บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ยอดนักสืบ




ไม่มีอาชญากรรมใดที่สมบูรณ์แบบ ย่อมทิ้งร่องรอยเสมอ ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้สืบสวนที่จะค้นหาร่องรอยหลักฐานนั้นพบหรือไม่ คดีเรื่องนี้เป็นแบบอย่างความสามารถของผู้สืบสวนที่มีความละเอียด ไม่มองข้ามกระดาษชิ้นเล็กๆทำให้พิชิตคดีใหญ่ได้ ขอยกนิ้วให้
หนุ่มใหญ่วัยกลางคนหายตัวไปอย่างลึกลับ ผู้ที่กระวนกระวายใจมากที่สุดก็คือผู้เป็นแม่วัย๘๐ปีเศษ รอการกลับมาของลูกด้วยความห่วงใย ผ่านไปหลายวันลูกชายมาเข้าฝันว่าถูกฆ่าศพฝังดิน คุณแม่เศร้าโศกไม่เป็นอันกินอันนอน ไม่กี่วันต่อมาคุณแม่ก็ตรอมใจตายโดยที่เธอไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าแท้จริงศพลูกถูกฝังอยู่ใต้ถุนบ้านเธอนั่นเอง
ตราบที่ยังไม่พบศพก็ยังไม่เป็นคดีอาญา ไม่รู้จะเริ่มต้นสืบสวนตรงไหน ทำได้อย่างมากก็แค่ติดตามหาคนหาย การสืบสวนทำท่าจะมืดมน แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณของเจ้าหน้าที่กองสืบสวนตำรวจนครบาล๔และกรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ สามารถคลี่คลายคดีนี้และจับกุมตัวผู้กระผิดได้ เพราะเอกสารชิ้นเล็กนิดเดียว
เริ่มจากพลเมืองดีแจ้งไปที่ สน.ประเวศ พบรถยนต์เก๋งจอดทิ้งไว้ริมถนนในหมู่บ้านนักกีฬาซึ่งอยู่ในท้องที่ สน.ประเวศ ลักษณะจอดทิ้งไว้หลายวันฝุ่นจับหนา ตรวจสอบทะเบียนรถ เจ้าของอยู่ฉะเชิงเทรา(ถ้าคนร้ายฉลาด ถอดแผ่นป้ายทะเบียนทิ้งหรือเอารถไปทำลาย การสืบสวนก็คงจะมืดมน นี่แหละครับเป็นทฤษฏีอาชญากรรม “อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอยเสมอ”) ตรวจสอบข้อมูลจึงได้ทราบว่าเป็นรถของ"เกรียงไกร"ผู้ที่หายตัวไป
"เกรียงไกร"อายุ๔๐ปีเศษ มีภรรยาแล้วแต่แยกกันอยู่ เคยทำงานเป็นนายธนาคารแต่ลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของโรงงานผลิตอะไหล่รถยนต์อยู่ที่ในจังหวัดฉะเชิงเทราแต่อยู่คนละอำเภอกับบ้านพัก มีฐานะมีบ้านเรือนทรงไทยหลายหลังอยู่บนเนื้อที่ประมาณ๓ไร่เศษ "เกรียงไกร"ทำตัวเป็นคนเจ้าสำราญ มีคอนโดฯที่พักในซอยลาซาล ถนนสุขุมวิท กทม.อีกแห่ง
ข้อมูลแค่นี้ยังเปิดเป็นคดีไม่ได้ แต่ที่แน่ๆข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งจะต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างในพื้นที่ สน.ประเวศ รถของนายเกรียงไกรจึงถูกทิ้งไว้ที่นี่ การสืบสวนจึงเป็นหน้าที่ของกองสืบสวนตำรวจนครบาล๔(รับผิดชอบพื้นที่ๆพบยานพาหนะผู้หายตัวไป) หน่วยงานนี้มีนักสืบฝีมือดีๆอยู่หลายคน
หลังจากได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนายเกรียงไกรนำมาวิเคราะห์แล้ว มีประเด็นหลักๆอยู่หลายเรื่อง แต่ละเรื่องเป็นเหตุให้ถึงกับเสียชีวิตได้ทั้งนั้น
ประเด็นที่๑ มีเรื่องบาดหมางกับนายตำรวจระดับใหญ่ซึ่งเป็นมือ"อุ้ม" เนื่องจากนายตำรวจผู้นี้แอบมีสัมพันธ์กับอดีตภรรยาของนายเกรียงไกร
