สถานที่ๆมีอันตรายที่สุด
สถานที่มีอันตรายแห่งหนึ่งคือถนนหรือทางที่คุณกำลังขับขี่รถ ที่อื่นก็อาจมีแต่คุณหลีกเลี่ยงได้ ส่วนถนนมีความจำเป็นต้องใช้ร่วมกัน สุภาพชน คนดี คนชั่ว โจรห้าร้อย มือปราบปืนโหด คนโรคจิต คนขี้หงุดหงิด สารพัด คุณไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้ขับขี่รถอยู่ข้างๆเป็นใคร อาจเป็นคลังอาวุธเคลื่อนที่ อาจใช้ลำเลียงยาเสพติดของผิดกฏหมาย สิ่งที่เอื้ออำนวยให้คนทำผิดคือฟิล์มกรองแสงติดกระจกรถ ดำมืดจนไม่รู้ว่าคนหรืออะไรนั่งอยู่ เคยออกกฎหมายห้ามติดฟิล์มกรองแสงสีดำแต่ก็ต้องยกเลิกเพราะคนออกกฎหมายนั่นแหละติดดำกว่าคนอื่น เพื่อกันลูกปืน ซ่อนกิ๊กไม่ให้เมียเห็น ที่ได้ประโยชน์เต็มๆคือพวกโจร นักเลง พวกทำผิดกฎหมาย รถที่วิ่งอยู่บนถนน 10 คันอาจมีอาวุธปืนซุกซ่อนอยู่ถึง 2 คัน ตำรวจค้นยังไงก็ไม่เจอ บางทีก็ไม่กล้าที่จะเรียกหยุดตรวจ เหตุผลใดไม่ขออธิบายเดาเอาเองก็ถูก เคยตั้งด่านตรวจมาก่อน ปิกอัพ แท็กซี่ มอไซด์โดนเรียกประจำ
ความไม่ปลอดภัยบนถนนทำให้ผู้ใช้รถต้องพกปืน สภาพการจราจรที่ติดขัด การขับขี่รถที่ไร้มรรยาท ความเห็นแก่ตัว ไม่ปฏิบัติตามกฎ ทำให้ผู้ขับขี่หงุดหงิด จนต้องระบายอารมณ์ด้วยปืน มีตัวอย่างเห็นกันบนหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ เรื่องการขับขี่รถนี่ประมาทไม่ได้นะครับ คุณอาจไม่ถูกจับแต่อาจจะโดนลูกปืน
เรื่องที่ควรระมัดระวังในการขับขี่รถ
1.รักษาช่องทางการเดินรถ อย่าเปลี่ยนช่องโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าจะเปลี่ยนต้องให้สัญญาณก่อนและให้สิทธิ์รถทางตรงผ่านไปก่อนจนเห็นว่าสามารถทำได้โดยปลอดภัยจึงค่อยเปลี่ยนช่องเดินรถ แล้วคุณจะเห็นน้ำใจของผู้ใช้รถร่วมทาง บางคนก็แสนดียอมชะลอให้เข้าได้ บางคนก็ใจดำรีบเร่งรถเข้ามาปิดช่อง แม้ตัวเองก็ไปไม่ได้กูก็ไม่ยอมให้มึงเข้า ดีไม่ดีบีบแตรใส่ เสียงแตรนี่สำคัญมาก เป็นการส่งสัญญาณความหงุดหงิด เป็นได้ทั้งการระบายอารมณ์และแทนคำด่า เสียงเดียวอาจใช้แทนคำด่าพยางค์เดียว เหี้-, สัตว์, หรือ (ของลับ) สองครั้งอาจเป็นคำด่าสองพยางค์ ย.ม. อย่าได้บีบแตรตอบ ถ้าตอบคุณจะต้องพร้อมรับสถานการณ์ อาจจะเกิดมวยข้างถนนหรือไม่ก็ลูกปืนลอยมา การเปลี่ยนช่องทางยังจะต้องดูว่า จุดที่ท่านเปลี่ยนช่องทางนั้นมีการตีเส้นทึบหรือเส้นประไว้หรือไม่ ตีเส้นทึบห้ามเปลี่ยน เส้นประเปลี่ยนได้ เรื่องของการเปลี่ยนช่องทางเดินรถเป็นเรื่องแปลกสำหรับเมืองไทยและคนไทย ชอบเปลี่ยนช่องทางตลอดเวลา เรียกว่าขับแบบ "ซิกแซก" แต่เวลาไปขับรถที่อเมริกากลับรักษาช่องทาง ไม่ออกซ้ายเข้าขวาเหมือนขับในเมืองไทย คำตอบก็คือ ไปทำที่อเมริกาอาจ คุก ถ้าทำเมืองไทยท่านสามารถ ด่า ตำรวจที่มาจับคุณได้
การแก้ปัญหาเรื่องนี้
- ต้องวางแผนการใช้เส้นทางในการขับรถ
- กำหนดเวลาเดินทางก่อนนัดหมายอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ควรใช้บริการรถแท็กซี่ (รถแท็กซี่ทำได้ทุกอย่าง คนขับรถบ้านให้อภัย ถ้าเป็นรถบ้านด้วยกันโดน)
