ภัยจากน้ำท่วมโดยตรงรู้กันอยู่แค่เสียเงินฟื้นฟู แต่ภัยที่จะพูดถึงนอกจากเสียเงินแล้วอาจตายได้

1. โรคฉี่หนู ไม่ได้หมายความว่าเป็นโรคจากฉี่ของหนู แต่เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์ตั้งแต่หนู วัว ควาย จนถึงสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขและแมว คนสามารถรับเชื้อฉี่หนูเข้าไปทางบาดแผลหรือผิวหนังที่แช่น้ำเป็นเวลานาน รวมทั้งทางตาและปากอีกด้วย

อาการโรคฉี่หนูมี 2 แบบ แบบไม่รุนแรง จะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา ปวดหัว ตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ สามารถรักษาให้หายได้หากผู้ป่วยรู้ตัวและรีบไปพบแพทย์ กับ แบบอาการรุนแรง ทำให้ตาอักเสบแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ และเมื่อเชื้อเข้าไปอยู่ในสมองจะทำให้เกิดอาการเพ้อ ไม่รู้สึกตัว หากเชื้อแพร่ทั่วร่างจะทำให้เลือดออกในร่างกายจนเสียชีวิต

การป้องกัน หลีกเลี่ยงการเดินอยู่ในบริเวณน้ำท่วมขัง การเล่นน้ำในช่วงน้ำท่วม หากจำเป็นต้องเดินผ่านให้รีบเดิน อย่าแช่น้ำจนผิวหนังเปื่อย จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและควรใส่รองเท้าบูท

2. อหิวาตกโรค เกิดจากเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระที่แพร่กระจายอยู่ในน้ำ มีแมลงวันเป็นพาหะนำโรค แพร่ระบาดโดยการกินและดื่มอาหารที่มีแมลงวันตอมและมีเชื้ออหิวาตกโรคปะปนอยู่ รวมทั้งอาหารสุข ๆ ดิบ ๆ ด้วย

อาการของโรค ผู้ป่วยจะถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำวันละหลายครั้ง มีอาการปวดท้องหรืออาเจียน เป็นอาการในระยะแรกสามารถรักษาให้หายได้ภายใน 1-5 วัน หากติดเชื้อขั้นรุนแรงผู้ป่วยจะมีอาการท้องเดิน อุจจาระมาก อุจจาระลักษณะเป็นน้ำซาวข้าว มีกลิ่นเหม็นคาว และอุจจาระได้โดยไม่รู้สึกตัว สามารถหายได้หากได้รับเกลือแร่และน้ำชดเชย แต่หากได้รับไม่พอดีกับที่เสียไปผู้ป่วยจะมีอาการหมดแรง หน้ามืด อาจช็อกถึงเสียชีวิตได้

การป้องกัน ควรรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ ๆ และดื่มน้ำสะอาด เช่น น้ำต้มสุก รวมถึงรักษาสุขภาพอนามัยด้วยการล้างมือ และภาชนะใส่อาหารให้สะอาดทุกครั้ง ไม่ควรนำน้ำท่วมมาล้างหรือทำความสะอาดภาชนะ

3. ไข้ไทฟอยด์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Salmonella Typhi ที่อยู่ในน้ำและอาหารเช่นเดียวกับอหิวาตกโรค แพร่ระบาดโดยการดื่มน้ำและอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค

อาการของโรค เมื่อได้รับเชื้อนี้เข้าไปจะไม่แสดงอาการทันที แต่จะแสดงอาการหลังจากรับเชื้อประมาณ 1 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัว เบื่ออาหาร มีไข้สูงมาก ท้องร่วง บางรายมีผื่นขึ้นตามตัว แน่นท้อง สามารถหายได้เองภายใน 1 เดือน ผู้ป่วยควรจะพบแพทย์หลังจากมีอาการแล้ว อาจจะเสียชีวิตจากภาวะปอดบวมได้

การป้องกัน หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเชื้อโรคทุกชนิด ทานอาหารที่สะอาด อยู่ในภาชนะที่สะอาด รวมถึงล้างมือให้สะอาดก่อนทานทุกครั้ง และควรจะหลีกเลี่ยงอาหารจากร้านค้าข้างถนนที่อยู่ในบริเวณที่ไม่สะอาด เสี่ยงการติดเชื้อ หรืออีกทางหนึ่งคือฉีดวัคซีนป้องกันไข้ไทฟอยด์

4. โรคตับอักเสบ เป็นภาวะที่มีการอักเสบของเซลล์ตับ ทำให้ตับทำงานผิดปกติ จนทำให้มีอาการเจ็บป่วยได้ และไวรัสตับอักเสบที่มาจากภาวะน้ำท่วมคือไวรัสตับอักเสบชนิด เอ ที่มีสาเหตุมาจากการทานอาหารที่ไม่สะอาด ไม่ทำให้สุก

อาการของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำ เบื่ออาหาร ปวดท้อง ปวดตัวแถวชายโครงขวา และมีปัสสาวะเป็นสีชาแก่ มีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองในสัปดาห์แรก และจะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์

