บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ตำรวจฆ่าตำรวจ
ในชีวิตผมไม่อยากมีเรื่องกับคนอยู่สองประเภท หนึ่งคนมีอำนาจ สองคนมีเงินและกล้าใช้เงิน ประเภทหนึ่งก็พอรู้ๆกัน พอมีอำนาจก็จะมีบริวารลูกน้อง มีมือปืน ส่วนคนประเภทที่สองนี่มันก็จะใช้เงินไปจ้างคนประเภทหนึ่งอีกที สรุปคนมีอำนาจจะทำอะไรก็ย่อมได้ แต่ก็ต้องไปดูกันที่ใจอีกที ถ้าใจมดก็เท่านั้น มีอำนาจมีเงินก็ไม่ค่อยจะมีความหมาย เหมือนกับตำรวจ มีอำนาจมีปืน พอสั่งให้ไปยิงคนก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปยิงได้ทุกคน นี่ขนาดให้ไปยิงคนร้ายนะ อ้างโน่น “บาป” บ้าง บางคนอ้าง“ลูกผมยังเล็ก” ไม่เห็นมันไปเกี่ยวข้องอะไร บางคนยังสั่งไม่ทันสิ้นกระแสความ คว้าปืนยิงเปรี้ยงเลย ต้องไปแก้วิถีกระสุนกันแถบตาย มีอย่างนี้จริงๆ ผมถึงบอกว่า “มันอยู่ที่ใจ”

ตำรวจฆ่าโจรเป็นเรื่องปกติตำรวจที่ไหนก็ทำกัน อ้างเป็นวิสามัญฆาตกรรม คนร้ายต่อสู้ตำรวจเลยต้องป้องกันตัว สมัยผมอยู่นครบาลการทำวิสามัญมีโรงเรียนฝึก ติวเข้ม ใครผ่านหลักสูตรนี้รับรอง “เนี๊ยบ” มีประกาศนียบัตรแนบหลัง กระซิบต่อ “คนนี้ใช้ได้” กองบัญชาการอื่นๆก็น่าจะมี เรียกว่าเป็นทีเด็ดของแต่ละหน่วยละกัน ไม่ได้สอนกันง่ายๆ ตอนนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนในสมัยผม ไปเป็นนายพลอยู่ที่ ตม.ซะแล้ว แพรมแค่นี้ก็พอจะรู้เป็นใคร ทีนี้มาถึง “ตำรวจฆ่าตำรวจ” บ้าง ไม่มีโรงเรียนสอน มีอยู่หลายคดีล้วนเงียบหายไร้ร่องรอย ถึงจะสืบรู้ก็ไม่มีพยาน ถึงจะมีพยาน พอเป็นสำนวนหลักฐานก็ไม่พอฟ้อง ถ้าฟ้องก็สู้คดีหลุด วันมีจะขอเล่าเรื่อง “ตำรวจฆ่าตำรวจ” แบบชนิด “ลูกทุ่ง”แต่คล้าสสิก เหตุเกิดประมาณ 40 ปีมาแล้ว ไม่ต้องไปค้นรื้อฟื้นคดีให้ยุ่งยากขาดอายุความไปนาน คนทำก็ตายไปแล้ว แต่วิธีการยังนำไปประยุกต์ใช้ได้

โรงพักภูธรสมัยก่อนนายตำรวจเข้าเวรคนเดียว 24 ชั่วโมง พอหลัง 3 ทุ่มร้อยเวรจะลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่าได้ตรวจสภาพห้องควบคุม มั่นคงแข็งแรง ผู้ต้องหาครบถ้วน ร้อยเวรพักผ่อน มอบหน้าที่ความรับผิดชอบการดูแลผู้ต้องหาให้สิบเวรรับไป อันนี้เองที่เวลาผู้ต้องหาหนีที่ควบคุมทำให้ร้อยเวรไม่ต้องรับผิดชอบ เหตุเกิดที่โรงพักแห่งหนึ่งของภูธร พรรคพวกผมยศร้อยตำรวจโท (จบสามพราน) มีทัศนะคติไม่ลงรอยกับนายตำรวจยศร้อยตำรวจเอกแก่ๆใกล้เกษียณรับราชการก้าวหน้ามาจากพลตำรวจ ทุกคนเรียก ร.ต.อ.ผู้นี้ว่า “ผู้กอง” ส่วนพรรคพวกผมจะขอใช้คำเรียกว่า “ผู้หมวด” เพื่อไม่ให้สับสน

