บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
อวสานมือปราบชาละวัน
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› อวสานมือปราบชาละวัน
ข่าวเศร้ามาพร้อมกับปีเสือ “จ๊อด กองปราบ” หรือ “มือปราบชาละวัน”ของผมถูกยิงเสียชีวิตด้วยมือปืนที่ใครๆนึกไม่ถึง ทบทวนแล้วผิดหลักการที่ “จ๊อด”เคยปฏิบัติ ปกติ “จ๊อด”จะระวังตัว เหน็บ ๑๑ ม.ม.ไว้ที่เอวตลอด ตามข่าวไม่ได้ลงเรื่องอาวุธของผู้ตาย(มันน่าจะมี) แต่ที่แน่ๆ “จ๊อด”ของผมไม่ได้ออกอาการโต้เลย เท่าที่เคยงานกันมา “จ๊อด”ไวมากและ “นิ่ง”(มีสมาธิ) นี่คงจะคาดไม่ถึง แล้วเครื่องรางหนังหัวเสือโคร่งที่ “จ๊อด”แขวนคออยู่เป็นประจำไปไหน ช่วยไม่ได้เลยหรือ เรื่องนี้คงจะเป็นอุทาหรณ์ให้มือปราบทั้งหลายได้ตระหนัก ในวัดวาอารามก็อย่าได้วางใจ พระ(บางรูป)ยังพกปืนเลย

