นักสืบตกยาก
ชีวิตไม่ได้ราบเรียบเสมอไป เมื่อปี 2525 ผมถูกให้ออกจากราชการเหตุมีมลทินมัวหมองพาผู้ต้องหาคดีอาญาสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ รายละเอียดเป็นอย่างไรต้องไปเจาะข่าวช่วงเมษา ปี 2525 ออกแบบนี้ได้รับเงินบำนาญ ไม่เสียใจอะไรเพราะรู้ดีว่าได้ทำอะไรลงไป คนอื่นกลับเศร้ามากกว่าเรา การออกจากราชการกลับเป็นกำไรชีวิต ทันทีที่มีคำสั่งให้ออก คุณชาตรี โสภณพนิชเจ้าสัวธนาคารกรุงเทพฯทาบทามให้ไปทำงานที่ธนาคารฯ ผมตอบตกลงแต่ขอเที่ยวก่อนเดือน มีความสุขมากเพราะยังไงก็ไม่ ตกงาน ไม่ได้กลัวว่าจะไม่มีกิน มันอายคนอื่นมากกว่า คิดในใจว่าเมื่อกรมตำรวจไม่ต้องการไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เดี๋ยวจะทำให้ดัง คุณชาตรีฯเป็นผู้ที่ผมไม่อาจลืมท่านได้ ดียิ่งกว่าญาติ วันแรกที่ไปพบคุณชาตรีฯบอกว่าจะตั้งหน่วยงานสืบสวนสอบสวนของธนาคาร เรียก ส่วนตรวจสอบทั่วไป ให้ผมเป็นหัวหน้าส่วนและให้ตั้งเงินเดือนเอาเอง เจอแบบนี้เซ่อเลย ตอบทันควันเพราะได้คิดไว้ในใจแล้ว ตอนออกยศแค่พันตำรวจโทคิดว่าเงินเดือนแค่นายพลก็พอ บอกไปคุณชาตรีฯตกลงทันที ตอนหลังเสียใจแอบทราบว่า คุณชาตรีฯพูดกับบอร์ดธนาคารฯ จ้างคุณอังกูรได้ถูกมาก ไปสืบเสาะจึงรู้ ถ้าจ้างบุคลากรภายนอกที่มีความชำนาญพิเศษเฉพาะด้านอย่างน้อยต้องแสนขึ้น เราขอไปไม่ถึงแสน เอาเถอะเรื่องมันผ่านไปแล้ว
ผมวางโครงสร้างหน่วยงานและขอบข่ายการทำงาน ไม่ใช่เรื่องยากเพราะเป็นงานถนัด ก็เท่ากับตั้งหน่วยสืบสวนเฉพาะกิจขึ้นมา เสนอโครงสร้างก็ได้รับอนุมัติ ขั้นต่อไปก็คือการสรรหาบุคลากร พนักงานธนาคารฯคนอื่นๆพอทราบข่าวก็แห่มาสมัครแต่ผมรับไว้แค่สองคน นอกนั้นผมรับตำรวจเก่า ผู้เคยเป็นตำรวจ คัดเอาคนหนุ่มๆ ไม่ยากเลยครับผมพอรู้ๆว่าตำรวจคนไหนที่ถูกออกจากราชการบ้างก็ชักชวนมา ทุกคนไม่ปฏิเสธ ผมตั้งเงินเดือนให้เท่าๆกับที่รับสมัยยังเป็นตำรวจแถมยังมีค่าน้ำมันให้เวลาออกไปปฏิบัติงานอีกด้วย ได้ตำรวจเก่ามา 8 คน แต่ละคนมีฝีมือสุดยอด ถูกออกเพราะโดนร้องเรียน หาว่า รีดไถ บ้าง กรรโชกทรัพย์ บ้าง พวกนี้ไม่ได้ชั่วผมรู้ดี พวกที่ถูกกล่าวหาลักษณะนี้จะเป็นตำรวจเก่ง, ตำรวจที่รู้เยอะกว่าตำรวจอื่นๆ พอรู้มากก็จะเข้าถึงพวกทุจริตมิจฉาชีพ พวกอาชญากร มีผลงานการจับกุมสูง แต่บางทีความจำเป็นบังคับ แทนที่จะจับส่งดำเนินคดีก็เปลี่ยนเป็นเงินซะบ้าง เกิดขัดข้องทางเทคนิคก็เลยโดนร้อง เมื่อถูกร้องเรียนถ้าวิ่งเต้นไม่เป็น ไม่มีเส้นก็ถูกออกเอาดื้อๆ พวกนี้มาอยู่กับผมหมดจนพวกตำรวจผู้ใหญ่บางคนรู้เข้าหาว่าผมไปตั้งกองโจรอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพฯ
ผมทำงานอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพฯ 2 ปี ผลงานของหน่วยผมโดดเด่นมาก สิ่งแรกที่ทำก็คือตั้งโรงเรียนสืบสวนสำหรับพนักงานธนาคารขึ้นมา โดยอบรมเจ้าหน้าที่ๆต้องเกี่ยวข้องกับประชาชนผู้มาขอรับบริการ ให้สามารถแยกแยะได้ว่า ใครเป็นลูกค้าดี ใครเป็นโจร ก็คือการรู้จักสังเกตอาการบุคคล การจับพิรุธ การสังเกตอากัปกิริยาต่างๆ พนักงานธนาคารความรู้ระดับปริญญาตรีแนะนำไม่ยาก รวมทั้งให้ความรู้ในการตรวจสอบหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชน การทุจริตโกงธนาคารจะเริ่มต้นที่บัตรประจำตัวก่อนเสมอ นำวิชาการสืบสวน สะกดรอยติดตามมาใช้ แม้กระทั่งการ อุ้ม วิธีการต่างๆเหล่านี้พวกผู้ใหญ่ธนาคารทราบแล้วเป็นงง ผมกลายเป็นจุดเด่นในวงการธนาคาร สมัยนั้นธนาคารพาณิชย์ในประเทศมีเพียง 16 ธนาคารได้รวมตัวกันตั้งเป็นชมรม ผมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย เราแลกเปลี่ยนให้ความรู้กันและกันเกี่ยวกับเรื่องการทุจริตโกงธนาคารรูปแบบต่างๆ ช่วงที่ผมทำงานธนาคารสืบสวนจับกุมคดีทุจริตโกงธนาคารฯได้มากกว่า 10 ราย เอาคนผิดเข้าคุกไม่ต่ำกว่า 20 คน ในจำนวนผู้ถูกจับมีทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารและบุคคลภายนอก นับเป็นประวัติการ ไม่มีหน่วยงานของธนาคารใดที่ทำได้อย่างนี้ ผมได้รับเชิญไปบรรยายพิเศษให้กับสมาคมธนาคารไทย ให้กับพนักงานธนาคารต่างๆอีกหลายธนาคาร
เมื่อเด่นดังก็ย่อมมีคนอิจฉา หมอนี่มาจากไหนอยู่ดีๆมานั่งตำแหน่งใหญ่ การเติบโตในสายธนาคารพาณิชย์จะรู้เรื่องปราบโจรอย่างเดียวไม่ได้ เจ้าสัวชาตรีฯจึงได้ส่งผมเข้ารับการอบรมหลักสูตรต่างๆของธนาคารเท่าที่มีอยู่ทุกหลักสูตร ตั้งแต่เป็นพนักงาน รับ จ่ายเงิน, พนักงานพิจารณาสินเชื่อ, การค้าระหว่างประเทศ จนกระทั่งหลักสูตรผู้จัดการสาขา รวมระยะเวลารับการอบรมมากกว่า 6 เดือน เสร็จแล้วยังให้ออกฝึกงานที่สาขาของธนาคาร ทั้งนี้เพื่อหวังให้ผมเติบโตในสายธนาคารพาณิชย์ได้ แต่ผมอยู่เพลิดเพลินรับใช้ธนาคารกรุงเทพฯได้แค่ 5 ปีก็ต้องอำลาคุณชาตรีฯเพราะเสือต้องคืนสู่ถ้ำ เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับ
นักสืบตกยากในที่นี้ไม่ใช่ผมแต่เป็นบรรดาลูกน้อง เมื่อผมย้ายสำนักจากกรมตำรวจไปอยู่ธนาคาร พวกลูกน้องบรรดานิ้วเพชรทั้งหลายก็พลอยตกงาน ไม่มีจะกินต้องตามไปอยู่กับผม เผอิญสถานที่ทำงานของผมเป็นห้องหับมิดชิด อยู่ที่พลับพลาไชย ผมจึงซ่องสุมผู้คนได้ไม่ประเจิดประเจ้อ จ่าแก้วยอดลับ, ชัยตูดเป็ด, ล่ำ, ดำ, เนื่อง, อาจารย์กล้วย อยู่กับผม เอาละซีจะเอางบที่ไหนมาเลี้ยงพวกนี้ แค่อาหารกลางวันมื้อเดียวก็เกือบพัน คิดหาทางให้จ่าแก้วบวชพระ จ่าแก้วตกลงยอมเสียสละเพราะอายุมากกว่าคนอื่นๆ การบวชพระจำพรรษาที่วัดกลางใจเมืองไม่ได้ทำกันง่ายๆ ต้องมีการวิ่งเต้นเส้นสาย ในที่สุดจ่าแก้วก็ได้บวชพระสมใจนึกอยู่วัดดังย่านพลับพลาไชย พระแก้วเส้นใหญ่ พระในวัดต่างรู้ที่มาที่ไป ได้พักกุฏิพิเศษนอนองค์เดียว ผมพยามพร่ำสอนพระแก้วให้รู้เทคนิคการอยู่วัดจะต้องทำตัวอย่างไร ผมเด็กวัดเก่าชั่วโมงบินสูงแนะนำได้ การบิณฑบาตต้องสำรวม สายตาไม่ล่อกแล่ก มองให้ต่ำ เมื่อญาติโยมใส่บาตรต้องภาวนาปากมุบมิบไม่มีเสียง การออกบิณฑบาตต้องทำทุกเช้าเป็นกิจวัตร ไม่ถึงเดือนญาติโยมก็ศรัทธาอาจารย์แก้วมีคนมาขอหวย ผมสั่งให้ทำขรึมนั่งสมาธิแล้วให้เลขไปเจ้าละ 3 ตัว ไม่ให้ซ้ำกัน ไม่ลืมที่จะบอกกับญาติโยมว่าต้องกลับไปกลับมา ใครมีโชคก็จะถูกเอง ได้ผลครับในจำนวนที่มาขอหวย 10 รายถูกไป 1 ราย คนที่ถูกหวยก็จะกลับมาสักการะถวายข้าวของ คนที่ไม่ถูกก็ไม่เห็นว่าไร หลายคนได้พึ่งอาจารย์แก้ว ทุกวันผมจะให้สายลับคนอื่นๆดอดไปพบอาจารย์แก้วที่กุฏิแล้วก็หิ้วอาหารแห้ง อาหารบรรจุถุงที่ญาติโยมนำไปถวายเอามาแบ่งกินกัน พระท่านฉันไม่หมด ไข่เค็มวันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 ฟอง เครื่องกระป๋อง พวกผักดอง ปลากระป๋อง อันไหนที่เป็นเงินอาจารย์จะเก็บไว้เอง ไม่น่าเชื่อพระแก้วบวชองค์เดียวเลี้ยงบรรดาสายลับตกยากและครอบครัวได้อีกหลายชีวิต
แม้จะบวชอาจารย์แก้วก็ยังทำงานสายลับได้ ผมมอบงานอาจารย์แก้วให้ไปเอาหลักฐานของคนร้ายในบ้าน อาจารย์แก้วทำได้ครับ มีคดีคนร้ายพยามฆ่าแล้วหลบหนี ผมต้องการรูปถ่ายคนร้าย (ตอนที่ไปตั้งหน่วยอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพฯผมรับงานสืบสวนจับกุมตามหมายจับ คดีที่ประกาศให้รางวัลด้วย) ผมให้อาจารย์แก้วสร้างเรื่องเป็นพระมาจากต่างจังหวัด ทำทีเดินระทวยไปที่หน้าบ้านพ่อแม่ของคนร้าย กดกริ่งประตูหน้าบ้าน ขอรับบิณฑบาตอาหาร