การป้องกัน ทานอาหารที่สุกและสะอาด ไม่ใช้แก้วน้ำและช้อนร่วมกับผู้อื่น

5. โรคตาแดง เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส Chlamydia trachomatis และ Bacterial Conjunctivitis อาจมาจากภูมิแพ้หรือสัมผัสสารที่เป็นพิษต่อตา มักเกิดจากการเอามือที่สกปรกไปขยี้หรือสัมผัสดวงตา รวมถึงใช้ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าเช็ดหน้าไปสัมผัสกับดวงตา

อาการของโรค จะมีอาการคันตาจนต้องขยี้บ่อย หรือบางคนแค่เคืองตาเท่านั้น และมีขี้ตามากกว่าปกติ มีลักษณะเป็นหนองและมีสะเก็ดปิดตาตอนเช้า และมองเห็นได้ไม่ชัดเจน ตามัว หรืออาจปวดตา

การป้องกัน ควรล้างมือให้สะอาด ไม่ใช้เครื่องสำอาง ผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้าร่วมกับคนอื่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาในทุกกรณี และอย่าใช้ยาหยอดตาร่วมกับคนอื่น หากเริ่มเคืองตาหรือคันตา ให้รีบปรึกษาแพทย์

6. ไข้เลือดออก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มียุงลายเป็นพาหะนำโรค พบในเด็ก มักระบาดในฤดูฝน ที่มีการแพร่พันธุ์ของยุงลาย

อาการของโรค ผู้ป่วยจะมีไข้สูงประมาณ 2-7 วัน เบื่ออาหาร อาเจียนออกมามีสีน้ำตาลปนอยู่ ปวดกล้ามเนื้อ ตัวแดง หรืออาจมีผื่นหรือจุดเลือดตามผิวหนัง หากเข้าสู่ภาวะวิกฤตผู้ป่วยจะไข้ลด มือเท้าเย็น ตัวเย็น ชีพจรเต้นเร็ว อาเจียนมาก ปัสสาวะน้อย ทำให้เข้าสู่ภาวะช็อกได้ หากมีอาการควรรีบพบแพทย์ด่วน

การป้องกัน พยายามอย่าให้ยุงกัดโดยทายากันยุงเป็นวิธีที่ดีที่สุด และอย่าปล่อยให้ภาชนะต่าง ๆ ภายในบ้านมีน้ำขังนานเพราะจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง

7 ไอ้เข้ เนื่องจากน้ำท่วมฟาร์มเลี้ยง ไอ้เข้หลุดออกมาหลายตัวแต่คงไม่หลุดมาถึงกรุงเทพฯ

การป้องกัน หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า ถ้าจ๊ะเอ๋กันจริงๆอย่าหาญสู้แบบมือเปล่า ควรใช้ 357 หรือ M 16

8 ปลิง จอมดูดเลือด ปลิงไม่มีดวงตาจึงอาศัยการจับแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนไหวในน้ำของเหยื่อ มีสัมผัสที่ไวต่อกลิ่นและอุณหภูมิ เมื่อเหยื่อเข้าใกล้มันจะใช้อวัยวะที่เรียกว่า “แว่นดูด” (Sucker) เกาะเข้ากับตัวเหยื่อ อวัยวะนี้มีทั้งด้านหัวและด้านท้าย มันจะใช้แว่นท้ายในการดูด เวลาที่ปลิงดูดเลือดมันจะปล่อยสารออกมา 2 ชนิด ซึ่งได้แก่ สารฮีสตามีน(Histamine) ช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดขยายตัว และสารฮีรูดีน(Hirudin) มีคุณสมบัติต้านทานการแข็งตัวของเลือด ด้วยเหตุนี้เลือดของเหยื่อจะไหลไม่หยุด

การห้ามเลือดหลังจากโดนปลิงดูด ค่อยๆดึงตัวปลิงออก ใช้ใบสาบเสือ ยาเส้นหรือยาฉุน มาขยี้ปิดบาดแผล บุหรี่มีสารนิโคตินจะช่วยให้เลือดแข็งตัว เลือดจะหยุดไหล

การป้องกัน อย่าไปเดินลุยน้ำโดยเฉพาะน้ำนิ่ง น้ำโคลน ปลิงนอกจากจะ “ดูดเลือด” แบบคุณไม่รู้สึกตัวแล้วยังมีความสามารถชอนไชเข้าไปในร่างกายทุกอวัยวะที่มี “รู” ที่น่ากลัวคือเมื่อเข้าไปแล้วมันจะเดินหน้าลูกเดียวถอยหลังไม่เป็น

9 โจร ภัยของมันคือ ขโมยทุกอย่าง ใครขัดขืนอาจโดนเสียบหรือโดนยิง

การป้องกัน อย่าให้มันรู้ว่ามีของมีค่า ควรติดตั้งระบบป้องกันภัยชนิดส่งเสียงดังเมื่อมีการบุกรุก เตรียมหาปืนที่ถูกต้อง(มีใบอนุญาต)ไว้ประจำบ้าน มีปืนเถื่อนเก็บซ่อนไว้อีกกระบอก ถ้าโจรบุกเข้าบ้านโจรกรรมทรัพย์สิน ยิงให้ตายแล้วเอาปืนเถื่อนยัดใส่มือ จับมือโจรยิงปืนเถื่อนสักนัดเพื่อสร้างเขม่าดินปืน (ข้อควรระวัง วิธีการนี้ต้องใช้กับโจรจริงๆนะครับ)

สำรวจตัวเอง คุณเตรียมตัวรับมือกับภัยที่มาพร้อมน้ำท่วมหรือยัง.