บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่










ตำรวจคือต้นสายธารแห่งความยุติธรรม ทุกอย่างมักเริ่มต้นที่ตำรวจ สังคมอยู่ได้หากยังพอมีความเป็นธรรมหลงเหลือแต่ความเป็นธรรมต้องเดินคู่ไปกับความสงบเรียบร้อย ตำรวจต้องดูแลทั้งสองอย่างบางครั้งสถานะการณ์บังคับให้ต้องทำ เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าที่ทำไปนั้น “ถูกตัว” ทุกคดีหรือไม่ ถูกต้องไม่ต้องพูดถึง หลายเรื่องหลายคดียังค้างคาใจแม้ว่าศาลจะพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วก็ตาม ย้อนหลังมองดูอดีต หลายคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ล้วนมีอันเป็นไปทำนองกฏแห่งกรรม ทำดีย่อมได้รับผลจากกรรมดี ชีวิตบั้นปลายมีความสุข สิ้นอายุขัยเมื่อถึงเวลาอันควร ทำชั่วก็ย่อมได้รับผลกรรมแห่งความชั่ว มีอันเป็นไปต่างๆนาๆ

การทำงานโรงพักกับความที่เป็นตำรวจหน้าอ่อนสีกากียังไม่จับ เพียงความรู้ที่เล่าเรียนมายังไม่พอ ต้องเรียนรู้จากรุ่นพี่,เพื่อนร่วมงาน,รวมทั้งผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ละคนล้วนมีประสบการณ์และเทคนิคในการทำงาน เป็นมือปราบ,มือสอบสวน มีประวัติการทำงานโดดเด่น ได้รับการปูนบำเหน็จก้าวหน้าในชีวิตราชการ ขึ้นบัญชีเป็น “มือดี” ของกรมตำรวจ ที่ใดมีทุกข์เข็ญโจรผู้ร้ายชุกชุมมือดีจะถูกส่งไป แต่ละคนก็พยายามรักษามาตรฐานของตนไว้ให้เป็นไปตามสมญา เพื่อชื่อเสียงตนเองและความผาสุขของประชาชน อะไรเป็นรางวัลตอบแทนมือปราบเหล่านั้น ยศ ตำแหน่ง ขั้นเงินเดือน ลองติดตามเรื่องราวของมือปราบแต่ละคน

สมัยที่ผมรับราชการที่ต่างจังหวัดซึ่งเต็มไปด้วยโจรผู้ร้าย มีแต่คดีปล้นฆ่าจับคนเรียกค่าไถ่ รวมทั้งปล้นรถบรรทุกฆ่าคนขับเอาสินค้าไปขายแล้วเรียกค่าไถ่รถจากเจ้าของ คดีเกิดขึ้นถี่มาก หัวหน้าสถานีเรียกกันว่า “ผู้กอง” โรงพักที่ผมอยู่ใช้ผู้กองเปลือง 5 ปี 5 คน ผู้กองคนแรกใจดีธรรมธัมโม “เอาไม่อยู่” สถิติคดีอุกฉกรรจ์ขึ้น โดนย้ายไปภาคใต้ โรงพักชื่อแปลกไม่เคยได้ยินมาก่อน ผู้กองคนใหม่ (เป็นคนที่ 2) “มือดี” ที่กรมตำรวจจัดมาให้ ประวัติเป็นมือหนึ่งเก่งสอบสวนอยู่ที่ไหนสำนวนไม่มีค้าง คดีเกิดขึ้นมากเท่าไหร่จับคนร้ายได้หมด ได้สองขั้นทุกปี ฝีมือสุดยอดจริงๆ พอไปรับตำแหน่งก็เรียกประชุมพนักงานสอบสวนใครมีคดีค้างอยู่ในมือเอาขึ้นมา เรียกผู้เสียหาย,ญาติผู้ตายมาสอบสวนเพิ่มเติมให้ได้สาระว่าหลังเกิดเหตุแล้วได้ไปสืบสวนและพิจารณาเหตุแวดล้อมด้วยตนเองทราบว่าคนนั้นคนนี้น่าจะเป็นคนร้าย แล้วสั่งให้ฝ่ายสืบสวนทำบันทึกการสืบหาตัวผู้กระทำผิดให้สอดคล้องกับแนวของผู้เสียหายหรือญาติผู้ตาย เสร็จแล้วให้เจ้าของเรื่องประมวลเสนอขอออกหมายจับ สมัยนั้นหัวหน้าสถานีตำรวจออกหมายจับได้ เพียงมีเหตุอันควรสงสัยก็ออกได้แล้ว ไม่เกินสามเดือนครับคดีค้างเก่า คดีไม่ทราบตัวคนร้ายจำหน่ายออกหมดเกลี้ยง จับตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ผลคดีเป็นยังไงไม่ได้ติดตามเอาแค่สำนวนพ้นโรงพักพอใจแล้ว ผมได้ความรู้เทคนิคการสอบสวนจากผู้กองท่านนี้มาก ท่านทำวิธีนี้นี่เองสำนวนจึงไม่ค้าง แต่ผมไม่กล้าเอาไปใช้

