บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
อดทนต่อความเจ็บใจ
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› อดทนต่อความเจ็บใจ


อุดมคติของตำรวจ จารึกอยู่ที่


วันแรกที่มอบตัวเข้าศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ถูกทดสอบกำลังกายกำลังใจ ตั้งแต่เชิงสะพานโพธิ์แก้ว ล้มลุกคุกคลานไปจนถึงประตูโรงเรียน 8 กม.


มอบ กลิ้ง คานคืบไปข้างหน้า

ประโยคนี้ก้องอยู่ในสมองมากว่า 50 ปี เป็นท่อนหนึ่งของอุดมคติตำรวจ ตอนอยู่โรงเรียนนายร้อยสามพรานตั้งแต่วันแรกเข้าเมื่อปี 2505 ทุกคืนก่อนนอนประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง เข้าแถวในชุดนอนที่เรือนนอนของตน สมัยนั้นสี่ชั้นเรียนก็ประมาณ 300 คนเศษ ต้องสวดมนต์พร้อมกัน เสร็จแล้วตามด้วยอุดมคติของตำรวจ “เคารพเอื้อเฟื้อต่อหน้าที่ กรุณาปรานีต่อประชาชน อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล มุ่งบำเพ็ญตนเป็นประโยชน์ต่อปวงชน ดำรงตนในยุติธรรม กระทำการด้วยปัญญา รักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต” แล้วเข้านอนได้ สี่ปีท่องอยู่อย่างนี้แล้วมันจะไม่ฝังในหัวได้ยังไง
ตำรวจทุกคนที่ผ่านการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่ว่าหลักสูตรไหนๆต้องได้สัมผัสกับอุดมคตินี้ จารึกไว้ที่ “ประตู KING” ผู้ไม่คุ้นได้ยินชื่อประตูจะรู้สึกแปลก มันมีประวัติ ประตูนี้ใช้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาเปิดโรงเรียนในสมัยก่อตั้ง นักเรียนอย่าทะเล่อทะล่าใช้เข้าออกเชียวโดนลงโทษ ความศักดิ์สิทธิ์ของประตูนี้จึงไม่ต้องมียามเฝ้า ถือว่าใครๆไม่กล้าใช้ น้อยไปซีรุ่นผมใช้เป็นเส้นทางปีนหนีออกไปเที่ยวปลอดภัยที่สุด นักเรียนสามารถใช้ประตูนี้ได้บางโอกาสท่านั้น เข้าได้ในวันแรกที่เหยียบย่างเข้าอาณาจักรสามพราน (รุ่นผมถือว่าพิเศษ ปกติจะรับจากโรงเรียนเตรียมทหารหรือเรียกว่าโรงเรียนรวมเหล่า เรียนสองปีแล้วแยกเหล่า แต่รุ่นที่ผมเข้ารับจากผู้สำเร็จเตรียมอุดมฯ สมัยนั้นเรียก ม.8 นับเป็นโชคดีของผมเพราะไปสอบเข้าเตรียมทหารแล้วไม่ได้ ตัดใจเรียน รร.เตรียมอุดมฯ กะจะเข้า ม.เกษตร ที่ไหนได้พอจบ 8 โรงเรียนนายร้อยตำรวจเปลี่ยนมารับผู้จบ ม.8 โชคดีสอบเข้าได้) นักเรียนเครื่องแบบเป็นที่นิยมของวัยรุ่นสมัยนั้น ใครๆก็อยากเป็น ชื่อติดรอบสุดท้ายดีใจที่สุดในชีวิต เลี้ยงฉลองกันตามประสาเด็กวัด 7 วัน 7 คืน วันแรกที่มอบตัวเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ทางโรงเรียนจัดรถบัสใหญ่ 2 คันรับที่ใกล้ๆศาลาเฉลิมกรุง