ถูกออกแล้วจะไปทำอะไร(กิน)
คนส่วนมากอยากเป็นตำรวจอำนาจเยอะเหนือคนธรรมดา ค้น,จับ,ขังได้ หยุดรถ,ปิดถนนก็ได้ ฯลฯ แย่งกันเข้า พอเข้าได้วิ่งเอาตำแหน่ง แย่งพื้นที่ สอบเลื่อนชั้นทีก็ต้องมีโกง อะไรไม่ร้ายเท่าเข้าไปแล้วทนสิ่งยั่วยุไม่ได้ลืมอุดมการณ์เผลอๆโดนออก บางคนไม่ได้ออกเปล่าเจอคุกด้วย ตำรวจส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้พอเจอเข้าจริงงง ไม่ใช่กลัวอดตายแต่มันเสียหน้า อายเพื่อนอายพวก ความจริงคิดไปเองไม่มีใครอาลัยอาวรณ์นอกจากพูดเพื่อรักษาน้ำใจ คล้อยหลังนินทาอาจดีใจที่ตำแหน่งว่าง ถ้าตัวเองทำใจได้ลูกเมียเข้าใจก็จบ อาชีพอื่นที่เจริญก้าวหน้า มีเกียรติ สร้างฐานะความร่ำรวยได้มีถมไป เพราะต้องการรักษาหน้า แก้แค้น ลบคำสบประมาท สะใจ เอาชนะ มันจึงต้องสู้กันเต็มที่เพื่ออยู่ต่อ เรื่องนี้พอเป็นคัมภีร์จากผู้มีประสบการณ์
ปี 2525 ผมถูกตั้งกรรมการสอบสวนฐานผิดวินัยร้ายแรง ข้อหาช่วยเหลือผู้กระทำผิดอาญาสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ พลตำรวจเอกประยูร โกมารกุลเป็นประธานกรรมการสอบสวน สำนวนเสร็จเร็วมากเพราะเป็นที่สนใจของประชาชน ครั้งแรกของเมืองไทยที่หนังสือพิมพ์รายวันเสนอข่าวถึง 4 หัวในวันเดียวกัน เพียงแค่สามเดือนสำนวนก็ถึงกรมตำรวจ คณะกรรมการเมตตามีความเห็นให้ยุติการสอบสวน สำนวนผ่านกองคดีเจ้าหน้าที่มีความเห็นกลับ ให้ไล่ออกจากราชการและดำเนินคดีอาญาแถม ถึงกรมตำรวจออกผลมากลางๆคือ ให้ออกจากราชการ เป็นการออกที่เป็นคุณที่สุด ได้รับบำนาญด้วย วิ่งตีนพลิกเข้าหาคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนทุกคนพร้อมเอกสารแก้ตัวปึกหนา เสียเวลารวบรวมเอกสารผลงานไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่มีใครหยิบขึ้นมาอ่านด้วยซ้ำ จำไว้ถ้าเจ้าสังกัดไม่ปรารถนาป่วยการเสียเวลาเสียเงินเสียทองเปล่าๆ ออกลูกเดียว
เก็บแค้นไว้ในใจหลายเรื่อง ฝังใจเจ้าหน้าที่ๆเสนอให้ดำเนินคดีอาญายังจำชื่อได้จนทุกวันนี้ ไม่ใช่พวกไม่ใช่ญาติมันก็แบบนี้แหละ ตั้งใจไว้เมื่อออกได้ก็ต้องเข้าให้ได้แต่ตอนนี้ต้องถอยตั้งหลักก่อน ถึงตอนที่จะตอบคำถาม ออกจากตำรวจแล้วจะไปทำอะไรกิน จริงๆแล้วไม่ได้เป็นตำรวจก็ไม่อดตายแต่เรื่องเสียหน้าอับอายสำคัญกว่า สิ่งแรกคือภรรยาและลูกๆพร้อมญาติๆให้กำลังใจไม่ซ้ำเติมแค่นี้พอ ตอนออกเป็นข่าวใหญ่ก็ดีไปอย่างคนที่ต้องการตัวคอยจ้อง มี 3 