ประเด็นที่๒ มีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ที่ศาลจังหวัดชลบุรี นายเกรียงไกรต้องเดินทางไปขึ้นศาลบ่อยๆ ก่อนที่จะดินทางไปขึ้นศาลแต่ละครั้งก็จะไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ที่ สน.บางนา เพื่อให้เป็นแนวทางการสืบสวนหากถูก"อุ้ม"หายตัวไป
ญาติของเกรียงไกรไม่ไว้ใจการทำงานของตำรวจจึงได้ไปร้องทุกข์ต่อ กรมสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษDSI ให้ทำการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ด้วย
จากการตรวจสอบเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายเกรียงไกรทราบว่ามีบัญชีเงินฝากกับธนาคารและได้ทำบัตร เอ.ที.เอ็ม.สำหรับเบิกถอนไว้ด้วย ทรัพย์สินของมีค่าอย่างอื่นไม่สามารถตรวจสอบได้
ตรวจความเคลื่อนไหวทางบัญชีเงินฝากพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีการพบรถพาหนะของเกรียงไกร๒วัน มีการถอนเงินโดยใช้บัตร เอ.ที.เอ็ม.รวม๕ครั้ง รวมเป็นเงิน๕๕,๐๐๐.-บาท ตรวจสอบลึกถึงจุดที่ใช้บัตร เอ.ที.เอ็ม.ถอนเงินปรากฏว่าจุดที่ถอนเป็นบริเวณใกล้เคียงกันทั้ง๕จุดคือ แถวเดอะมอลล์บางกะปิ ถนนลาดพร้าว จุดถอนเงินเหล่านี้ก็อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่พบยานพาหนะ ตรวจสอบเวลาที่ถอนเงินเป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน การถอนแต่ละครั้งกระทำในเวลาไล่เลี่ยกัน
ตรวจสอบการใช้โทรศัพท์มือถือของเกรียงไกรพบว่า ก่อนทหายตัวได้โทรศัพท์ติดต่อไปยังหมายเลขหนึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ การค้นหาผู้ครอบครองโทรศัพท์ที่เกรียงไกรติดต่อถึงทำได้ไม่ยากเพราะคนร้ายยังไม่ชำนาญ"วิชาโจร" ในที่สุดก็พบว่าโทรศัพท์นี้มีการใช้อยู่ในพื้นที่จังหวัดลำปาง
ชุดสืบสวนไปที่จังหวัดลำปาง ใช้เวลาไม่นานก็พบตัวผู้ครอบครองโทรศัพท์เป็นผู้หญิง ซักถามได้ความว่าที่จริงแล้วเป็นโทรศัพท์ของนายอังคารอายุ๒๔ปีสามีของเธอ นายอังคารทำงานเป็นพนักงานขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่จังหวัดลำปาง เธอเล่าว่าสามีได้ออกจากบ้านไปประมาณ๒-๓วันไม่ทราบว่าไปที่ใด พอกลับมาก็เอาโทรศัพท์มาเปลี่ยนกันใช้โดยนายอังคารเอาโทรศัพท์ของเธอไปใช้แทน
ทั้งหมดนี้ฟังดูแล้วเหมือนง่ายๆแต่ความจริงมิได้เป็นอย่างที่คิด ทุกอย่างต้องวิเคราะห์ต้องวางแผนเพราะไม่ทราบว่าผู้ที่เราเข้าไปสัมผัสเกี่ยวข้องกับคดีหรือไม่ หากเกี่ยวข้องโดยตรงก็อาจจะทำให้ผู้กระทำผิดรู้ตัว เรื่องง่ายๆก็จะกลายเป็นเรื่องยาก จึงต้องสำรวจลาดเลาก่อนที่จะติดสินใจเข้าถึงแหล่งข่าว ผู้ปฏิบัติเป็นมืออาชีพ มีความแนบเนียน ทำงานเป็นทีมแบ่งหน้าที่ มีความรวดเร็วและประสานงานกันตลอด
