บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เรื่องชวนปวดหัวบนโรงพัก ตอนที่ 4 (ไม้ตายผู้หญิง)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› เรื่องชวนปวดหัวบนโรงพัก ตอนที่ 4 (ไม้ตายผู้หญิง)
เมื่อเข้าที่คับขันการตัดสินใจแก้ปัญหาในขณะนั้นสำคัญที่สุดเพราะชีวิตอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย ตัดสินใจถูกก็รอด ถ้าผิดพลาดอาจถึงกับชีวิต หลายคนต้องตายเพราะการตัดสินใจผิดพลาด ถ้าสำเร็จก็กลายเป็นฮีโร่ เช่นกรณีที่สุภาพสตรีผู้หนึ่งถูกคนขับแท็กซี่รวนลามจะข่มขืน เธอแกล้งทำสมยอม คนขับแท็กซี่วางใจจูบปาก เธอกัดลิ้นคนขับแท็กซี่จนขาด ความเจ็บปวดทำให้คนขับแท็กซี่ปล่อยเธอรอดพ้นจากการถูกข่มขืน แต่หากเธอทำพลาดเธออาจถูกฆ่า ใครจะรู้หลายคนที่เผชิญเหตุแล้วต้องจบชีวิตลง ก่อนตายอาจได้ทำอะไรลงไปบ้างแต่พลาดเลยเลยไม่มีโอกาสได้เล่า ผู้เสียชีวิตในหลายๆคดีไม่ใช่คนขี้ขลาดยอมแพ้ อาจพยายามสู้อย่างสุดชีวิตแต่โชคไม่ช่วย ท่านเองเคยคิดบ้างไหมเมื่ออยู่ในภาวะเช่นนั้นจะแก้ปัญหาอย่างไร ขึ้นอยู่กับตัวท่านและคู่ต่อสู้ใครใจเด็ดกว่ากัน บวกกับความรวดเร็วฉับพลัน ช้าไปวินาทีเดียวอาจตาย มีตัวอย่างของการตัดสินใจมาเล่าสู่กันฟัง

ตอนผมรับราชการอยู่ที่นครปฐมปี พ.ศ.๒๕๑๐-๑๔ สมัยนั้นมีซ่องโสเภณีเยอะมาก ย่านนั้นเรียกกันว่า “สระบัว” สมัยก่อนยอมให้มีได้แต่ต้องอยู่ในวงจำกัด กฎหมายใช้คำว่า “ปรามการค้าประเวณี” ตำรวจออกจับกุมเป็นครั้งคราว มีกติกาว่าจะต้องไม่มีการซื้อขายบังคับผู้หญิงและต้องไม่มีแมงดาคุม แต่ก็ยังไม่วายมีการหลอกผู้หญิงไปขาย ที่จะนำมาเล่านี้หญิงที่ถูกหลอกตัดสินใจแก้สถานการณ์ได้ยอดเยี่ยม ใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์ลักษณะนี้จะลองเอาไปใช้ก็ได้

หญิงหน้าตาดีหุ่นดี ๒ คนอายุไม่เกิน ๒๕ ทั้งคู่ ท่าทางเป็นคนผ่านโลกมาพอสมควร ความสวยของทั้งคู่ขนาดนางงาม ชายที่มองผ่านแล้วต้องหันมองซ้ำ อาชีพอะไรผมจำไม่ได้ คืนวันหนึ่งขณะเธอทั้งสองรับประทานอาหารที่ย่านถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กทม. สมัยนั้นถนนดังกล่าวมีสวนอาหารเยอะมาก ชายหนุ่มหน้าตาดี ๒ คนเข้าไปประกบ จีบกันไป ดื่มกันไปตามประสาหนุ่มสาว ไม่ทราบว่าโดนยานอนหลับเข้าไปบ้างหรือไม่ เธอสองคนบอกว่าสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น ชายหนุ่มชวนนั่งรถไปเที่ยวต่อ พอขึ้นรถทั้งคู่ก็หลับไป รู้สึกตัวอีกทีตอนสายๆของวันรุ่งขึ้นพบว่านอนอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในเขตอำเภอเมืองนครปฐม บ้านดังกล่าวอยู่ใกล้ๆถนนมาลัยแมนเส้นทางที่จะไปอำเภอกำแพงแสน ถนนเส้นนี้มียวดยานพาหนะผ่านตลอดเวลา ลักษณะบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง เธอถูกขังอยู่ในห้องมีผู้ชายเฝ้าอยู่ด้านนอก สอบถามจึงรู้ว่าถูกเอามาขายไว้หัวหน้าซ่องกำลังจะมาดูตัว ห้ามออกจากห้อง ขณะพูดคุยชายคนที่เฝ้าโชว์ให้เห็นปืนพกเหน็บไว้ที่เอว หญิงสองคนเก๋าพอสมควรรู้ว่าคนเฝ้ามีปืนก็ไม่กลัว เธอขอเข้าห้องน้ำ บ้านหลังนั้นมีห้องน้ำแยกต่างหากอยู่ชั้นบนด้วยกัน ชายที่เฝ้ายอมให้เข้าได้ทีละคน ทันใดหญิงทั้งสองก็ถอดเสื้อผ้าออกหมดชนิดกางเกงในก็ไม่เหลือ เธอแก้ผ้าพูดต่อรองกับคนเฝ้าว่า “แก้ผ้าอย่างนี้จะหนีไปได้ยังไง” เจอเข้าอีแบบนี้คนเฝ้าเซ่อไปเลย ทำอะไรไม่ถูก อยู่คนเดียวด้วยเจอสองสาวใจถึงเลยไม่กล้า ยอมให้แก้ผ้าเข้าห้องน้ำพร้อมกันทั้งคู่ ตัวเองเฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำ สองสาวเข้าห้องน้ำเปิดน้ำเสียงดังออกมานอกห้อง คนเฝ้าก็นั่งเฝ้าเพลิน สักพักใหญ่ๆก็ได้ยินเสียงรถยนต์เหยียบเบรกดังเอี๊ยดอ๊าด สลับกับเสียงแตรดังมาจากถนนมาลัยแมนซึ่งห่างจากตัวบ้านประมาณ ๑๐๐ เมตร คนเฝ้าหันไปมองดูเห็นสองสาวแก้ผ้าวิ่งไปตามถนน คนขับรถจอดรถดูกันเป็นแถว สาวสองคนวิ่งเท้าเปล่าแบบไม่คิดชีวิต พอดีกับบริเวณใกล้เคียงมีบ้านของสัตว์แพทย์อยู่หลังหนึ่ง สองสาววิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือ ภรรยาเจ้าของบ้านและคนรับใช้อยู่ที่บ้านช่วยเอาไว้ หาผ้าถุงให้นุ่งกระโจมอกคนละผืน ชายที่เฝ้าวิ่งตามไปจะเอาผู้หญิงคืน คนขับรถที่จอดดูลงมาช่วยกันจับตัวชายผู้นั้นไว้ ผมเข้าเวรอยู่พอดีได้รับแจ้งก็รีบไปยังที่เกิดเหตุ รับตัวสองสาวไปทำการสอบสวนได้รายละเอียดตามที่ได้เล่านี้ ส่วนชายที่เฝ้าก็โดนข้อหา “หน่วงเหนี่ยวกักขังทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ”

