อภินิหารอาจารย์เสริฐฯ ตอนที่ 5
ชีวิตจริงๆของคนราชการเริ่มต้นเมื่อหลังเกษียณ ช่วงที่ยังอยู่ในราชการมีคนช่วยแบ่งเบาภาระ พอเกษียณตำแหน่งหน้าที่หมดไปผู้ช่วยไม่มี คนที่มาห้อมล้อมก็หายไป กลับสู่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง อยากจะวัดผลว่าที่รับราชการทำงานช่วยเหลือผู้คนมาพอสมควรจะประสบความสำเร็จมีคนนิยมมากน้อยแค่ไหน จึงตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งวุฒิสมาชิก (สว.) ปูพื้นฐานไว้ก่อนตั้งแต่อยู่ในราชการ ตำรวจมีโอกาสมากกว่าอาชีพอื่นเพราะงานในหน้าที่ต้องช่วยเหลือประชาชนอยู่แล้ว ลงพื้นที่พบปะให้บ่อย ช่วยเหลือผู้คนให้มาก หลังเกษียณรับตำแหน่งเป็นหัวหน้า เป็นประธาน เป็นนายกชมรม สมาคม มากมาย ออกงานสังคมบริจาคเพื่อการกุศลต่างๆ หนึ่งปีก่อนลงสนามเลือกตั้งทำรายการวิทยุ วันละ ๑ ชั่วโมงทุกวัน เป็นเวลา ๑ ปีเต็ม เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน นำเอาเบื้องหลังคดีต่างๆมาถ่ายทอดให้ฟังลักษณะนิยายสืบสวนสอบสวน มีแฟนคลับมากพอสมควร การทำรายการวิทยุเป็นเรื่องที่เหนื่อย ประการแรกต้องไปสอบผู้ประกาศที่กรมประชาสัมพันธ์ให้ได้ก่อน เรื่องที่ผ่านยากก็คือหลักการใช้ภาษาไทย คำควบกล้ำ ตัว ร, ตัว ล, ตัว ว ในที่สุดก็สอบผ่าน การออกอากาศสดไม่ใช่เรื่องง่ายๆผิดพลาดไม่ได้เลย ต้องเตรียมตัวอย่างดี เตรียมเรื่องไว้ก่อน บางครั้งเตรียมไว้กะพูดเป็นหลายๆชั่วโมง เอาเข้าจริงชั่วโมงเดียวก็หมดแล้ว วิธีดีที่สุดคือเปิดสายพูดคุยกับผู้ฟัง การเปิดสายคุยเสี่ยงเหมือนหาเรื่องฆ่าตัวตาย หากไม่มีแฟนคลับโทรเข้ามาแสดงว่ารายการไม่ได้รับความนิยม เรทติ้งไม่ดีหาสปอนเซอร์ยากเดี๋ยวรายการก็ถูกถอด ผมสอบผ่านแถมยังมีการเปิดเพลงยุค sixty ปล่อยเพลงของพระอาจารย์ Elvis สลับไปด้วย ผมใช้เวลาในการออกอากาศตามหาอาจารย์เสริฐฯ ในที่สุดก็พบจนได้ แฟนรายการโทรเข้ามาแจ้งว่าอาจารย์เสริฐฯหนีไปบวชอยู่ที่วัดดอนยานนาวา ไม่ได้บอกด้วยว่ากุฏิอยู่ตรงไหนแต่ก็ตามจนพบ
พบอาจารย์เสริฐฯครั้งนี้อาจารย์ตกใจ หาเจอได้ไงไม่ได้พบกันเป็นเวลา ๑๐ กว่าปีนึกว่าโกรธกันไปแล้ว วันนั้นผมเอาคนขับรถร่างใหญ่ไปด้วย ไม่ได้บอกให้คนรถทราบถึงอิทธิฤทธิ์อภินิหารของอาจารย์ วันนั้นปลอดคนพอดี ผมกับคนขับรถเข้าไปกราบเพราะท่านอยู่ในเพศบรรพชิต ถามอาจารย์ทันทีว่า หนุมานไปอยู่ไหน ปกติหนุมาน (หัวกะโหลกค่าง) จะวางอยู่ใกล้ๆแต่วันนั้นไม่เห็น อาจารย์เสริฐฯบอกว่าหลบมาหาความสงบคนกวนมากไม่ได้เอาอะไรติดมาเลย ผมชอบพูดตรงๆบอกอาจารย์ว่าลูกน้องอยากดูหนุมานตีลังกา อาจารย์เสริฐฯมองไปรอบๆแล้วบอกให้คนขับรถของผมไปหยิบบาตรพระซึ่งใส่น้ำมนต์อยู่ค่อนบาตรนำมาวางตรงหน้า บาตรพระใส่น้ำมนต์เกือบเต็มน้ำหนักเกือบ ๑๐ กิโล อาจารย์สั่งให้เอาบาตรวางกับพื้นไม่ใช้ขาตั้ง