาจารย์ยาว หรือ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ขณะนั้นเป็น ผกก.สส.น.4 ผู้รับผิดชอบการสอบสวน คือ พล.ต.ท.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ขณะนั้นเป็นผู้ช่วย ผบช.น. หัวหน้าใหญ่ คือ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ รองผบ.ตร.ขณะนั้น
-การสืบสวนสอบสวนคดี ผู้ทำคดีจะต้องดูสถานที่เกิด ดูสภาพศพ ซึ่งคณะสืบสวนสอบสวนชุดนี้ได้ดูกันทุกคน พวกที่ดูจากภาพหรือมโนตามคำบอกเล่า ขอให้ไปห่างๆเลย ไม่มีในตำรา
-เหตุเกิดที่โรงแรมมีชื่อ ถนนพระราม9 ห้อง 4006 (อยู่ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง) ผู้ตายเข้าพักวันที่ 4 มี.ค.2544 เวลาประมาณ 15.20น. พบศพวันรุ่งขึ้นเวลาเที่ยง เหตุที่พบเนื่องจากถึงเวลาคืนห้องพักแต่ผู้ตายยังไม่คืน เจ้าหน้าที่โรงแรมโทรหาไม่มีคนรับจึงใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าไป พบศพชายนอนกับพื้นข้างเตียง นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดสีขาว มีผ้าเช็ดตัวคลุมบริเวณศีรษะ เมื่อเอาผ้าคลุมศีรษะออกพบว่าศพถูกของมีคม(มีด)แทงที่ลำคอ เป็นแผลใหญ่ลึกถึงหลอดลม และมีบาดแผลเกิดจากกระสุนปืนขนาด.22 บาดแผลเข้าที่กกหูด้านซ้ายทะลุแก้มขวา มีเขม่าดินปืนติดที่บาดแผลทางเข้า
-ผู้ตายเป็นคนดังมีระดับ วิทยุและนสพ.ประโคมข่าว การสืบสวนเริ่มได้เงื่อนงำ คนขับแท็กซี่(ปิดนาม)เข้าพบพร้อมนำซิมโทรศัพท์ 1 ซิมมามอบให้คณะผู้สืบสวน โดยแจ้งว่าสงสัยผู้โดยสารที่ทำซิมโทรศัพท์หล่นในรถน่าจะเป็นคนร้ายเพราะรับจากบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ บอกแล้วไง อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอยเสมอ ทางเปิดทันที ตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัยตลอดจำตำแหน่งที่รับ-ส่งถูกนักสืบซักถามไว้อย่างละเอียด
-เอาซิมโทรศัพท์มาเปิดใช้กับเครื่องโทรอื่น ตรวจสอบเป็นเบอร์ของผู้ตาย ตรวจสอบการโทรของผู้ตาย ป๊าดโธ่..มันจะไปเหลืออะไร ผู้ตายโทรถึงใครบ้าง ใครโทรหาผู้ตายบ้าง ผู้สืบสวนรู้หมด ทุกคนที่เกี่ยวข้องถูกเรียกมาสอบสวน ได้ร่องรอยพยานหลักฐานเชื่อมโยง รู้รายละเอียดเยอะมาก บอกไม่ได้ แต่เป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงกันยังกับลูกโซ่ นี่ไง..ผมถึงเชื่อฝีมืออาจารย์ยาว..โคตรปรมาจารย์..ใช้คนทำงานได้เป๊ะๆ..วิเคราะห์ขาดหมด ผมจำได้ว่า เสนอขั้นพิเศษให้อาจารย์ยาวด้วย
-ผู้อ่านสงสัยละซี..ทำไมคนร้ายต้องทิ้งซิมโทรศัพท์ไว้ให้เป็นหลักฐานด้วย..555..เขาเรียกว่าปลาตายน้ำตื้น..เรื่องแบบนี้มีอยู่บ่อยๆ..เคยได้ยินไหม..คนร้ายไปขึ้นบ้านขโมยทรัพย์สินแล้วเสือกทำบัตรประชาชนตัวเองตกในที่เกิดเหตุ..ไม่ได้ตั้งใจทิ้งแต่เพราะความ Excite หยิบโน่นฉวยนี่ มันสั่นไปหมด รายนี้ก็เหมือนกัน ชะรอยจะกลัวจนรุกรน คงตั้งใจจะเอาโทรศัพท์ไปขายแต่มีความฉลาดแค่หางอึ่งว่า ถ้ามีซิมติดไปด้วยเดี๋ยวจะตรวจสอบได้แล้วจะถูกจับ อย่ากระนั้นเลยถอดซิมทิ้งซะดีกว่า พระเจ้าไม่เข้าข้างคนผิด มือคงสั่นหรือไม่รถก็คงกระแทก ขณะถอดซิมออกปรากฏว่าซิมตก หาไม่พบก็เลยปล่อยเลยตามเลยไง
