โดดตึกฆ่าตัวตายหรือว่า"ถูกถีบ"
ดู เล่าข่าวเช้านี้ ทาง TV 3 น้องแป้งสาวลาว พลัดตกจากห้องพักชั้น 8 ของอพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่งใน กทม. ทำให้นึกถึงครั้งที่ยังเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล ๔ ซึ่งเป็นพื้นที่ๆมีตึกอาคารสูงอยู่มาก แถวๆหัวหมาก ลาดพร้าว บางชัน วังทองหลาง โชคชัย ฯ มีคนหล่นจากตึกลงมาตายเฉลี่ยเดือนหนึ่งๆประมาณ ๓-๔ ราย การหล่นมาจากตึกสูงตั้งแต่ ๔ ชั้นขึ้นไปมักจะตายทันที
เรื่องที่สลดใจก็มี เหตุเกิดในท้องที่ สน.วังทองหลาง ตอนเย็นใกล้ค่ำ ครอบครัวหนึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกชายอายุ ๗ ขวบ พักอยู่ที่แฟลตให้เช่าชั้น ๔ ตึกสูง ๖ ชั้น มีหลายอาคารหันหน้าเข้าหากัน เป็นธรรมเนียมนิยมของชาวแฟลต พอตกเย็นแดดร่มลมตกเหล่าชาวแฟลตมักจะลงมาจับกลุ่มสังสรรค์กันที่พื้นชั้นล่าง ยามพระอาทิตย์บ่ายคล้อยจะทำให้อาคารที่อยู่ชิดบังแสงแดดและเกิดช่องลมพัดระหว่างตึกเย็นสบาย จะมีทั้งผู้ใหญ่ เด็กๆและวัยรุ่นจับกุ่มสังสรรค์เป็นประจำ
วันเกิดเหตุครอบครัวดังกล่าวนี้ลงไปสังสรรค์เฉพาะพ่อกับแม่ ส่วนลูกชายอายุ ๗ ขวบถูกพ่อสั่งให้อยู่ทำการบ้านและท่องหนังสืออยู่บนห้อง พ่อกับแม่ลงไปได้สักพักก็มองเห็นลูกของตนไปเล่นอยู่ในกลุ่มเด็กๆ พอพ่อมองเห็นก็ตรงเข้าไปดึงกระชากแขนลูก สั่งให้กลับขึ้นไปทำการบ้าน ท่องหนังสือ ด้วยความหวังดีของพ่ออยากให้ลูกเรียนเก่ง แต่ลูกชายเสียหน้า อายเพื่อนๆ ลูกก็วิ่งขึ้นตึกได้ประมาณสัก ๕ นาที ก็มีเสียงเหมือนของหนักๆหล่นจากที่สูงดัง ตุบ ร่างของลูกชายนอนฟุบอยู่กับพื้นไม่ห่างจากที่พ่อกับแม่นั่งสังสรรค์ ร่างแหลกเหลวขาดใจตายทันที พ่อกับแม่ได้แต่กอดศพลูกร้องไห้เสียใจ
เรื่องนี้ใครผิด เป็นเพราะพ่อแม่ไม่เข้าใจจิตใจของเด็ก ถือว่าเป็นลูกแล้วจะดุด่าก็ได้ การพูดจากับลูกๆซึ่งยังเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ระวังจะทำให้เด็กเกิดความน้อยใจ ควรแนะนำอย่างนิ่มนวลพร้อมให้ความรักและความอบอุ่นไปด้วย (ความน้อยใจกับความโกรธต่างกัน น้อยใจ เกิดจากคนที่ตนรักมากระทำ อาจคิดสั้น ฆ่าตัวตาย ส่วน ความโกรธ เกิดจากคนอื่นซึ่งไม่ได้มีความผูกพันทางจิตใจมากระทำ อาจคิดแก้แค้นหรือเอาคืน)
เรื่องการพลัดตกจากที่สูงมีมากมายหลายกรณี ข้อเท็จจริงแต่ละเรื่องก็ต่างกัน แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆแล้วมันเป็นอย่างไร ถ้าท่านติดตามข่าวทางหนังสือพิมพ์จะพบอยู่บ่อยๆแต่ที่ไม่เป็นข่าวยังมีอีกมาก ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนดัง ผู้มีชื่อเสียงหรือมีตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต ก็จะไม่เป็นข่าว เปลืองหน้ากระดาษ ไม่มีคนสนใจ หนังสือขายไม่ออก