มีคดีฆ่ารายหนึ่งที่ผมเป็นพนักงานสอบสวน ผู้ตายเป็นกรรมกรแบกข้าวโรงสีแห่งหนึ่งมีคนงานอยู่ประมาณ 20 คน ผมไปตรวจสถานที่เกิดพร้อมผู้กอง ผู้ตายถูกของมีคมที่บริเวณลำคอเป็นแผลเหวะ แผลเดียวลึกถึงหลอดลม วินิจฉัยเบื้องต้นน่าจะโดนตะขอสำหรับเกี่ยวกระสอบข้าวสารที่คนงานใช้กัน กรรมกรทั้งหมดถูกเรียกตัวไปสอบโดยทุกคนเอาตะขอเหล็กประจำตัวไปด้วย มีคนงานคนหนึ่งร่างบึกสูงใหญ่ท่าทางหยิ่งยะโส ตอบคำถามผู้กองแบบกวนตีน ผู้กองยึดตะขอของกรรมกรคนนี้ไปแล้วเดินไปที่ศพ ใช้ตะขอนี้เขี่ยๆที่บริเวณบาดแผลผู้ตาย (ขั้นตอนนี้มีผมกับผู้กองเท่านั้นที่รู้เห็น) กลับถึงโรงพักผู้กองสั่งให้เอาตะขอนี้ส่งไปตรวจคราบโลหิตที่กองวิทยาการเขต ผมเป็นงงแต่ไม่กล้าแย้ง ผลพิสูจน์พบคราบเลือดที่ตะขอเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกับผู้ตาย กรรมกรร่างบึกถูกจับส่งฟ้องศาล ผู้ต้องหาจะปฏิเสธยังไงไม่รอดหลักฐานมันยัน ไม่ได้ติดตามผลคดีเพราะมันจักกะจี้หัวใจ แต่ผู้กองก็อยู่โรงพักนี้ได้ไม่นานเพราะเป็นมือปราบแนวสอบสวน โจรไม่กลัว คดีปล้นฆ่าไม่ลดเลยถูกย้ายไปอยู่ทางภาคอีสาณ ไม่กี่ปีต่อมาก็ได้ทราบข่าวว่าผู้กองท่านนี้ขับรถหลับในชนต้นไม้ข้างทาง ตายครับ

ผมยังคงอยู่ที่เดิม คดีปล้นฆ่าโดยเฉพาะปล้นรถบรรทุกสินค้านำไปเรียกค่าไถ่ก็ยังมากเหมือนเดิม กรมตำรวจส่งผู้กองคนที่ 3 มาให้ ท่านผู้นี้เป็นมือปราบเคยยิงสู้กับโจรหลายครั้ง อยู่ท้องที่ไหนพวกโจรกลัวหัวหดย้ายหนีออกนอกพื้นที่ พอผู้กองท่านนี้มารับหน้าที่ก็เรียกประชุม “ต่อไปนี้พวกเราต้องทำใจ ปล่อยให้คดีอุกฉกรรจ์ขึ้นสักพักเดี๋ยวมันก็จะค่อยๆลดไปเอง” ได้ผล ตำรวจทำงานกันสนุก พอมีคดีปล้นรถบรรทุกสิบล้อเกิดขึ้นอีกเราประสานกับเจ้าของรถที่พวกโจรติดต่อเรียกค่าไถ่ เมื่อเรียกมาก็นัดหมายจัดค่าไถ่ให้ไป พวกโจรรับเงินค่าไถ่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกโจรอีกกลุ่มหนึ่งดักชิงเงินแล้วเอาตัวไปยิงทิ้งใกล้ๆกับบ้านลูกพี่ ไม่ช้าลูกพี่ก็โดนโจรกลุ่มไหนไม่รู้ยิงตายอีก โดนเป่าไปสองสามรายวงการโจรปล้นรถบรรทุกเรียกค่าไถ่ชลอตัว ผู้เสียหายบางรายได้รถคืนโดยไม่ต้องเสียเงินไถ่ คนร้ายเอาแต่สินค้าไปส่วนรถสิบล้อจอดทิ้งไว้ริมถนน คดีปล้นรถแล้วเรียกค่าไถ่ค่อยๆหายไปไม่เกิดขึ้นอีกเลย จะเกิดได้ยังไงครับ ใครเป็นนายหน้าไถ่รถโดนยิงตายเรียบ ผู้กองคนนี้อยู่ไม่นานกรมตำรวจก็โยกไปอยู่ที่อื่น ไม่ได้เจอกันเสียนานทราบอีกทีหัวใจวายตายไปตอนเกษียณใหม่ๆ