-เวลาผ่านไปแพรบเดียวก็รู้คนตายเป็นใครและผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นใคร ก็จากซิมโทรศัพท์นี่แหละ ตำรวจไม่ได้เก่งอะไรแต่รู้ว่าสิ่งไหนจะบอกอะไรได้บ้าง ในที่สุดก็รู้ว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้คือน้อยซึ่งเป็นกิ๊กของผู้ตาย
-ขั้นตอนตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์ถึงจะเร่งยังไงก็ต้องใช้เวลา รู้คนร้ายแต่ปรากฏว่าน้อยไวกว่า เข้าหานายตำรวจใหญ่พามอบตัวเสียก่อน ความจริงไม่ต้องมอบตัวมึงก็โดนจับอยู่แล้ว
-รับตัวไว้ทำการสอบสวน รับสารภาพว่ากระทำผิดแต่ผู้เดียว อาจารย์ยาวอำนวยการสอบ ผมก็สอบ รับสารภาพแบบชาวบ้านเรียกว่าหมดเปลือก เช่น เป็นฝ่ายโทรนัดผู้ตายพักโรงแรมที่คุ้นเคย สาเหตุฆ่าต้องการเงินไปจ่ายค่าเช่าบู๊ธที่อิมพีเรียลลาดพร้าวซึ่งน้อยได้เช่าไว้เพื่อให้ลูกเปิดร้านเกมส์
-หลังจากหลับนอนกันเสร็จ น้อยขอเงินจากผู้ตาย 30,000.- แต่ผู้ตายให้แค่ 5,000.- น้อยคิดหาทางเพราะมีความจำเป็นต้องนำเงินไปจ่ายค่าเช่าบู๊ธ เห็นผู้ตายมีเงินในกระเป๋าและสวมแหวนทองคำหัวอัความารีนมีราคา ตอนจะลาจาก น้อยยืนกอดผู้ตายโดยซ่อนปืน King Cobra ไว้ในมือที่โอบรอบหลังคอผู้ตาย (King Cobraเป็นปืนขนาดเล็ก แบนๆ กว้างประมาณ 2 นิ้วยาวประมาณ5นิ้ว ใช้กระสุนขนาด.22 ซ่อนในฝ่ามือสบายๆ) น้อยยิงปืนเข้ากกหูซ้ายทะลุโหนกแก้มชวา ผู้ตายยังไม่สิ้นใจทันที ล้มลงนอนกับพื้น หายใจดังเหมือนคนนอนหลับ เคลื่อนไหวและพูดไม่ได้ น้อยนำมีดปลายแหลมสำหรับปอกผลไม้ใบมีดยาวประมาณคืบที่ติดตัวไปด้วย แทงที่ลำคอผู้ตายหลายครั้ง ปลายมีดที่แทงไปขัดกับกระดูกคอ ตอนกระชากมีดออกจึงทำให้บาดแผลเหวอะหวะ เมื่อแน่ใจว่าถึงแก่ความตายแล้วจึงได้ถอดแหวน, กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไป น้อยเดินทางไปที่เดอะมอลล์บางกะปิ เอาแหวนของผู้ตายไปขาย ส่วนโทรศัพท์ของผู้ตายน้อยได้ถอดซิมออกเอาโทรศัพท์ไปให้ลูก ซิมโทรศัพท์ตกหายในรถ
-น้อยรับสารภาพแล้วพาไปเอาอาวุธปืนที่ใช้ยิงซึ่งยังเก็บไว้ที่บ้านลาดพร้าว ส่วนโทรศัพท์กับมีดอ้างทิ้งไปแล้ว และได้พาไปเอาแหวนจากร้านค้าที่เดอะมอลล์บางกะปิ ยึดเป็นของกลาง
-รอง ผบ.ตร.หัวหน้าคณะสืบสวนสอบสวนเดินทางมาสอบผู้ต้องหาด้วยตนเอง ผู้ต้องหารับสารภาพ รับว่าทำแต่ผู้เดียว
-นำตัวน้อยไปชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ทีวีและหนังสือพิมพ์ติดตามถ่ายบันทึกภาพและมีการซักถามผู้ต้องหาในประเด็นที่สงสัยจนเคลีย
-ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงคณะสืบสวนสอบสวนใหม่ ผม,อาจารย์ยาวและอาจารย์จักรทิพย์หลุด มีชุดใหม่จากกองปราบเข้ามาแทนและต่อมาก็มีการจับกุม ผู้พันตึ๋ง หรือ พ.ท.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ โดยมีหลักฐาน พบเลือดของผู้ตายในห้องพักและที่รถยนต์ของผู้พันตึ๋ง
