บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ไฟผ่าหมาก


รถคันที่1ต้องการจะเลี้ยวขวาจะมองเห็นสัญญาณไฟของรถคันที่2เพียงด้านเดียว ทำให้เข้าใจผิดว่ารถคันที่2ต้องการเลี้ยวซ้าย โดยที่รถคันที่2ต้องการขับขี่ตรงไป ทำให้เกิดการชนกัน

ถึงหน้าฝนทีไรไฟผ่าหมากออกอาละวาด ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ตั้งชื่อและแนะนำให้ใช้ ที่แย่ก็คือมันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ วันก่อนเกือบโดนกับตนเอง เวลาใกล้ค่ำฝนตกพรำๆผมขับรถยนต์จะเลี้ยวขวาที่สี่แยกเล็กๆไม่มีสัญญาณไฟ มีรถตู้คันหนึ่งขับขี่มาทางขวามือของผมถึงสี่แยกนี้พร้อมๆกัน ต่างฝ่ายต่างรอจังหวะดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะขับขี่ไปทางใด เห็นรถตู้เปิดไฟกระพริบเลี้ยวซ้ายผมจึงตัดสินใจเลี้ยวขวาอ้อมผ่านหน้ารถตู้ไปทันที เวลาเดียวกันรถตู้ดังกล่าวกลับวิ่งตรงเข้าใส่รถผมแทนที่จะเลี้ยวซ้ายตามที่ให้สัญญาณไว้ ผมตกใจเหยียบเบรกเช่นเดียวกับผู้ขับขี่รถตู้ ผมเริ่มฉุน ห่า..เปิดไฟเลี้ยวซ้ายแล้วทำไมไม่เลี้ยววะ มองรถตู้อีกทีก็ถึงบางอ้อ พี่แกก็เปิดไฟกระพริบขวาไว้ด้วย นั่นคือใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน โชคดีที่หยุดรถทันไม่ชนกัน คิดในใจแบบนี้มันต้องคุยกันหน่อย แรกๆลังเลเพราะอายุเลขเจ็ดนำแต่อีกฝ่ายบีบแตรเลยต้องสวมวิญญาณตำรวจเก่า เป็นไงเป็นกันลงจากรถ ฝ่ายรถตู้ก็ลงมา เห็นสภาพคนขับรถตู้แล้วค่อยใจชื้น เล็กและเตี้ยกว่าผมแต่อายุน้อยกว่า ผมใส่ก่อนเลย “คุณใช้สัญญาณผิดนะ” คนขับรถตู้ตอบแบบไม่ต้องคิด “ผมจะไปตรง เปิดไฟผ่าหมากแล้วไง” ยิ่งฉุนหนักเพราะเคยเตือนเรื่องนี้ไปหลายครั้งและไม่ค่อยชอบชื่อนี้อยู่ด้วย ใช้เวลาอธิบายกฎหมายจราจรสักครึ่งนาทีแล้วแยกกันไปเพราะรถเริ่มติด โดยไม่ลืมที่จะแนะนำตัวว่าเป็นอดีตตำรวจ (กลัวโดนตืบ)
กฎหมายจราจรของบ้านเราที่ใช้อยู่คือ พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 ไม่เคยบัญญัติเกี่ยวกับสัญญาณ “ไฟผ่าหมาก” จะมีที่ใกล้เคียงก็คือในมาตรา 56
“มาตรา 56 ในกรณีที่เครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้องจนต้องจอดรถในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องนำรถให้พ้นทางเดินรถโดยเร็วที่สุด
ในกรณีตามวรรคหนึ่งถ้าจำเป็นต้องจอดรถอยู่ในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องจอดรถในลักษณะที่ไม่กีดขวางการจราจรและต้องแสดงเครื่องหมายหรือสัญญาณตามลักษณะและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”
กฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ.2525) ออกตามความใน พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522