ผู้ที่อยู่กองปราบรุ่นเดียวกันจะทราบดีว่า “จ๊อด”สร้างชื่อเสียงให้กองปราบมากพอสมควร นอกจากตามล่าแก๊งลักไอ้เข้ จับได้ยกโขยงที่ผมให้เป็น “มือปราบชาละวัน”แล้ว เรื่องแก๊งโจรกรรมรถ, โจรปล้นรถโดยสาร, ปล้นรถบรรทุก, โจรเรียกค่าไถ่, มือปืน และคดีอื่นๆอีกมาก “จ๊อด”เป็นผู้หาข่าวและตามจับ เป็นชุดทำงานไม่ใช่ชุดหาผลประโยชน์ พวกนายๆจะรู้ สิ่งหนึ่งที่ “จ๊อด”ไม่ทำคือเรื่อง “เก็บ” (เก็บส่วย) สมัยก่อนกองปราบมี “มือปราบ” กับ “มือเก็บ” สมัยนี้ไม่ทราบ “จ๊อด”ชอบช่วยเหลือคนยากจน เกลียดการรีดไถ โดยเฉพาะรีดไถรถบรรทุก มีเรื่องหนึ่งที่ผมค้างคาใจกับ “จ๊อด”มาเป็นเวลาเกือบ ๑๐ ปี ไม่กล้าถาม คือเรื่องตำรวจทางหลวงถูกฆ่ากลางดึกขณะปฏิบัติหน้าที่ คนร้ายใช้สายไฟมัดมือเท้าทิ้งในพงหญ้าข้างทาง คนร้ายคงไม่ประสงค์ให้ตายแต่พอดีตรงจุดที่ถูกโยนทิ้งมีน้ำขังก็เลยสำลักน้ำตาย เป็นศพอยู่ข้างถนนสายเอเซียแถวๆอ่างทอง ตำรวจทางหลวงโดนมัด ๒ คน รอดตายมาได้ ๑ คน คดีเกิดก่อนผมย้ายไปเป็นผู้การทางหลวง อ่านสำนวนแล้วสะกิดใจ เป็นคดีไม่ทราบตัวคนร้าย ข้อเท็จจริงมีว่า ขณะเกิดเหตุเวลาประมาณตีสอง ตำรวจทางหลวง ๒ นายแต่งเครื่องแบบโบกรถบรรทุกอยู่ริมถนนสายเอเชียในเขตจังหวัดอ่างทอง มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ๔-๕ คนกลับจากเล่นกีฬาฟุตบอลลงจากรถที่เพื่อนๆมาส่งใกล้ๆกับจุดที่ตำรวจทางหลวง ๒ นายโบกรถ ชายกลุ่มนี้ต้องการนั่งรถต่อไปยังจุดหมายปลายทางอีกแห่ง ช่วงนั้นไม่มีรถสาธารณะจึงไปขอร้องให้ตำรวจทางหลวงโบกรถให้ แต่ผลกลับกลายเป็นว่าชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นถูกตำรวจทางหลวงตรวจค้นตัวแล้วก็ไม่โบกรถให้ด้วย กลุ่มชายฉกรรจ์พากันเดินจากไปสักพักหวนกลับมาใหม่ คราวนี้ช่วยกันจับตำรวจทางหลวงทั้ง ๒ นายมัดมือเท้าไว้ข้างหลังแล้วนำไปโยนทิ้งไว้ข้างถนนคล้ายกับเป็นการสั่งสอน ตำรวจทางหลวงคนหนึ่งโชคร้ายบริเวณที่ถูกโยนไปเป็นน้ำจึงจมน้ำตาย ส่วนอีกคนถูกโยนตกบนที่แห้งจึงรอดมีโอกาสให้ปากคำ มีถ้อยคำหนึ่งที่สะกิดใจผม ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์มัดตำรวจทางหลวงอยู่นั้นมีคนหนึ่งพูดว่า “แม่ง…..กินกันจนอ้วน” ข้อความสั้นๆแต่มีความหมายว่า ตำรวจทางหลวงชอบโบกรถบรรทุก ได้เงินเล็กๆน้อยๆจากคนขับรถ แต่รถจำนวนหลายๆคันสามารถสร้างความร่ำรวย เป็นที่อิจฉาของตำรวจหน่วยอื่น (ความจริงตำรวจทางหลวงมิได้เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมด) ประกอบกับตำรวจทางหลวงทั้ง ๒ นายค่อนข้างเจ้าเนื้อ ผมจึงตีความหมายออกมาในลักษณะนี้ และยังมีข้อมูลอะไรๆอีกหลายอย่างทำให้ต้องขบคิด ใครที่ไหนจะกล้าฆ่าตำรวจ ก็เพียงแต่คิดเอาไว้ในใจเท่านั้น กะว่าจะเอาไว้คุยกับ “จ๊อด”หลังเกษียณตามประสานายเก่ากับลูกน้อง ตามวิสัยนักสืบที่อยากจะรู้เพื่อทดสอบข้อสันนิฐาน ไม่ได้เหมาว่า “จ๊อด”จะรู้หรือเกี่ยวข้อง เพียงแต่เป็นเรื่องคาใจที่ไม่ได้ถาม แต่พอเกษียณแล้วก็ลืมไปเลยจนกระทั่ง “จ๊อด”มาถูกฆ่า ทำให้นึกขึ้นมาได้

ยังมีคดีอีกหลายเรื่องที่ค้างคาใจ เรื่องหนึ่งก็คือ คดี ร.ต.อ.ศุภมินทร์ นิยะโต๊ะ ตำรวจกองปราบที่ถูกฆ่าโดยคนร้ายตาม ร.ต.อ.ศุภมินทร์ฯจากกองปราบแล้วไปลงมือสังหารที่ปากซอยโชคชัย ๔ รายละเอียดติดตามอ่านได้จากเรื่อง “ตายอย่างหมา” ผมไม่ได้ว่าร้าย ร.ต.อ.ศุภมินทร์ฯเพียงแต่อยากประชดตำรวจมือปราบ คดีอื่นร้อยแปดสืบได้แต่ทำไมตำรวจลูกน้องถูกฆ่าสืบไม่ออกหรือว่า ไม่สืบ หรือว่าผู้ตายไร้ค่าเปรียบเสมือนหมาตัวหนึ่ง คดีฆ่า ร.ต.อ.ศุภมินทร์ฯไม่เกี่ยวกับ “จ๊อด” แต่ที่เอามาพูดเพราะเป็นเรื่องหนึ่งที่คาใจ

