บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อปี พ.ศ.2485
คลองระบายน้ำประดิษฐ์ที่นักธุระกิจชาวสมุทรสาครนำมาสร้างเพื่อช่วยระบายน้ำท่วมฝั่งธนฯ
การขนส่งทางน้ำยกระดับต่างประเทศใช้กันมานานแล้ว ประเทศไทยลองนำมาใช้บ้างซี
ดูหนังฝรั่งเรื่อง อวสานโลกปี 2012 ยังคิดว่าผู้สร้างมันบ้าคิดได้ยังไง พอมาถึงเดือนตุลาปีนี้เอ๊ะมันมีเค้าเป็นจริงนี่ นึกว่าชีวิตนี้คงไม่ได้เห็นมันก็เห็น ท่านที่อายุ 70 ขึ้นก็คงจะได้เห็นถึงสองครั้งๆแรกปี พ.ศ.2485 ที่ต้องแจวเรือกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จะไปสถานีรถไฟหัวลำโพงก็ต้องพายเรือ มาปีนี้เสียหายหนักกว่าในอดีต ประเมินค่าเสียหายมากกว่า 2 แสนล้านบาท นี่ยังไม่นับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นถ้านักลงทุนต่างชาติย้ายการผลิตไปประเทศอื่น โดนแน่ถ้ามาตรการป้องกันไม่ชัดเจน บริษัทประกันภัยไม่รับประกัน เรื่องการป้องกันเป็นเรื่องของอนาคต เอาแค่การช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยยังไม่ทันไรก็มีข่าวแพลมถึงเรื่องโกงกินงบซื้อของบรรจุถุงยังชีพ ซักฟอกกันในสภาแล้วไม่มีอะไรในกอไผ่ถือว่าจบ ไปโกงกันใหม่ในโครงการณ์อื่นยังมีอีกเยอะ น้ำท่วมคราวนี้ก็ยังมีผู้โชคดีที่น้ำไม่ไปเยี่ยม ทำให้คิดว่าน้ำเลือกทางเดินหรืออย่างไร จะโทษบุญโทษกรรมหรือระบบเส้นสายก็คงไม่ได้ ก็ขนาดวัดวาอารามยังโดน บ้านนายกก็ยังท่วม มันเป็นเรื่องของธรรมชาติและความอุตริของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติ
โลกวิวัฒนาการมายาวนานใช้เวลาเป็นล้านๆปีแบบค่อยเป็นค่อยไปกว่าจะมีสภาพอย่างปัจจุบัน แรกเริ่มร้อนระอุเพราะหลุดมาจากดวงอาทิตย์ ค่อยๆเย็นลงจนเกิดสิ่งมีชีวิต เกิดพืชและสัตว์ก่อน จากสัตว์เซลล์เดียวค่อยๆพัฒนาเป็นมนุษย์ ความเป็นมาอันยาวนานนี้ก็คือ ธรรมชาติ พอมีมนุษย์ปัญหาต่างๆก็ตามมาเพราะมนุษย์ถือตัวเองว่าเป็น สัตว์ประเสริฐ มีสมองฉลาดกว่าสัตว์อื่นทั้งปวง คิดเอาชนะธรรมชาติด้วยเหตุผลเพื่อความสะดวกสบายในการดำรงค์ชีวิต ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อนำไปสร้างที่พักอาศัย การก่อสร้างอาคารตึกระฟ้า ผลิตเครื่องยนตร์กลไก เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า ยานพาหนะ เครื่องปรับอากาศ ฯลฯ ทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนเป็นพลังงาน