การสอบสวนคดีประเภทนี้ เคยบอกแล้วว่าตำรวจหรือพนักงานสอบสวนมีเรื่องที่จะต้องทำมากมาย ถ้าเป็นเรื่องโดดตึกฆ่าตัวตาย หรือกระทำตัวเองตาย ไม่ต้องทำสำนวน แค่ไปดูที่เกิดเหตุ ลงบันทึกประจำวันแล้วรายงานผู้ใหญ่ว่า โดดตึกตาย ญาติพี่น้องไม่ติดใจสงสัย เรื่องก็จบ (ความจริงต้องทำเป็นสำนวนชันสูตรพลิกศพกรณีความตายมิได้เป็นผลจากคดีอาญา) แต่ถ้าโดนจับโยนลงมา ถูกถีบ ถูกผลักลงมาตาย มันเป็นคนละเรื่องกัน มันเป็นเรื่องฆาตกรรม ต้องทำสำนวนการสอบสวน ต้องสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ถูกเร่งรัดคดี มีภาระติดตามมาอีกมาก รวมทั้งปัญหาสำนวนค้าง พนักงานสอบสวนคนไหนที่มีสำนวนค้างอยู่ในมือมากๆมักจะนอนไม่ค่อยหลับ ไปเที่ยวก็ไม่สนุก กังวลกลัวโดนเรียกสอบถาม ถูกให้ชี้แจงสำนวนล่าช้า จับกุมผู้กระทำผิดได้หรือยัง อาจเป็นเหตุให้ถูกเปลี่ยนตัวผู้สอบสวนหรืออาจถูกย้ายได้ เป็นความกดดันอย่างหนึ่ง ทำให้เกิดการ เป่าคดี
อาชญากรที่ชาญฉลาดจะทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก ทำการใหญ่โดยไม่ให้เป็นที่สนใจหรือเบี่ยงเบนให้ดูเป็นเรื่องธรรมชาติปกติธรรมดา เช่น จะฆ่าคน แทนที่จะจ้างมือปืนไปยิงอย่างบ้าระห่ำแบบในภาพยนตร์ก็อุ้มไปกรอกเครื่องดื่มผสมยานอนหลับ เอาไปนอนให้รถยนต์ทับ กลายเป็นคดีขับรถชนคนตายแล้วหนี คดีแบบนี้มีเป็นร้อยๆ หรือบางทีจ้างมือฆ่าที่เป็นจิ๊กโก๋วัยรุ่นแกล้งทำเมาเดินชน เหยียบตีน แล้วชกต่อย ทำให้ดูเป็นวิวาทแล้วเสียบด้วยมีดหรือเหล็กขูดชาร์ปหรือตีด้วยไม้หน้าสาม พยายามทำให้ดูเป็นเรื่องกระจอกๆ คนไม่สนใจ สื่อก็ไม่อยากทำข่าวเหมือนกันตอนที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ นักศึกษาถูกฆ่าตายศพทิ้งเกลื่อนถนนในกรุงเทพฯ เชื่อไหม มีพวกโจรถูกยิงทิ้ง คู่อริที่มีสาเหตุกันก็ถือโอกาสฆ่ากันตอนนั้น ตำรวจก็เอาศพผสมปนเปเป็นผู้ที่ถูกฆ่าจากเหตุความไม่สงบ พวกโจรกับพวกฆ่ากันเองกลายเป็นวีระชนไปหลายราย ยังไม่รู้ว่าที่เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ สึนามิที่ภูเก็ต พังงา มีศพแปลกปลอมเข้าไปรวมอยู่เท่าไร แต่สำหรับในเมืองหลวงหรือเมืองที่เจริญๆ จับโยนลงมาจากที่สูง เป็นวิธีที่เนี๊ยบที่สุด