ผู้กองเป็นคนหัวเก่าโบราณ ดื้อ ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง ความจริงที่ได้ยศร้อยตำรวจเอกก็เพราะอยู่นาน ปีละขั้นมาตลอด ส่วนผู้หมวดหนุ่ม กำลังฟิต เพิ่งจบจากสามพรานชอบใช้วิธีการและวิทยาการใหม่ๆ ผู้กองอาศัยความเก๋าอายุคราวพ่อผู้หมวดชอบพูดสบประมาทโดยเฉพาะเมื่ออยู่ในวงเหล้ากับลูกน้อง เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด อยู่โรงพักเดียวกันไปประมาณปีผู้หมวดถูกบัตรสนเท่ห์ร้องเรียน ผู้หมวดก็พอจะรู้ว่าผู้กองเป็นคนทำบัตรสนเท่ห์ แขวะกันไปแขวะกันมาจนเกือบจะยิงกัน ผู้หมวดหนักแน่น สงบนิ่ง เก็บความรู้สึกไว้นานหลายเดือนเพื่อรอเวลา จนทุกคนลืมความบาดหมางระหว่างสองนายตำรวจไปหมดสิ้น

วันหนึ่งผู้หมวดเข้าปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร วันนั้นหมวดอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทักทายลูกน้องแถมสั่งอาหารเย็นมาเลี้ยง มีเหล้าเบียร์กับแกล้ม ตำรวจลูกน้องทั้งสิบเวร เสมียนเวร เสมียนคดีนั่งกินกันเป็นสิบบนโรงพัก ผู้หมวดก็นั่งกินอยู่ด้วย กระทั่ง 3 ทุ่มผู้หมวดออกอาการเมา (ดิบ) พูดอ้อแอ้ สั่งสิบเวรลงประจำวัน ไม่ไหวแล้วขอเข้านอน กำชับเสียงดัง “ไม่มีเรื่องใหญ่โตไม่ต้องปลุก จัดการไปเลย” ลูกน้องก็กินติดลมเห็นดีงาม “เชิญเลยเจ้านาย มีไรผมจัดการเอง” ห้องพักร้อยเวรก็อยู่อาคารเดียวกัน ไม่ห่างจากที่ทำงานประมาณสัก50 เมตร ตำรวจประคองผู้หมวดไปส่งถึงห้อง ผู้หมวดเข้าห้องลั่นกลอน ลูกน้องไปนั่งกินต่อ พอผู้หมวดเข้าห้องก็จัดเตรียมชุดนอนแต่ไม่ได้ใส่ วางไว้บนเตียงแล้วดับไฟ ใส่ชุดดำพร้อมอาวุธปืนกระโดดลงทางหน้าต่างห้อง ย่องไปที่บ้านผู้กอง ประมาณชั่วโมงต่อมาผู้หมวดก็แอบปีนเข้าห้องทางหน้าต่างห้องนอน สวมชุดนอน ส่วนชุดดำและอาวุธปืนซ่อนอย่างมิดชิดเพราะวางแผนก่อนล่วงหน้าอย่างดี สักพักสิบเวรกับตำรวจที่ยังกินเหล้าไม่เลิกราพากันทุบประตูห้องนอนสนั่นหวั่นไหว “หมวด ๆ ผู้กองโดนยิง” เสียงผู้หมวดพูดอ้อแอ้ “ ห่า..ก็บอกให้จัดการไปเลยไง” สิบเวรตะโกนดังกว่าเก่า “หมวดๆ มันเรื่องใหญ่ ผู้กองโดนยิง” คราวนี้เองผู้หมวดสร่างเมาเปิดประตูห้องนอนออกมา ลูกน้องต้องช่วยกันถอดกระดุมชุดนอนเพราะผู้หมวดยังอยู่สภาพเมาแกะกระดุมไม่ออก กว่าจะแต่งเครื่องแบบเสร็จก็เกิน 10 นาที รีบไปยังที่เกิดเหตุพบภรรยาและลูกผู้กองร่ำไห้กอดศพ ผู้หมวดรีบซักถามด้วยความกระตือรือร้นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ภรรยาและลูกไม่รู้เรื่อง เข้านอนก่อน ส่วนผู้กองนั่งดูทีวีอยู่คนเดียว ได้ยินเสียงปืนออกมาดูก็เป็นศพซะแล้ว ไม่มีใครเห็นคนร้าย ผู้หมวดให้ความมั่นใจกับภรรยาและลูกผู้ตาย “ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้” คราวนี้ผู้หมวดหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขัน แจ้งผู้บังคับบัญชา, แพทย์ชันสูตพลิกศพและแจ้งวิทยาการเขต

ป่านนี้ทั้งผู้หมวดผู้กองคงไปปรับความเข้าใจกันอยู่ในภพไหนแล้วก็ไม่รู้ ส่วนคดีฆ่าผู้กองไม่ทราบตัวคนร้าย ผู้หมวดก็ตายเพราะโรคตับแข็ง ผู้หมวดกับผมรักกันมาก ท่านบอกความลับกะผมว่า “อังกูร ถ้าจะทำก็ทำเองเลยอย่าไว้ใจใคร ไปใช้คนอื่นเดี๋ยวแมร่งปากบอน” แหม…พี่อุตส่าห์ไว้ใจผม ก็เพราะมีแฟนคลับขอมา “จะฆ่าคนสักคนไม่ให้โดนจับทำไงดี” วิธีนี้ก็พอไหวนะครับ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์