รายที่ติดต่อขอให้ไปทำงาน ผมตัดสินใจเลือกธนาคารกรุงเทพจำกัดเป็นอันดับแรก ได้พบกับเจ้าสัว ชาตรี โสภณพนิช ท่านมีเมตตาอยากให้ไปช่วยงานธนาคารเพราะมีแต่คนคอยจ้องจะทุจริต เพียงแค่นี้ก็เห็นช่องทางว่าจะทำอะไรได้บ้าง ตอบตกลงทันที ถึงตอนสำคัญที่เจ้าสัวถามว่าต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ ความดีใจที่ไม่ตกงานบอกแบบเกรงใจให้มากกว่าเงินเดือนตำรวจนิดหน่อยก็พอ ภายหลังเสียดายเพราะเจ้าสัวพูดคุยกับคนอื่นจนมาเข้าหูว่าจ้างได้ถูกมาก จึงได้รู้ว่าที่นั่นเค้าจ้างผู้ชำนาญการเงินเดือนเป็นหลักแสน ผมถูกวางตัวในตำแหน่งหัวหน้าส่วนตรวจสอบทั่วไป เหมือนเป็นตำรวจแบ้งค์ตรวจสอบได้ทุกเรื่องในส่วนของธนาคาร ตำแหน่งนี้ถ้าเทียบกับทางตำรวจก็เท่ากับตำแหน่งผู้กำกับการ มีผู้ใต้บังคับบัญชา มีงบประมาณของตัวเอง เป็นคนนอกที่เข้าไปกินตำแหน่งใหญ่ย่อมถูกลูกหม้อเจ้าถิ่นเพ่งเล็งเป็นธรรมดา เจ้าสัวติดอาวุธให้ผมได้เข้าเรียนรู้งานของธนาคารตั้งแต่งานในหน้าที่พนักงานเคาน์เตอร์รับจ่ายเงินจนถึงงานในตำแหน่งผู้จัดการซึ่งถือว่าสูงสุด หลายหลักสูตรที่เป็นประโยชน์สำหรับการที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำ อยู่ที่นี่จึงรู้ว่าการเป็นตำรวจรู้งานเพียงด้านเดียวคือเกี่ยวกับความปลอดภัย งานระดับชาติจะเกี่ยวพันหลายเรื่อง เศรษฐกิจ การเมือง การค้าระหว่างประเทศ การเงิน การคลัง การต่างประเทศ ยังมีอีกมากที่ตำรวจควรรู้จึงจะพูดคุยระดับมหภาพได้ เหมือนกบออกนอกกะลา นี่เราคุยกับใครได้เรืองเดียวคือเรื่องสืบจับผู้ร้าย เอาละถึงคราวต้องสร้างปมเด่นให้รู้จักฝีมือตำรวจไทยซะบ้าง
ตอนที่ไปอยู่ธนาคารกรุงเทพมีคดีคนร้ายทุจริตโกงเงินธนาคารเกิดขึ้นบ่อยมากโดยเฉพาะการปลอมเช็ค ปลอมหลักฐานการโอนเงิน ปลอมบัตร ATM ฯลฯ ธนาคารจะทำการตรวจสอบ(สืบสวนสอบสวน)ภายในก่อนแล้วจึงส่งให้ตำรวจ บางเรื่องก็ไม่ส่งเพราะถ้าไปถึงตำรวจข่าวเปิดจะกระทบกระเทือนถึงธุระกิจของธนาคาร เข้าไปศึกษาเพียงเดือนเดียวก็พบจุดอ่อน ผมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธนาคารกรุงเทพโดยจัดทำหลักสูตรการสืบสวนเบื้องต้นสำหรับพนักงานธนาคาร ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เดินสายอบรมแนะนำเทคนิคต่างๆ เช่นการตรวจเอกสารปลอมแปลง บัตรประจำตัวปลอม การสังเกตและจับพิรุธผู้กระทำผิด ทำคู่มือแจกพนักงาน ได้ผลมีการตรวจพบและจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงได้หลายสิบราย เชื่อหรือไม่การทุจริตโกงเงินร้อยล้านพันล้านเริ่มต้นจากเอกสารชิ้นเล็กๆ บัตรประจำตัวปลอม เอกสารการจดทะเบียนปลอม นำมาใช้ในการเปิดบัญชี ผู้ที่มาเปิดบัญชีส่วนมากถูกหลอกโดยมีแก๊งคนร้ายอาชีพจัดทำเอกสารให้ ส่วนใหญ่เป็นพวกต่างจังหวัดที่เข้ามาหางานตามสถานที่รับสมัครคนทำงาน ซ้อนแผนให้ดีสามารถตามรวบได้ถึงตัวการใหญ่ ผลงานการป้องกันและปราบปรามเป็นที่ทราบในกลุ่มธนาคารซึ่งขณะนั้นธนาคารไทยมีอยู่เพียง 16 ธนาคาร รวมตัวตั้งเป็นชมรมเชิญผมไปบรรยายพิเศษ งานที่โดดเด่นอีกเรื่องคือสามารถติดตามจับแก๊งคนร้ายที่ปลอมแปลงบัตร ATM โกงเงินจากเจ้าของบัญชี หลายธนาคาร หลายบัญชี โดยเจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว ใช้วิธีตอดนิดตอดหน่อย เอาเงินออกทีละน้อยๆไม่เอาหมดแต่เอาเรื่อยๆ ยอดเงินเสียหายไปหลายสิบล้าน (ท่านเคยตรวจสอบความเคลื่อนไหวเงินในบัญชีของท่านบ้างไหม ถ้ามันหายไปสักเดือนละพัน,สองพันบาทจะรู้ไหม) งานนี้ได้รับรางวัลไปสองแสนบาทพร้อมหนังสือชมเชย
ที่เล่ามานี่เพียงจะบอกว่าพวกเราตำรวจทุกคนล้วนมีวิทยายุทธ อยู่ในกลุ่มเดียวกันต่างคนต่างก็มีความสามารถมันเลยดูเป็นธรรมดา พอๆกันไปหมดไม่เด่น แต่พอไปอยู่ต่างหน่วยงานต่างสถานที่ งัดวิทยายุทธมาใช้อาจกลายเป็นดาวเด่นไปก็ได้ ผมเอาวิชาสืบสวนง่ายๆไปใช้ที่ธนาคาร หน่วยงานใดมีการทุจริต มีการโกงเกิดขึ้นรู้ เดี๋ยวเดียวก็จับได้ พนักงานด้วยกันงง ผู้บริหารชมเชย ก็มันจะไปยากอะไร ผมทำงานที่สำนักงานใหญ่ถนนสีลมอาคารสูง 30 ชั้น สมัยนั้นยังไม่มีโทรมือถือ การติดต่อสื่อสารกันต้องใช้โทรพื้นฐาน ผ่านศูนย์ของธนาคารฯ โทรศัพท์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุจริตถูกดักฟัง การข่าวเป็นหัวใจของการสืบสวน การทำงานของผมจึงง่ายขึ้น ส่งผลให้พนักงานของธนาคารฯถูกส่งเข้าไปอยู่ในคุกหลายคดี ไม่ต่ำกว่า 10 คน หวังว่าคัมภีร์เล่มนี้คงจุดประกายแนวคิดให้กับเพื่อนตำรวจที่ทำงานแบบชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พยามอย่าให้มันขาดลงมาเป็นดี แต่ถ้าพลั้งพลาดต้องออกก็อย่าไปเสียดายกับสิ่งที่หลุดลอยไปแล้ว มีวิชาอยู่กับตัวหาเอาใหม่ข้างหน้า
ฉบับต่อไปถือว่าเป็นศาสตร์เลยทีเดียว ออกได้ ก็ต้องเข้าได้ ผู้พลั้งพลาดหลายคนบากบั่นไปถาม ไม่ต้องไปตามหาผมแล้วขี้เกียจเล่าซ้ำซาก ติดตามอ่าน.