บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
กว่าจะรู้ก็เกือบจะสายไป
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› กว่าจะรู้ก็เกือบจะสายไป




โรคหลอดเลือดสมองอาจจะเปลี่ยนชีวิตคนจากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเสี้ยววินาที ชีวิตอันสุนทรีอาจเปลี่ยนไปแบบตั้งตัวไม่ทัน วินาทีก่อนคุณใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่วินาทีถัดไปคุณอาจฟุบหมดสติ หากคนใกล้ๆตัวขาดความรู้ความเข้าใจคุณอาจเสียชีวิต ผมกำลังจะพูดถึงโรคหลอดเลือดสมองแตก ในฐานะเป็นผู้ใกล้ชิดเหตุการณ์ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตัวผู้ป่วยเองและผู้ใกล้ชิดต้องมีความเข้าใจ เกิดเหตุขึ้นจะจัดการอย่างไร แต่ละวินาทีที่ผ่านไปหมายถึงชีวิตและความพิการ โรคนี้หากเข้าใจสักนิดและปฏิบัติตัวให้ถูกต้องสามารถป้องกันได้ โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง สาเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เครียด ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ไม่เป็นประโยชน์ ไม่สนใจโรคประจำตัวหรือขาดการเอาใจใส่ดูแล โรคที่ว่านั้นก็คือความดันโลหิตสูง จู่ๆคุณก็ปวดศีรษะอย่างรุนแรง เฉียบพลัน มันปวดจนคุณไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากมือกุมศีรษะ คนอยู่ใกล้ชิดเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้ หากนำส่งโรงพยาบาลช้าอาจหมายถึงชีวิต โรงพยาบาลที่จะพาผู้ป่วยไปควรเป็นโรงพยาบาลใกล้สุดที่มีแพทย์และอุปกรณ์เครื่องมือพร้อม ฉะนั้นยามปกติควรทำการบ้านหาข้อมูลไว้บ้างว่าโรงพยาบาลไหนเก่งในการรักษาโรคใด หมอคนใดมีฝีมือทางไหนและก็ควรจะทำความรู้จักคุ้นเคยกับหมอไว้บ้าง เดี๋ยวนี้การรักษาพยาบาลก็ต้องมีเส้นสายเหมือนกัน
ภรรยาผมมีอาการของความดันโลหิตสูง เกิดขึ้นจากอะไรไม่ทราบ บางคนว่าเป็นกรรมพันธุ์ บางคนว่าไขมันในหลอดเลือดสูง มันจะมาจากอะไรก็ชั่งสรุปว่าเป็นก็แล้วกัน ตรวจพบมาประมาณ 10 ปีแล้ว เหตุที่ตรวจพบก็เพราะปวดศีรษะบ่อยๆ หมอให้ทานยาลดความดันและกำชับให้ทานต่อเนื่องทุกวัน อีกอย่างหนึ่งที่เข้าใจกันผิดๆคือเข้าใจว่าผู้ที่ความดันโลหิตสูงถ้าทานยาคุมความดันทุกวันจะปลอดภัย พวกที่หลอดเลือดสมองแตกก็เพราะไม่ได้ทานยาต่อเนื่อง ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ทานยาคุมความดันต่อเนื่องก็แตกได้ หมอให้เครื่องวัดความดันแบบอัตโนมัติติดบ้านสั่งให้วัดทุกวัน ภรรยาผมหลอดเลือดเปราะทุกครั้งที่วัดความดันจะเจ็บตรงที่รัดมาก เจ็บจริงๆไม่ใช่จริตขนาดถอดที่รัดออกจะเห็นผิวหนังบริเวณนั้นแดงเป็นปื้นโดยรอบแล้วต่อมาก็จะเขียวคล้ำ นั่นคือเส้นโลหิตฝอยใต้ผิวหนังแตก การวัดด้วยเครื่องมันทรมานก็เลยไม่วัด อุตส่าห์หาที่วัดตรงบริเวณข้อมือมาอีกมันก็เจ็บเช่นกัน ชะล่าใจไม่ต้องวัดมันละ ไปหาหมอเมื่อไรก็ให้หมอใช้เครื่องวัดแบบโบราณที่ต้องใช้หูฟัง สามเดือนพบหมอทีก็ได้วัดครั้งนึง ก็ทานยาควบคุมความดันต่อเนื่องแล้วนี่คงไม่เป็นอะไร ปวดก็ทานพาราไป ทำตัวแบบนี้มาตลอด