“ข้อ 2 ให้กำหนดลักษณะของเครื่องหมายหรือสัญญาณที่ผู้ขับขี่ต้องแสดงในกรณีจำเป็นต้องจอดรถอยู่ในทางเดินรถเนื่องจากเครื่องยนต์หรือเครื่องอุปกรณ์ของรถขัดข้องไว้ดังต่อไปนี้
(3) สัญญาณ เป็นไฟสัญญาณกระพริบสีเหลืองอำพันหรือสีขาวติดอยู่ที่หน้ารถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาและไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันติดอยู่ท้ายรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวา”
มีเพียงแค่นี้เท่านั้น มิได้มีบัญญัติไว้ตรงไหนเลยว่าจะให้ใช้ไฟสัญญาณฉุกเฉินนี้สำหรับรถที่ต้องการจะขับขี่ตรงผ่านทางแยก สรุปสัญญาณนี้จะใช้เมื่อรถยนต์เครื่องเสียหรือไม่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งและจำเป็นต้องจอดในทางเดินรถ ทั้งนี้เพื่อให้แสงแวบๆเข้าตาผู้ขับขี่รถอื่น เป็นการเตือนให้ทราบว่ารถคันที่เปิดสัญญาณมีปัญหาไม่สามารถขับเคลื่อนได้หรือขับเคลื่อนไปได้อย่างช้าๆ ผู้ขับขี่รถอื่นจะได้ใช้ความระมัดระวัง
สมัยที่ผมรับราชการอยู่กองปราบปรามมีการปล้นรถยนต์ประจำทางสายต่างจังหวัดบ่อยๆ เกิดมากที่สุดบนถนนสายเอเชียในช่วงกลางคืน ได้มีการประชุมเจ้าหน้าฝ่ายปราบปรามที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการ ตกลงกันว่าหากมีคดีเกิดขึ้นบนรถประจำทางคันใดและต้องการความช่วยเหลือให้ผู้ขับขี่เปิดสัญญาณนี้
สรุป ได้ประเด็นเพิ่มเติมสำหรับการใช้สัญญาณนี้อีกในกรณีที่รถนั้นต้องการความช่วยเหลือ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องรถวิ่งผ่านทางแยกแต่อย่างใด สัญญาณ “ไฟผ่าหมาก” ที่ใช้ในการขับขี่ตรงผ่านทางแยกจึงเป็นสัญญาณเถื่อน ไม่มีกฎหมายรองรับ ทำให้เกิดอุบัติรถชนกันได้ง่ายๆเพราะรถอื่นที่วิ่งมาจากทางด้านซ้ายเข้าใจผิดนึกว่ารถที่ใช้ “ไฟผ่าหมาก” กำลังจะเลี้ยวซ้ายเนื่องจากจะมองเห็นสัญญาณไฟกระพริบซ้ายเพียงด้านเดียว
เลิกใช้สัญญาณไฟฉุกเฉินหรือที่ท่านชอบเรียกว่า “ไฟผ่าหมาก” เมื่อต้องการขับขี่ผ่านทางแยกได้แล้วครับ รถอาจจะชนกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง และฝ่ายที่ใช้ “ไฟผ่าหมาก” เป็นฝ่ายผิด(ประมาท)100% เหตุเพราะไม่ปฏิบัติตามกฏจราจร
แถมอีกสักเรื่องเพิ่งประสบสดๆร้อนๆ ผมขับขี่รถยนต์สวนกับรถอีกคันซึ่งจะเลี้ยวที่แยกเดียวกัน รถของผมจะเลี้ยวซ้ายส่วนรถอีกคันจะเลี้ยวขวา เราทั้งสองต่างรอให้รถทางตรงที่ผ่านแยกผ่านไปก่อนจนหมดรถ เหลือเราเพียงแค่ 2 คัน เอาละซีต่างคนต่างเกี่ยงให้อีกคันไปก่อน ผมต้องโบกมือให้รถเลี้ยวขวาเลี้ยวไปก่อน หมอนั่นคงนึกในใจ “ไอ้โง่..รถเลี้ยวซ้ายง่ายๆทำไมไม่เลี้ยวไปก่อนวะ” เมื่อก่อนก็เคยคิดแบบนี้เพราะบ้านเราขับรถชิดซ้ายการเลี้ยวซ้ายกระทำได้โดยสะดวกน่าจะได้เลี้ยวไปก่อน แต่มันไม่ใช่
พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 หมวด 3 ว่าด้วยการออกรถ การเลี้ยวรถและการกลับรถมาตรา51 วรรคท้าย “...ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวัง ต้องหยุดให้ทางแก่ผู้ที่กำลังข้ามทางและรถที่กำลังผ่านทางร่วมทางแยกจากทางด้านอื่นก่อน เว้นแต่ในกรณีที่มีรถเลี้ยวซ้ายและเลี้ยวขวาพร้อมกัน ให้รถเลี้ยวซ้ายให้ทางแก่รถเลี้ยวขวาก่อน (เหตุผลก็คือต้องการให้รถที่รอเลี้ยวขวาผ่านไปโดยเร็วเพื่อไม่ให้กีดขวางรถทางตรง)
มีปัญหาข้อสงสัยเกิดขึ้นอีกจนได้ ถ้าเป็นกรณีรถเลี้ยวขวาด้วยกันทั้งคู่ถึงทางแยกพร้อมๆกันจะทำยังไง พ.ร.บ.จราจรไม่ได้บัญญัติไว้ กรณีดังกล่าวผู้ขับขี่ทั้งสองฝ่ายสามารถเลี้ยวรถได้เลยเพราะไม่เกิดจุดตัดกันเช่นเดียวกันกับกรณีต่างฝ่ายต่างเลี้ยวซ้าย
ที่ควรทราบอีกเรื่อง การเลี้ยวรถเมื่อถึงทางแยกพร้อมกัน ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนไปก่อนเว้นแต่เป็นแยกทางเอกตัดกับทางโท ต้องให้สิทธิ์รถทางเอกก่อน ซึ่งบัญญัคิไว้ใน พ.ร.บ.การจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71 ข้อ (2) “ถ้ามาถึงทางร่วมพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน เว้นแต่ในทางร่วมทางแยกใดมีทางเดินรถทางเอกตัดผ่านทางเดินรถทางโท ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางเอกมีสิทธิ์ขับผ่านไปก่อน ต่างกับการขับขี่รถผ่านเข้าวงเวียนซึ่งต้องให้รถในวงเวียนหรือรถที่ขับขี่ด้านขวาของตนผ่านไปก่อน ตามมาตรา 73 วรรคสอง
ผมเคยเขียนเรื่อง “ขับรถชนแล้วต้องไม่เสียเปรียบ” ลงใน web site www.angkul007.com เมื่อ 18 มิ.ย.2550 มีคนสนใจถามปัญหาเข้ามาจำนวนมาก ส่วนใหญ่ประสบอุบัติเหตุรถชนกันแล้วไม่ทราบว่าจะทำยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองผิดหรือถูก ผมสอบถามกลับไปเสมอว่าเคยอ่าน พ.ร.บ.จราจรทางบกบ้างหรือไม่ ฟังคำตอบแล้วตกใจ ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยอ่านแต่ขับรถมาเป็นสิบปี รัฐบาลไปแก้ที่ปลายเหตุ อัดงบไปที่ ปภ.ปีละหลายพันล้านเพื่อจะลดอุบัติเหตุทางถนน ทำไมไม่แก้ที่ต้นเหตุให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีความรู้กฎจราจร,กฎกระทรวง,ระเบียบข้อบังคับต่างๆเกี่ยวกับการจราจร สมัยที่ผมเป็นผู้บังคับการตำรวจทางหลวงเคยร่วมประชุมหาทางแก้ไขในเรื่องนี้ มีความเห็นตรงกันว่าควรให้มีโรงเรียนสอนการจราจร ผู้ที่จะไปทำใบอนุญาตขับขี่ต้องได้ประกาศนียบัตรจากโรงเรียนนี้ก่อนแล้วจึงเข้ารับการสอบจากขนส่งอีกครั้ง และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องต้องควบคุมให้โรงเรียนสอนการจราจรอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ตกลงกันดิบดีเปลี่ยนรัฐบาลก็เลิกกัน กรรมของประเทศไทย.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์