2.การเข้าแทรกเพื่อใช้เส้นทาง บ้านเราเรียกกันว่า มนุษย์แทรก พวกนี้เข้าคิวไม่เป็น บางทีมันก็จำเป็นเพราะมีนัดสำคัญจะไปไม่ทัน (ไม่เผื่อเวลาเดินทางไว้) ถ้าจะแทรกต้องทำหน้าด้านๆและทำใจ ขอเข้าทางแล้วรอจังหวะ คงจะมีสักคนที่เห็นใจ หรือไม่ก็ยกมือไหว้ขอกันดื้อๆ อย่าได้พรวดพราดจังหวะเดียวเข้าไปนะถ้าท่านไม่ใช่แท็กซี่
3.ขับรถแซงแล้วปาดหน้า คนไทยส่วนใหญ่ใจดียิ้มง่าย แต่พออยู่หลังพวงมาลัยแล้วสวมวิญญาณอสูร ขี้หงุดหงิด ขับฝ่าฝืนกฎ ขาดมรรยาทในการขับขี่ จะไปทางซ้ายแต่ดันขับในช่องทางขวา ส่วนคนจะไปขวาแต่ไปขับอยู่ช่องทางซ้าย ปัญหามันเกิดขึ้นตอนจะเปลี่ยนช่องทาง ตัวเองเดินรถผิดช่องทางพอจะเปลี่ยนช่องแทนที่จะให้รถอื่นขึ้นหน้าไปก่อนแต่กลับไปเร่งความเร็วรถของตนเองแซงขึ้นหน้าแล้วหักเลี้ยวเปลี่ยนช่องทันที มันก็โดนกันซิครับ เป็นการขับรถปาดหน้า ฆ่ากันมาหลายรายแล้ว กรุณามีสติและมีสมาธิในการขับรถและอย่าได้โทรหรือรับโทรในขณะขับรถเด็ดขาด
หลักของการขับขี่ ใครมาก่อนไปก่อน ถ้าถึงพร้อมกันต้องให้รถทางด้านซ้ายไปก่อน ถ้าเข้าในวงเวียนต้องให้รถในวงเวียน(ทางขวา)ไปก่อน ทางโทต้องให้สิทธิ์รถทางเอก เส้นทางเล็กต้องให้สิทธิ์รถเส้นทางใหญ่ รถเลี้ยวต้องให้สิทธิ์รถทางตรง เส้นทางใดติดตั้งป้ายหยุดหรือมีคำว่าระวังหรือคำว่าให้ทาง ต้องให้สิทธิ์รถในเส้นทางขวางหน้า รถที่ออกจากอาคาร,สถานที่ส่วนบุคคล เมื่อจะเข้าทางต้องหยุดให้รถในทางผ่านไปก่อน เมื่อขับรถเข้าใกล้ทางร่วม,ทางแยกต้องลดความเร็วรถ ขับขี่รถตามหลังรถอื่นต้องเว้นระยะห่างพอสมควร (ขึ้นอยู่กับความเร็วในขณะนั้น สำหรับใน กทม.ให้ถือระยะห่างอย่างน้อย 15 เมตร) และเป็นหน้าที่ของผู้ขับขี่รถคันที่ขับตามหลังต้องระวังรถคันที่ขับอยู่ข้างหน้า
เรื่องเหล่านี้เป็นหลักพื้นฐานที่ทุกคนนต้องทราบและถ้าไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที ทุกวันนี้พวกเราทำผิดกันทุกคน ตำรวจจราจรไม่ทำการจับกุมเพราะเข้าใจสภาพปัญหา ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับการจราจรขอความกรุณาพูดจากับเจ้าหน้าที่ดีๆ ตำรวจช่วยพวกเราเยอะแล้ว
ขณะเขียนต้นฉบับนี้กำลังจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีรถชนกันบนทางยกระดับโทลเวย์ ผมไม่ใช่พนักงานสอบสวนแต่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการขับขี่รถในทางตรงเพราะเคยควบคุมการจราจรบนมอเตอร์เวย์
*การขับรถไปในทิศทางเดียวกันจะเกิดการชนกันได้มีลักษณะเดียวคือ ชนท้าย แรงที่กระทำไปในทิศทางเดียวกัน ลักษณะรถเมื่อถูกชนจะพุ่งกระเด็นไปข้างหน้า จะไม่มีการตกถนนหรือออกข้างทาง เว้นแต่คันที่ถูกชนกำลังจะเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้แรงหักเห (นำทฤษฎีของแรงมาประกอบการพิจารณา) ฟันธงได้เลยคือ ผู้ขับขี่รถคันที่ชนใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด (80 กม./ชม.) คันที่ถูกชนเปลี่ยนเส้นทางเดินรถไม่ให้สัญญาณก่อน ประมาทร่วมแน่นอน.