ปกติภรรยาผมเป็นคนนอนดึกตื่นสาย เข้านอนประมาณตี 1 ครึ่งไปตื่นเอา 11 โมง นอนวันละแปดชั่วโมงขึ้นไปตื่นขึ้นจะแจ่มใสไม่ปวดหัว ฉะนั้นห้องนอนของเธอจะปลอดเสียงรบกวนใดๆ ผมตื่นก่อนจะไปคอยรับโทรศัพท์อีกห้องซึ่งพอแปดโมงก็จะมีการโทรกระหน่ำเข้ามา คำตอบของผมก็คือ “เธอเพิ่งเข้านอนเมื่อสักครู่” หรือ “วันนี้เธอไม่ค่อยสบาย ไม่สะดวกรับสาย เดี๋ยวให้โทรกลับ” แต่เจ้าประคุ้นเรื่องประชุมนี่อะซี บางสายโทรเข้ามาบอกว่ากะลังรอประชุม จะประชุมอะไรกันนักกันหนา
ภรรยาผมชอบทำงานการกุศลเกือบจะเรียกได้ว่ามันอยู่ในสายเลือด ตั้งแต่คุณแม่ของเธอคือคุณหญิงยุกตเสวีวิวัฒน์และพี่สาวเธอท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวนิช เธอเป็นนายกสมาคมฯและประธานองค์กรต่างๆมากมาย เป็นงานที่เสียเงินและเสียเวลา เธอชอบเพราะได้ช่วยเหลือและพบปะผู้คนหลากหลาย งานหนึ่งที่เธอชอบมากคือ สภาสตรีแห่งชาติฯ ถึงคราวที่มีการเลือกตั้งกรรมการอำนวยการสภาสตรีแห่งชาติฯที่จะก้าวไปสู่ประธานสภาฯ ผมพยายามทัดทานไม่อยากให้เข้ารับเลือกตั้งเพราะทราบว่างานของสภาสตรีฯขอบเขตกว้างขวางไม่อยากให้เธอเหนื่อย เธอบอกว่าเป็นงานอาสาจะขอลองถ้าไม่ลงสมัครสมัยนี้ก็คงไม่มีโอกาสเพราะอายุก็จะมากขึ้น ผมไม่อยากขัดใจแต่ก็คิดในใจมันคงไม่ได้ หลังเลือกตั้งคงจะได้พักผ่อนเสียที ที่ไหนได้เธอได้รับเลือกตั้ง ความทุกข์ระทมวิ่งเข้ามาสู่ผมแต่ปริปากไม่ได้ จะต้องเหนื่อยไปอีก 3 ปีรึนี่ แค่วันเลือกตั้งก็จะบ้าตาย คนที่เคยรักเคยชอบกันกลายเป็นเกลียดชนิดไม่เผาผี ผมเคยบอกให้ลาออกอย่าไปเป็นมันเลยมีแต่ความทุกข์ระทม เธอบอกไม่ได้อายเค้าจะถูกปรามาสเอาได้ คนข้างๆที่ชอบพอก็เชียร์สู้ๆๆๆ มันเหมือนกับมวยที่ขึ้นเวทีพอปี่กลองบรรเลงก็ซัดกันทันที ลืมความเจ็บป่วยที่เคยมี ลืมนึกไปว่าเรามีโรคประจำตัว ก็เพราะความเชื่อที่ว่าความดันเลือดสูงถ้าทานยาคุมทุกวันต่อเนื่องจะปลอดภัย มีหลายอย่างที่เธอบ่นกับผม ไม่สามารถทำให้ทุกคนพึงพอใจได้ บางอย่างต้องตัดสินใจทำโดยที่เธอไม่อยากจะทำ บางอย่างไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่มาที่ไปได้ ปกติเธอจะไม่ค่อยระบายแต่นี่มันคงจะระเบิดแน่ๆถ้าไม่ให้ผมได้รับรู้ไว้บ้าง ความเครียดเริ่มเกาะกินเธอแล้ว ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจ
งานของสภาสตรีฯเป็นงานหนึ่งที่บ่อนทอนสุขภาพ ปกติเคยพักผ่อนวันละ 8 ชั่วโมง ก็ไม่ได้พัก เคยนอนตื่นสายก็กลายเป็นนอนดึกตื่นเช้า ต้องเดินทางไปพบปะผู้คนเพื่อทำความรู้จักคุ้นเคย พอได้ตำแหน่งยิ่งเครียดหนักตั้งแต่การแต่งตั้งวางตัวบุคคลในตำแหน่งต่างๆ การวางแผนการทำงาน ที่แย่ที่สุดก็คือสภาฯ ชื่อโก้กลับไม่มีเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ต้องหาเงินค่าใช้จ่ายเอาเอง ที่ทำการก็ต้องไปอาศัยเค้าอยู่ก็กำลังจะถูกไล่ที่ เธอไม่ย่อท้อวางแผนจัดงานเพื่อหาเงินให้องค์กร
วันปีใหม่ 2556 วันหยุดยาวกะจะพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อจะได้ลุยงานหลังหยุดปีใหม่ ไปพักที่คอนโดชะอำ สูดอากาศบริสุทธิ์พร้อมนั่งขีดเขียนวางแผนทำโน่นทำนี่ วันที่ 2 มกราตอนค่ำเธอบอกว่าปวดศีรษะแล้วเอามือจับที่หน้าผาก ผมให้เธอนอนพักกะจะหาพาราให้ทาน เธอบอกว่ามึนที่ท้ายทอยและปวดมากกว่าทุกครั้ง ผมเห็นท่าจะไม่ไหวแน่พาเธอนั่งรถไปโรงพยาบาลกรุงเทพ หัวหิน พบหมอวิทยา พยัคฆพันธ์(ทำงานอยู่ที่นั่น)และคุณแป๊วภรรยาช่วยจัดการตรวจวัดความดัน ผมตกใจเมื่อพบว่าความดันเลือดตัวบนขึ้น 240 หมอให้นอนพักและให้ยาลดความดัน ประมาณชั่วโมงความดันลดเหลือ 150 ผมพาเธอกลับที่พักพร้อมด้วยยาเป็นหอบๆ คืนนั้นเธอคงหลับด้วยฤทธิ์ยา เช้ารุ่งขึ้นปวดหัวก็ทานยาแต่พอถึงเที่ยงๆปวดหัวมากผมเห็นท่าจะไม่ดี มันเกิดอะไรขึ้นนี่ในใจคิดว่าต้องกลับกรุงเทพฯใกล้หมอเข้าไว้ โทรหาสุดถนอมฯลูกสาวเธอมีประสบการเพราะสามีเคยรับการผ่าตัดหลอดเลือดสมองแตกที่ รพ.กรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย สุดถนอมฯประสานคุณหมอนันทศักดิ์ฯ รพ.กรุงเทพ หมอจะว่างแค่ 16.00 น.เพราะมีงานผ่าตัด ผมรีบเก็บข้าวของขับรถเข้ากรุงเทพฯ ออกจากคอนโดที่ชะอำเวลา 14.00 น.ถึง รพ.กรุงเทพฯ 16.06 น. เป็นการใช้ความเร็วที่ไม่เคยมาก่อนเลย เหยียบ 150 – 160 กม./ชม. คุณหมอรับตัวไว้ตรวจและติดตามอาการที่โรงพยาบาล 1 คืน ตรวจเช็คความดัน ทำ MRI MRA ทุกอย่างปกติจึงให้กลับบ้านพร้อมยา พักอยู่กับบ้าน 2 วันปวดหัวก็ทานยาแก้ปวด เริ่มลุยงานตั้งวันที่ 7-8-9-10-11 มกรา พักผ่อนน้อยมาก มีหลายคืนที่นอนหลังตี 3 ตื่น 7 โมงเช้า วันที่ 11 มกราเธอออกจากบ้านไปแต่เช้ากลับถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ผมบอกเธอว่าจะไปเลี้ยงส่งคุณแหลมฯจะกลับอเมริกา (คุณแหลมฯมีร้านอาหารอยู่ที่ AUSTIN TEXAS มาเยี่ยมเพื่อนๆที่กรุงเทพฯตอนปีใหม่) ที่โรงแรม Royal City ถนนปิ่นเกล้า ไปถึงที่โรงแรมประมาณ 21.30 น.หลายคนกำลังสนุกเพลิดเพลินกับการทานอาหารและร้องเพลง สั่งเครื่องดื่มมาดื่มไปได้อึกเดียวเธอบอกเจ็บหัวจี๊ดแล้วเอามือสองข้างกดที่หน้าผาก เหมือนรู้ตัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอสั่งให้ไปศิริราชด่วน ประมาณ 30 นาทีก็ถึงศิริราชปิยะการุณ ท่านผู้หญิงสุมาลีฯและพี่อี๊ดสุนทรีฯประสานเจ้าหน้าที่ไว้ให้ พอถึงศิริราชเจ้าหน้าที่ประมาณ 3-4 คนรอพร้อม จับขึ้นเตียงห้องฉุกเฉิน เธอบ่นคลื่นไส้พร้อมอาเจียนชนิดพุ่งไกลแบบเร็วและแรง อาเจียนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ความดันเธอขึ้น 230 หมอให้ยาลดความดัน ทำ MRA พบมีเลือดออกที่สมองส่วนหน้า ทีมฉีดสีถูกเรียกตัวด่วน กว่าห้องและเจ้าหน้าที่จะพร้อมก็ประมาณตี 3 ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผลการฉีดสีพบว่ามีเลือดออกที่สมองส่วนหน้าบริเวณเยื่อหุ้มสมองกับเนื้อสมองซึ่งจำเป็นจะต้องรับการผ่าตัด
ถึงวินาทีต้องตัดสินใจว่าจะเข้ารับการผ่าตัดที่ไหน รพ.ศิริราชก็เป็น รพ.ระดับหนึ่งของประเทศ สุดถนอมฯลูกสาวเลือก รพ.กรุงเทพฯเชื่อฝีมือคุณหมอนันทศักดิ์ฯซึ่งเคยผ่าตัดให้คุณกัปตัน (บุตรเขย) ซึ่งอาการหนักกว่านี่จนเป็นปกติ ในที่สุดตกลงเลือก รพ.กรุงเทพฯซึ่งไม่ผิดหวังจริงๆ ปัจจุบันภรรยาผมกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ สามารถช่วยตัวเองได้ ไม่สูญเสียความทรงจำ ขอขอบคุณ คุณหมอนันทศักดิฯและทีมงานของ รพ.กรุงเทพ ทุกคนที่เอาใจใส่ดูแลภรรยาผมเป็นอย่างดี
สิ่งที่ควรทราบเกี่ยวกับผู้ที่ความดันเลือดสูง
1 ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
2 ทานยาลดความดันตามแพทย์สั่ง
3 พักผ่อนให้มากๆ หลับนอนให้เพียงพอวันละ 8 ชั่วโมง
4 หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล
3 ตรวจวัดความดันเป็นประจำทุกวันและควรวัดมากกว่าวันละครั้ง ทุกครั้งที่มีอาการปวดศีรษะควรวัดความดัน ถ้าความดันสูงผิดปกติต้องรีบพบแพทย์ทันที (เมื่อเกิดอาการปวดศีรษะอาจมีการแตกของเส้นเลือดฝอยหรือเส้นเลือดอาจบวมไปกดสมอง)
4 ถ้ามีอาการปวดมากๆซึ่งมักจะใช้คำพูดว่า “ปวดจี๊ด” อย่าได้ไว้ใจ อาจแตกแล้วก็ได้ ถ้ามีอาการคลื่นไส้ตามมาด้วยยิ่งชัด และ ถ้าอาเจียนพุ่ง (ผมใช้คำว่า “พุ่ง” เพราะมันพุ่งไปไกลและแรงมาก) สังเกตสีของอาเจียนจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม (น่าจะเป็นสีที่เกิดจากการมีเลือดเข้าไปผสมอยู่ด้วย) ต้องพาไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว
5 การไปถึง รพ. เร็ว – ช้า มีความสำคัญมากเพราะจะต้องลดความดันลงให้ได้ก่อนซึ่งจะทำให้เลือดหยุดไหลหยุดการแตกเพิ่ม ถ้าปล่อยช้าเลือดออกมากจะไปกดสมอง คนป่วยจะปวดมากอาจช็อกหมดสติ เชื่อว่า รพ.ไหนๆก็สามารถลดความดันเลือดได้
6 ต่อไปคือการตัดสินใจว่าควรจะผ่าตัดหรือรักษาด้วยวิธีใด กระบวนการพิจารณาดำเนินการในส่วนนี้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผมได้บอกไว้แต่ต้นแล้วว่ายามปกติต้องศึกษาหาข้อมูลไว้ก่อนว่า รพ.ไหนชำนาญการรักษาโรคใด
7 ข้อมูลตาม 6 นั้นต้องให้คนใกล้ตัว หรือ คนที่บ้านได้ทราบไว้ด้วย ถ้าคุณทราบเองเพียงคนเดียวหากคุณหมดสติไปแล้วคนอื่นจะทราบได้อย่างไร บางท่านเขียนรายละเอียดใส่กระเป๋าติดตัวไปด้วยแต่ขอโทษในยามนั้นใครที่ไหนจะไปค้นหาข้อมูลในตัวท่าน
8 ระวังอีกเรื่องนะครับ บางทียามหน้าสิ่วหน้าขวานหมอที่รู้จักชอบพอที่สามารถช่วยเราได้ก็อาจจะเดินทางไปต่างประเทศ ฉะนั้นต้องรู้จักไว้หลายคนหลายสถานที่
ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่ควรเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า การเจ็บป่วยไม่ควรประมาทนะครับเพราะคนเราตายทุกคน จะตายทั้งทีก็ควรจะให้สมศักดิ์ศรีหน่อยไม่ใช่ตายแบบไม่เป็นท่า.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์