เกิดความร้อน ทำกันทั้งโลกไม่ได้เฉพาะที่ใดที่หนึ่ง จึงเกิดความร้อนขึ้นอย่างมหาศาล ความร้อนที่เกิดจะไปอยู่ที่ไหน มันก็ไปสะสมในชั้นบรรยากาศ ทำให้โลกเราร้อนขึ้นๆ สมัยก่อนรถยนตร์ไม่มีแอร์ บ้าน สำนักงานไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศทำไมเราอยู่กันได้ ทุกวันนี้เราต้องการเครื่องปรับอากาศเพราะความร้อนบนพื้นโลกสูงขึ้น ความร้อนมหาศาลทำให้น้ำในมหาสมุทร ในแม่น้ำลำคลองกลายเป็นไอก่อตัวเป็นฝนตกลงมามากกว่าปกติ ความร้อนทำให้ภูเขาน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลาย ปริมาณน้ำในทะเลจึงมากขึ้น เวลาฝนตกลงมาน้ำไหลจากที่สูงระบายลงสู่ทะเลซึ่งอยู่ต่ำกว่า น้ำทะเลซึ่งมากกว่าปกติก็ดันขึ้นมา น้ำก็เลยต้องขังอยู่บนพื้นราบเป็นธรรมดา เรื่องพรรค์นี้เด็กๆลูกหลานการศึกษาแค่ประถม 4 ก็สามารถอธิบายได้ มนุษย์เราศึกษามาก รู้มาก คิดหาทางควบคุมธรรมชาติ จึงเกิดการประลองกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
การควบคุมธรรมชาติ แรกๆก็คิดว่ามนุษย์จะควบคุมธรรมชาติได้ น้ำมากก็สร้างเขื่อนกั้น จะเห็นว่าหลังจากที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2485 ประเทศเราก็มีเขื่อนกั้นน้ำ มีระบบชลประทาน ผลพลอยได้จากการสร้างเขื่อนทำให้คนกลุ่มหนึ่งได้ประโยชน์จากการตัดไม้เหนือเขื่อน พอน้ำไม่ท่วม แผ่นดินโผล่ ก็มีคนเข้าไปจับจองยึดที่ดิน สร้างถนน สร้างหมู่บ้านมากมาย รวยทั้งขึ้นทั้งล่อง เกิดฝนแล้งเราก็ทำฝนเทียม ชีวิตมนุษย์สุขสบายเพราะควบคุมธรรมชาติได้ แต่ความไม่รู้จักพอ ความไม่มีคำว่าพอดีของมนุษย์ ทำให้เกิดความโลภ อยากจะครอบครองธรรมชาติให้มากขึ้น สร้างแต่สิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปไม่สนใจที่จะคืนธรรมชาติจึงได้รับบทเรียนจากแผ่นดินไหว จากน้ำท่วม
น้ำท่วมปีนี้ต้องเรียกว่า ธรรมชาติเล่น ทีเผลอ ทุกพื้นที่ๆถูกน้ำท่วมล้วนมีระบบป้องกันอยู่แล้วทั้งสิ้น มากบ้างน้อยบ้างตามสภาพที่เคยโดนมาในปีก่อนๆ เมื่อปีที่ผ่านมามันไม่ท่วมก็นึกว่าปีนี้คงจะเหมือนกะปีที่แล้ว โดนธรรมชาติหลอก คล้ายกับจะเตือนให้รู้ว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะธรรมชาติได้ แต่มนุษย์ก็ไม่ได้ยอมแพ้คงจะต้องสู้กันต่อไป ระหว่างที่สู้กันอยู่คนกลุ่มหนึ่งจะร่ำรวยใช้วิกฤติเป็นโอกาศ สำหรับประชาชนเต็มขั้นจนทั้งขึ้นทั้งล่อง