ขณะที่ชุดสืบสวนขึ้นไปหาข่าวที่จังหวัดลำปาง ชุดสืบสวนที่กรุงเทพฯก็ได้ตรวจสอบหาร่องรอยหลักฐานโดยเฉพาะที่รถยนต์พาหนะของเกรียงไกร ร่องรอยตามชิ้นส่วนรถที่คาดว่าน่าจะมีลายนิ้วมือแฝงถูกปัดฝุ่นลอกลายเก็บไว้หมด เชื่อหรือไม่ว่า จากวัตถุพยานชิ้นเล็กๆสามารถไขปัญหาคดีนี้ได้ นั่นคือ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนผู้หนึ่งพบเอกสารชำระค่าผ่านทาง ถนนมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-บางนา ช่วงขาเข้า กทม.ในเอกสารดังกล่าวมีรายละเอียดบอกให้ทราบถึงวันเวลาที่รถขับขี่ผ่าน ถ้าหากเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนหรือไม่มีไหวพริบหรือขาดประสบการณ์ขยำทิ้งไป เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องยากไปทันที
จากเอกสารดังกล่าวชุดสืบสวนได้ประสานขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานด่านเก็บเงิน ขอดูภาพที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดซึ่งจะบันทึกภาพผู้ขับขี่รถทุกคันที่ขับผ่านในขณะที่ชำระเงินค่าผ่านทาง โดยตรวจสอบภาพที่บันทึกไว้ตามวันเวลาที่ระบุอยู่ในเอกสารชำระค่าผ่านทาง การค้นหาภาพไม่ยากเพราะมีลักษณะรถและหมายเลขทะเบียนชัดเจน พบภาพของเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาดีขับขี่รถของเกรียงไกรผ่านด่านไปแต่ผู้เดียว ภาพที่ได้ชัดเจนมาก ภาพดังกล่าวนั้นก็ถูกส่งไปให้ชุดสืบสวนที่จังหวัดลำปางทางe-mailทันที
ภรรยาของนายอังคารดูภาพแล้วยืนยันว่าเป็นสามีของเธอ ชุดสืบสวนที่จังหวัดลำปางระดมตามหาตัวนายอังคารที่ห้างสรรพสินค้าที่เคยทำงาน ปรากฏว่านายอังคารได้ออกจากงานไปแล้ว ไม่มีใครทราบว่าไปอยู่ที่ใด หลักฐานสำคัญที่จะติดตามหาตัวนายอังคารก็คือโทรศัพท์ที่เปลี่ยนเอาของภรรยาไปใช้ นายอังคารตกเป็นผู้ต้องสงสัย เขาจะเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ต้องเอาตัวไปสอบสวน การตรวจสอบว่าผู้ต้องสงสัยหลบไปอยู่ที่ใดทำได้ไม่ยากซึ่งผู้สืบสวนมีความชำนาญในเรื่องนี้
ผลการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่าโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าวใช้อยู่ที่ภูเกต ชุดสืบสวนอีกส่วนหนึ่งมุ่งสู่ภูเกต ประสานขอกำลังจากตำรวจท้องที่เพราะต้องใช้กำลังจำนวนมากปิดล้อมจังหวัดภูเกต การปิดล้อมทำไม่ยากก็แค่ตรวจทางเข้า-ออกเกาะภูเก็ต ตรวจค้นยานพาหนะที่ผ่าน ตรวจสอบผู้โดยสารที่เดินทางโดยอากาศยาน สถานีขนส่ง ท่ารถทัวร์ รูปใบหน้านายอังคารถูกก๊อบปี้แจกจ่ายให้กับผู้ปฏิบัติ พวกที่ค้นหาตามสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักบนเกาะภูเกตก็ทำไป ส่วนการเช็คสัญญาณโทรศัพท์ก็ตรวจสอบตลอดเวลาว่ายังอยู่บนเกาะภูเกต ในที่สุดก็พบนายอังคารที่บริเวณท่ารถขนส่งจังหวัดภูเกต
นายอังคารถูกนำตัวไปสอบสวน ไม่กี่คำถามก็รับสารภาพ หลักฐานยืนยันชัดเจน ลืมบอกอีกว่าตอนที่นายอังคารนำบัตรเอ.ที.เอ็ม.ของนายเกรียงไกรไปใช้ถอนเงิน กล้องโทรทัศน์วงจรปิดได้บันทึกภาพนายอังคารไว้อีก หลักฐานแน่นหนามากและโดยเฉพาะนายอังคารไม่ได้เป็น คนร้ายอาชีพ เขาเป็นบุคคลผู้น่าสงสารผู้หนึ่ง เพราะความจำเป็นบังคับเขาจึงต้องกลายเป็นอาชญากร