พูดถึงระดับผู้บังคับการบ้าง กรมตำรวจส่งระดับหัวมาคุมสถานการณ์เพราะเขตนี้มีคดีเกิดขึ้นเยอะ ท่านเป็นลูกหม้อนครบาลเอาวิธีทำงานนครบาลมาใช้กับภูธร ได้เรื่อง อยู่กันแบบสบายๆมานานเข้าระเบียบซะบ้าง เช่น แปดโมงครึ่งต้องเข้าโรงพัก ทุกคนต้องแต่งเครื่องแบบในเวลาทำงาน (ก่อนหน้านั้นส่วนใหญ่แต่งครึ่งท่อนกางเกงกากีใส่เสื้อยืดคอกลม) ตำรวจคนใดพกอาวุธปืนให้เห็นโดยไม่แต่งเครื่องแบบเป็นโดนขัง (อันนี้ชอบจริงๆ) ตำรวจหน่วยปราบปรามพิเศษคนหนึ่งยศพลตำรวจแต่งนอกเครื่องแบบขี่มอเตอร์ไซด์พกปืนใส่ซองคาดเอวให้ชาวบ้านเห็นเป็นที่หมั่นไส้ ถูกผู้การท่านนี้เรียกเอาตัวเข้าห้องขัง ผมเข้าเวรพอดี ตำรวจคนนี้บ่น “อะไรว๊ะ ขังตำรวจได้ด้วยเรอะ” ถูกยัดเข้าห้องขังทั้งๆสีหน้ายังงงๆ สักพักก็ได้ยินเสียงเอะอะดัง ปรากฏว่าตำรวจผู้นี้ผูกคอตัวเองห้อยกับราวลูกกรงห้องขัง เพื่อนผู้ต้องขังส่งเสียงร้องสิบเวรจึงไขห้องเอาตัวออกมา หมดสติหัวใจหยุดเต้น เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ใช้วิธีปฐมพยาบาลที่ร่ำเรียนมา คือการผายปอด กดหน้าอกนะไม่ได้เป่าปาก ได้ผล กดกระแทกไปไม่กี่ครั้งก็เริ่มหายใจได้ ตำรวจผู้นี้ลืมตา ตำรวจคนอื่นๆที่ล้อมดูส่งเสียงเฮดีใจ คำแรกที่ตำรวจผู้นี้พูดหลังได้ชีวิตกลับคืน “หมวดช่วยผมไว้ทำไม” ผมจำได้แม่นเป็นคำกล่าวแทนคำขอบคุณ ไม่รู้ว่าที่ได้ช่วยชีวิตไว้เป็นการทำบุญหรือทำบาป แต่ก็มีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตคน เจ้าประคุ๊นขอให้ตำรวจผู้นี้ถ้ายังมีชีวิตอยู่จงได้อ่านบทความนี้ทีเถอะ ยังไม่สายที่จะขอบคุณ

คดีปล้นฆ่าทั้งเขตยังไม่ลด (สมัยนั้นผู้บังคับการใหญ่มากคุมหลายจังหวัด เปรียบเสมือนผู้บัญชาการสมัยนี้) สไตร์การทำงานของท่านคล้ายๆกับผู้กองคนที่ 3 คือต้องทำให้บ้านเมืองสงบลงให้ได้แม้คดีจะเพิ่มขึ้นก็ตาม ผลตามมาก็คือพวกที่มีประวัติเป็นโจรปล้นฆ่า ยาเสพติด ถูกฆ่าตัดตอนเป็นเบือ เคล็ดลับอยู่ที่ว่า หากปรากฏในทางการสืบสวนว่าผู้ตายเป็นคนมีประวัติไม่ดีทางใดทางหนึ่ง สำนวนนั้นก็เป็นอันปิดไปโดยปริยาย รอเวลางดการสืบสวนโดยไม่ต้องสืบหาตัวผู้กระทำผิด ยุคสมัยนั้นสิงห์ขี้ยา จอมงัดแงะ ลักเล็กขโมยน้อยหายจากพื้นที่ ไปเป็นศพอยู่นอกเขต บางรายก็เขียนสารภาพติดไว้กับตัวทำนองว่าสำนึกผิดที่ได้เคยทำความชั่วไว้อะไรๆบ้าง หลายโรงพักมีหน่วยเฉพาะกิจที่ผมชอบเรียกว่า “หน่วย Cleaning” หรือเก็บกวาดขยะสังคม ติดตามความเคลื่อนไหวของพวกทำงานชุดนี้ปรากฏว่าส่วนใหญ่จะตายไปก่อนถึงวัยอันควรตั้งแต่ผู้กองและคุณหมู่คุณจ่า ผู้กองตายด้วยโรคหัวใจส่วนลูกน้องถูกยิงตายบ้างติดคุกบ้าง อดีตผู้บังคับการก็โดนเบาหวานรับทานจนต้องตัดขาและตายก่อนเกษียณ