คดีฆ่า “จ๊อดกองปราบ”เรียกว่า คลี่คลายไปกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คือ รู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว มีพยานหลักฐาน เหลือเพียงอย่างเดียวจะติดตามตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้หรือไม่ ผมสังหรณ์ใจว่าจะไม่ได้ตัว ดูตามความเก๋าของมือปืน อายุ ๗๕ พกปืนทีเดียว ๒ กระบอก คนที่ใช้ปืน .๓๕๗ ไม่ใช่ธรรมดาอยู่แล้ว แถมออโตขนาด ๙ ม.ม.อีกกระบอก ต้องสุดยอดแน่ๆ สมาธิดี ยิงแบบ “นิ่ง” ซ้ำให้แน่ใจว่าตายสนิทจึงค่อยไป นักเลงเก่าจริงๆ หรือว่ามันมีคนร้ายมากกว่า ๑ คน “รุมกินโต๊ะ” อะไรไม่เศร้าเท่ากับ เหตุเกิดบนศาลาวัดขณะทำบุญคนเป็นร้อยแต่หาพยานรู้เห็นไม่ได้เลย ฝากนักสืบรุ่นใหม่สานต่อ อย่าให้มือปราบต้องตายฟรีเลยครับ ที่คาดเดาว่าจะจับตัวมือปืนเฒ่ามาดำเนินคดีไม่ได้ ผมไม่ได้สบประมาทฝีมือตำรวจแต่เกรงว่าจะได้แต่วิญญาณ เหมือนกับตอนที่ผมอยู่กองสืบสวนตำรวจนครบาลใต้ มีคดีช่างภาพนู๊ดฆ่าแฟนสาวโดยใช้สายไฟฟ้ารัดคอ เอาไฟฟ้าช๊อต แล้วจุดไฟเผา เหตุเพราะจับได้ว่านอกใจ เหตุเกิดใน กทม. ผมกับลูกน้องติดตามจับชนิดกัดไม่ปล่อย ตามอยู่ประมาณ ๒ เดือน มือฆ่าก็หนีอย่างไม่ลดละ ปล่อยข่าวว่าไม่ยอมให้จับ ผมกับลูกน้องยิ่งฮึดหนัก มันจะคิดสู้ให้รู้ไป สุดท้ายรู้ว่าหนีไปอยู่กระทุ่มแบน สมุทรสาคร นำกำลังเข้าล้อมแต่ช้าไป ได้แต่วิญญาณ คนร้ายชิงผูกคอตายเสียก่อน

อ่านตามฟอร์มแล้วเสือเฒ่าผู้นี้ใจเด็ด คนเรามันวัดกันที่ “ใจ” ใครจะแน่กว่ากันอยู่ที่ใจ คนไม่เคยยิงคนมาก่อนฆ่าคนไม่ได้ พวกนักสืบที่ออกงานวิสามัญครั้งแรกอวกแตกอวกแตนกันเป็นแถว พอผ่านไปได้สักครั้งได้ใจขอทำอีก หนักๆเข้ากลายเป็นมือปืนรับจ้างไปก็เยอะ เคยได้ยินลูกน้องบ่นเคียดแค้นอยากจะฆ่าคน โยนปืนให้กระบอกอยากฆ่าใครเอาไปเลย ไม่กล้า แต่บางคนนึกไม่ถึงจริงๆเห็นนั่งเฉยๆเงียบๆหยิบปืนแล้วยิงต่อหน้า ต่อตาแบบไม่สะทกสะท้าน อย่างนี้ก็มี

ฝากไปยังมือปราบทั้งหลาย ต้องระวังตัวตลอดเวลาอย่าคิดว่าไม่มีศัตรู อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน แม้แต่คนใกล้ตัวก็อาจจะไม่ปลอดภัย เคยมีมือปราบถูกเมียยิงตายมาแล้ว ปืนต้องติดตัวเสมอพร้อมใช้ นั่งรถหมั่นมองกระจกข้าง กระจกมองหลัง นั่งร้านต้องหลังพิงฝา อย่าหันหลังให้คู่ต่อสู้ อะไรไม่สำคัญเท่าไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้คือใคร ถ้าจะให้ปลอดภัยต้องชิงลงมือก่อน.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์