รุ่นผม 75 คน ญาติพี่น้องคนอื่นๆมาส่งกันล้นหลาม สำหรับผมมาคนเดียวเดินมาจากวัดโพธิ์ บางคนมีฐานะรถเก๋งคันงามๆมาส่ง ทางโรงเรียนไม่ยอมให้นั่งรถส่วนตัวไป ต้องนั่งรถบัสไปด้วยกัน รุ่นพี่ประจำรถคันละ 2 คน ดูรุ่นพี่สุภาพแต่งเครื่องแบบสม๊าทยิ่งศรัทธา นึกในใจสักวันเราจะเป็นแบบนี้ รถบัสรับพวกเราประมาณ 9 โมงก็เดินทางออกจากศาลาเฉลิมกรุงมุ่งสู่สามพราน บรรยากาศในรถเงียบไม่มีใครพูดคุยเพราะยังไม่ค่อยรู้จักกัน ทุกคนฝันกับความตื่นเต้นที่จะได้เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ประมาณ 10 โมงรถพาพวกเราถึงสะพานโพธิ์แก้ว ตอนนั้นโรงเรียน ภ.ป.ร.ยังไม่สร้าง สองข้างทางเป็นคูน้ำและพงหญ้า จากสะพานโพธิ์แก้วมองตัดทุ่งนาเห็นโรงเรียนในระยะไกล หัวใจเต้นจนตัวเองได้ยิน ทันใดนั้นรถบัสที่พาพวกเราก็จอดที่เชิงสะพาน รุ่นพี่ที่ประจำรถแรกเราศรัทธาในความสุภาพกลายเป็นยักษ์ร้ายอำมหิตทันที ส่งเสียงแผดดังแสบแก้วหู “ทั้งหมดลงจากรถ....กลิ้งลงคู....คลานไปข้างหน้า...” อะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ เสียงดัง สั้น โหด อะไรว๊ะเนี่ย ทำไมไม่มีใครบอกกูรู้มาก่อน เมื่อคืนก็เกือบไม่ได้นอนเพื่อนมันเลี้ยง ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน หิวก็หิว (คิดอยู่ในใจแต่ก็ทำตามคำสั่งไม่ขัดขืน) รถมีก็ไม่ให้นั่ง เท้ามีก็ไม่ให้เดิน ต้องวิ่ง คลาน ม้วนตัวลงไปในคูน้ำ คลานคืบไปกับท้องนา พื้นถนน เส้นทาง 8 กิโลใช้เวลา 2 ชั่วโมงเศษ ชุดสวยๆไม่ต้องห่วง สกปรกมอมแมมเพราะต้องคลุกขี้โคลน หัวเข่าหนังถลอกรอยแผลเป็นอยู่ทุกวันนี้ รองเท้าที่ผมใส่หลุดหายไปข้างนึงใส่มันข้างเดียว ฝ่าเท้าระบม เดี๋ยวโดนหนาม เดี๋ยวโดนเศษหินทิ่ม เหยียบซีเมนต์ร้อนๆ เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเจอ ผ่านเข้าประตู KING ถนนเป็นซีเมนต์ตอนเที่ยงร้อนระอุ ฝ่าเท้าพอง ยืนท่องอุดมคติของตำรวจ กว่าจะจบน้ำตาแห่งความอดทนหยดเผาะ อยากจะด่าแม่รุ่นพี่แต่พอมาเจอ “.....อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก.....” มันสอนให้ต้องนิ่ง
ผมกำลังเล่าถึงบรรยากาศวันแรกที่ใช้ชีวิตนักเรียนนายร้อยตำรวจ เพื่อนๆที่มีฐานะญาติพี่น้องขับรถตามดู ทนไม่ได้ที่เห็นลูกๆโดนเข้าแบบนั้น หลังจากผ่านวันแรกผู้ปกครองพาลาออกไป 6 คน รุ่นผม 75 จึงเหลือแค่ 69 ผมไม่รู้เหมือนกันว่ารุ่นพี่ๆไปหาวิธีรับน้องมาจากไหน เรียกกันว่า “ซ่อม” โดนไป 1 ปีเต็มๆ เดินมด เดินเป็ด เดินสารพัดสัตว์ คิดมาได้ไง ที่ผมชอบก็คือตอนเย็นก่อนรับประทานอาหาร