ทีนี้มาถึงคำถามที่ว่า ทำไมบางจังหวัดน้ำท่วมบางจังหวัดไม่ท่วม คำตอบก็คือ เป็นไปตามธรรมชาติของน้ำ ๑. น้ำย่อมไหลจากที่สูงไปสู่ที่ต่ำกว่า ๒. น้ำย่อมไหลไปตามทางของมัน ทางในที่นี้ก็คือ แม่น้ำ ลำคลอง ถ้าในกรุงเทพฯต้องแถมถนนเข้าไปด้วย ๓. ถ้าน้ำมากระบายไปตามคลองไม่ทันมันก็ไหลบ่าล้นคลองเรียกว่า น้ำบ่า ปัญหาใหญ่ๆของน้ำก็มีแค่นี้ ทางแก้แบบง่ายๆก็คือ เลี่ยงทั้ง ๓ ข้อนี้ มันก็วกมาลงทีเผลออีกนั่นแหละ ก็มันไม่ได้ท่วมมาตั้ง 69 ปีแล้วใครจะไปคิดถึงทั้ง ๓ ข้อนี้ล่ะ เป็นการบ้านให้รุ่นลูกรุ่นหลานไปขบคิดกัน จะหาทางป้องกันหรือจะอพยพหนี
แล้วที่กรุงเทพฯทำไมบางที่ท่วม บางที่ไม่ท่วม คำตอบก็คือ กรุงเทพฯโดนท่วมเกือบทุกปี น้ำจากไหนๆก็จะผ่านกรุงเทพฯก่อนจะออกสู่ทะเลเพราะกรุงเทพฯอยู่ต่ำสุด ใครมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯมักจะโดนด่าทุกปีเรื่องน้ำท่วม กรุงเทพมหานครจึงต้องทำการบ้าน มีสำนักระบายน้ำเป็นเจ้าภาพ สร้างเขื่อน สร้างทำนบ สร้างประตูระบายน้ำแถมยังมีอุโมงค์ยักษ์ผันน้ำ จังหวัดอื่นมีหรือเปล่า ถ้าถามว่าแล้วทำไมกรุงเทพฯบางเขตน้ำท่วม ปุดโธ่! ก็เล่นไปพังพนังกั้นน้ำบ้าง ยกบิ๊กแบ๊กกั้นน้ำบ้าง มันก็ต้องโดนเป็นธรรมดา.
ยังไม่ถึงทางตันครับ ผู้ที่ถูกน้ำท่วมยังไม่ต้องย้ายบ้านขึ้นไปอยู่ที่สูง ถ้ารัฐบาลมีกึ๊น ต้องสู้กับธรรมชาติต่อไป ประมาทไม่ได้เลยเดี๋ยวโดน ทีเผลอ อีก
การบริหารจัดการน้ำต้องมีประสิทธิภาพ
๑.การพยากรณ์ดินฟ้าอากาศต้องแม่น ฝนตกมาก ตกน้อยต้องรู้
๒.การระบายน้ำจากเขื่อนมีความสำคัญมาก (ปีนี้พลาด นึกว่าฝนจะแล้งเลยกักน้ำไว้ ที่ไหนได้ พอปลายฤดูฝนตกหนักน้ำจะล้นเขื่อน ต้องปล่อยน้ำเต็มที่ไม่งั้นเขื่อนพัง ข้างล่างเลยอ่วม)
๓.ขุดลอกคูคลองให้น้ำไหลผ่านสดวกและรวดเร็ว
๔.สร้างคันกั้นน้ำเพิ่มโดยเฉพาะคันคลองคันแม่น้ำ
๕.สร้างอุโมงค์ยักษ์ผันน้ำเพิ่ม
และสุดท้ายทีเด็ดสร้างคลองระบายน้ำยกระดับ ต้องขอชมนักธุระกิจชาวจังหวัดสมุทรสาครที่ลูกชายเรียนวิศวะจุฬาฯสร้างคลองระบายน้ำประดิษฐ์ช่วยระบายน้ำที่ฝั่งธนฯ คิดและทำแซงหน้ารัฐบาล แต่ที่ต่างประเทศเค้าทำกันมานานแล้ว ทำเป็นเรื่องเป็นราวด้วย เอารูปลงให้ชม ผมว่าโครงการณ์ระบายน้ำยกระดับจะแซงหน้าระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ผู้เกี่ยวข้องรวยเละอีกแล้ว.