ผู้กองผลัดเปลี่ยนกันมาทำหน้าที่ถึงห้าคน คนสุดท้าย (คนที่ 5) ย้ายมาสวนทางกับผมที่ย้ายเข้านครบาล ไม่ได้ทำงานด้วยกันกับท่านแต่ก็สดับตรับฟังเพราะทีมงานยังเป็นชุดเดิมและเป็นลูกน้องผมมาก่อน การปราบปรามก็ยังดุเดือดเหมือนเดิม หน่วย Cleaning ยังออกอาละวาดไล่ล่า คนมีประวัติชั่วร้ายหายไปจากพื้นที่ หลายคนทำงานหึกเหิมย่ามใจ บางคนไปพัวพันกับกรณีนักศึกษาที่แจกใบปลิวต่อต้านรัฐบาลจนโดนแขวนคอทีเดียว 4 คน เป็นชนวนให้เกิดการจลาจลใหญ่ในกรุงเทพฯ ในทีมนี้ไม่มีใครไปดีสักคน บางคนถูกจับกุมดำเนินคดี บางคนก็ถูกลอบยิงตาย

เข้ากรุงเทพฯปีแรกก็เจอเหตุการณ์ “ตุลามหาวิปโยค” เรื่องนี้ถ้าเอาตำรวจตัวจริงมาเล่ากันจริงๆรับรองว่ามันส์แบบไม่รู้จบ ผมขอเล่าเฉพาะที่ตัวผมเกี่ยวข้องเท่านั้น ผมอยู่ฝั่งธนมีหน้าที่รักษาโรงพักไม่ให้ถูกเผา รุ่นพี่ๆที่เป็นมือปราบ,ผู้เคยอยู่ ตชด.พากันเข้าสมรภูมิ เป็นการรบกันครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็น สมรภูมิการรบมีที่หน้าโรงพักชนะสงคราม ที่สะพานผ่านฟ้าใกล้ตึกกองบัญชาการนครบาลแห่งเก่าที่ถนนราชดำเนิน นักศึกษาเผา ตำรวจซึ่งรักษาสถานที่ราชการยิง เจ้าหน้าที่ตายเป็นสิบ นักศึกษาและประชาชนตายและสูญหายใกล้ร้อย ที่หน้าโรงพักเอากระสอบทรายซ้อนเป็นบังเกอร์กันกระสุน ใครจะเข้ามาเผาเรายิงขู่ทำให้โรงพักรอดจากการถูกเผา

ในช่วงสัปดาห์นั้นมีคดีเกิดขึ้นก็ไม่ต้องออกไปดูสถานที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบเดินออกนอกที่ตั้งอาจถูกยิง นักศึกษาประชาชนยึดรถเมล์นั่งบนหลังคาชูธงชาติขับตระเวณไปตามถนนสายต่างๆ เผาโรงพักไม่ได้ก็เผาป้อมตำรวจทุบสัญญาณไฟจราจร เกิดหน่วยซุ่มยิงเป็นครั้งแรก นักศึกษาที่นั่งรถตระเวณโดนซุ่มยิงตายไปหลายสิบ พวกนี้ได้รับสดุดีเป็นวีระชนหมดทุกคนรวมทั้งพวกที่มีคดีฆ่ากันตาย โดนรถยนตร์ชนตาย ไม่เกี่ยวกับการจราจลอะไรเลย ผมเอาศพส่งรวมเข้าไปในกลุ่มวีระชนด้วย ไม่ต้องทำสำนวน คนตายก็ได้รับยกย่อง บ้านป่าเมืองเถื่อนจริงๆ

หลังจากตุลามหาวิปโยคก็มี ตุลาทมิฬ พฤษภาเลือด พฤษภาอำมหิต แล้วอะไรๆตามมาอีกหลายเหตุการณ์นับไม่ถ้วน แต่ละเหตุการณ์ฝ่ายหนึ่งเผาอีกฝ่ายหนึ่งยิง ทำให้บ้านเมืองเราไม่เจริญเพราะมัวแต่ฆ่ากันเอง นี่ก็ใกล้ฤดูกาลจะต้องฆ่ากันอีกแล้ว น่าจะเป็นกรรมของประเทศ

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ต่างๆบางคนก็ยังมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย อาจเป็นเพราะทำกรรมดีในชาติก่อนแต่ที่แน่ๆพวกนี้ทำบุญกุศลอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร บาปบุญมีจริงนะครับ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่.

"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์