-คดีขึ้นสู่ศาล ผู้ต้องหาปฏิเสธ ต่อสู้คดี ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตผู้พันตึ๋ง คดีเป็นอันจบ แต่มีบางสิ่งบางอย่างค้างคาใจผู้สืบสวนสอบสวนและผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์บางคน
1.ไอ้ตึ๋ง ไอ้คนโง่ บ้า เซ่อ สมควรแล้วละที่โดนประหาร จะฆ่าคนที่มีระดับทั้งที ดันมาพักโรงแรมเดียวกันกับผู้ตาย แถมเช็คอินให้มีหลักฐานซะด้วย แล้วก็มากันเป็นฝูง ลูกน้องเพียบ และก็ไม่ได้ทำตัวเงียบๆด้วย เข้าออกคอฟฟี่ชอบโรงแรมเป็นว่าเล่น จนเด็กโรงแรมใครๆก็รู้
2.ไอ้ตึ๋ง มึงรู้ไงว่าผู้ตายจะเข้าพักที่โรงแรมนี้ มึงเข้าพักก่อน ส่วนผู้ตายนั้น Last minute กิ๊กชวนจึงเข้าพักโรงแรมนี้ (หลักฐานการใช้โทรศัพท์มันฟ้อง)
3.มึงไปโกรธเคืองผู้ตายเรื่องอะไรว๊ะทั้งที่มึงกับผู้ตายก็ไม่ได้รู้จักกัน แล้วมึงกับอีน้อยก็ไม่เคยรู้จักกัน เสือกร่วมมือกันฆ่า คนตายเป็นคนมีระดับ มึงคิดแบบนี้ได้ยังไง
4.มึงเก่งมากที่ให้อีน้อยใช้ปืนของมันเองฆ่าผู้ตาย (ชุดเก่าสอบไว้ชัดเจนว่าปืนกระบอกที่ใช้ยิง เป็นปืนของอีน้อยที่สามีซื้อให้ และชุดเก่าก็ได้สอบ,อัดเทป บันทึกปากคำสามีของน้อย รับกันในประเด็นนี้)
5.มีดที่ใช้แทงผู้ตายอีน้อยก็จัดเตรียมมา โดยอีน้อยไปซื้อจากห้างเดอะมอลล์บางกะปิ กูไปสอบประเด็นนี้ด้วยตนเอง
6.มึงแย่มาก ทิ้งร่องรอยหลักฐาน เช่น เอาปืนที่ใช้ยิงคือให้อีน้อยไปเก็บรักษา ไอ้บ้า..เขามีแต่จะทิ้งหรือทำลาย เสือกเก็บไว้เป็นหลักฐาน และให้ไว้กับคนที่ไม่รู้จักคุ้นเคยอีกด้วย โห..มึงไว้ใจขนาดนี้เลยรึ
7.ที่มึงแย่อย่าง ให้อภัยไม่ได้คือ ลูกน้องมึงต้องไปเหยียบเลือดผู้ตายทำพระแสงอะไร แล้วสงสัยลูกน้องมึงต้องเดินเท้าเปล่า ถือรองเท้าเอาไปใส่ในรถ เลือดของผู้ตายจึงไปติดที่อุปกรณ์เบรก,คันเร่งน้ำมันของรถ ถ้าลูกน้องมึงใส่รองเท้าเดินออกจากห้องที่เกิด ผ่านทางเดินระหว่างห้องไปยังลิฟ ลงลิฟแล้วยังต้องเดินไปลานจอดรถ เลือดคงเปื้อนเปรอะไปหมด บ๋อยโรงแรมมันคงบ่นแย่เพราะทำพื้นโรงแรมเปื้อน
8.การที่เลือดไปอยู่ในห้องน้ำของลูกน้องมึง กูพูดมากไม่ได้ว่ะ เอาเป็นว่ากูประมาทเอง สั่งให้เก็บรักษาสถานที่เกิดเหตุไว้ 1 สัปดาห์ เพราะอะไรรู้ไหม เดี๋ยวนายคนโน้นมา คนนี้มา กูต้องเปิดห้องอธิบายซ้ำซาก แมร่งเลือดคนตายกองอยู่กลางห้องลิ่มๆ กูสั่งโรงแรมอย่าเพิ่งไปล้างออก กูสงสัยเลือดมันจะมีชีวิต
9.อีกอย่างที่กูเศร้าใจ ตอนที่กองปราบจับมึง คนเขายกมือไหว้ท่วมหูท่วมหัว คนแซ่ซ้องว่าดีแล้ว สมแล้ว เพราะชื่อเสียงมึงตอนนั้นโด่งดังในทางลบมาก เป็นนักข่มขู่ รีดไถ นักทวงหนี้ แบบพระเจ้าลงโทษไง
10.ขอบใจเมียเองมาก ให้ทนายดั้นด้นมาพบ แต่มาเมื่อมันสายไปซะแล้ว เมียเองรักเองมากน๊ะ กูได้แต่บอกไปว่า ขอให้สวดมนต์ ทำแต่ความดีแล้วสาปแช่ง ใครทำดี บริสุทธิ์ ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ให้แคล้วคลาดปลอดภัย ใครคิดชั่วใส่ร้ายขอให้มันมีอันเป็นไป ฉิบหาย ตายโหง ไม่เจริญ
11.ถ้ามีโอกาส รอดประหาร พ้นโทษออกมาได้ มาหากูหน่อยนะ จะขอเลี้ยงข้าวสักมื้อ ด้วยวิญญาณนักสืบ กูสงสารมึงจริงๆว่ะ อยากเตือนสติอะไรบางอย่าง แค่กูเขียนด่าว่ามึงนี่กูก็ความดันขึ้นแล้ว