บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
หมอทำเสน่ห์ยาแฝด
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› หมอทำเสน่ห์ยาแฝด
ช่วงที่ผมรับราชการอยู่กองบัญชาการสอบสวนกลาง หน่วยงานไม่มีอำนาจสอบสวน มีหน้าที่กำกับดูแลการทำงานของกองปราบปราม ที่ทำงานอยู่ถนนอังรีดูนังส์ติดกับสยามสแควร์ อยู่ใจกลางเมืองย่านวัยรุ่น มีแผนกรับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่ที่บริเวณชั้นล่าง ติดป้ายเห็นเด่นชัด “รับเรื่องราวร้องทุกข์” มีผู้คนเข้าไปร้องทุกข์ ร้องเรียนเป็นประจำ

วันหนึ่งมีนักศึกษาสาว ๒ คนไปร้องทุกข์ เจ้าหน้าที่ได้ซักถามเบื้องต้นพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็รีบพานักศึกษาไปพบ ตำแหน่งผมในขณะนั้นเป็นสารวัตร นักศึกษาทั้งสองอยู่ในเครื่องแบบนักเรียนอาชีวะ ระดับ ป.ว.ช. รูปร่างหน้าตาดีทั้งคู่ จากการซักถามสาวผู้เสียหายได้ความว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ ๒ อาทิตย์มีงานนิทรรศการที่หน่วยงานเกี่ยวกับองค์กรสตรีที่ถนนพิชัย กทม. เธอกับเพื่อนสาวรวม ๔ คนไปงานแสดงนิทรรศการดังกล่าว ในงานมีการออกร้าน แสดงผลงานองค์กรและการให้ความรู้กับสตรี ที่ขาดไม่ได้คือโต๊ะพยากรณ์หรือเรียกง่ายๆว่า “หมอดู” (เรื่องพรรค์นี้ผู้หญิงชอบ) มีทั้งหมอดูชายและหมอดูหญิง นักศึกษาสาวทั้งสี่ได้เข้าไปใช้บริการของหมอดูชาย ไม่รู้ไปดูกันอีท่าไหน ดูไปดูมากลายเป็นเรื่องการทำเสน่ห์ให้แฟนหลง หมอดูอวดสรรพคุณการทำเสน่ห์ยาแฝด ทำแล้วแฟนชายหลงใหลหัวปักหัวปำ สิ่งที่ทำให้นักศึกษาเชื่อถือก็คือ มีอัลบัมภาพไฮโซคนดังและดาราหญิง หมอทำเสน่ห์อ้างว่าเป็นลูกค้าที่มาทำเสน่ห์ทั้งสิ้น นักศึกษาสาวทั้งสี่สนใจ หมอดูแจกนามบัตรมีเบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อ การทำเสน่ห์ยาแฝดต้องมีพิธีรีตอง ต้องไปทำที่บ้านของหมอซึ่งอยู่แถวดาวคะนอง ฝั่งธนบุรี วันที่ไปชมนิทรรศการนั้น เมื่อสาวทั้งสี่ได้เบอร์จากหมอแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน รุ่งขึ้นเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสี่สาวเลยไม่ได้พบกัน

วันจันทร์ต่อมาสาวหนึ่งในสี่คนมาบอกเพื่อน ๆอีกสามคนว่า ไปหาหมอมาเจ๋งมากทำแล้วแฟนรักมากขึ้น ไม่ยอมห่างไปไหน เพื่อนอีกสามคนได้ฟังแล้วสนใจ รุมถามคำถามอีกมากมาย เจ้าตัวอมยิ้มพูดสั้น ๆยืนยันว่าดี ของอย่างนี้มันเรื่องเฉพาะตัว อยากได้ต้องลอง

เสาร์ต่อมานักศึกษาผู้เสียหายรายนี้โทรติดต่อหมอนัดแนะเวลาทำเสน่ห์ยาแฝดกัน ถึงเวลาเธอก็ไปตามนัดคนเดียวเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ความลับ ไปพบหมอเสน่ห์ที่บ้านพัก เธอบอกว่ารู้สึกหวั่น ๆใจเพราะที่บ้านหมอเงียบสงบไม่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่เหตุที่หมอวางตัวดี สุขุม พูดน้อย ไม่มีทีเล่นทีจริง ทำให้เธอวางใจ หมอเรียกเงินค่าครู ๒๐๕๐.- บาท การที่จะทำเสน่ห์ให้เพศตรงข้ามหลงคือ ต้องเสกทองเข้า “ของลับ” หมอบอกให้เธอเตรียมเข้าสู่พิธี โดยให้ทำความสะอาดชำระล้างร่างกาย หมอส่งชุดนอนซึ่งเป็นชุดกระโปรงสวมให้เธอใส่เวลาเข้าพิธี ไม่ต้องสวมชั้นใน เธอทำตามหมอสั่งเหมือนกับถูกสะกดจิต เสร็จแล้วเธอเข้าสู่ห้องพิธี ห้องใช้ไฟสีแดงสว่างน้อยแสงสลัว ๆ เธอเข้าไปในห้องแบบกลัว ๆกล้า ๆ ใจเธอคิดแต่จะให้แฟนหลง ไม่ได้คิดอะไรกับหมอ เมื่อเข้าไปในห้องพิธีพบหมออยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาว ผ้านุ่งของหมอคล้ายกับผ้าสบงพระ ได้ยินเสียงหมอใส่กลอนห้องดังกริ๊ก เธอใจไม่ค่อยดีเพราะอยู่กันลำพัง ในห้องพิธีดูแล้วขลังเพราะมีพุทธรูปและเทวะรูปปางต่าง ๆลักษณะท่าทางประหลาดเต็มไปหมด หมอจุดธูปเทียนบูชาพระ เทวะรูปแล้วเริ่มบริกรรมคาถา ไม่ใช่ภาษาบาลีเหมือนที่พระสวด เธอเดาว่าเป็นภาษาเขมร เสียงสวดเคล้ากลิ่นธูปท่ามกลางแสงสีแดงสลัว บรรยากาศชวนขนลุก