ผมกับคนขับรถนั่งล้อมอยู่ในระยะห่างไม่เกิน ๑ เมตร พื้นกุฏิตรงบริเวณนั้นเป็นซีเมนต์ขัด อาจารย์พนมมือสวดคาถาพึมพำ ทันใดนั้นบาตรพระที่มีน้ำมนต์อยู่ก็เริ่มหมุนรอบตัวหลายรอบ ความที่บาตรมีน้ำหนักการเคลื่อนตัวลำบากเวลาหมุนรอบตัวจะไปแบบช้าๆ มีเสียงดังคลึกๆๆๆๆ อาจารย์สั่งให้บาตรน้ำมนต์หมุนกลับทิศทาง บาตรก็หมุนกลับไปอีกทางหนึ่งเสียงคลึกๆๆๆๆ คนขับรถผมตกใจยกบาตรขึ้นดูแล้วเปลี่ยนที่วางใหม่ บาตรก็หมุนตามคำสั่งอาจารย์เสริฐฯได้อีก อาคมของอาจารย์เสริฐฯยังไม่เสื่อมคลายโดยเฉพาะการใช้อำนาจจิต
การเจรจาเชิงธุรกิจเริ่มต้น ผมบอกกับอาจารย์เสริฐฯว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สว. ขอให้อาจารย์ช่วยส่งกำลังภายใน อาจารย์เสริฐฯบอกได้เลย วันลงคะแนนพอเริ่มเปิดคูหาอาจารย์เสริฐฯจะนั่งสมาธิใช้กำลังภายใน ดลใจให้คนที่จะไปลงคะแนนเลือกตั้งเข้าคูหาแล้วต้องกาที่เบอร์ของผม ตกลงกันมั่นเหมาะ ก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งผมเอาเบอร์สมัครของผมไปให้อาจารย์ทำพิธี พอถึงวันลงคะแนนจริงผมอยู่บ้านคอยลุ้นอยู่หน้าจอทีวี ไม่ลืมที่จะโทรหาอาจารย์เสริฐฯ โทรติดยากที่สุด กว่าจะติดได้โทรประมาณ ๑๐ กว่าครั้งได้ความว่าติดภารกิจนิมนต์ ผมบอกว่าคูหาลงคะแนนเริ่มเปิดนานแล้วใกล้จะปิดแล้วด้วย อาจารย์เสริฐฯบอกว่าจะลงมือเดี๋ยวนี้ ผมไม่ค่อยมั่นใจอาจารย์เสริฐฯเลยขนาดพูดกันมั่นเหมาะยังลืม นี่ถือเป็นการ ลองของ อาจารย์เสริฐฯอย่างหนึ่ง ผลการนับคะแนนผมได้มาแค่สามพันเก้าร้อยกว่าคะแนน ไม่ถึงสี่พัน พอกันทีกับเรื่องการเมือง ไม่ดีจริง ไม่แน่จริงอย่าได้ไปลอง ที่ว่าดีนั้นคือตัวเราเองต้องเป็นคนดีครบเครื่องทั้งความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต ความประพฤติดี มีอุดมการณ์ มีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือผู้คน มีคนรักและประการสุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือต้องมีเงินและกล้าใช้เงิน มีวิธีการให้ใช้เงินหลายรูปแบบ บริจาคการกุศลสาธารณะ ช่วยเหลือชุมชน อยู่เบื้องหลังการจัดเลี้ยงต่างๆ (คนอื่นจัด เราเป็นคนจ่ายเงิน) ค่าใช้จ่ายทีมงาน ที่หนักที่สุดคือจ่าย หัวคะแนน ไม่น่าเชื่อว่าพอเอาเข้าจริงๆพวกชาวบ้านคนที่เรารู้จักกลายเป็น คนมีเจ้าของทั้งสิ้น จะไปแย่งเอาคนของคนอื่นมาได้อย่างไร มันก็ต้องมีวิธีการ เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ ใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลยังไปได้เพียงแค่นี้ คงพอกันทีการเมือง เงินทองที่จะเอาไว้ใช้ในบั้นปลายของชีวิตพลอยหมดไป หลังจากนั้นผมกับอาจารย์เสริฐฯก็ไม่ได้พบกันอีกเลย แต่ที่แน่ๆปัจจุบันอาจารย์ลาสิกขาบทแล้ว ฐานะก็เปลี่ยนไป จากบ้านไม้หลังเล็กกลายเป็นตึกหลายชั้นมีลิฟด้วย ขอคารวะจริงๆ.