ทุกคนนุ่งผ้าขาวม้าเอาสบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟันใส่ขันแล้วเทินบนศีรษะ เดินรอบสนามปานะดิษฐ์ 1 รอบถึงจะไปอาบน้ำได้ ใครทำขันร่วงต้องกลับไปเดินใหม่ ทำให้นักเรียนนายร้อยตำรวจเวลาเดินตัวจะตรงในแนวดิ่ง ไม่เดินโคลงเครง กลางคืนก็ไม่ค่อยได้หลับได้นอน กลางดึกมีปล้นกองร้อยอีก ให้ลงไปเข้าแถววิ่งรอบลานฝึกปานะดิษฐ์ทั้งชุดนอน พอได้เหงื่อเรียกไปรวมกลางลานฝึก เป่านกหวีดปรี๊ดให้ทุกคนถอดเสื้อถอดกางเกงออก นำไปกองรวมกันกลางลาน เป่าอีกปรี๊ดให้ทุกคนวิ่งขึ้นไปบนต้นสนรอบลานฝึก เป่าอีกปรี๊ดให้ทุกคนลงจากต้นสนไปเอาชุดนอนของคนไหนก็คนนั้นห้ามสลับแล้วขึ้นโรงนอน ใครช้าโดนทำโทษ ผมนึกในใจว่ารุ่นพี่เล่นพิเรนทร์ อยู่ไปนานวันจึงได้เข้าใจว่าเค้าฝึกให้มีปฏิภาณไหวพริบซึ่งพวกเราก็ทำได้โดยอัตโนมัติ คือ หยิบชุดของใครได้ก็ใส่ไปไม่ต้องไปเสียเวลาของมึงของกู แต่ที่ลำบากก็คือดันคว้าเอาไปแต่กางเกงบ้างเสื้อบ้าง ถึงจะเหนื่อย จะบ้าๆบอๆแต่ก็ดูเป็นเทคนิคการสอนคนอย่างล้ำลึก มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดเวลาทั้งปี พอขึ้นปี 2 ปี 3 ค่อยสบาย พอปีสุดท้ายหนักอีกเพราะต้องมาขบคิดหาวิธีรับน้อง ซ่อมน้องอย่างไรถึงจะทำให้เค้ามีความอดทน มีสาระ ได้ฝึกจิตใจโดยเฉพาะ อดทนต่อความเจ็บใจ มีคนกล่าวกันว่า กว่าจะผ่านรั้วสามพรานออกมาได้เสียเหงื่อไปเป็นปี๊บ
นักเรียนนายร้อยตำรวจปีแรกจะหุ่นดีทุกคนเพราะต้องเคลื่อนที่โดยการวิ่ง เดินไม่ได้ ถ้าใครไปเดิน รุ่นพี่เห็นจะต้องถูกทำโทษให้วิ่งรอบสนาม เมื่อวิ่งไปถึงจุดเลี้ยวจะต้องหยุดแล้วเตะฉาก ก่อนเลี้ยว 2 ฉาก เมื่อเลี้ยวไปแล้วอีก 3 ฉาก เมื่อเปลี่ยนทิศทางแล้วต้องวิ่งต่อ นักเรียนปีหนึ่งไขมันหน้าท้องไม่มีเพราะต้องเดินฉากทั้งปี คือต้องยกขาไปข้างหน้าให้ได้ฉากกับลำตัวแล้วสืบตัวไปข้างหน้า ตบเท้าลง ทำไปเช่นนี้แต่ละก้าวๆ ส่วนมือทั้ง 2 ข้างไขว้ขัดหลัง เวลาทานอาหารก็ต้องตักข้าวตักอาหารเข้าปากเป็นฉาก ใครลัดฉากถูกทำโทษวิ่ง แรกๆดูขัดๆแต่พอไปได้สักระยะคล่อง ผ่านปีหนึ่งไปแล้วค่อยสบาย เป็นรุ่นพี่แล้วเดินธรรมดา กินธรรมดาได้ พอถึงปีสี่สุดท้ายพุงเริ่มออก
รุ่นเดียวกับผมมีคนติดบุหรี่ รุ่นพี่ห้ามสูบบุหรี่โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเวลาเรียน เพื่อนทนอดไม่ไหวแวบไปสูบบุหรี่หลังห้อง รุ่นพี่เห็นเข้าถูกเรียกไปทำโทษ เพื่อนคนนี้กลับมาด้วยท่าทางอิดโรย พวกเราถามว่าโดนให้ทำอะไรมา เพื่อนตอบแบบระทวยว่าโดนให้สูบ “บุหรี่กระป๋อง” พวกเราต่างก็บอกว่า หยั่งนี้ก็แฮปปี้ไปเลยซี เพื่อนบอกว่า “บุหรี่กระป๋อง” ในที่นี้คือบุหรี่ยาฉุนตราไก่ ไม่มีใครเค้าสูบกันเพราะมันฉุนมาก โดนควบทีเดียว 4 มวนจุดพร้อมกัน ใส่ปากดูดแล้วเอากระป๋อง (ถังน้ำสังกะสี) ครอบหัว สูบไปจนไหม้หมดทั้ง 4 มวนห้ามเอากระป๋องครอบออก โดนเข้าชุดเดียวตาลายทรงตัวไม่อยู่ เมา