หมอสั่งให้เธอขึ้นนอนบนเตียง ในห้องมีเตียงนอนเล็ก ๆคล้ายเตียงคนไข้ตามโรงพยาบาล หมอยื่นหน้ากากสำหรับปิดตาลักษณะเช่นเดียวกับที่ใช้เวลานอนบนเครื่องบิน เธอปฏิบัติตามเพราะใจมุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจแฟนให้ได้ ขณะนอนบนเตียงหมอยังสวดเป็นภาษาเขมรตลอดเวลา เธอมีความรู้สึกว่าชุดนอนเธอถูกถกขึ้นมาไว้ที่เอว เธอรีบเอามือดึงชุดนอนปิดตามเดิม หมอบอกว่าเป็นตอนสำคัญ จะเสกทองเข้า “ของลับ” เธอเลยต้องยอม หมอเอาแผ่นทองปิดที่ของลับเธอบริเวณหัวเหน่า หมอว่าคาถาถี่ ๆและดังขึ้น ได้ยินเสียงหมอเป่าลมไปที่บริเวณของลับ เธอโล่งใจคิดว่าคงผ่านขั้นตอนสำคัญและเสร็จพิธีแล้ว แต่แล้วเธอต้องตกใจเมื่อมีของแข็ง ๆไปถูบริเวณของลับตรงจุดสำคัญ เธอรีบเอามือจับสิ่งของอันนั้นแล้วดึงผ้าปิดตาออก พบว่าเป็นปลัดขิกทำด้วยไม้อันเล็ก ๆ หมอบอกว่าเป็นตอนสำคัญของพิธีและสั่งให้เธอนอนต่อ ปิดตาเหมือนเดิม หมอใช้ปลัดขิกคลึงที่ของลับเธอสักระยะหนึ่ง ต่อมาเธอก็รู้สึกว่าไอ้ที่กำลังคลึงอยู่นั้นมันไม่ใช่ปลัดขิก คราวนี้มันเป็นอันของจริงของหมอเลยทีเดียว เธอทำท่าจะลุกขึ้นแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ต้องเสียตัวให้กับหมอทำเสน่ห์ เธอไม่พูดใด ๆทั้งสิ้น ค่าครูก็ไม่จ่าย เธอกลับบ้านไม่กล้าเล่าให้ใครฟังนอกจากเพื่อนสนิทของเธอที่มาร้องทุกข์ด้วยกัน

เธอแค้นใจเพื่อนที่รับรองสรรพคุณหมอแต่นึกอีกทีว่าเพื่อนก็คงจะโดนเหมือนกันกับเธอ สมน้ำหน้าตัวเองที่งมงายจนเสียรู้หมอ ไม่กล้าเล่าให้พ่อแม่ฟังเพราะความอับอาย ที่เธอมาร้องเรียนเพราะอยากให้ตำรวจจัดการกับไอ้หมอลามก ไม่อยากให้เรื่องทำนองนี้ไปเกิดขึ้นกับเหยื่อรายอื่นอีก ผมแนะนำให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดี เธอปฏิเสธเพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวและจะเสียหายต่อเธอมากขึ้นอีก

ผมเห็นใจผู้เสียหายรายนี้และผู้หญิงอีกหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อ ความอับอายทำให้พวกบ้ากามได้ใจ ขั้นตอนของกฎหมายมันต้องมีการสอบสวน มีการพิสูจน์ เปิดโอกาสให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยต่อสู้คดีได้ อะไรเป็นเครื่องยืนยันว่า “สมยอม”หรือ “ข่มขืน” ถ้าเป็นการสมยอมก็ไม่ผิดต้องเอาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานขึ้นมาว่ากัน เมื่อมีการพิสูจน์ฝ่ายหญิงจะเสียหายมากขึ้นไปอีก ยังดีที่ปัจจุบันการสอบสวนคดีเกี่ยวกับเพศใช้พนักงานสอบสวนหญิง และ ยังมีมูลนิธิ “ปวีณา หงสกุล” ที่คอยเป็นพี่เลี้ยงดูแลหญิงที่ตกเป็นเหยื่อทางเพศ ใช้บริการมูลนิธินี้รับรองไม่ผิดหวัง

คดีข่มขืนกระทำชำเราเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายต้องร้องทุกข์จึงจะสอบสวนดำเนินคดีได้ คดีนี้ผู้เสียหายไม่ยอมร้องทุกข์เหตุเพราะความอาย เธอบางว่าที่ไปทำเสน่ห์เพราะเชื่อเพื่อน ไม่ได้เชื่อหมอ (ป่านนี้คงทะเลาะกับเพื่อนที่แนะนำไปเรียบร้อยแล้ว) ผมหาวิธีที่จะยับยั้งความชั่วของไอ้หมอลามก โทรศัพท์ไปบอกให้มันหยุดพฤติกรรมชั่ว มิฉะนั้นมันจะต้องตายอย่างหมาข้างถนน เสียดายที่ผมไม่ได้เก็บโทรศัพท์ของหมอลามกผู้นี้ไว้เผื่อผู้ใดสนใจ.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์