คำรับสารภาพของนายอังคาร รู้จักกับเกรียงไกรที่จังหวัดลำปางโดยขณะนั้นตนเองเป็นพนักงานขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า ส่วนเกรียงไกรเป็นนายธนาคารอยู่ที่ลำปาง ทั้งคู่สนิทสนมกัน นายอังคารเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี จากความสนิทสนมกลายเป็นความรัก(พวกนิยมไม้ป่าเดียวกัน) นายอังคารต้องทำหน้าที่"เป็นสามี"ทั้งๆที่ตนเองก็มีครอบครัวและมีบุตรแล้ว เพราะเงินตัวเดียวที่ทำให้"อังคาร"ต้องฝืนใจทำ ต่อมาเกรียงไกรได้ออกจากงานธนาคารไปประกอบอาชีพส่วนตัว เวลาเดียวกัน"อังคาร"ก็ออกจากงานหางานใหม่ยังไม่ได้ จึงต้องไปขอยืมเงินจากเกรียงไกร๓๐,๐๐๐.-บาท โดยทำสัญญากู้เงินไว้ยอดเงิน๔๐,๐๐๐.-บาท
ก่อนเกิดเหตุเกรียงไกรโทรศัพท์ทวงเงินที่กู้ยืมจาก"อังคาร"และบอกให้ไปพบที่ กทม.แล้วจะฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้ง เมื่อพบกันที่ กทม.แล้วเกรียงไกรก็ได้พา"อังคาร"ไปหลับนอนกันที่บ้านฉะเชิงเทราโดยเดินทางด้วยรถยนต์คันที่พบจอดทิ้งที่หมู่บ้านนักกีฬา เดินทางไปถึงเป็นเวลากลางคืน บริเวณบ้านของเกรียงไกรมีบ้านอยู่หลายหลัง มารดาของเกรียงไกรพักอยู่อีกหลังหนึ่งในบริเวณรั้วเดียวกัน ในช่วงกลางดึกหลังจาก"ร่วมรัก"กันเสร็จแล้ว "อังคาร"พยายามทวงถามเอาสัญญาเงินกู้คืน เกรียงไกรไม่รักษาคำพูดที่ว่าเมื่อลงมาพบแล้วจะฉีกสัญญาเงินกู้ทิ้งแต่กลับบ่ายเบี่ยงว่า"อังคาร"จะต้องเลิกกับภรรยาและไปอยู่กับเกรียงไกร "อังคาร"ยังมีความรักห่วงใยลูกเมีย เหตุที่ต้องทำหน้าที่สามี"ไม้ป่าเดียวกัน"เพราะต้องการเงินเลี้ยงลูกเมีย "อังคาร"นอนคิดอยู่จนตีสามของคืนนั้น ไม่หลับลงได้แต่เกรียงไกรหลับสนิทเสียงกรนบอก หลังจากคิดไปคิดมาหลายตลบ"อังคาร"ตัดสินใจประเคนศีรษะเกรียงไกรด้วยไม้หน้าสามหลายครั้ง ไม่มีเสียงร้องจากเกรียงไกร จากนั้น"อังคาร"ก็เอาผ้าห่มนอนห่อตัวเกรียงไกรแบกลงไปใต้ถุนบ้าน(บ้านของเกรียงไกรทรงไทยใต้ถุนสูง) ขุดหลุมอย่างลึกฝังเกรียงไกรกลบดินเรียบร้อยและไม่ลืมที่จะเช็ดเลือดดูแลความเรียบร้อยจนไม่มีร่องรอยให้เห็น กว่าจะเสร็จก็เกือบสว่าง "อังคาร"ก็ขับขี่รถยนต์ของเกรียงไกรเข้ากรุงเทพฯโดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์แต่ ผ่านด่านชำระเงินค่าผ่านทาง ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ๙โมงเศษๆ จากนั้นได้ไปค้นเอาทรัพย์สินมีค่าของเกรียงไกรที่คอนโดในซอยลาซาลแล้วขับรถไปจอดทิ้งไว้ริมถนนในหมู่บ้านนักกีฬาท้องที่ สน.ประเวศ เหตุที่นำรถไปจอดทิ้งไว้ที่นั่นก็เพราะเมื่อก่อนเคยอาศัยอยู่รู้เส้นทาง แล้วจึงได้นำบัตร เอ.ที.เอ็ม.ของเกรียงไกรไปถอนเงินสดที่ตู้ เอ.ที.เอ็ม.แถวเดอะมอลล์บางกะปิซึ่งอยู่ใกล้
คดีนี้ก็ปิดลงอย่างสมบูรณ์ พยานหลักฐานแน่นหนา ผู้ต้องหารับสารภาพ ที่น่าเศร้าก็คือ คุณแม่ของเกรียงไกรพยายามตามหาลูก ยิ่งพอได้ข่าวว่าพบรถยนต์จอดทิ้งไว้ยิ่งวิตกกังวลกลัวลูกจะเป็นอันตราย น่าเชื่อว่าความผูกพันทางวิญญาณมีจริง เกรียงไกรจึงได้เข้าฝันคุณแม่ว่าตนเสียชีวิตแล้ว คุณแม่ของเกรียงไกรต้องตรอมใจตายด้วยความคิดถึงลูกโดยไม่รู้สักนิดว่าศพลูกชายอยู่ใต้ถุนบ้านนั่นเอง.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์