ผมยังนึกชมสองสาวนี่ใจกล้าจริงๆ ประการแรกใครจะกล้าแก้ผ้าวิ่งกลางถนนกลางวันแสกๆ เห็นมีก็แต่คนบ้าเท่านั้น ได้ผลครับเพราะสองคนหน้าตาดีและหุ่นดีด้วย คนขับรถผ่านต้องเหยียบเบรกหยุดรถดู อีกประการหนึ่งบ้านที่เธอทั้งสองกระโดดหนีเป็นบ้านใต้ถุนสูงเธอยังกล้าโดด โชคดีที่ไม่มีใครข้อเท้าหักหรือบาดเจ็บ โชคดีอีกอีกหนึ่งคือได้แม่บ้านสัตว์แพทย์ซึ่งเป็นคนมีความรู้ช่วยเอาไว้ คนร้ายถึงแม้จะมีอาวุธปืนก็ไม่สามารถทำอะไรได้

การแก้ปัญหาของทั้งสองสาวถูกจังหวะพอดี จึงรอดไปได้อย่างปลอดภัย แต่ถ้าผิดจังหวะ ช่วงนั้นไม่มียานพาหนะขับขี่ผ่าน หรือถ้าที่บ้านสัตว์แพทย์ไม่มีใครอยู่ ก็เสี่ยงต่อการถูกซ้อมถูกทำร้ายโดยพวกแมงดาและอาจต้องไป “รับแขก”อยู่ในซ่องก็ได้

ชีวิตการเป็นตำรวจมีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้คน ผมดีใจเมื่อคนที่ผมได้ช่วยไว้มีการรับรู้ อย่างกรณี ด.ช.ตี๋ (คุณวรวิทย์ พัฒนกำจรกิจ) ถูกคนร้ายจับตัวไปเรียกค่าไถ่เมื่อตอนอายุ ๓ ขวบ ผมกับพวกช่วยเหลือเอาตัวออกมาได้ ปัจจุบัน คุณวรวิทย์ฯ อายุ ๓๐ กว่า มีธุรกิจการค้าของตนเอง ได้อ่านบทความเรื่อง “โจรเรียกค่าไถ่” ลงใน web angkul007.com (เมื่อ 19/1/2008) โทรมาขอบคุณ ผมดีใจมากครับ สำหรับรายผู้หญิงสองคนนี้ผมได้พาไปเอาเสื้อผ้าแล้วส่งกลับบ้านที่ กทม. พยายามติดตามจับกุมผู้ที่หลอกลวงเธอไปขาย ยังจับไม่ได้เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ เป็นนักเที่ยวกลางคืนที่พึ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ทะเบียนรถของคนร้ายก็จำไม่ได้ เวลาผ่านพ้นไปเกือบ ๔๐ ปีแล้ว สองสาวถ้ายังมีชีวิตอยู่อายุก็คงจะเข้าเลขหก ได้อ่านบทความนี้แล้วโพสข้อความหรือโทรมาคุยกันบ้างนะครับ

สำหรับผู้อ่าน ควรเตือนลูกหลานที่เป็นเด็กสาว อย่าดื่มเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้าอาจจะโดนยานอนหลับ อย่านั่งรถผู้อื่นที่ไม่ใช่ญาติหรือคนสนิท แต่ถ้าเผอไผลไปโดนเข้าก็นึกถึงตัวอย่างนี้ อาจช่วยคุณได้.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์