สิ่งหนึ่งที่ไม่เคย แรกๆก็เขินๆเหนียมมาก คือการอาบน้ำในห้องน้ำซึ่งเป็นห้องรวม ถังน้ำก่อด้วยซีเมนต์ยาวเปิดน้ำเต็มถัง นึกภาพถังยาวอย่างไรเจอคน 60 กว่าก็ต้องเบียดเสียดกันเพื่อจ้วงน้ำ เวลาก็มีจำกัด 10 นาทีเข้าห้องน้ำแต่งตัวเสร็จรอฟังเรียกแถว ใครช้าโดนทำโทษ ทีแรกก็นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำ อยู่ไปอยู่ไปไม่มีใครนุ่งสักคน บางคนแก้ผ้าโทงๆเดินจากโรงนอนไปเข้าห้องน้ำ จนต้องออกกฏใครแก้ผ้านอกห้องน้ำถูกทำโทษ สิ่งที่ทำให้จั๊กจี้ที่สุดคือตอนเราตักน้ำอาบอยู่ชิดขอบถังเพื่อนมายืนต่ออยู่ข้างหลัง อวัยวะของเพื่อนมาสีอยู่ด้านหลังด้านข้าง
ความลับของเพื่อนร่วมรุ่นไม่มี จะมีได้ไง ก็ของลับของใครๆก็เห็นกันหมด พวกเราจึงตั้งชื่อเล่นของเพื่อนๆตามอาวุธลับ เช่น ช้าง ม้า ถ่อ จู๋ บิด ฯลฯ ดังนั้นเวลาสาวๆเรียกชื่อเล่นเพื่อนเรา พี่ม้า พี่ถ่อ พวกเราจึงต้องอมยิ้ม
พูดเรื่อง “ประตูKING” ดันไปสาธยายเรื่องชีวิตในรั้วสามพรานซะงั้น ก็ดีสำหรับคนนอกจะได้รู้ สำหรับผู้ที่กำลังจะสอบเข้านักเรียนเหล่าจะได้ทราบ เตรียมฝึกกำลังกายกำลังใจ สำหรับผู้ที่ผ่านชีวิตเหล่านี้ไปแล้วยามนี้ก็ได้แต่นำเรื่องเก่าๆมาเล่าสู่กันฟัง นั่นคือความประทับใจที่มีต่อเพื่อนร่วมรุ่น ต่อรุ่นพี่รุ่นน้องและสถาบัน ส่วน “ประตูKING” ต้อนรับเมื่อแรกเข้า ให้ผ่านออกได้ก็ต่อเมื่อสำเร็จการศึกษาจบเป็นว่าที่ร้อยตำรวจตรี นอกนั้นหมดสิทธิ์ถ้าใครขืนใช้ถูกทำโทษอย่างหนัก (นอกจากจะใช้เป็นช่องทางหนีเที่ยว 555) ประตูนี้จึงมีความศักดิ์สิทธิ์ทำให้ทุกคนที่เข้าทางประตูนี้ตั้งปณิธานว่า จะต้องออกทางประตูเดิมให้ได้ มีเหมือนกันที่เข้าไปแล้วไม่ได้ออก คือถูกไล่ออกเนื่องจากถูกตัดแต้มเพราะผิดวินัย
อุดมคติของตำรวจไม่เคยล้าสมัย ใช้ได้จนถึงปัจจุบัน มีความหมายลึกซึ้ง ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้แต่ง ตำรวจทุกคนหากทำได้ทุกข้อหรือทำได้เป็นส่วนใหญ่ถือว่ายอด อาจจะมีบางคนที่เพี้ยนไปบ้างบางข้อแต่ส่วนใหญ่ยังยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ สถาบันโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงยืนหยัดรับใช้ประชาชนประเทศชาติอยู่ได้จนถึงวันนี้.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์