เคยมีข่าวนายตำรวจพักหลับนอนอยู่กับภรรยาน้อยที่แฟลตชั้น ๖ เกิดทะเลาะกันกลางดึก ภรรยาน้อยคิดสั้นพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง ร่างเละสิ้นใจตายอยู่ที่พื้น ในที่เกิดเหตุมีเพียงนายตำรวจกับภรรยาน้อยเท่านั้น การจับโยนหรือผลักกับการกระโดดลงไปเอง ลักษณะศพเหมือนกันหมด แต่ที่สำคัญภรรยาน้อยผู้นี้มีประกันชีวิตซึ่งนายตำรวจสามีเป็นผู้รับประโยชน์เสียด้วย
นักการเมืองกับภรรยาน้อยก็เคยมีเรื่องทำนองนี้ ผลการสอบสวนสรุปว่า เป็นเรื่องฝ่ายผู้ตายน้อยใจคิดสั้นโดดตึกตาย จะยังไงก็ได้เพราะคนตายไม่สามารถพูด พวกนักศึกษาหญิงโดดตึกเสียชีวิตก็เยอะ ถ้าญาติพี่น้องไม่ติดใจสงสัยก็จะเป็นเรื่อง ฆ่าตัวตายสถานเดียว
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่กลับตะละปัดชนิดหน้ามือกลายเป็นหลังมือ ในช่วงที่ผมเป็นผู้บังคับการตำรวจนครบาล ๔ มีกรณีหญิงสาวโดดตึก ๔ ชั้นในท้องที่ สน.ลาดพร้าว เธอยังไม่ตายแต่อาการสาหัสมาก ถูกนำส่งโรงพยาบาล อาการหนักพูดไม่ได้ ตำรวจตรวจสถานที่เกิดเหตุคือที่ห้องพักของเธอ สภาพปกติ ไม่ร่องรอยการต่อสู้ สิ่งของเครื่องใช้วางเรียบร้อย ประตูห้องปิดล็อก (กุญแจห้องเป็นแบบลูกบิด กดล็อกด้านใน) ส่วนหน้าต่างห้องด้านที่ลงสู่พื้นล่างเปิดทิ้งไว้ ค้นหาจดหมายสั่งเสียลาตายไม่มี เธอเป็นคนต่างจังหวัดพักอาศัยที่แฟลตนี้แต่ผู้เดียว สอบถามห้องข้างเคียงไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อทางคดี พนักงานสอบสวนสรุปเป็นการโดดตึกพยายามฆ่าตัวตาย (ในขณะนั้นยังไม่ตาย อาการโคม่า อยู่ห้อง ICU) ผมก็ไปดูสภาพเธอคิดว่าคงไม่รอด แต่สุดมหัศจรรย์ ประมาณเดือนเศษๆญาติของเธอที่ต่างจังหวัดก็ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน บอกว่า เธอไม่ได้โดดตึกเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ถูกหนุ่มวัยรุ่น ๔ คนรุมโทรม (ข่มขืนกระทำชำเรา) พอพวกมันข่มขืนเสร็จมันก็ช่วยกันจับเธอโยนออกทางหน้าต่าง เรื่องกลับกลายเป็นคดีรุมโทรมหญิงและพยายามฆ่าไปฉิบ
เรื่องสำนวนการสอบสวนพอกลับลำไปตั้งหลักใหม่ได้ แต่ที่เสียหายก็คือไม่ได้ตรวจหาอสุจิในช่องคลอดแต่แรก ก็คนเขาโดดตึกฆ่าตัวตายแล้วมันจำเป็นอะไรที่จะต้องไปตรวจอวัยวะเพศของเขาด้วย มันลำบากใจจริงๆ ถ้าจะต้องไปตรวจของลับของสาวๆที่โดดตึกฆ่าตัวตายทุกเรื่อง ญาติๆของผู้ตายก็จะตำหนิเอาอีกว่าไม่สมควร
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ การอาศัยอยู่บนตึกสูงที่หน้าต่างระเบียงเปิดสู่ด้านล่างได้ ต้องระวัง คุณอาจถูกจับโยนลงมาก็ได้ ทุกอย่างที่เห็นอาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด.