บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เฮือกสุดท้าย




เฮือกสุดท้าย

อ่านข่าวไทยรัฐฉบับวันที่ 24 ธันวา พ.ศ.2555 คุณวิโรจน์ เอ็ม 16 อดีตช่างภาพไทยรัฐเสียชีวิต ทำให้ผมสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะตกใจที่คุณวิโรจน์ฯเสียชีวิต แต่ภาพที่คุณวิโรจน์ฯได้รับรางวัล ภาพยอดเยี่ยม จากมูลนิธิ อิศรา อมันตกุล ชื่อภาพ "เฮือกสุดท้าย" ทำให้ผมผวา (ผวาคุก) เพราะได้ลงภาพนาทีชีวิตและลมหายใจเฮือกสุดท้ายของ นายประพัย พันตรี ผู้ต้องหาคดีฆ่ามีหมายจับ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบยิง (วิสามัญฆาตกรรม) เป็นภาพที่กระสุนเหล็กปลิวเข้าสู่ร่างก่อนจะหมดลมหายใจ หลายคนโทรถามคนยิงที่เห็นแต่ด้านหลังเป็นใคร จ่าเชื้อฯลูกน้องผมครับ สมควรแล้วที่ภาพนี้ได้รับรางวัล เป็นธรรมชาติและเป็นภาพที่มีชีวิต ยิงจริง ตายจริง แสดงแทนยังไงก็ไม่เหมือน คุณวิโรจน์ เอ็ม 16 คุณวิโรจน์ฯคุณโผล่มาจากไหน รวดเร็วมากตามสมญาที่ได้ จับภาพได้จังหวะดีจริงๆ
ภาพนี้บรรยายได้หลายความรู้สึก หาโอกาสบันทึกภาพอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว คุณวิโรจน์ฯทำไมคุณไวเช่นนี้ ไวยังกะปืนกล สมกับฉายา M.16 ที่เร็วและแรง ในมุมมองของนักเลงภาพจะรู้สึกได้ว่า คนบันทึกภาพมีความไวเก็บภาพได้จังหวะ ภาพบรรยายถึงความรู้สึก ผู้ยิงได้ส่งลูกปืนเข้าร่างผู้บาดเจ็บไปแล้วและกำลังจะปล่อยนัดต่อไปอีก ส่วนผู้ถูกยิงยังมีลมหายใจ สีหน้าแสดงความเจ็บปวด ศีรษะยังผงกคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่อ้าปากไม่ขึ้น ทั้งสองคนคงคิดไปคนละแบบแน่นอน ตำรวจชุดปราบรวมทั้งผู้รับผิดชอบสำนวนโล่งอกที่คดีนี้ปิดลงได้ ผู้รักใคร่คนตายย่อมมีแน่ๆอย่างน้อยก็ลูกเมีย ย่อมโศกเศร้าเสียใจ ไม่อยากที่จะเห็นภาพนี้ สำหรับตำรวจชุดปฏิบัติการณ์ไล่ล่าทำวิสามัญฯโดยเฉพาะผมซึ่งเป็นหัวหน้าชุดหนาวๆร้อนๆ กลัวคุก บอกแล้วไงว่าเห็นภาพแล้วสะดุ้ง มันเกิดตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2523 หลังทำวิสามัญฯคดีนี้เสร็จ มีเจ้านายหลายคนมาแสดงความยินดีที่สามารถจบชีวิตโจรที่มีประวัติเป็นมือปืนและหมายจับคดีฆ่าหลายคดี เจ้านายบางคนขอเอาชื่อลงในบันทึกจับกุมด้วย แต่พอเช้าวันต่อมาหนังสือพิมพ์ไทยรัฐลงภาพนี้หน้าหนึ่ง เจ้านายร้อง “เฮ้ย... มันไปถ่ายภาพนี้มาได้ไงว๊ะ......” ในที่สุดก็คงมี ผมกับ ร.ต.อ. ประมวลศักดิ์ฯและจ่าเชื้อฯ (ยศในขณะนั้น) ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ถูกขึ้นศาลไต่สวน ฐานฆ่าผู้อื่นโดยอ้างปฏิบัติการตามหน้าที่่ และ ป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ (วิสามัญฆาตกรรม) ในที่สุดศาลก็มีคำสั่งว่า เป็นวิสามัญฆาตกรรม เป็นการป้องกันตัว ไม่เกินสมควรกว่าเหตุ โชคดีที่สมัยนั้นวิทยาการยังไม่ก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน มีแต่การบันทึกภาพนิ่ง ไม่เป็น VDO จึงยังพออธิบายขยายความกันได้ ถ้าเป็นคลิปวิดีโอเหมือนสมัยนี้เห็นถ้าจะเหนื่อย ชุดของผมไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอกครับมันไปเจอกับคนร้ายโดยบังเอิญ เหตุที่เจอก็เพราะรถยนต์ของจ่าเชื้อที่ผมกับ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯใช้เป็นพาหนะตามคนร้าย ใช้ความเร็วไม่ได้ คลานยังกะเต่า พวกมือดีๆ มือวิสามัญฯเจ๋งๆ ไล่กวดตามรถคนร้ายนำหน้าไปเป็นกิโลๆ ทราบว่าเค้าไปถึงหน้า ม.รามคำแหงกันแล้วแต่คันของผมเพิ่งถึงแยกคลองตัน เป็นความซวยของประพัยฯ (คนร้าย) แท้ๆ ชะตาถึงฆาต หนีเสือปะจระเข้ คือนายประพัยฯนั่งรถหนีตำรวจโดยมีเพื่อนเป็นคนขับ ออกจากโรงแรมสยามถนนเพชบุรีตัดใหม่ เส้นทางบังคับ (ONE WAY) เมื่อออกจากโรงแรมจะต้องเลี้ยวซ้ายไปตามถนน สู่แยกคลองตัน จังหวะที่รถคนร้ายเลี้ยวซ้ายตรงแยกคลองตันโฉมหน้าไปรามคำแหง นายประพัยฯกลิ้งตัวลงจากรถโดยรถมิได้หยุด ทำให้ตำรวจที่ติดตามมิได้สงสัย ต่างขับตามรถที่ไม่มีคนร้ายไปทาง ม.รามคำแหง นายประพัยฯซุกตัวในพงหญ้าข้างทาง สักครู่พอเห็นว่าน่าจะปลอดภัยจึงออกจากที่ซ่อน มือถือปืนวิ่งข้ามถนนตรงสี่แยกคลองตันตรงไปถนนพัฒนาการ ความเร็วและว่องไวต้องยกให้จ่าเชื้อฯกับ ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯ จ่าเชื้อฯถึงจะอายุมากแต่สายตาดี ฉายาจ่าเชื้อฯเจอ(โจร)เป็นยิง ผู้บังคับบัญชาต้องคอยห้ามและตามแก้ให้หลายคดี ส่วน ร.ต.อ.ประมวลศักดิ์ฯมีความแม่นยำในการยิงและรอบคอบอยู่ในกรอบกฎหมาย จ.ส.ต.เชื้อฯเห็นประพัยฯก่อนจึงขับรถพุ่งเข้าใส่แล้วห้ามล้อดังสนั่น ประพัยฯหันมาพร้อมยิงปืนใส่มาที่รถของพวกเรา กระสุนเข้าทางกระจกหน้าทะลุออกกระจกหลัง กระจกแตกละเอียดทั้ง 2 แผ่น เสียงมันดังเข้าแก้วหูอื้อไปหมด สองคนนั่นโดดลงจากรถ ทิ้งรถไว้กลางถนน ผมเหมือนกับพระเอกหนังไทยสมัยก่อน ไปถึงคนร้ายตายสนิทแล้วครับ
ผมคงต้องอธิบายขยายความ ท่านที่เห็นภาพนี้โดยไม่ทราบเรื่องเบื้องหลังมาก่อนจะหาว่าตำรวจทำโหด สงสารผู้ตายที่หมดทางสู้ อย่าลืมนะครับ คนตายมีปืนขนาด ๑๑ ม.ยิงใส่รถพวกเราก่อน กฎแห่งกรรมครับ ตอนที่นายประพัยฯ (ผู้ตาย) ยิง หม่อมแสงฯ (นายพิสิษฐ์ ชุ่มจิต) อดีตสามีนักร้อง "เสียงน้ำเซาะทราย" หม่อมแสงฯถูกยิงล้มลงนอนดิ้นกับพื้นลักษณะเช่นเดียวกันนี้ หลายคนร้องขอให้ไว้ชีวิตหม่อมแสงฯแต่ประพัยฯไม่ยอม ผู้หญิงซึ่งเห็นเหตุการณ์อยู่ใกล้ชิดที่เกิดเหตุอุตส่าห์เอาตัวเองเข้าไปขวางทางปืน โดนประไพฯยิงบาดเจ็บสาหัสไปด้วยอีกคน นี่แหละผลแห่งกรรม อยากทราบเรื่องราวละเอียดย้อนกลับไปอ่าน “เด็ดหัวมือปืนฆ่าหม่อมแสง” ใน www.angkul007.com ลง บทความนี้ลงไปเมื่อ 23 ธันวาคม 2550 เรื่องลำดับที่ 184 ครับ
*ส่วนทีมที่ไล่ล่าเสือประพัยฯนั้น เป็นกำลังชุดใหญ่ พวกเราทำงานเป็นทีม แม่ทัพใหญ่คือ พ.ต.อ.โสภณ วาราชนนท์ ผกก.สส.น.ใต้ ลูกทีมล้วนฝีมือฉกาจฉกรรจ์ เช่น ชาลี เภกะนันทน์, สุรศักดิ์ สุทธารมณ์, สมคิด บุญถนอม, ประมลศักดิ์ ศรีสมบุญ, สุเมธ เรืองสวัสดิ์, ทรงพร สารพานิช ฯลฯ ทุกคนประสบความสำเร็จในชีวิตราบการ บางคนเสียชีวิตไปแล้วแต่ทุกคนยังอยู่ในความทรงจำและจิตใจของผมตลอดไป.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์