อ้างขาดปัจจัย หิวข้าว ถึงเวลาเพลแล้วยังไม่ได้ฉันข้าว คนไทยนับถือพุทธไม่มีใครที่จะขับไล่พระ เชิญอาจารย์แก้วเข้าไปนั่งในบ้านแล้วจัดอาหารให้ อาจารย์แก้วฉันข้าวจนอิ่มขากลับยังได้ค่ารถแถม แต่ตอนที่คนในบ้านสาละวนจัดเตรียมอาหาร อาจารย์แก้วสำรวจภาพจากอัลบัมภาพ จิ๊กเอาภาพที่สงสัยว่าเป็นของคนร้ายใส่ย่ามมาหลายภาพ ปากฎว่าเป็นภาพที่ต้องการพอดี อาจารย์แก้วบวชพระก็ยังสามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์
ความที่เป็นนักสืบเก่า อาจารย์แก้วบวชอยู่แค่พรรษาเดียวก็รู้มาก พบว่าพระบางกุฏิซ่องสุมกับคนนอกเล่นการพนันไฮโลในกุฏิ แจ้งตำรวจมาจับ พระองค์อื่นๆโกรธอาจารย์แก้ว แล้ววันหนึ่งอาจารย์แก้วก็เจอดีจนได้ ตื่นนอนตอนเช้าจะเอาจีวรที่ตากไว้ด้านนอกกุฏิห่มเพื่อออกบิณฑบาต ปรากฏว่ามีคนเอาอุจจาระไปป้ายที่จีวร อาจารย์แก้วเริ่มระวังตัวเพราะรู้ว่ามีศัตรู มีเรื่องกับพระลูกวัดยังไม่เท่าไรตอนหลังพาสชั้นไปเล่นกับเจ้าอาวาส อาจารย์แก้วพบว่าเจ้าอาวาสมีตังออกรถแท็กซี่เหลืองเขียวซึ่งเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคล ให้ลูกศิษย์ขับ ไม่ให้รับจ้างแต่ขับให้เจ้าอาวาสนั่งแต่ผู้เดียว ทำให้ดูดีไปไหนไม่มีใครนินทาว่านั่งรถเก๋งส่วนตัวเพราะเห็นแต่นั่งแท็กซี่ และยังพบว่าแอบเอาที่ว่างใต้ศาลาการเปรียญไปให้พ่อค่าเช่าเก็บของโชว์ห่วย เรื่องพวกนี้ยังพอทำเนา เป็นเรื่องธรรมดาๆไม่น่าเสียหาย แต่มาถึงเรื่องนี้ซิแตกหักเลย อาจารย์แก้วแอบเห็นว่ามีสีกาหน้าตาดีไปค้างแรมในกุฏิเจ้าอาวาส ผมบอกอาจารย์แก้วว่าให้มองในแง่ดี การที่พักอยู่ในห้องเดียวกันไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีเพศสัมพันธ์กัน อาจารย์แก้วท่าทางจะเชื่อผม สาเหตุที่อาจารย์แก้วไม่ลงลอยกับเจ้าอาวาสเพราะอาจารย์แก้วไม่ค่อยลงไปกวาดใบไม้รอบๆวัด ขี้เกียจว่างั้นเถอะ วันหนึ่งอาจารย์แก้วก็ไปพบผมบอกว่ามีหลักฐานพอที่จะจับเจ้าอาวาสสึก ผมถามว่าเรื่องอะไร อาจารย์แก้วก็บอกว่าเด็กวัดอายุน้อยไปฟ้องอาจารย์แก้วว่าโดนเจ้าอาวาส อัดถั่วดำ ผมบอกอาจารย์แก้วอย่าไปยุ่ง ทางใครทางมัน ของเราเพียงอาศัยอาหารที่ญาติโยมทำบุญเหลือมาแบ่งปันพรรคพวกรับทาน คนอื่นจะทำอะไรอย่าไปสน อาจารย์แก้วไม่ยอมงัดข้อกับเจ้าอาวาสอย่างแรง ในที่สุดอาจารย์แก้วหัวเดียวกะเทียมลีบ บวชไม่ได้อีกต่อไปต้องสึก เดือดร้อนผมอีกแล้วใครจะเลี้ยงดูนักสืบตกยากล่ะทีนี้.